สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ - ตอนที่ 77 เคสที่ 37 เคสแรกอย่างเป็นทางการ(?)ของเรย์ (2)
- Home
- สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ
- ตอนที่ 77 เคสที่ 37 เคสแรกอย่างเป็นทางการ(?)ของเรย์ (2)
บ้านของแสตมป์อยู่ห่างจากโรงเรียน ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่เคยเห็นเธอมาโรงเรียนสายเลยสักครั้ง ผิดกับสไปรท์ที่เดินไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงโรงเรียนแต่ยังมาสายได้ทุกวี่ทุกวัน
ประธานก็ไม่คิดจะเตือนเลยสักนิด บางทีประธานคงสนแค่ให้งานสภาออกมาเรียบร้อย แต่ต่อให้ว่าในกรณีนั้น สไปรท์ก็แทบไม่ทำงานสภาอยู่ดี…
บ้านของแสตมป์คือบ้านทั่วๆไป ไม่มีจุดใดหรือสิ่งใดให้รู้สึกหวือหวา
ผิดกันกลับบ้านข้างๆ…บ้านที่เป็นต้นเหตุของเสียงแปลกๆที่แสตมป์ได้ยินกลางดึกจนนอนไม่หลับ
บ้านร้างหลังนั้นปกคลุมด้วยบรรยากาศแปลกๆ เนื่องจากไม่มีการบำรุงรักษา สีของตัวบ้านจึงหมองไปตามการเวลา ทั้งรากไม้ที่ชอนไช พื้นหญ้าที่แห้งกังจนกลายเป็นดินหยาบๆ ต้นไม้ที่เหี่ยวเฉาเสียจนคล้ายกับพลาสติก
ผมจ้องไปยังหน้าต่างของบ้านร้าง มองเห็นเงาสีดำตะคุ่มยืนจ้องผมกลับมา…
“…เรย์? มะ มีอะไรเหรอ?”
แสตมป์ถามด้วยความลำบากใจ
ผมปัดมือ
“ก็…ถึงขั้นนี้ฉันคงไม่พูดประมาณ ‘คงแค่ตาฝาด’ หรอก …ว่าไงดีล่ะ น่าจะโดนทักทายเข้าแล้วล่ะ”
เมื่อมองไปอีกครั้งก็ไม่เห็นเงานั่นแล้ว อย่างกับเหตุการณ์ที่เจอในหนังสยองขวัญไม่มีผิด
“เอ๊ะ เอ๊ะ เอ๊ะ? เลย์เห็นผีเหยอ? ไหนๆ ขอเค้าดูมั้ง!”
สไปรท์ว่าพร้อมเข้ามากระโดดเกาะคอผมพลางมองไปยังบ้านร้างด้วยแววตาคาดหวัง
ถูกคนที่ชอบเข้ามากอดคอจนร่างกายแนบชิดกันแบบนี้ ผมจะรู้สึกตื่นเต้นก็ไม่แปลก แต่ก็นะ…
ทางเลือกที่ถูกต้องคืออย่าแสดงอาการ
ผมชี้นิ้ว
“บานนั้น ที่อยู่ชั้นสอง เมื่อกี้ฉันเห็นเงาคน แต่ตอนนี้หายไปแล้ว”
“โว้ว ฟ้ายังไม่มืดเลยแท้ๆ ผีที่บ้านร้างของแตมป์ใจร้อนจัง”
“มะ ไม่ใช่ของฉันสักหน่อย…”
ไล่ผีสินะ ถ้าใช้วิธีแบบที่ประธานใช้ก็คงได้ แต่จู่ๆจะให้เข้าไปเลยก็กระไรอยู่ ตรวจหาความผิดปกติที่แสตมป์บอกว่าเจอก่อนดีกว่า…
“แสตมป์ พวกฉันขอไปดูห้องนอนเธอหน่อย”
“อะ อืม…เข้ามาสิ ตอนนี้คุณพ่อคุณแม่ไม่อยู่พอดี”
“ไม่มีใครอยู่อย่างนี้ก็เล่นกันได้เต็มที่เลยน่ะสิ! เล่นซ่อนแอบกันมั้ยซ่อนแอบ!”
“อย่าทำให้เพื่อนลำบากใจสิ สไปรท์”
สไปรท์เลิกคิ้ว
“แตมป์ไม่ลำบากใจสักหน่อย อีกอย่างแตมป์ก็ไม่ใช่เพื่อนเลย์ด้วย เพื่อนเค้าต่างหาก”
ไม่ลำบากใจเหรอ…ซะไหนเล่า สีหน้าลำบากใจส่งออกมาขนาดนี้ เธอไม่รู้สึกสักนิดเลยเรอะ?
ผมถอนหายใจ
“แสตมป์ไม่ใช่เพื่อนฉันก็จริง แต่อย่างน้อยก็เป็นเพื่อนร่วมห้องและยังเป็นลูกเคส ถ้าจะเล่นอะไรก็ไว้ทำหลังเสร็จงานเถอะ”
โดนหลอกหลอนมาสักพักแบบนี้ แสตมป์คงไม่มีอารมณ์เล่นไร้สาระกับเธอหรอก หน้าที่ของพวกเราตอนนี้คือช่วยแก้ปัญหาของแสตมป์ให้ได้ก่อนต่างหาก
สไปรท์จ้องหน้าผมพร้อมหรี่ตามอง
“…นี่ใครอะ? ใช่เลย์อะเป่า?”
“พูดอะไรเนี่ย?”
“หลับตาฟังนึกว่าพี่คริสโตเฟอร์มาพูดเองเลยนะนั่น”
พูดแบบนั้นสองรอบแล้วแฮะ นี่ผมพูดจาเหมือนประธานขนาดนั้นเลยเหรอ?
แสตมป์กระแอมเบาๆก่อนกุมมือพูดด้วยท่าทางเขินอาย
“อะ เอ่อ…เรย์ก็เป็นเพื่อนฉันเหมือนกันนะ…ไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมชั้น…”
“อะ โอ้ ขอบใจนะ แสตมป์”
“อะ อืม!”
สไปรท์ที่ได้ยินดังนั้นก็กุมคาง
“แตมป์เป็นเพื่อนเลย์เหยอ …ยังงี้เพื่อนเค้าก็ลดไปหนึ่งคนน่ะสิ”
“อย่าพูดเหมือนเพื่อนเป็นสิ่งของได้มั้ยเนี่ย…”
ไม่ใช่ว่าผมมีเพื่อนเพิ่มแล้วเธอต้องเพื่อนลดสักหน่อย
แสตมป์หัวเราะ
“คิกคิก สไปรท์ก็เป็นเพื่อนฉันอยู่นะ”
“งืมๆ”
สไปรท์ทำท่าเซ็งๆก่อนที่พวกผมสามคนจะพากันเข้าไปในบ้าน
…ที่จริงนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมเข้าห้องของเด็กผู้หญิง กระนั้น…ความสำคัญลำดับหนึ่งของผมตอนนี้คือหาร่องรอยของวิญญาณ
แม้บ้านแสตมป์กับบ้านร้างจะอยู่ข้างกัน แต่ก็เป็นบ้านเดี่ยวที่มีกำแพงกัน อีกทั้งยังมีสนามหญ้าที่ทำให้ตัวบ้านห่างกันเข้าไปอีก
ดูจากระยะแล้ว ถ้าเสียงของวิญญาณมาถึงห้องนอนได้ แสดงว่าอาจจะมีตัวนำอะไรสักอย่าง…
“ขะ ขอโทษนะ ห้องรกไปหน่อย ไม่คิดว่าจะมีใครมาน่ะ”
“ไม่เป็นไร ห้องฉันก็รกประมาณนี้แหละ”
พอผมตอบไปอย่างนั้น สไปรท์ที่ถือวิสาสะโดดขึ้นไปนอนบนเตียงก็หยิบของบางอย่างขึ้นมาพร้อมยืนขึ้นและชูสิ่งนั้นขึ้นฟ้า
“รกจริงด้วย! ดูสิเลย์! อันใหญ่มากเลย!!!”
อะไรใหญ่?
ผมสงสัย มองไปยังของในมือสไปรท์ แสตมป์ก็มองเช่นกัน
ยกทรงสีขาวบริสุทธิ์ตกแต่งด้วยลวดลายลูกไม้ อีกทั้งยังขนาดใหญ่เสียจนน่าแปลกใจถ้าเป็นของที่แสตมป์ใช้
“สะ สไปรท์!? เอาคืนมานะ!”
แสตมป์หน้าแดงแจ๋ พุ่งใส่สไปรท์และกอดรัดฟัดเหวี่ยงจะแย่งยกทรงคืน
ผมมองภาพที่เหมือนกับหลุดมาจากการ์ตูนยูริ มองได้สักพักก็ตัดสินใจว่าหันหนีไปทางอื่นดีกว่า…
“ไม่คิดว่าจะใหญ่ขนาดนี้นะเนี่ย!? โห…เกือบเท่าพี่น้ำเลย! แตมป์เป็นสาวซ่อนรูปเหรอ!? อิจฉาจัง!”
“ยะ อย่าสิ! เรย์ก็อยู่ด้วยนะ!”
“ไหนๆ ขอลองวัดหน่อยซิ๊~!”
“กริ๊ด!”
ทำอะไรกันอยู่ไม่รู้เลยสักนิด แต่ยังไงก็ไม่ควรหันไปมอง
ผมพูดขึ้นโดยที่สายตามองกำแพง
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”
…หืม?
เสียงแห้งแตกดังขึ้นที่ปลายเท้า
เมื่อมองลงไป ก็พบกับใบไม้แห้งสีน้ำตาลที่มีสีดำแทรกอยู่
ผมหยิบมันขึ้นมา ก่อนหันกลับไปหาสองสาวที่อยู่บนเตียง
“แสตมป์ สไปรท์ …แล้วก็หยุดเล่นกันสักทีได้มั้ยเนี่ย?”
ทั้งสองคนได้ยินดังนั้นก็ผละตัวออก ก่อนจะลุกขึ้นนั่งให้เรียบร้อย
ส่วนสไปรท์ไม่เรียบร้อยเท่าไหร่ นั่งขัดสมาธิจนเกือบจะเห็นกางเกงในอยู่แล้ว ใครเขานั่งท่านั้นตอนกำลังใส่กระโปรงกันเล่า…
“เลย์อย่าทำกร่อยสิ ถ้าเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่อง เค้าโกรธจริงๆด้วย”
“เรื่องเคสนี่แหละ”
“งั้นก็เรื่องไม่เป็นเรื่องน่ะสิ?”
“กลับบ้านไปเลยไป๊”
แสตมป์ที่เห็นใบไม้ในมือผมก็เอ่ยด้วยเสียงกล้าๆกลัวๆ
“…อยู่ที่ห้องฉันเหรอ…?”
“อืม น่าจะมาจากต้นไม้ของบ้านร้างนั่น เร็วๆนี้เคยเปิดหน้าต่างรึเปล่า?”
“ฉันเป็นภูมิแพ้เลยเปิดหน้าต่างไม่ได้น่ะ คุณแม่คงเปิดตอนเข้ามาทำความสะอาด…”
ต่อให้เป็นแบบนั้นก็ยังน่าแปลกใจ ถ้าแม่ของแสตมป์เข้ามาทำความสะอาด แม้จะเปิดหน้าต่าง แต่หลังทำความสะอาดเสร็จ ก็ไม่ควรมีใบไม้ที่ดูยังไงก็เป็นขยะแถมยังสกปรกเหลืออยู่แบบนี้
สัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณนิดหน่อย เจ้านี่คงเป็นตัวนำให้อิทธิฤทธิ์ของวิญญาณในบ้านร้างมาถึงห้องนอนของแสตมป์…
“……ออกไป”
เสียงผู้ชายแหบแห้งดังขึ้นข้างหู วินาทีนั้นเองที่ใบไม้ในมือถูกย่อยสลายจนกลายเป็นเศษฝุ่น
“เมื่อกี้ใครพูดไรเป่า?”
“สะ สไปรท์ก็ได้ยินเหรอ?”
“ไม่ใช่เสียงแตมป์ด้วย เลย์อะเป่า?”
“เสียงฉันแก่ขนาดนั้นเลยหรือไง? เฮ้อ…แสดงแสงยานุภาพเกินอาณาเขตตัวเองนี่มันเกินจะยอมรับได้แล้วนะ ไปกันเถอะสไปรท์”
นี่บ้านคนนะเฮ้ย จะหลอกหลอนหรือทำบ้าอะไรก็ให้มีขอบเขตหน่อยเถอะ
ผมเริ่มฉุน
เมื่อรีบร้อนจะไปบ้านร้าง สแตมป์ก็ลำบากใจถาม
“จะ จะไปกันเลยเหรอ?”
“ถ้าฟ้ามืดกว่านี้มีความเป็นไปได้ว่าอาคมของวิญญาณจะสูงขึ้น จัดการให้เสร็จๆเลยดีกว่า”
ดีที่เข้ามาเช็กห้องนอนก่อน ไม่อย่างนั้นต่อให้จัดการวิญญาณลงได้ ตัวนำก็จะยังหลงเหลืออยู่ ไม่แน่วิญญาณอาจจะย้ายมาสิงที่บ้านของแสตมป์แทน
ผมจึงเช็กอีกรอบว่าไม่มีสิ่งใดที่มาจากบ้านร้างหลงเหลือในบ้านอีก
…ใช้เวลาไม่นานก็เรียบร้อย…
“เสร็จเมื่อไหร่จะกลับมานะ”
ผมบอกแสตมป์ที่ยืนส่งพวกผมอยู่หน้าบ้าน
“อะ อืม …เดี๋ยวฉันทำข้าวเย็นรอนะ”
“ไม่ต้องลำบากหรอก ฉันแค่จะแวะมาบอกว่าเรียบร้อยหรือไม่เฉยๆ”
“โธ่ ข้าวฟรีเลยนะเลย์ ปฎิเสธได้ไงเนี่ย!?”
“สไปรท์ หัดมีความเกรงใจซะบ้าง”
“ค่าๆ เข้าใจแล้วค่า พี่คริสโตเฟอร์”
“เรียกใครว่าพี่คริสโตเฟอร์มิทราบ”
นี่ก็แค่ช่วยเหลือนักเรียนในรูปแบบงานสภา ถึงแสตมป์จะมีน้ำใจอยากเลี้ยงข้าวเย็น แต่ก็นั่นล่ะ ผมไม่อยากรบกวนเพื่อน และที่บ้านก็มีของกินเหลือเฟือ…
…ระหว่างเดินมาบ้านร้าง ส่วนสแตมป์ก็กลับเข้าไปในบ้านแล้ว
ผมเกริ่นนำ
“…ถ้าอยากกินฟรีจริงๆ…”
“อื๋อ?”
“…ถ้าอยากกินฟรีจริงๆ นานๆทีมากินบ้านฉันก็ได้ พ่อฉันคงไม่ว่าอะไรหรอก เพราะครั้งก่อนประธานก็จ่ายไปเยอะขนาดนั้น”
“จริงอะ!?”
“นานๆทีนะ แล้วก็อย่าสั่งเยอะเกินด้วย”
“เห็นเค้ากินเยอะขนาดนั้นเลยเหยอ?”
ครั้งก่อนถ้าไม่โดนปลาดิบเบรกไว้ ผมมั่นใจว่าสไปรท์กินหมดโต๊ะแน่ๆ
สไปรท์ยืดตัว
“งั้นๆ! เค้าอยากกินข้าวฝีมือเลย์อะ!”
“ไว้จะทำให้กินแล้วกัน”
“เย่~”
ดีที่อาหารญี่ปุ่นไม่ต้องปรุงอะไรมาก ไม่สิ…ผมปรุงอาหารไม่ค่อยเป็นมากกว่า ทำเมนูง่ายๆอย่างซูชิให้กินน่าจะดี แน่นอนว่าต้องไม่ใช่ปลาดิบ
“ส่วนตอนนี้มาไล่วิญญาณกันดีกว่า”
ด้านหน้าคือประตูรั้วสนิมเกรอะ และขนาดยืนอยู่แค่ตรงนี้ยังสัมผัสได้ถึงแรงอาฆาตจากภายใน
แต่ดูเหมือนสไปรท์จะไม่รู้สึกเลยสักนิด ยังคงทำหน้าตาเหมือนคนเป็นเอ๋ออยู่เช่นเดิม
“…เธอน่าจะเคยไล่วิญญาณกับประธานมาก่อน เพราะงั้นฉันคงไม่ต้องสอนอะไร ยังไงฉันก็พึ่งเข้าสภาได้เมื่อวานเอง”
“ไล่วิญญาณ? บ้าเป่า? เค้าจะไปเคยทำแบบนั้นได้ไง?”
“หา?”
“วะฮะฮ่า เค้าเคยทำเคสซะที่ไหน โอ๊ะ…คิดแล้วก็เหมือนจะเคยไล่อยู่ทีนึง แต่ตอนนั้นพี่น้ำกับหมิงหมิงอยู่ด้วยเลยเหมือนไม่ได้ทำอะไรเลย…”
พี่น้ำคือสมาชิกสภานักเรียน แต่หมิงหมิงคือใครนี่ผมไม่รู้แฮะ
เฮ้อ…อยากจะบ้า
“…ประธานเขาใช้อาคมซัดใส่วิญญาณเพียวๆ จากที่ถาม ก็เพราะอาคมของประธานมีต้นกำเนิดจากนรก เลยสามารถใช้ในการปัดเป่า”
“โอ้วๆ!”
“ส่วนพวกเราสองคนก็แค่เชื้อสายภูตผีทั่วๆไป คงจะใช้วิธีเหมือนแบบประธานร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้”
“โอ้ว?”
“ดังนั้นเริ่มจากลองไล่ในแบบฉบับของฉันก่อนก็แล้วกัน …ไรเมย์”
ผมเรียกใช้อาคม สายฟ้าปกคลุมฝ่ามือก่อนจะใช้สายฟ้าในการทำลายล็อคประตูรั้ว
สไปรท์ตาลุกวาว
“สายฟ้า!? ทำได้ไงอะ!? เค้าอยากทำมั้ง!?”
“ไม่ใช่ว่าขอแล้วจะทำได้สักหน่อย!”
อาคมจากเชื้อสาย อีกทั้งผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเชื้อสายของผมคืออะไร แต่ที่สำคัญคือสไปรท์ไม่ใช่เชื้อสายเดียวกับผมแน่ๆ
สไปรท์กอดอก
“หึหึหึ! ทำไมจะไม่ได้ล่ะ เค้าอยู่กับเลย์มาตั้งนาน ก็อปปี้ไว้เรียบร้อยแล้วต่างหากเล่า!”
“ก็อปปงก็อปปี้อะไรเล่า หยุดพูดไร้สาระแล้วไปกัน”
ผมถอนหายใจให้สไปรท์ที่พูดจาไม่รู้เรื่อง
…ด้านในบ้านเก่าโกโรโกโส มีรูปครอบครัวตั้งไว้ที่โต๊ะตามทางเดิน ไม่รู้ว่าบ้านนี้ร้างมาแล้วกี่ปี แต่รูปถ่ายยังใช้เป็นขาวดำอยู่เลย…
“ไรเมย์! ไรเมย์! ไม่เห็นมีไรออกมาเลยแฮะ…”
สไปรท์ตะโกนพร้อมชูฝ่ามือไปซ้ายทีขาวที ระหว่างนั้นก็พูดคำเรียกอาคมของผมไปด้วย แต่ผลลัพธ์ก็กลายเป็นภาพเหมือนเด็กกำลังเล่นปล่อยพลังในจินตนาการ
ผมเลิกสนใจสไปรท์ เพราะด้านหน้ามีคนมาทักทายแล้ว
วิญญาณผู้ชายที่ปล่อยรังสีสีดำทะมึน ไม่มีลักษณะเด่นแน่ชัด กล่าวคืออาจเป็นแค่ผีเจ้าที่
ผมกางฝ่ามือ
“ไรเมย์”
ลั่นอาคมจนมันส่งเสียงเหมือนปักษานับพัน
“……ออกไป”
“ที่ต้องออกไปมันแกต่างหาก ไม่รู้หรอกนะว่าเป็นเจ้าของบ้านนี้หรือถือวิสาสะเข้ามาอยู่เอง แต่รบกวนเพื่อนบ้านแบบนี้มันยอมรับไม่ได้”
“ไรเมย์!!! ไรเม๊ย์!!!!! หว๋าย…ทำไมทำไม่ได้สักทีน้า”
ขณะผมเผชิญหน้ากับวิญญาณ สไปรท์ก็ยังพูดบ้าอะไรก็ไม่รู้
ผมหันไปตะคอก
“เป็นเสือสมิงไม่ใช่เรอะ!? แล้วเธอจะปล่อยสายฟ้าได้ไงเล่า! หา!?”
ถ้าจะทำก็แปลงร่างเป็นเสือแล้วสู้ซะสิว้อย!
สไปรท์นิ่งคิดไปสักพัก
“อ๋อ! เข้าใจล่ะ! งี้นี่เอง!”
สิ้นคำ ผมก็สัมผัสได้ถึงอาคมที่คุ้นเคยจากฝ่ามือของสไปรท์ที่เล็งไปยังผีเจ้าที่
“‘อสนีบาต’!!!”
สายฟ้าพุ่งออกมาจากฝ่ามือ ผ่าเข้ากลางลำตัวของผีเจ้าที่จนมันกระเด็นหายไปในความมืด
แถมยังเฉี่ยวใบหน้าผมไปเพียงไม่กี่เซน…
“สไปรท์…”
ผมแปลกใจ
สไปรท์เท้าเอวภาคภูมิใจ
“ก็บอกว่าก็อปปี้มาแล้วไงล่า!!!”
เคสที่37 เคสแรกอย่างเป็นทางการ(?)ของเรย์ /มีต่อ