สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ - ตอนที่ 24 เคสที่ 12 เครื่องดนตรีและสภาพแวดล้อม
- Home
- สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ
- ตอนที่ 24 เคสที่ 12 เครื่องดนตรีและสภาพแวดล้อม
“…น่าสงสารครูใหญ่จังนะคะ ต้องอยู่โรงพยาบาลเป็นเดือนเลย”
ระหว่างทางไปสภา ผมก็เจอพลอยพอดี ลงท้ายก็เลยตัดสินใจไปสภาด้วยกัน และเพราะอะไรสักอย่าง การพูดคุยถึงได้ไปที่เรื่องนั้นเฉยเลย
และหลังจากผมบอกเล่าไปพอสังเขป พลอยก็สรุปออกมาเป็นอย่างนั้น
ผมถอนหายใจ
“ถ้าถามมุมฉัน ก็เหมือนเขาทำตัวเองนั่นแหละ”
“ประธานก็เป็นคนผิดด้วยนี่คะ? บางทีหัดมองอะไรให้มันอยู่สายตาของมนุษย์บ้างเถอะค่ะ”
ทำไงได้เล่า ก็ลูกซาตานนี่นา
ก่อนที่จะมาคุยกันเรื่องนี้ ก็ต้องย้อนไปที่การพูดคุยสัพเพเหระของยัยผีนางรำที่ถามว่า ‘ช่วงนี้ไม่เห็นครูสมศักดิ์ออกมาพูดหน้าเสาธงเลยนะคะ ประธานพอรู้อะไรบ้างรึเปล่า?’
ผมก็บอกเธอเท่าที่ผมรู้ …ซึ่งที่จริงก็รู้ทุกอย่างนั่นแหละ ผมนั้นทั้งอยู่ในเหตุการณ์ เป็นคนโทรเรียกรถพยาบาล…เอ่อ แต่ไม่ใช่ต้นเหตุหรอกนะ
อีกทั้งนักเรียนส่วนใหญ่ที่ไม่เห็นใบหน้าอันแสนเบิกบานของครูสมศักดิ์นานวันเข้า ก็ไปสืบกันมาอีท่าไหนก็ไม่รู้ จนได้ข้อมูลว่าครูสมศักดิ์กำลังรักษาตัว
จินตนาการว่ามีคนไปโรงพยาบาลแล้วบังเอิญเจอครูเขาก็น่าจะได้?
อย่างไรก็ตาม แม้จะรู้กันแบบนั้น ก็ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบาง รู้เพียงแค่ ‘ครูใหญ่ได้รับความรุนแรงทางจิตใจจนต้องเข้าโรงบาล’ แค่นั้น
ถือว่าโชคดีที่สาวมาไม่ถึงตัวผม เพราะต่อให้ตัวครูจะยอมรับผลการกระทำเป็นความผิดตัวเอง แต่ถ้านักเรียนมารู้ว่าต้นเหตุมาจากประธานนักเรียน …ก็อาจจะมองผมแปลกกว่าเดิมก็ได้
เอาเถอะ ไม่ใช่ว่าจะมีใครรู้สึกสงสารหรือเห็นใจครูใหญ่มากสักหน่อย คนปกติก็ได้แต่ไม่ชอบขี้หน้าครูเขาเพราะชอบยืนบ่นอะไรหน้าเสาธงอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงท่ามกลางแดดร้อนๆล่ะนะ…
…กลับมาที่ปัจจุบัน เนื่องจากวันนี้ไม่มีธุระหลังเลิกเรียน จึงกำลังอยู่ระหว่างทางไปห้องสภาตามกิจวัตรปกติ และก็บังเอิญเจอพลอยที่พึ่งเลิกเรียนพอดี
“หายากนะคะ ที่จะได้ไปสภาพร้อมประธานแบบนี้”
“นั่นสิ ส่วนใหญ่ไม่ฉันก็เธอก็ถึงก่อนตลอด นานๆทีเข้าสภาพร้อมเธอก็แปลกใหม่ดีเหมือนกัน”
นี่ก็อยู่ตึกชมรม นักเรียนรอบๆก็เยอะตามเคย คงเพราะรีบมาทำกิจกรรมชมรมกันนั่นแหละ แต่ละคนก็เป็นภูตผีที่เห็นจนชินตา
และไม่รู้ทำไม สายตานักเรียนส่วนใหญ่ถึงได้จับจ้องมาที่พวกผม
“นี่พลอย”
“คะ?”
“หน้าฉันมีอะไรติดรึเปล่า?”
ตามปกติก็เดินผ่านระเบียงและมุ่งไปห้องสภาแบบที่ไม่ได้เป็นเป้าสายตามากขนาดนี้แท้ๆ ขนาดผมแต่งตัวผิดกับชาวบ้านชาวช่อง จะบอกว่าวันนี้แปลกกว่าทุกวันก็ได้
พลอยถอนหายใจ
“มีความซื่อบื้อติดอยู่นิดหน่อยค่ะ”
“…จะหาเรื่องกันตั้งแต่ตอนนี้เลยรึไงหา?”
“เปล่าสักหน่อย อืม…แต่ก็ปกตินี่คะ? พวกเราเป็นสภานักเรียนเลยนะคะ จะตกเป็นเป้าสายตาก็ไม่แปลก…?”
เรื่องนั้นก็เป็นไปได้อยู่หรอก แต่ที่น่าแปลกใจก็คือตอนที่ผมเดินคนเดียว มันไม่เป็นแบบนี้น่ะสิ …อ๋อ ไม่นับช่วงหลังจากที่ผมเผาห้องชมรมอนิเมะแล้วกัน ช่วงนั้นนี่ โดนมองอย่างกับเป็นดาราหรืออะไรสักอย่างเลยล่ะ
ไม่สิ…น่าจะสายตาที่ไว้ใช้มองฆาตกรมากกว่า
คิดแล้วก็น่าหัวเราะ ต้องขอบคุณคุณยายที่ช่วยแก้ข่าวให้ตรงกับความจริงล่ะนะ
พอพูดถึงคุณยาย หน้าตาของเด็กนั่นก็ลอยมาเลยแฮะ ชื่อทองๆอะไรสักอย่าง…
ผมส่ายศีรษะปัดภาพเด็กผมแกละน่าโมโหทิ้งไป ก่อนจะชำเลืองมองรอบข้าง รับสายตาที่จ้องมอง
อืม แต่นี่ก็ถือว่าเป็นสายตาที่แฝงด้วยเจตนาอะไรสักอย่างของมนุษย์ อย่างผมแค่ลองโฟกัสสักหน่อย ก็พอเดาออกแล้วว่ากำลังโดนมองเพราะเหตุใด
ผมคิดเช่นนั้น ลับสายตาให้คมขึ้น
…สายตานักเรียนหญิงเป็นส่วนน้อย เมื่อเทียบกับสายตาของนักเรียนชาย เพราะงั้น…ถ้าตัดประเด็นเรื่องที่ผมหรือพลอยไปทำอะไรแปลกๆจนตกเป็นเป้าสายตา การที่มีสายตาของเพศชายมากกว่านั้น เมื่อคำนวณจากอุปนิสัยของเพศชาย มีความเป็นไปได้ว่าสิ่งที่กำลังจ้องมองจะต้องเป็นเพศตรงข้าม…
ดังนั้น…
ผมเหลือบสายตาไปหาเด็กสาวข้างๆ
“นี่พลอย”
“อะไรอีกคะ?”
“วันหลังใส่กระโปรงให้ยาวกว่านี้ด้วย”
“แค่นี้ก็จะถึงตาตุ่มแล้วนะคะ!?”
นั่นก็จริง พลอยเป็นถึงรองประธานสภานักเรียน การแต่งการก็นับว่าเป็นแบบอย่างได้เลย ไม่มีส่วนไหนผิดระเบียบเลยแม้แต่น้อย
แต่ว่า…สายตาที่จ้อง ก็มองมาที่พลอยชัดๆเลยนี่นะ ไม่น่าแปลกใจที่ทำไมตอนผมเดินคนเดียวถึงไม่รู้สึก
งั้นลองมาว่าที่เรื่องรูปลักษณ์ภายนอกของพลอย ถ้าไม่นับชฎากับเครื่องประดับแปลกๆที่บ่งบอกว่าเป็นผีนางรำ เธอก็เป็นเด็กสาวหน้าตาน่ารักที่มีเรือนร่างผอมเพรียว สุขภาพดี
แม้จะใส่เครื่องแบบถูกระเบียบจนแทบจะขึ้นแท่นเป็นนักเรียนดีเด่น กระนั้น สายตาหื่นกระหายของเด็กชายวัยกลัดมันก็มองข้ามเรื่องพวกนี้ไปได้อย่างง่ายดาย
ได้ข้อสรุปว่า พลอยได้รับความนิยมจากทั้งนักเรียนชายและหญิงมากพอดู …และดูเหมือนความนิยมจากนักเรียนชายจะมากกว่าเสียด้วย
แต่จากที่ยัยนี่พูด สงสัยจะคิดว่าที่โดนมองเพราะตัวเองเป็นสภานักเรียนซะงั้น
ผมถอนหายใจ
“…คนอื่นเขามองเธอน่ะ”
“เอ๊ะ?”
“เพราะเธอน่ารักไง”
จู่ๆ พลอยก็แก้มแดง
“พะ พูดอะไรคะเนี่ย!? คุกคามทางเพศค่ะ!”
“ไม่ได้คุกคาม ฉันแค่ใช้ดุลพินิจตามมุมมองของมนุษย์ทั่วไป …เธอต้องแต่งตัวให้มิดชิดกว่านี้ จะได้ไม่ตกเป็นเป้าสายตา”
“ขนาดนั้นให้ดิฉันคลุมผ้ามาเรียนเลยมั้ยคะ!?”
…ก็ไหนเมื่อกี้บอกให้ผมลองมองโดยใช้สายตาแบบมนุษย์ไม่ใช่เหรอ? คำพูดนั่นของผมคือมุมมองแบบมนุษย์สุดๆเท่าที่ผมจะทำได้แล้วนะ
ไม่เข้าใจเลยจริงๆ พวกผีไทย…
พลอยหันหน้าหนีไปทางอื่น ก่อนที่จะพูดด้วยเสียงพึมพำในลำคอ
“…ระ หรือว่าประธานจะหวงฉันเหรอคะ?”
หวงงั้นเหรอ…?
นั่นสินะ พลอยเป็นถึงรองประธาน เป็นคนที่ควรอยู่เทียบเคียงกฎของโรงเรียน ดังนั้นถ้ารูปลักษณ์ภายนอกส่งผลให้โดนมองด้วยสายตาแปลกๆ…
ก็คงหวงล่ะมั้ง? ไม่สิ คงต้องใช้คำว่าห่วงมากกว่า
ถึงจะสองจิตสองใจ แต่ผมก็ตอบออกไป
“อ่า หวงสิ”
“อะ เอ๋~!”
พลอยก้มหน้าลงต่ำกว่าเดิม ผมก็มองพร้อมขมวดคิ้ว
เธอลูบแก้มเบาๆ …อืม นั่นมันท่าทางของคนที่กำลังเขินไม่ใช่เรอะ? แล้วกำลังเขินอะไรอยู่ล่ะเนี่ย?
“ประธาน…หรือว่าประธานคิดกับฉัน…”
เธอพูดค้างไว้แค่นั้น
ผมขมวดคิ้วอยู่สักพัก
อ๋อ…งี้นี่เอง ลืมไป ผู้หญิงชอบมองว่าเวลาผู้ชายชมว่าน่ารักหรือแสดงการเป็นห่วงตรงๆ จะเป็นการบอกชอบเป็นนัยๆอย่างนั้นสินะ?
ให้ตายสิน่า ถึงจะเป็นสิ่งมีชีวิตลี้ลับ แต่เนื้อแท้ภายใน ไม่ว่าจะเป็นใครในโรงเรียนนี้ก็ถือว่าเป็นวัยรุ่นธรรมดา
งั้นผมคงต้องแก้ไขให้เข้าใจสักหน่อย …ไม่งั้น เกิดจู่ๆ ผมโดนปฎิเสธขึ้นมาจะกลายเป็นอึดอัดกันเปล่าๆ
ไม่ใช่ว่าผมชอบพลอยหรอก ผมไม่สนผีไทยอยู่แล้ว
ผมสะบัดข้อมือ
“ฉันคิดกับเธอแค่เป็นรองประธานเท่านั้นแหละ ไม่ต้องห่วงว่าฉันจะชอบเธอหรอก”
ว่าแล้วสีหน้าเด็กสาวก็เปลี่ยนโดนพลัน
“…ลืมไปว่าประธานบัดซบถึงขนาดนี้ ต้องขอโทษด้วยที่เข้าใจผิดค่ะ”
“จะด่าแรงไปแล้วนะ!”
คุยกับยัยนี่ทีไรต้องโดนด่าให้ได้ทุกครั้งเลยสิน่า ถึงผมจะไม่ได้ชอบพลอย แต่ก็มองว่าเธอเป็นคนสำคัญคนหนึ่งเลยล่ะ…
เดินมาเรื่อยจนเข้าใกล้ห้องสภาไปทุกที พลอยก็เอ่ยขึ้น
“ว่าแต่ นรกที่ประธานพาครูสมศักดิ์ไปเนี่ย มันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”
“ก็บอกว่าไม่ได้พาไปไงเล่า ถ้าเป็นงั้นจริงครูเขาคงไม่อยู่โรงบาลแต่อยู่ในโลงแทนมากกว่า …แต่ก็อย่างที่รู้ว่าพี่แกเซ้าซี้บ่อยจนน่าโมโห ลงท้ายเรื่องก็เลยจบแบบนั้น”
“อืมๆ กระจกที่จะฉายภาพของนรกสินะคะ”
“อืม”
“แค่นั้นเหรอคะ?”
“หมายความว่าไง ที่ว่าแค่นั้น?”
“หมายถึง แค่ดูเฉยๆก็ทำให้ครูสมศักดิ์เข้าโรงบาลได้เลยเหรอคะ?”
…ใช่เลยล่ะ ผมไตร่ตรองความแข็งแกร่งทางด้านจิตใจของมนุษย์ไม่ค่อยถูกเท่าไหร่ ไม่คิดว่าแค่ดูเฉยๆจะทำให้ถึงขั้นเข้าโรงบาล
ผมตอบด้วยความรู้สึกผิดเล็กๆ
“อือ แค่นั้นเลย”
เด็กสาวนางรำฟังแล้วก็ครางในลำคอ
“นรกมันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“เธอก็อยากดูด้วยอีกคนหรือไง?”
“หึหึ คิดว่าขู่ฉันแล้วจะได้ผลหรือไงคะ? ครูสมศักดิ์ก็แค่จิตอ่อนไปเองเท่านั้นแหละค่ะ! อย่างฉันที่เป็นถึงผีนางรำไม่เกรงกลัวสิ่งใดอยู่แล้ว”
“แต่เธอกลัวผีไม่ใช่เรอะ?”
“ไม่เกรงกลัวสิ่งใดอยู่แล้ว!”
…เรื่องของหล่อนเถอะ อย่างเบ่งก็เบ่งไป แต่ผมไม่มีความคิดจะเอานรกให้ใครที่ไหนดูอีกแน่ ความรับผิดชอบมันหนักเกินไปหน่อย
พลอยวางมือบนเนินอก
“ผีนางรำนี่เป็นระดับท็อปๆของไทยเลยนะคะ? คิดว่าอย่างฉันที่เป็นกลุ่มก้อนความน่ากลัวจะเกรงกลัวนรกหรือไงคะ?”
“กลุ่มก้อนความน่ากลัวงั้นเหรอ…”
ผมทบทวนคำพูดนั้นด้วยสีหน้าเหม่อลอย
ถึงผมจะอยู่ไทยมาหลายปี แต่ความพิศวงที่ยังไขไม่ได้ก็คือ…ทำไมคนที่นี่ถึงได้กลัวผีนางรำ
มันมีอะไรให้กลัวตรงไหนกันเล่า? ผู้หญิงใส่ชุดไทยแล้วรำเนี่ยนะ? ของอย่างนั้นสำหรับผมมันก็แนวๆเดียวกับนักเต้นนั่นแหละ ถ้าเป็นผีปอบหรือกระสือก็ว่าไปอย่าง แต่นางรำเนี่ย…ไม่เก็ทแฮะ
ผมคิดเช่นนั้น มองพลอยตั้งแต่หัวจรดเท้า
“อะ…อะไรคะ?”
“ไม่เห็นจะน่ากลัวตรงไหน”
“ดูถูกมากไปแล้วนะคะ!”
“งั้นเอางี้ ถ้าเธอทำให้ฉันกลัวได้ ฉันจะเอานรกให้เธอดู”
สำหรับผมที่คลุกคลีกับนรกตั้งแต่เกิด เห็นความโหดร้ายและบ้าคลั่งมานักต่อหนัก ที่สำคัญคือยังมีเชื้อสายซาตาน ถ้าทำให้ผมหวาดกลัวได้ล่ะก็ คงไม่มีปัญหาในการจ้องมองนรกแน่นอน
“ดูเหมือนประธานจะสรุปไปเองว่าฉันอยากเห็นเลยนะคะนั่น?”
“แล้วอยากเห็นมั้ยล่ะ?”
“ก็ต้องอยากสิคะ!”
พลอยตอบด้วยความแน่วแน่
ถ้าให้ยกตัวอย่างประเภทของเธอก็คงจะจบด้วยประโยคประโยคเดียว นั่นก็คือ ‘คนกลัวผีที่ชอบดูอะไรน่ากลัว’ นั่นแหละ
ผมปัดมือ
“ตกลงตามนั้น ถ้าทำให้กลัวได้ ฉันจะเอานรกให้ดู …ที่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนแบบนี้เพราะฉันกลัวเธอจะเสียสติไปอีกคน ยังไงเธอก็เป็นคนสำคัญนี่นะ”
ว่าแล้ว พลอยก็พึมพำเบาๆ
“…ประธานลองปรับคำพูดตอนคุยกับผู้หญิงดีมั้ยคะ…”
จนผมฟังไม่ถนัด
“ว่าอะไรนะ?”
“เปล่าค่ะ! ทำให้ประธานกลัวสินะคะ!”
พลอยหันซ้ายหันขวาพร้อมคลี่ยิ้ม
จากนั้น…ก็เริ่มยกจีบไว้หน้าลำตัว
และก็รำมาทั้งๆอย่างนั้น
ไม่ต้องบอกว่าเกิดอะไรขึ้น …ผมงงเป็นไก่ตาแตกเลยล่ะ
…ผ่านไปราวสองถึงสามนาที พลอยก็หยุดร่างกายลงด้วยกิริยาอ่อนช้อย
พร้อมจ้องมาที่ผมด้วยดวงตาบ๊องแบ๊ว ราวกับมีคำพูดเด้งขึ้นกลางศีรษะว่า ‘เห็นฝีมือรึยังคะ!?’
ผมขมวดคิ้ว
รอ…ให้ปรบมือ…รึเปล่านะ?
ผมจึงปรบมือด้วยกิริยาที่ไม่ค่อยเต็มใจนัก
แปะ…แปะ…แปะ…
“ไม่ได้ให้ปรบมือค่ะ!!!”
พลอยตะโกนเสียงดังจนผมหยุดมือ
“อะไรเล่า? เวลาจบการแสดงก็ต้องปรบมือเป็นการให้เกียรติไม่ใช่เรอะ?”
“ฉันกำลังทำให้ประธานกลัวต่างหากล่ะคะ!”
“เดี๋ยวๆ แค่รำเฉยๆ ใครจะไปกลัวล่ะนั่น?”
เด็กอนุบาลยังไม่กลัวเลยมั้ง? นับประสาอะไรกับลูกซาตาน
พลอยกุมศีรษะอย่างเหนื่อยหน่ายใจ
“ต้องเป็นเพราะไม่ได้ใส่ชุดแน่ค่ะ…”
“หยุดโทษอย่างอื่นนอกจากตัวเองสักทีได้มั้ย?”
สิ้นเสียง พลอยก็จับข้อมือผมแน่น
ใบหน้าที่ปะปนระหว่างสนุกสนานกับไม่สบอารมณ์ก็พูดขึ้น
“สภาไปช้าหน่อยไม่เป็นไรหรอกค่ะ! ฉันต้องทำให้ประธานกลัวให้ได้!”
ว่าแล้วก็ฉุดกระชากลากถูผมโดยไม่สนความเห็นเลยสักนิด…
และแล้ว ก็มาโผล่ที่ห้องดนตรีไทยที่อยู่ในตึกเรียนหลักซะอย่างนั้น …หลังจบเรื่องไร้สาระนี่ ก็ต้องไปตึกชมรมอีกรอบสินะเนี่ย
ผมถอนหายใจอยู่คนเดียวโดยที่มีพลอยกำลังเปิดตู้เสื้อผ้าและเลือกชุดสำหรับใส่
“นี่พลอย ปัญหามันไม่ได้เกี่ยวที่ชุดหรอก แค่ผีนางรำมันไม่น่ากลัว…”
“ไม่ใช่ค่ะ!”
พลอยหันมาตวาดแว้ดๆทันที และพูดต่อ
“เพราะองค์ประกอบหลายอย่างมันไม่ครบต่างหากค่ะ ถ้าฉันใส่ชุดอันสวยงามนี่ล่ะก็ ประธานต้องกลัวหัวหดแน่ค่ะ!”
เธอมองชุดไทยในมือด้วยดวงตาเป็นประกาย
…นี่หล่อนรู้ตัวมั้ยเนี่ยว่าพูดอะไรอยู่? ใส่ชุดสวยๆมันจะไปทำให้ใครกลัวได้ไงฮึ?
คนไทยหนอคนไทย ทำไมถึงกลัวผีนางรำกันนะ…
เมื่อพลอยเลือกด้วยรอยยิ้ม และน่าจะหาตัวที่ถูกใจได้แล้วก็เหลือบมาทางผม
“ฉันจะเปลี่ยนชุด รบกวนออกไปรอข้างนอกด้วยค่ะ”
“เปลี่ยนๆไปเถอะ ร่างเปลือยเปล่าของมนุษย์ไม่สร้างกิเลศให้ฉันหรอก…”
“บอกให้ออกไปรอข้างนอกไงค้า!!!”
สุดท้ายก็โดนพลอยเตะออกมานอกห้องจนได้ จนแล้วจนรอดก็ยังอดคิดไม่ได้ว่าพวกผมควรจะต้องมาเสียเวลากับเรื่องแบบนี้จริงๆเหรอ?
…บางทีการเฝ้ารออะไรสักอย่าง สิ่งที่ได้กลับมาก็อาจจะคุ้มค่าหรือเสียเปล่า แต่อย่างน้อย เราก็ได้บรรลุในการทำบางสิ่ง หรือก็คือการรอนั่นแหละ
ซึ่ง ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า การรอยัยผีนางรำเปลี่ยนเสื้ออยู่เกือบยี่สิบนาทีเนี่ย มันจะได้ผลตอบแทนอะไรที่มันคุ้มค่าด้วยเหรอ?
ก็นั่นแหละ ผมก็แค่หาเรื่องบ่นไปเรื่อยฆ่าเวลา และดูเหมือนจะได้เวลาแล้วด้วยสิ
พลอยตะโกนจากด้านในห้อง
“เข้ามาได้เลยค่ะ! เตรียมใจไว้ให้ดีๆด้วยนะคะ!”
“เออๆ”
ผมตอบแบบขอไปที และเปิดประตูเข้าไป
“โอ้…”
ที่อยู่ด้านหน้า คือเด็กสาวผีนางรำที่มีหน้าตาน่ารักพร้อมด้วยเรือนผมสีดำยาว แม้ตามปกติจะสวมใส่ชฎาไว้บนศีรษะเพื่อแสดงถึงความเป็นนางรำตลอด แต่ตอนนี้สภาพของเธอคือเรียกได้ว่าเป็นนางรำของแท้
ตอนแรกผมก็คิดว่าชุดไทยกับชุดนางรำคืออย่างเดียวกันเสียอีก กลับกลายเป็นว่ามันมีจุดแตกต่างอยู่มากโข หรือก็คือด้วยความรู้อันแสนน้อยนิดของผมแล้ว ไม่อาจสาธยายให้ฟังได้เลยว่า สิ่งที่พลอยใส่อยู่นั้นมีอะไรบ้าง
…แต่ตีว่าเป็นชุดนางรำก็น่าจะได้
ที่จริงพลอยก็หน้าตาดีอยู่แล้วด้วย พอใส่กับชุดนางรำก็ให้ความรู้สึกเข้ากันสุดๆ
พลอยคลี่ยิ้ม
“เป็นไงคะ? กลัวจนตัวสั่นเลยใช่มั้ยล่ะคะ?”
“เธอใส่ชุดนั้นแล้วสวยดีนะ”
“ที่ชมก็ดีใจอยู่หรอกค่ะ …แต่รู้สึกเสียความมั่นใจแปลกๆไงไม่รู้สิ”
“อย่าคิดมากน่า ใส่ชุดแบบนั้นมันไม่ทำให้ใครกลัวได้หรอก แต่อย่างน้อยใส่แล้วก็ดูดี น่าจะพอแล้วมั้ง? รีบไปสภากันเถอะ”
ผมรีบเร่ง เพราะเริ่มจะคิดว่าเสียเวลามากเข้าไปทุกที ดูจากสมาชิกที่เหลือแล้ว น่าจะมีแค่ดิวคนเดียวที่ไปสภา จะปล่อยเธอไว้รับหน้าคนเดียวก็ไม่ได้ซะด้วย
พอผมหันหลังให้ จู่ๆ ก็มีเสียงเพลงดังขึ้นมา…
“ทำอะไรเนี่ย?”
“คิดว่าฉันจะยอมแค่นี้หรือไงคะ? ประธานลองตั้งใจดูดิฉันอีกทีสิคะ!”
จากที่ฟังแล้วน่าจะเป็นเสียงระนาดล่ะมั้ง? นี่หล่อนคิดว่าแค่เปิดเพลงแล้วจะทำให้น่ากลัวกว่าเดิมจริงเรอะ?
ถึงจะคิดเช่นนั้น ผมก็กอดอกและมองยัยพลอยร่ำอย่างจริงจัง…
…เมื่อเพลงหยุดลง พลอยก็โค้งศีรษะเบาๆ
ผมยกสองมือขึ้นมา…
“ถ้าจะปรบมือล่ะก็ ฉันโกรธจริงๆนะคะ?”
“เฮ้อ ให้ตายสิ ไม่ทำก็ได้ …ไงต่อ? หรือว่าไอ้เมื่อกี้คือน่ากลัวแล้ว?”
พลอยกุมคาง
“สงสัยเพราะประธานเป็นคนต่างชาติที่ไม่เข้าใจความน่ากลัวของการผสมผสานระหว่างเสียงระนาดกับผีนางรำแน่ๆ ถ้าเป็นคนไทยปกติต้องกลัวจนร้องหาพ่อหาแม่แล้วนี่นา …อืม …ทำไงดีล่ะเนี่ย…”
เด็กสาวหน้านิ่วคิ้วขมวดและพึมพำถึงสาเหตุที่ทำไมผมถึงไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด
ผมกอดอก
“คืองี้นะ พลอย”
“ถ้าจะปลอบใจก็ไม่ต้องหรอกค่ะ”
“ไม่ได้จะปลอบ… คือฉันเป็นลูกซาตาน ให้เป็นผีประเภทไหนก็ทำฉันกลัวไม่ได้หรอก เพราะงั้นอย่าเสียความมั่นใจเลยนะ โอเค๊?”
“อือ งั้นจะให้ดิฉันยกประธานเป็นกรณีพิเศษงั้นเหรอคะ?”
“ประมาณนั้นแหละ ส่วนเรื่องนรก…เธอไม่ต้องดูล่ะดีแล้ว เดี๋ยวตายไปก็ได้เห็นอยู่ดี”
คนเราตายเมื่อไหร่ก็ไปกระจุกกันอยู่แถวๆนั้นแหละ ไม่มีความจำเป็นต้องอยากรู้อยากเห็นก่อนวัยอันควรหรอก
พลอยนิ่งคิดไปครู่นึง
“เอางั้นก็ได้ค่ะ ครั้งนี้จะยอมรับความพ่ายแพ้ไปก่อนก็ได้”
“…นี่ห่วงเรื่องนั้นอยู่เรอะ?”
“แต่ว่า! ครั้งหน้าล้างคอรอไว้ได้เลย! ถึงจะเป็นลูกซาตานก็เถอะ! ฉันจะต้องทำให้ประธานกลัวผีนางรำให้ได้ค่ะ!”
ผมรับสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความแน่วแน่พลางหัวเราะเบาๆ
จะตั้งตารอก็แล้วกัน ทั้งชีวิตนี้ผมก็ไม่เคยกลัวอะไรมาก่อน ถ้าได้รู้จักความกลัวบ้าง ก็คงดีเหมือนกัน
ยังไงผีนางรำก็เป็นอันดับท็อปๆของไทยด้วยนี่นะ น่าจะหวังพึ่งได้
“งั้นเดี๋ยวฉันเปลี่ยนเสื้อเสร็จแล้วจะตามไปสภานะคะ ประธานล่วงหน้าไปก่อนเลยก็ได้”
“โอ๊ะ ที่จริงฉันมีเรื่องจะขอน่ะ”
“ค่ะ?”
“ปกติฉันก็ไม่ได้เที่ยวไหนอยู่แล้วด้วย ตั้งแต่มาไทยก็อยากถ่ายรูปกับนางรำสักครั้งมาตั้งนานแล้วน่ะ”
“ฉันเป็นผีนางรำต่างหากค่ะ!”
“เหมือนๆกันแหละน่า!”
ถึงจะอยู่ไทยมาตั้งนาน แต่เวลาเจออะไรที่ดูไท๊ยไทย ความรู้สึกอยากถ่ายรูปเก็บไว้ก็ผุดขึ้นมาทุกครั้ง และสำหรับพลอยที่สวมใส่ชุดนางรำจัดเต็มแบบนี้ ผมไม่ปล่อยให้หลุดมือหรอก
พลอยขบริมฝีปากนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเบือนหน้าหนีเล็กน้อย
“หะ ให้แค่รูปเดียวนะคะ…”
“โอ้ว!”
ผมขานตอบอย่างแข็งขัน หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและยกขึ้นเหมือนถ่ายรูปคู่
“ปะ ประธาน! กะ ใกล้ไปค่ะ!”
“ถ้าไม่ใกล้จะเห็นรายละเอียดชุดได้ไงเล่า!”
“ตะ แต่ว่า…!”
“หยุดบ่นไร้สาระแล้วยิ้มเถอะน่า!”
และแล้ว ผมก็ได้ถ่ายรูปคู่กับนางรำใส่ชุดเต็มยศจนได้ จะว่าเป็นหนึ่งในเป้าหมายของผมตั้งแต่มาอยู่ไทยก็ไม่ผิด จะว่าไงดีล่ะ ผีนางรำมันก็น่าพิศวงสำหรับผมในหลายแง่ๆอยู่แล้วด้วย
พลอยกะพริบตาปริบๆมองผมที่กำลังดูรูป
“…ส่งให้ฉันด้วยนะคะ…”
“หืม? ได้สิ เดี๋ยวเอาลงไลน์กลุ่มด้วยเลยดีกว่า”
“จะบ้าหรือไงคะ!”
โกรธอะไรอยู่ล่ะนั่น? แค่รูปคู่ของประธานกับรองประธาน คงไม่มีสมาชิกสภาคนไหนบ่นหรอกน่า
ว่าแต่…เราก็ถ่ายสวยน่าดูเลยแฮะ อืมๆ ตั้งเป็นรูปหน้าจอโทรศัพท์สักพักแล้วกัน
พลอยชะเง้อมองผมที่พึ่งเปลี่ยนภาพหน้าจอเสร็จ
“ประธานคะ…รู้มั้ยว่าเอารูปคู่ที่ถ่ายกับเพศตรงข้ามเป็นหน้าจอน่ะ หมายถึงว่าเป็นแฟนกันนะคะ…”
“แนวคิดไหนกันล่ะเนี่ย? ไม่เห็นเข้าใจสักนิด อีกอย่าง ฉันกับเธอก็ไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อย”
เมื่อผมพูดแบบนั้น เด็กสาวก็ทำหน้างอนๆ
“ชะ ช่วยไม่ได้ งั้นเดี๋ยวดิฉันตั้งเป็นเพื่อนแล้วกันค่ะ!”
“เอางั้นเหรอ? …ว่าแต่ เธอยิ้มอะไรอยู่เนี่ย?”
ผมขมวดคิ้วให้เด็กสาวที่คลี่ยิ้มด้วยสีหน้าเบิกบานจนผมไม่เข้าใจ
เคสที่ 12 เครื่องดนตรีและสภาพแวดล้อม /จบ