สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ - ตอนที่ 99 เคสที่ 48 ขอคุยหน่อย
ทันทีที่เรย์มาถึงห้องสภา ผมที่ตัดสินใจแล้วว่าหลังจากประวิงเวลามาเสียเนิ่นนาน วันนี้ต้องคุยให้รู้เรื่อง
“เรย์”
“หือ? ว่าไงครับประธาน”
เรย์ปิดประตูพร้อมวางกระเป๋าข้างโซฟาก่อนจะเดินมาหาผม
“ฉันมีเรื่องอยากคุยกับนายหน่อย”
“นั่นสินะครับ…ช่วงนี้ผมไม่ค่อยเข้าสภาเท่าไหร่ พอดีชอบมีเคสนอกเข้ามาน่ะครับ ต้องขอโทษด้วย”
“ไม่ใช่เรื่องนั้น คือต่อให้นายทำเคสนอกแค่ไหน ฉันไม่ว่าอะไรหรอก กลับกันคือรู้สึกดีใจซะอีก อย่างน้อยนายก็เป็นคนแรกที่หิ้วสไปรท์ไปทำงานด้วยได้ล่ะนะ”
ดูเหมือนเรย์จะได้รับความนิยมจากเพื่อนๆในชั้นปีเดียวกันมากโข หลังจากที่เรย์เข้าสภานักเรียน เคสจากนักเรียนมอสี่ก็ลดน้อยลง เรย์คงเป็นคนรับเรื่องให้ทั้งหมดนั่นแหละ
เรย์เอียงคอ
“ถ้าไม่ใช่เรื่องนั้น…แล้วเรื่องอะไรเหรอครับ?”
วันนี้พลอยเข้าสภาช้ากว่าทุกวัน ส่วนดิวกับพี่ต้นก็หายไปไหนไม่รู้ และทุกครั้งที่เรย์มาสภา ก็น้อยครั้งที่จะมีสไปรท์มาด้วย
เท่ากับว่า ผมอยู่กับเรย์แค่สองคน เป็นส่วนตัวพอจะคุยเรื่องนี้
“เชื้อสายของนาย…”
“คริสคริส!!!”
คนจะเข้าประเด็นก็ดันมีมารผจญ
ผมหรี่ตามองวิญญาณฆ่าตัวตายที่โผล่มาไม่มีปี่มีขลุ่ย
“คนเขาจะคุยเรื่องสำคัญ ช่วยออกไปก่อนได้มั้ย? หมิงหมิง”
“สวัสดีครับพี่หมิง”
เรย์ทักทาย ส่วนหมิงหมิงก็เริ่มโวยวาย
“อะไรเนี่ย!? นานๆทีฉันมาเยี่ยมแท้ๆ! ไล่กันเป็นหมูเป็นหมา!”
“…งั้นขอสักสิบนาทีก็ได้”
“โว้ว? เรย์เรย์ก็อยู่ด้วยนี่นา? เล่นบอร์ดเกมกันมั้ย!?”
ไม่ได้สนใจตูเลยสินะ
เรย์ยกมือปฎิเสธ
“เอ่อ…คือประธานเขามีเรื่องจะคุยกับผมน่ะครับ”
“หืม? งั้นเหรอๆ คริสคริสก็รีบๆพูดให้จบสิ จะได้เล่นกัน”
“ก็ถึงได้บอกว่าให้ออกไปก่อนไงเล่า”
“หา? ส่วนตัวขนาดฉันที่เป็นถึงสมาชิกรุ่นกิตติมศักดิ์ฟังไม่ได้เลยงั้นหรอ!?”
หล่อนไม่ได้เป็นกิตติมศักดิ์สักหน่อย แค่เอาเข้าสภาเพราะเหตุการณ์มันพาไปต่างหาก แถมยังเป็นสมาชิกสภาที่ว่ากันตามหลักการแล้วก็อยู่สภาแทบจะตลอด แต่ไม่เคยเห็นออกมาช่วยงานเลยสักนิด
“ว่าแต่วันนี้คนหายไปไหนหมดเนี่ย? จะยุบชมรมกันแล้วเหรอ?”
หมิงหมิงเอามือบังคิ้วมองรอบๆ
ผมถอนหายใจ
“ไม่ยุบ คนอื่นเขาติดธุระ”
“งี้ก็ต้องเล่นกันสามคน?”
“ฉันไปรับปากกับเธอตอนไหนว่าจะเล่นด้วย…”
“งั้นฉันต้องเล่นกับเรย์เรย์กันสองคนน่ะสิ”
เรียกโรแลนด์มาจัดการดีมั้ยนะ ไม่ดิ เจ้ายมบาลนั่นโยนภาระความรับผิดชอบของหมิงหมิงมาให้ผมหมดแล้วนี่หว่า
“เออใช่! ฉันได้ข่าวมาล่ะ รู้สึกนักเรียนคนอื่นจะพูดกันว่าในสภานักเรียนมีเทพสายฟ้าอยู่ด้วย”
“อะ…เอ่อ”
เรย์อึกอัก
หมิงหมิงจิ้มคาง
“ใครกันนะ…คริสคริสเหรอ?”
“ฉันเป็นซาตาน…”
“น้องน้ำเหรอ? ไม่มีหัวด้วยสิ อาจจะโดนฟ้าผ่าจนหัวขาดไรงี้?”
“จะบ้าเรอะ!?”
ลักษณะในอุดมคติของเทพสายฟ้าสำหรับยัยนี่เป็นแบบนั้นไปได้ไงเนี่ย…
“รู้สึกจะเรียกว่าซูซานโต้หรืออะไรนี่แหละ?”
“ซูซาโนโอะว้อย”
เทพที่มีพื้นเพจากประเทศญี่ปุ่น เอาจริงถ้ามีข้อมูลแค่ชื่อเชื้อสายกับว่าอยู่ในสภานักเรียนแล้ว มันก็ชี้ไปที่คนคนเดียวล่ะนะ
อย่างน้อยก็ดีที่เรื่องที่หมิงหมิงพูดขึ้นมานั้น ตรงกับประเด็นที่ผมอยากคุยกับเรย์พอดี
ผมกอดอก
“นั่นแหละ เรื่องที่ฉันจะคุยกับเรย์ก็คือเรื่องนี้”
“คือเรย์เรย์รู้ว่าใครคือซูซานโต้เหรอ?”
“ก็หมอนี่ไงเทพสายฟ้าน่ะ! แล้วก็ไม่ใช่ซูซานโต้ ซูซาโนโอะต่างหากว้อยย!!!”
“อ๋อ!? เรย์คือซูซากูโบ้นี่เอง!!!”
“ก็บอกว่าซูซาโนโอะไงโว้ยย!!!”
เหมือนคุยกับคนไม่เต็ม นี่ตอนยัยนี่ทำโทษตัวเองแล้วเผลอลืมเซลล์สมองไว้ที่พื้นรึเปล่าเนี่ย
เรย์ยกมือ
“หรือว่า…ประธานจะไล่ผมออกเหรอครับ?”
“เดี๋ยว ฉันจะไล่นายออกเพื่อ?”
“หา!? คริสคริสจะไล่เรย์เรย์ออกเหรอ!? อย่านะ! อย่างน้อยก็เล่นบอร์ดเกมให้จบก๊อน!”
“หนวกหู! ช่วยอยู่เงียบๆสักนาทีได้มั้ยหา!?”
หมิงหมิงเข้ามากระชากคอเสื้อ ผมก็ฉุดรั้งกับเธออยู่สักพัก
เรย์ยิ้มแห้งๆพูด
“ก็…เทพสายฟ้าก็เหมือนเทวทูตแบบพี่เอ็มนี่ครับ ผมเลยคิดว่าประธานจะไม่ชอบเหมือนที่เป็นกับพี่เอ็ม…น่ะครับ”
“เพราะงี้นายถึงไม่ได้คุยเรื่องนี้กับฉันสินะ”
“ใช่ครับ”
ผิดหวังจัง ทำไมมองผมเป็นพวกเผด็จการแบบนี้ได้เนี่ย คือผมก็ไม่ใช่ว่าเกลียดเทพทุกตนหรอก แค่เป็นคนๆไป…เผอิญส่วนใหญ่มันทำตัวน่าหมั่นไส้ก็เท่านั้น
แต่สำหรับเรย์แล้ว เขาพึ่งรู้ถึงเชื้อสายตัวเอง อีกทั้งก็ทำงานได้อย่างดีเยี่ยม ไม่เห็นจะมีเหตุผลให้เกลียดตรงไหน
“ฉันไม่ชอบแค่เจ้าเทวทูต”
“เห็นเงียบไปตั้งนาน แต่กลั่นกรองออกมาได้เข้าใจง่ายสุดๆเลยครับ…”
“แค่อยากคุยเรื่องหลังจากนี้เท่านั้นแหละ แล้วก็สืบความเป็นมาอีกนิดหน่อย คือมันค่อนข้างหายากเลยล่ะที่จะมีเชื้อสายเทพอยู่ในมนุษย์ธรรมดา”
“อ่าครับ”
หมิงหมิงชูมือ
“สอบปากคำเหรอ!? ฉันเล่นด้วยๆ!!!”
ถ้าใช้ไฟนรกเผายัยนี่ทิ้งไปซะตรงนี้…จะทารุณเกินไปมั้ยนะ
…สุดท้ายก็ได้เข้าเรื่องสักที พวกผมพากันย้ายมานั่งโซฟาเพื่อสะดวกต่อการพูดคุย อันที่จริงไม่ต้องเป็นทางการขนาดนี้ก็ได้ แต่เอาเถอะ ยังไงก็ยังไม่มีลูกเคสอยู่แล้วด้วย
“หรือที่ผมเป็นแบบนี้ จะมีปัญหาอะไรรึเปล่าครับ?”
“ปัญหาบางอย่างก็ต้องรอเจอตรงหน้าถึงจะรู้ว่ามันมีล่ะนะ ยิ่งกับตัวตนแบบนี้ด้วยแล้ว ฉันแทบจะไม่รู้อะไรเลย อะไรจะเกิดคงต้องเกิด”
“ฟังแล้วน่ากังวลจังเลยนะครับ”
“แล้วเอ็มได้บอกอะไรหรือเปล่า?”
ผมรู้มาว่าเอ็มเป็นคนบอกเชื้อสายของเรย์ให้เรย์ฟัง ถ้าอย่างเจ้าบ้านั่นยังไม่ว่าอะไร จะมองว่าไม่มีปัญหาเลยก็ยังได้
เรย์กุมคาง
“ที่จำได้…ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษครับ”
“ที่บ้านล่ะ? มี่ใครที่เข้าข่ายว่าจะมีเชื้อสายบ้างมั้ย?”
“คิดว่าไม่มีนะครับ…ปู่ย่าตายายผมก็ภูตผีทั่วๆไป ไม่รู้ผมเคยบอกไปหรือยัง แต่อาคมสายฟ้าที่ผมมี คนที่บ้านก็พึ่งเคยเห็นกันเป็นครั้งแรก”
“สมเหตุสมผลล่ะนะ เพราะถ้านายเป็นลูกหลานจริงๆ ในกรณีที่เทพได้เสียกับมนุษย์ ทายาทที่เกิดมาจะมีโอกาสเป็นเนฟีลิมสูง แต่กับนายที่ไม่เป็นแบบนั้น คงต้องตัดออกไปนั่นแหละ”
“เนฟีลิม?”
“เรียกกันให้เข้าใจง่ายๆก็สิ่งที่เกิดจากการลงโทษของพระเจ้านั่นแหละ”
ถึงไม่รู้ว่าเทพสายฟ้าจะสามารถเกิดกรณีแบบนั้นได้รึเปล่าก็เถอะ เฮ้อ…ทำไมถึงไม่มีเชื้อสายจากฝั่งตะวันตกมาบ้างนะ ผมล่ะไม่ชอบการที่ต้องเอาความไม่มั่นใจยัดใส่ไปก่อนแบบนี้จริงๆ
อ๋อ…ส่วนยัยซัคคิวบัสชั้นต่ำนั่นขอไม่นับ
“อาจจะไม่ใช่เชื้อสายโดยตรง แต่คงเป็นจำพวกร่างทรง?”
“นี่ผมกลายเป็นคนทรงตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย…”
“ฟังนะ ถ้าเอ็มคือเทวทูตแท้ๆ แต่สำหรับนายแล้ว เป็นเพียงมนุษย์ที่สามารถใช้พลังของเทพได้ก็เท่านั้น เพราะตัวตนอย่างเทพสายฟ้าคงไม่จำแลงกายลงมาเป็นเด็กวัยรุ่นทั่วๆไปหรอก”
“อ๋อครับ”
“รึเปล่าหว่า…”
ผมยื่นคอมองเรย์ตั้งแต่หัวจรดเท้า ยังมีความเป็นไปได้ที่เทพจะนึกสนุกและลงมาเกิดในภพมนุษย์แต่ลบความทรงจำตัวเองทิ้ง จะไปจำได้อีกทีก็ตอนสิ้นอายุขัยโน้นเลย
ถ้าอยากรู้ข้อเท็จจริงนั้นแบบแน่นอน ผมคงต้อง…
“ลองตายสักวิสองวิได้มั้ย? เดี๋ยวฉันลากกลับจากนรกให้ น่าจะทัน”
“ไม่เอา! แล้วทำไมถึงคิดว่าผมต้องลงนรกแน่ๆล่ะครับ!?”
“ว้า”
ให้ตายดูสักครั้ง ความทรงจำว่าเป็นเทพก็จะกลับมา แต่ถ้าไม่ก็ถือว่าได้ยืนยันข้อเท็จจริง …ในเมื่อไม่ยอม คงต้องติ๊ต่างว่าเรย์เป็นร่างทรงไปก่อนล่ะนะ…
“ผมทำบาปไปเยอะขนาดนั้นเลยเหรอครับ!?”
“ไม่เกี่ยวกับบาปไม่บาปสักหน่อย นั่นมันแนวคิดของประเทศนี้ต่างหาก …เอาตรงๆฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากับนายต้องเอาแนวคิดอะไรมาใช้”
“ถ้ารู้แบบนั้นแล้วทำไมถึงได้มั่นใจว่าจะดึงผมกลับมาทันล่ะครับ!? ผมจะตกนรกเดียวกับที่ประธานคิดรึเปล่า ประธานยังไม่รู้เลยนี่ครับ!?”
“…”
“อย่าเงียบดิเฮ้ย!? ประท๊าน!!!”
ผมปัดมือ
“เออๆ ไม่ต้องลองแล้วก็ได้ ตอนนี้เข้าใจว่านายเป็นร่างทรงไปก่อนก็พอ”
“ขอบคุณครับ…”
แล้วก็ได้ข้อสรุปมาแบบนั้น ทำไงได้ล่ะ เรย์มันใจมดเองนี่นะ ผมจะไปบังคับมากกว่านี้ก็ไม่ได้หรอก ปล่อยคำถามนี้ไปล่ะกัน ไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น
หมิงหมิงจิ้มคางพูด
“ไม่ค่อยเข้าใจเลยแฮะ”
“วิญญาณแบบเธอไม่ต้องสนเรื่องคนอื่นหรอก”
“นั่นมันเหยียดวิญญาณแบบสุดๆเลยนะนั่น?”
“เออจริงสิครับ ผมรู้แค่ว่าพี่หมิงเป็นวิญญาณที่อยู่ที่นี่เท่านั้นเอง เป็นไงมาไงเหรอครับ?”
เรย์ถามมาแบบนั้น
ผมเลิกคิ้วมอง
จริงด้วย…เรย์เข้าสภามาหลังหมิงหมิงนี่นา ผมก็ไม่เคยเล่าให้เรย์ฟังเสียด้วย
ผมป้ายนิ้วหาหมิงหมิง
“หลายเดือนก่อน ชมรมตั้งแก้วอะไรสักอย่างมาขอให้สภาช่วย บอกว่าเห็นคนโดดตึกที่ตึกเรียนเก่า พอพวกฉันไปดูก็เลยเจอยัยนี่เข้า”
“หมายถึงชมรมสแต็ครึเปล่าครับ?”
“นั่นแหละๆ สุดท้ายก็ทะเลาะกับยมบาลไปหน่อยนึง ไม่ดิ…มีตีกันอีกรอบนึงด้วย แต่ก็ประมาณนั้นแหละ สรุปแล้วยัยนี่ก็เลยมาสิงที่สภานักเรียนชั่วคราว”
“เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ…”
“นี่หมิงหมิง พูดก็พูดเถอะ หมอนี่คือเทพสายฟ้าเลยนะ? ไม่ใช่ว่าวิญญาณแบบเธอต้องกลัวหรอกเหรอ?”
เมื่อผมว่าแบบนั้น หมิงหมิงก็หันมองเรย์
“ก็นี่เรย์เรย์นี่นา”
“ว่างั้นแน่ะ”
“ประธานอยากให้ผมทำอะไรล่ะนั่น …ผมไม่โกรธหรอกครับที่โดนมองว่าไม่เหมือนเทพ เอาจริงตอนนี้ก็ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งอยู่เลย”
นั่นสินะ ใช้ชีวิตแบบคนธรรมดามาตั้งหลายปี จู่ๆมีคนมาบอกว่าตัวเองเป็นเทพ จะทำตัวไม่ถูกก็ไม่แปลก
ผมพูดกับเรย์ไปแบบนี้
“มั่นใจหน่อยสิ นายคือเทพสายฟ้า เกิดตัวเองยังไม่มั่นใจ แล้วต่อไปจะทำอะไรกินกันเล่า”
“ครับ”
“งั้นก็แค่นี้แหละ ทำงานกันดีกว่า”
เรย์เผยสีหน้าสงสัย คงคิดประมาณว่า ‘อยากคุยแค่นี้เองเหรอ’ แต่ก็ตามนั้น ผมแค่สงสัยนิดหน่อยๆ ไม่ได้อยากลงลึกมากนัก ที่สำคัญคือตัวตนระดับเทวทูตหรือเทพน่ะ เป็นไปได้ผมก็ไม่อยากยุ่งเท่าไหร่
จะขอยุ่งเฉพาะเป็นเรื่องของเรย์ก็แล้วกัน ส่วนเจ้านั่น…เมื่อไหร่จะกลับสาขาตัวเองไปสักทีนะ
“เออ…ถึงบอกให้ทำงานก็เถอะครับ แต่ไม่เห็นมีเคสมาเลยนี่ครับ”
หมิงหมิงพูดแทรก
“อ้าว? แล้วบอร์ดเกมล่ะ?”
ในหัวมีแต่เล่นหรือไงกัน น่าจับยัยนี่ขังลืมพร้อมสไปรท์ชะมัด
เรย์ตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ให้ลูกเคสที่เข้ามาเห็นพวกเราเล่นสนุกกันถึงขั้นนั้นคงไม่ดีหรอกครับ แต่ถ้าแค่อ่านการ์ตูน ประธานไม่ว่าน่ะครับ”
“การ์ตูนเหรอ? โอ้ ไม่ได้อ่านซะนาน ขอยืมหน่อย!”
“เชิญครับ”
กลายเป็นแบ่งหนังสือกันอ่านไปแล้ว
“มีเรื่องเซเลอร์มู*มั้ย?”
“เก่าขนาดนั้นผมไม่มีหรอกครับ…แล้วผมไม่ได้ตามข่าวด้วย ไม่รู้ล่าสุดเป็นยังไง”
เจเนอเรชั่นแก็ปสินะ…เหมือนไปถามคนรุ่นแม่ว่าเคยอ่านการ์ตูนเรื่องอะไรบ้าง ก็คงออกมาประมาณนี้แหละ ว่าแต่เริ่มจะสงสัยแล้วสิว่ายัยนี่ตายมานานขนาดนั้นเลยเหรอ?
ผมย้ายกลับมานั่งประจำตำแหน่ง ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน
“จะผ่อนคลายก่อนมีเคสก็ได้อยู่หรอก แต่หมิงหมิง เธอน่ะเรียกว่าแทบจะอยู่สภานักเรียนแค่ชื่อไปแล้วนะ หัดทำงานให้สมเป็นสภานักเรียนซะบ้าง”
“วิญญาณอย่างฉันช่วยอะไรใครได้”
“อย่าดูถูกตัวเองแบบนั้นสิ เธอก็มีสิ่งที่มีแค่เธอที่ทำได้เหมือนกัน”
“โอ๊ะ? คริสคริสชมฉันงั้นเหรอ? กำลังชมอยู่สินะ!?”
จังหวะที่เริ่มจะรำคาญขึ้นมานั่นเอง ที่มีเสียงเคาะประตู ก่อนประตูจะเปิดออกพร้อมกับลูกเคสที่เข้ามาด้วยสีหน้ากังวลใจ
ผมแสยะยิ้ม
“เรย์รับเคสนี้ไปแล้วกัน ให้หมิงหมิงทำด้วย”
“ก็ได้ครับ”
เรย์ปิดหนังสือการ์ตูนพลางรับรองลูกเคสที่เข้ามา ส่วนหมิงหมิง…
“เอ๊ะ? เดี๋ยวสิ! ทำไมจู่ๆตัดสินใจกันเองเลยเนี่ย!?”
ทำงานดูสักครั้งไม่แย่หรอก แถมเรย์ก็รับเคสมาเยอะแล้ว เหมาะจะเป็นคนสอนงานให้ยัยวิญญาณฆ่าตัวตายที่วันๆไม่ทำอะไรเลยได้เป็นอย่างดี
ได้ยินเสียงโวยวายของหมิงหมิง ผมหันหน้าหนีพลางมองออกไปนอกกระจก
“…พลอยมาช้าจังแฮะ”
และพึมพำแบบนั้นโดยไม่รู้ตัว
เคสที่ 48 ขอคุยหน่อย /จบ