สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ - ตอนที่ 81 เคสที่ 38 ผู้มาเยือน (3)
แม้จะรอจนพักเที่ยงจบลง ผมก็ยังไม่เห็นพี่น้ำและนักเรียนแลกเปลี่ยนอีกคน
พี่น้ำอาจจะไม่เห็นข้อความที่ผมส่งไป แต่ต่อให้เป็นอย่างนั้น อย่างพี่น้ำถ้าเจออะไรผิดปกติก็น่าจะแจ้นมาหาผมคนแรกนี่นา
นอกจากจะกังวลเรื่องที่พี่น้ำได้เป็นพี่เลี้ยงแล้ว ยังต้องกังวลอีกว่ามีเรื่องอะไรไม่ชอบมาพากลอีกหรือไม่…
“ทำหน้าเครียดเชียว คิดอะไรอยู่เหรอ?”
เอ็มถามด้วยสีหน้าหยอกล้อ
ตอนนี้ก็กลับมาอยู่ที่ห้องเรียนตามเดิม สีหน้าของนักเรียนในชั้นที่หลังรับประทานอาหารเสร็จก็ง่วงหงาวหาวนอนจนชินตา ผิดกันเอ็มที่ดูยังร่าเริงจนเกินพอดี
“นักเรียนแลกเปลี่ยน…มีมอหกด้วยใช่มั้ย?”
“หืม? มีสิ ไม่งั้นจะประเมินได้ครบทุกชั้นปีได้ไง? อ๋อ…เผื่อสงสัย แผนกมอต้นกับประถมทางผู้ใหญ่เข้ามองว่าไม่มีปัญหา เพราะงั้นเลยมีแค่มอปลายนี่แหละ”
“จะแผนกไหน ฉันก็ไม่เห็นว่ามีปัญหา ถามจริงเถอะ…ปัญหาที่แกบอกว่ามีมันคืออะไรกันแน่?”
เอ็มคิดไปครู่นึง
“เป็นปัญหาที่ใกล้ตัวคริสโตเฟอร์สุดๆเลยล่ะ”
“ไม่เห็นจะเข้าใจ”
“ฮะฮะ ไว้ถึงเวลาก็รู้เอง ตอนนี้ตั้งใจเรียนกันเถอะ”
คนชวนคุยก่อนมันก็แกเองไม่ใช่เรอะ…
…เนื้อหาที่เรียนไม่เข้าหัวเท่าไหร่นัก สุดท้ายก็ถึงเวลาเลิกเรียน เวลาชมรมที่ผมต้องไปสภา
“แกจะกลับเลยใช่มั้ย?”
เอ็มเลิกคิ้ว
“กลับอะไรกัน? คริสโตเฟอร์ยังไม่พาผมชมโรงเรียนเลยไม่ใช่เหรอ?”
“ฉันต้องเข้าสภา”
“นี่…ผมจะพูดให้ชัดๆนะ หน้าที่หลักของคริสโตเฟอร์ตอนนี้คือรับรองผมที่เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน ส่วนงานสภาเป็นเรื่องรอง ถ้าผมอยากชมโรงเรียน คริสโตเฟอร์ก็ต้องทำนะ? แล้วผมก็ไม่ได้แค่จะเดินเล่นเฉยๆ ชมโรงเรียนก็แค่การพูดเลี่ยงบาลีของการประเมินโรงเรียนโดยรอบน่ะ”
“เฮ้อ…”
“พวกผมมีกันสามคน ฝั่งคริสโตเฟอร์ก็มาเป็นพี่เลี้ยงพวกผมสามคน ยังเหลือสภาอีกเกินครึ่ง ยังไงงานสภาก็ไม่เป็นไร …เว้นเสียแต่คริสโตเฟอร์จะคิดว่านอกจากตัวเองแล้ว ไม่มีสมาชิกสภาคนไหนทำงานสภาได้เลย?”
เอาจริงๆ แต่ละคนก็ทำงานได้ตามสไตล์ของตัวเองนั่นแหละ ที่ผมรีบร้อนอยากไปสภาทุกวันอาจจะเพราะอีโก้ของตัวเองล่ะมั้ง…
ครูใหญ่ฝากมานี่นะ ไม่ทำก็ไม่ได้
ผมพยักหน้า
“เข้าใจแล้ว…อยากไปที่ไหนก่อน?”
“เอ้า? ฮะฮะ จะพาไปจริงๆเหรอเนี่ย?”
เอ็มกลั้วหัวเราะ ขณะผมหรี่มองตาเป็นนัยๆว่าจะเอายังไงกันแน่
แล้วเอ็มก็ปัดมือ
“ดีใจอยู่หรอก แต่เดี๋ยวคริสโตเฟอร์น่าจะติดธุระแล้วล่ะ”
“ติดธุระ…”
พูดยังไม่ทันจบ เสียงประกาศก็ดังขึ้น
“นายคริสโตเฟอร์ วิลเลี่ยม ไปพบครูใหญ่ที่ห้องพักครู”
ผมหันฟังก่อนจะเหลือบสายตากลับมา
“แกรู้ได้ไง?”
“ง่ายๆนี่นะ เรื่องสำคัญแบบนี้ แค่คุยกันตอนเช้ามันพอซะที่ไหน?”
“เหอะ”
ผมหยิบกระเป๋าและเดินออกไป ส่วนเอ็มถ้าไม่มีไรทำก็คงเดินดูนั่นดูนี่ไปเรื่อย กังวลนิดหน่อยว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า แต่ทำไงได้ ครูใหญ่เรียก
ผมหันคอมองอีกครั้ง เอ็มโบกมือให้ผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้มจนผมเผลอเดาะลิ้น
เมื่อมาถึงห้องครูใหญ่ ผมนั่งลงด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่ายจนครูใหญ่เอ่ย
“เป็นไงบ้าง? เขาทำตัวแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ทำตัวเรียบร้อยจนน่าหงุดหงิดต่างหากล่ะครับ”
“งั้นก็ดีแล้วนี่? ที่เหลือก็แค่ให้คริสโตเฟอร์พาเขาชมโรงเรียนก็พอ”
“คือ…ผมกังวลเรื่องชมรมนิดหน่อย พอดีโรงเรียนนี้มันมีชมรมบ้าอะไรไม่รู้เต็มไปหมด เกิดการประเมินไม่ผ่านเพราะพวกนั้นขึ้นมาก็แย่กันพอดี”
ครูใหญ่ย่นริมฝีปาก
“ชมรม? ไม่เป็นไรมั้ง? ชมรมในโรงเรียนส่วนใหญ่ก็ประมาณนี้อยู่แล้วนะ เขาก็คงไม่เอาเรื่องนี้มาเกี่ยวกับการประเมินหรอก ขอแค่ไม่ทำเรื่องแปลกๆที่ส่งผลต่อชื่อเสียงโรงเรียนก็พอ”
“ที่ผมกังวลก็ตรงนั้นแหละครับ”
“อ๋อ…งั้นคริสโตเฟอร์ช่วยครูจัดการให้ชมรมพวกนั้นอยู่กับร่องกับรอยหน่อยนะ”
ไม่บอกก็จะทำงั้นอยู่แล้ว อย่างน้อยถ้าจะทำอะไรไร้สาระแต่ถ้าจบแค่ในห้องชมรม ก็ไม่น่ามีผลต่อการประเมิน
ผมจ้องครูใหญ่สักพัก
“…ครู รู้อยู่แล้วสินะว่าคนที่ส่งมาเป็นเทวทูต”
“ไม่สบายใจเหรอ?”
“เปล่าครับ จะตัวอะไรก็ไม่เกี่ยว แค่แปลกใจที่เป็นเจ้านั่น…”
นอกจากจะเป็นเทวทูตที่ไม่ได้มีพื้นเพอยู่ที่ประเทศนี้ ทำไมถึงได้ไปเรียนอยู่สาขาสอง อีกทั้งยังถูกส่งมาประเมินอีก …และที่สำคัญกว่า ทำไมถึงได้เป็นเอ็มที่มาอยู่ที่นี่
มันจะบังเอิญเกินไปหน่อยมั้ยนะ เทวทูตก็มีตั้งหลายตนแท้ๆ
ครูใหญ่พิงหลังสุดตัว
“นั่นสินะ แต่ในเมื่อเป็นเทวทูต อาคมคริสโตเฟอร์ก็ใช้ไม่ได้ โชคดีที่ถ้าเป็นเขาล่ะก็ คงจะประเมินโรงเรียนเราอย่างที่ควรจะเป็นล่ะนะ”
“เอ็มก็บอกแบบนั้นเหมือนกัน”
“สมแล้วที่เป็นเทวทูต”
ตัวตนแบบนั้น ไม่หลอกลวง ไม่สิ…ไม่มีความจำเป็นต้องทำมากกว่า
หมดห่วงเรื่องว่าจะประเมินอย่างไม่เป็นธรรมไปได้เลย
“แล้วนี่เขากลับไปแล้วเหรอ?”
“คิดว่าคงเดินเล่นอยู่ในโรงเรียนแหละครับ ส่วนผมต้องไปเข้าสภาต่อ ถ้ายังไงขอตัวก่อนนะครับ”
“อืมๆ ที่เรียกมาคุยเพราะอยากรู้เฉยๆว่าโอเครึเปล่าแค่นี้แหละ …แต่ไม่ใช่ว่าคริสโตเฟอร์ต้องไปพาเขาชมโรงเรียนเหรอ?”
“โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้ว แค่เดินดูโรงเรียนคงทำเองได้”
“แหม กับเทวทูตก็ไม่ไว้หน้ากันเลยนะ”
เอาไรมากกะอีแค่เทวทูตกันเล่า ในมุมผมก็เหมือนภูตผีทั่วๆไปเท่านั้นแหละ แค่น่ารำคาญกว่า
ผมมาที่ห้องสภา และเมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบเจ้าเสื้อเบลเซอร์ที่เหมือนลอกผมมาเปี๊ยบๆนั่งอยู่โต๊ะประธาน
ผมปิดประตูพร้อมหรี่ตา
“นั่นที่นั่งฉัน”
“สมาชิกสภาก็มีตั้งหลายคน แต่เฟอร์นิเจอร์น้อยจังนะ อย่างนี้แบ่งที่นั่งกันพอได้ไง?”
เอ็มพูดพร้อมลุกขึ้น
“อย่าบอกนะว่าให้สมาชิกสภาอีกแปดคนแออัดกันที่โต๊ะรับแขก? ยังงี้ถ้ามีลูกเคสมาจะทำยังไง? ฮะฮะ อย่าบอกนะว่าให้ไปยืนเรียงที่กำแพงรอ”
หมอนี่เล่นพูดแทงใจสุดๆ จะไปซื้อโต๊ะเก้าอี้มาเพิ่มตอนนี้เลยก็เหมือนแพ้ ช่างๆมันไปแล้วกัน
“สมาชิกสภามีไม่ถึงแปดสักหน่อย”
เมื่อผมว่า เอ็มก็กลั้วหัวเราะ
“หืม? แปดคนไม่ใช่เหรอ? ผีนางรำ ผีปอบ เสือสมิง ผีไร้หัว กระหัง พญาครุฑ วิญญาณฆ่าตัวตาย …ส่วนอีกคนคริสโตเฟอร์ยังไม่รู้ว่าคืออะไรนี่เนอะ? แต่ก็นั่นแหละ นับยังไงก็แปดคนนี่? อ๋อ รวมคริสโตเฟอร์ด้วยก็เก้า”
ที่พูดมาถูกหมด คนสุดท้ายคงหมายถึงเรย์…แต่ว่านะ…
“พญาครุฑคือตัวบ้าอะไรหา? สภาไม่มีสักหน่อย”
“โห? ไม่รู้อะไรแบบนี้ยังเป็นประธานได้อีกนะ…”
“แกต่างหากพูดจาไม่รู้เรื่อง”
“อย่างว่าล่ะนะ…คริสโตเฟอร์คงไม่เอาตัวตนแบบนั้นมาอยู่ใต้อาญัติหรอก คงเพราะไม่รู้จริงๆนั่นแหละ”
แต่สภานักเรียนนั้น มองเผินๆก็เยอะเกินความจำเป็นจริงๆนั่นแหละ ว่าไงดีล่ะ…ช่วงหลังๆที่ผมรับคนเพิ่มก็เพราะคิดว่าสไปรท์กับพี่น้ำดูไม่ค่อยเหมือนเป็นสมาชิกสภาเท่าไหร่น่ะนะ พูดกันตามตรงคือมีเหมือนไม่มี
ผมหันซ้ายหันขวา ในห้องมีแค่เอ็มคนเดียว สมาชิกคนอื่นหายไปไหนหมด?
เอ็มพูดขึ้น
“ผมบอกว่าอยากคุยกับคริสโตเฟอร์ส่วนตัวสักหน่อย พวกเขาเลยไปทำอย่างอื่นกันก่อนน่ะ …เป็นลูกน้องที่เชื่อฟังดีจังเนอะ? พอเห็นว่าหัวหน้ามีเรื่องสำคัญต้องคุยก็แจ้นออกสภากันอย่างไวเลย ตลกจัง”
“อย่ามาล้อเล่นกับลูกน้องฉัน เอ็ม”
“ไม่ได้ล้อเล่นสักหน่อย? เอ้าๆ พวกเรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า”
เอ็มย้ายมานั่งโซฟา ส่วนผมก็นั่งลงฝั่งตรงข้าม
“เรื่องการเรียนการสอนคงต้องดูๆกันไปอีกสักพัก ถึงตอนแรกผมจะบอกว่าต่ำกว่ามาตรฐาน แต่จากที่ดูก็…บรรยากาศห้องเรียนดีเยี่ยม สภาพจิตใจของนักเรียนก็อยู่ในเกณฑ์ดี เพราะงั้นคิดว่าคงไม่มีปัญหาต่อการประเมินแล้วล่ะ”
“อ่า”
“สภาพแวดล้อมของโรงเรียน ทั้งความสะอาด ความสดใหม่ รวมถึงคุณภาพอาหารของโรงอาหาร ผมพิจารณาแล้วว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเช่นกัน …อาจารย์ก็สอนได้ดี เรื่องนี้ก็ไม่มีปัญหา”
“ที่พูดมานั่นก็จะหมดทั้งโรงเรียนแล้วนะ? เพราะงั้นมาทางไหนก็ไสหัวกลับไปได้แล้ว ผ่านการประเมินแล้วนี่?”
“ยังไม่ผ่านสักหน่อย ที่พูดไปก็เป็นเรื่องที่ยังไงก็ควรจะผ่านอยู่แล้ว แต่รู้มั้ยว่าทำไมพวกผู้ใหญ่ถึงได้ส่งพวกผมมาประเมิน?”
“ไม่รู้”
เอ็มไม่ใส่ใจท่าทีหงุดหงิดของผมพร้อมพูดต่อ
“สาขาอื่นไม่มีระบบชมรมเหมือนที่นี่น่ะ”
เอาแล้วไง…
“การประเมินชมรม จะให้คนสูงอายุมาประเมินแบบครั้งก่อนก็คงได้แค่ผักชีโรยหน้ากลับไป จะรู้ว่าชมรมส่งผลต่อนักเรียนในทางดีหรือร้าย ก็ต้องให้นักเรียนมาใช้บริการด้วยตัวเองใช่มั้ยล่ะ?”
“คือไง? แกจะใช้เวลาที่อยู่ที่นี่เข้าชมรมทุกชมรมเลยเรอะ?”
เอ็มกุมคางตอบ
“ความคิดดีนะนั่น…แต่ผมตัดสินใจแล้วว่าจะทำอย่างอื่นแทน”
พร้อมผายมือไปทางกำแพง
“ห้องข้างๆของสภานักเรียนว่างอยู่ใช่มั้ยล่ะ?”
“เออ”
“ตอนนี้ไม่ว่างแล้วล่ะ ผมจะขอใช้ห้องนั้นไปสักพัก”
“เพื่อ?”
“ชมรมมีหลายชมรมจนนับไม่ไหว ครั้นจะให้ผมไปประเมินชมรมด้วยตัวเองทุกชมรมก็ใช้เวลามากเกินไป …จากที่สอบถามนักเรียนคนอื่นๆดู …แกนหลักของตึกชมรมคือสภานักเรียน”
เอาเวลาที่ไหนไปถามกันล่ะนั่น…
“เวลาชมรมมีปัญหาก็จะมาขอให้สภานักเรียนช่วยใช่มั้ยล่ะ? ดังนั้น ผมเลยจะเปิดชมรมที่ทำหน้าที่เดียวกับสภานักเรียนเพื่อประเมินความเรียบร้อยของชมรมต่างๆ ไม่แน่อาจจะได้รู้ปัญหาส่วนอื่นที่ผมประเมินไปแล้วว่าผ่านก็ได้ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว”
“ถ้างั้นแค่มาประจำอยู่สภาก็ได้ไม่ใช่เรอะ? จะลำบากเปิดชมรมใหม่ที่มีหน้าที่เดียวกันไปทำไม?”
“นี่ คือผมจะประเมินชมรมนะ? คริสโตเฟอร์ก็พึ่งพูดเองไม่ใช่เหรอว่าสภานักเรียนก็ถือว่าเป็นชมรม?”
“แก…”
ผมขบริมฝีปาก
เอ็มทำหน้าเบิกบาน
“ที่ต้องเปิดชมรมใหม่ เพราะผมจะประเมินด้วยว่าสภานักเรียนสมควรมีอยู่ต่อไปหรือไม่ ว่าไงดีล่ะ…พูดภาษาบ้านๆก็…ถ้าความนิยมของชมรมผมมากกว่าสภานักเรียนที่เปิดมาตั้งปีกว่าแล้วล่ะก็ สภานักเรียนก็คงไม่จำเป็นนี่เนอะ?”
“ไอ้ที่ต้องการประเมินจริงๆคือสภานักเรียนสินะ…”
“ถูกต้อง ถึงผมจะไม่อคติ แต่สภานักเรียนที่มีประธานเป็นลูกซาตานเนี่ยนะ? นั่นแหละ ผู้บริหารบางคนไม่ค่อยโอเคกับเรื่องนี้เท่าไหร่”
สรุปที่ต้องส่งนักเรียนมาประเมินแบบนี้ ต้นเหตุมาจากสภานักเรียน
ผมกอดอก
“งานสภาก็เรียบร้อยมาตลอด ถึงแกจะไม่อคติ แต่แกเห็นด้วยกับที่พวกผู้บริหารจี้มาที่สภาเพราะมีฉันเป็นประธานจริงๆเหรอ?”
“ผมก็ไม่ใช่จะไม่ค้านสักหน่อย แต่ทำไงได้ล่ะ ถ้างานมันเรียบร้อยอย่างที่คริสโตเฟอร์ว่าจริงๆ ผมคงเถียงให้สุดใจไปแล้ว”
“งานฉันมันไม่เรียบร้อยตรงไหน?”
เอ็มนิ่งไปสักพัก
“…เทอมก่อน”
“หา?”
“เทอมก่อนคริสโตเฟอร์พาสภานักเรียนไปไล่วิญญาณที่ตึกเรียนเก่าที่ตอนนี้ทุบทิ้งไปแล้ว”
“แล้วมันยังไง?”
“ก็งานมันไม่เรียบร้อยไง? มีวิญญาณตัวนึงไม่ถูกปัดเป่า แถมยังเป็นวิญญาณอาฆาตที่ควรจะให้ความสำคัญอันดับหนึ่ง การที่ปล่อยวิญญาณแบบนั้นไว้ ฝั่งผู้บริหารเขาไม่ค่อยยอมรับ …ผมก็ด้วย”
“…แกรู้เรื่องไล่ผีครั้งนั้นได้ไง?”
“ก็ผมเป็นคนจัดการวิญญาณอาฆาตนั่นให้นี่นา”
“เฮ้ย…”
จะบอกว่าหมอนี่มาตามเก็บงานที่ผมทำพลาดเนี่ยนะ? และผมยังไม่รู้ตัวเลยสักนิด …ไม่ต้องกังวลว่าจะโกหก เพราะหมอนี่ไม่โกหก…
ดังนั้น…น่าโมโหชะมัด
เอ็มลุกขึ้นเหมือนหมดเรื่องจะพูดแล้ว
“ต่อจากนี้ถ้านักเรียนมีเรื่องอยากให้ช่วย ก็สามารถเลือกได้ว่าจะมาชมรมผมหรือสภานักเรียน แรกๆคงมาที่ชมรมผมบ่อยหน่อยนั่นแหละ แต่ของอย่างนี้มันต้องใช้เวลา ถ้าของผมดีกว่า สภานักเรียนก็ไม่สมควรมีอยู่”
“จะแข่งกันสินะ?”
“ประเมินต่างหาก ว่าสภานักเรียนเหมาะสมกับที่นี่หรือไม่”
ถ้าแค่นั้นก็ไม่เท่าไหร่หรอก แต่ว่า…
“ถ้าฉันแพ้ สภานักเรียนจะโดนยุบเรอะ?”
“ใช่ แล้วคนที่ก่อตั้งสภาขึ้นมา ถึงจะมีผู้บริหารเห็นด้วย แต่คนต้นคิดก็คือครูใหญ่สมศักดิ์ ถ้าคริสโตเฟอร์แพ้ ครูใหญ่คงโดนลดตำแหน่งไม่ก็ลงโทษอะไรสักอย่าง… ฮะฮะ ผมแค่นักเรียนเอง เรื่องของผู้ใหญ่จะจัดการกันยังไงผมไม่รู้ซะด้วยสิ”
เอ็มกำลูกบิดประตู ผมเฝ้ารอให้มันไปๆสักที แต่มันก็หันกลับมาพูดประโยคสุดท้าย
“ฝั่งผมมีสาม ฝั่งคริสโตเฟอร์…อืม คริสโตเฟอร์คงนับว่ามีแค่เจ็ดเมื่อรวมตัวเองนี่เนอะ? งั้นไว้พรุ่งนี้ผมจะมาเลือกสมาชิกสภาสองคนไปช่วยชมรมผมในระหว่างนี้แล้วกัน เพื่อความแฟร์ไง”
“อยากทำไรก็ทำ”
“คริสโตเฟอร์นี่คุยรู้เรื่องดีจัง ถึงตอนนี้ผมจะเล็งไว้คนนึงแล้วก็เถอะ…”
สิ้นเสียง ก็ตามมาด้วยเสียงปิดประตู ไม่เปิดโอกาสได้ผมถามอะไรกลับ
…ไม่นาน สภาชิกสภาที่ไม่มีพี่น้ำก็เข้ามา
พวกเขาอาจจะกลับมาพอดีและแอบฟังอยู่หลังประตู อย่างไรก็ตาม พลอยก็เป็นคนเอ่ยด้วยเสียงลำบากใจ
“ประธานคะ…คือว่า…”
ผมก่ายหน้าผาก
“น่ารำคาญชะมัด…ไอ้เทวทูตเอ๊ย”
เคสที่ 38 ผู้มาเยือน(เทวทูต) /จบ