สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ - ตอนที่ 12 เคสที่ 6 นอกใจ (3)
แม้เบื้องล่างจะมองเห็นนักเรียนมากมาย แต่ตัวปีกก็ใช้การขยับแบบไร้เสียงและตรวจจับร่องรอยได้ยาก ดังนั้นผมจึงร่อนลงพื้นโดยไม่ตกเป็นจุดสังเกต…
แต่พูดก็พูดเถอะ คนปกติที่ไหนจะเงยหน้ามองดาดฟ้าตึกกันเล่า? ถ้าจะมองข้างบนเอาเวลาไปมองทางดีกว่ามั้ย? ยิ่งสมัยนี้อุบัติเหตุก็เกิดได้ง่ายๆซะด้วย
เมื่อผมจอดลงที่พื้นขณะคิดเรื่อยเปื่อยเช่นนั้น…
“เป็นไง!? ถึงเร็วกว่าลงบันไดเยอะเลยใช่ม้า?”
เร็วมันก็เร็วกว่าจริงๆนั่นแหละ แต่ยัยเด็กนี่เล่นโดดลงจากตึกหกชั้นแบบไม่กลัวอะไรเลยเรอะ?
ก็นะ เสือก็เป็นสัตว์ตระกูลแมวนี่นา บางทีความสามารถอาจจะคล้ายๆกันก็ได้…
“นี่เธอโดดลงมาเพราะรู้ว่าฉันตามลงมาได้อยู่แล้วใช่มั้ย?”
“เป็นซาตานไม่ใช่เหรอ?”
“ก็ใช่อยู่หรอก”
“งั้นก็ต้องบินได้อยู่แล้วสิ?”
ไม่รู้ในหัวเธอคิดว่าซาตานมีความสามารถอะไรบ้าง หวังแค่อย่ามองว่าผมทำได้ทุกอย่างก็พอ ผมก็ไม่ได้รอบด้านขนาดนั้นด้วยสิ…
“หืม?”
พีทที่เดินเอ้อระเหยได้ยินเสียงเอะอะจึงมองมาทางผม
“หลบก่อน!”
“เหวอ!?”
ผมรีบลากสไปรท์เข้าแอบที่พุ่มไม้ใกล้ๆทันที
สไปรท์ที่เหมือนจะตกใจก็ทำเสียงอู้อี้ ผมใช้มือปิดปากเอาไว้แน่น
“อย่าดิ้นได้มั้ย!?”
ผมตะคอกเบาๆขณะที่มือข้างนึงอุดปากสไปรท์ ส่วนอีกข้างก็ล็อคตัวไม่ให้ขยับ
หือ? มองในมุมมองบุคคลที่สามแล้ว เหมือนผมกำลังทำมิดีมิร้ายยัยเด็กนี่อยู่เลยนะนั่น?
แต่ทุกคนก็คงจะรู้แหละว่าผมไม่คิดอะไรแบบนั้นแน่นอน อย่างที่ผมชอบพูดจนปากแทบฉีกนั่นล่ะ
…แค่ผีไทยผมไม่สนหรอก
ผมเหลือบมองจากหลังพุ่มไม้
พีทก็หรี่ตามองมาทางนี้ก่อนจะส่ายศีรษะ
“ตาฝาดล่ะมั้ง? เมื่อกี้เหมือนเห็นประธานนักเรียนกับอีกคนที่เป็นเสือสมิงอยู่ตรงนั้นเลยแฮะ…”
…นี่ถ้าคุณพี่พูดออกมาซะเจาะจงแบบนั้น ไม่ใช่ว่าเห็นพวกผมไปแล้วหรอกเรอะ?
“ช่างเถอะ กลับบ้านดีกว่า”
พูดจบ เด็กหนุ่มที่เป็นผู้ต้องสงสัยคบชู้ก็เบือนหน้าหนีไป
ผมปล่อยมือจากปากสไปรท์
“ต้องรีบแล้ว! เป้าหมายกำลังกลับบ้าน เดี๋ยวนี้เลยสไปรท์!”
“จะให้หนูทำอะไรอะ?”
“แล้วหล่อนไม่รอฟังแผนก่อนจะโดดลงมาล่ะหา!!?”
“วะฮะฮ่า!”
หัวเราะบ้าอะไรเนี่ย
ไม่สิ ไม่ใช่เวลาบ่น ต้องรีบสาธยายแผนให้เด็กโง่นี่ฟังในประโยคเดียว
ผมรีบเรียบเรียง
“เธอแปลงเป็นแก้วแล้วเข้าไปคุยกับพีท แสดงท่าทีเหมือนคนเป็นแฟนกันก็ได้”
“อืมๆ”
“ฉันจะแอบดูจากตรงนี้ เพื่อสังเกตท่าทีว่าพีทกับแก้วแอบคบกันหรือไม่”
“อืมๆ”
“นี่ฟังอยู่ใช่มั้ย?”
สไปรท์พยักหน้า
“แปลงเป็นแก้ว คุยกับพีท พี่คริสโตเฟอร์แอบดู”
ประโยคท้ายฟังดูเหมือนผมเป็นคนโรคจิตไงไม่รู้แฮะ แต่เอาเถอะ ก็ถือว่าเข้าใจดี…
ที่ผมให้สไปรท์ไปที่ห้องมอสี่ทับหกก่อนหน้านี้ ก็เพื่อจะให้ก็อปปี้รูปร่างมานั่นแหละ
ในตอนนี้สไปรท์สามารถแปลงกายเป็นเด็กสาวที่ชื่อแก้วได้แล้ว
แต่เพราะใช้เวลาเฝ้ามองสำหรับการก็อปปี้ไม่นาน จึงไม่ได้อุปนิสัยและวิธีพูดมาด้วย
ก็ต้องมาตบๆเอาทีหลัง แต่อย่างยัยเด็กนี่ก็น่าจะเอาอยู่ล่ะมั้ง?
“เข้าใจนะ คุยให้เหมือนกับต่างฝ่ายต่างรู้ว่าแอบคบกัน แต่ก็ต้องไม่แสดงออกมากไปจนผิดสังเกต เผื่อกรณีที่พีทไม่ได้แอบคบแก้ว…”
“รู้แล้วน่าๆ ไม่ต้องต่อความยาวสาวความยืดร้อก”
สไปรท์ปัดมือเหมือนรำคาญ
ก่อนที่จะบิดขี้เกียจจนกระดูกลั่นเบาๆ
“พี่คริสโตเฟอร์หันไปทางอื่นหน่อยสิ”
“เพื่อ?”
“ไม่อยากให้เห็นตอนหนูแปลงร่างอะ”
…นี่หล่อนเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ที่ตอนแปลงร่างต้องแก้ผ้าหรือไง?
ผมเหน็บแหนมในใจ
“เออ รีบๆด้วยล่ะ”
“ค่า~”
ได้ยินเสียงขยุกขยิกจากด้านหลัง …เริ่มอยากหันไปดูแล้วสิ เสือสมิงนี่เขาแปลงกายกันยังไงนะ?
รอประมาณครึ่งนาทีเห็นจะได้
“เรียบร้อย! หันมาได้!”
เมื่อผมหันกลับไป สไปรท์ก็มีรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปจากเดิม
ไม่เหลือเค้าเดิมของเด็กสาวผมทรงทวินเทลท่าทางแก่นๆเลยสักนิด
กลายเป็นเด็กสาวเงียบๆที่ชื่อแก้วแทน
“โห…แก้วนี่นมโคตรใหญ่เลยอะ!”
สไปรท์ตื่นเต้นพร้อมลูบคล้ำหน้าอกตัวเอง
ถ้าพูดให้ถูกก็คือหน้าอกของแก้วที่ไปก็อปปี้มา
อืม…แต่ก็ใหญ่จริงๆล่ะนะ ถึงจะไม่เท่าพี่น้ำแต่ก็จัดว่าใหญ่พอตัว
พอคิดถึงตรงนั้น ถ้าไม่นับพี่น้ำแล้ว สาวๆในสภาคนอื่นนี่ก็จัดอยู่ในพวกหน้าอกขนาดมาตรฐานทั้งนั้นเลยนี่นะ…
“พี่คริสโตเฟอร์ลองจับดูสิ!”
“ไม่จับว้อย!”
“อันนี้ไม่ใช่นมหนูสักหน่อย นมแก้วต่างหาก!”
“ไม่ต้องมาพูดเรื่องไร้สาระหน้าจริงจังเลยนะ! รีบออกไปหาพีทได้แล้ว!”
แล้วจะของใคร ผมก็ไม่อยากจับทั้งนั้น
กิเลสตัณหาน่ะ ผมชินชากับมันแล้ว …ก็ลูกซาตานน่ะนะ
“เสียดายแทนเลยนะเนี่ย ดูสิ! นิ้วจมหายไปเลยอะ!”
“รีบไปได้แล้ว!”
ผมตะโกนเร่ง
จังหวะเดียวกับที่ได้ยินเสียงสไปรท์
“เอ๊ะ?”
เหวอๆเช่นนั้น
“อะไรอีก?”
ผมถามด้วยความหงุดหงิด
สไปรท์ยืนขึ้นและชะโงกมอง
“พีทหายไปไหนแล้วอะ?”
“……”
…เป็นเพราะยัยเด็กบ้านี่มัวแต่เล่นอะไรก็ไม่รู้ พวกผมจึงคลาดกับพีทเรียบร้อย
ด้วยเหตุนั้น เลยต้องออกมาตามหานอกโรงเรียน
เมื่อออกมาด้านนอกก็มองเห็นผู้คนบางตา คงเพราะเลยเวลาเลิกเรียนมาสักพักใหญ่ๆ จนน่าจะถึงบ้านกันหมดแล้ว เพราะงั้นก็น่าจะหาตัวพีทได้ไม่ยาก…
แต่ว่า พวกผมก็ไม่รู้ว่าพีทกลับบ้านทางไหน ต่อให้จะใช้อำนาจประธานนักเรียนสืบก็ไม่ได้รู้ถึงขนาดนั้น
อยู่ในระหว่างหาเส้นทางที่คิดว่าเป้าหมายน่าจะกลับ …ว่าง่ายๆก็เสี่ยงดวงนั่นแหละ เผลอๆเคสนี้อาจจะไม่จบวันนี้…
“…เพราะเธอคนเดียวเลย”
ผมบ่นพึมพำ
“อย่ามาโทษหนูนะ!”
“ไม่ให้โทษเธอจะให้ไปโทษใครกันเล่า?”
“รับผิดชอบร่วมกันอะรู้จักมั้ย? ฮึ?”
“ก็เธอผิดคนเดียวไม่ใช่เรอะ? ทำไมฉันต้องไปร่วมรับผิดชอบด้วยล่ะ? หา?”
“คิดไปคิดมาก็อาจจะจริงแฮะ หนูค่อนข้างบ๊องๆด้วยสิ งั้นก็ช่างเตอะ”
สไปรท์หมดข้อกังขาอย่างง่ายดาย
แล้วอย่างหล่อนนี่ใช้แค่คำว่า ‘บ๊อง’ พอด้วยเหรอ?
…ใจจริงก็กะจะยกยอดเคสนี้ไว้พรุ่งนี้เลยน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะยังไงพลังก็อปปี้ของสไปรท์ก็ไม่มีเวลาจำกัด
ถ้าไม่ได้เลือกตัวก็อปปี้อื่น ก็ยังสามารถแปลงกายเป็นคนล่าสุดที่ก็อปปี้ได้
และจากการตามหาแบบไร้สมองเพราะไม่มีข้อมูลทางกลับบ้านของเป้าหมาย จนปลงตกว่าคงต้องเริ่มกันใหม่อีกทีพรุ่งนี้จริงๆ ก็ดูเหมือนว่าโชคจะเข้าข้าง
ขณะวิ่ง ที่หางตาก็มองเห็นเด็กหนุ่มชมรมฟุตบอลเดินอยู่ในซอยที่ผมกับสไปรท์วิ่งเลยมาครึ่งตัว
“สต๊อป!”
ผมตะโกนพร้อมหยุดเท้า
ไม่ลืมที่จะยืดแขนไปหยุดสไปรท์ที่วิ่งตีคู่มาด้วย
“แค่นี้หยุดหนูไม่ได้ร้อก!!”
ว่าแล้วสไปรท์ก็กระโดดม้วนตัวกลางอากาศข้ามท่อนแขนผมไป
“เดี๋ยว!? พีทอยู่นี่ จะไปไหน!?”
“วะฮะฮ่า!”
สไปรท์หัวเราะร่าแล้ววิ่งหายไปจากเบื้องหน้าผมด้วยฝีเท้าลมกรด
เสียงหัวเราะค่อยๆห่างออกไป
ผมยืดแขนค้างอยู่อย่างนั้น
“…….”
วิ่งหายไปเลยวุ้ย ยัยเด็กบ้านั่นลืมว่าต้องทำอะไรไปแล้วเรอะ?
“พรุ่งนี้ไล่ออกจากสภาเลยดีมั้ยนะ…”
จะด่าว่าความจำปลาทองยังสงสารปลาทองเลยนะเนี่ย…
“อะ เอ่อ …พี่ประธานนักเรียนครับ”
“เหวอ!?”
ผมตกใจจากเสียงทักกะทันหันด้านหลัง
เมื่อหันกลับมา ก็พบเด็กหนุ่มหน้าตาที่จัดอยู่ในเกณฑ์ไม่แย่ เด็กหนุ่มชมรมฟุตบอล รวมถึงเป็นเป้าหมายที่ผมต้องหาข้อมูลว่านอกใจหรือไม่จากเคสที่กำลังทำอยู่
พีทนั่นเอง
…สงสัยจะได้ยินเสียงเอะอะเลยเดินกลับมาดูแล้วก็เจอผมพอดีล่ะมั้ง?
พีทยิ้มอย่างมีมารยาท
“พี่ประธานก็กลับบ้านทางนี้เหรอครับ?”
“กะ ก็เปล่าหรอก คือที่จริงแล้ว…”
“???”
เอาล่ะ ทางเลือกมีไม่มาก …ไม่สิ จากที่ยัยเสือสมิงสมองกลับวิ่งหายไปแบบนั้น ถ้าอยากจะจบเคสนี้ให้ได้วันนี้ ก็คงเหลือแค่วิธีเดียว…
อุตส่าห์วางแผนไว้ซะดิบดี ลงท้ายกลับมาตกม้าตายตรงที่ผู้ช่วยดันปัญญานิ่มซะได้
น่าเสียดายจริงๆ
“คืองี้นะ น้องพีท”
“ประธานรู้จักผมด้วยเหรอครับ?”
จะสงสัยก็ไม่แปลก
ผมกับพีทไม่มีส่วนไหนเกี่ยวข้องกัน ต่อให้ผมจะเป็นประธานนักเรียนที่ทุกคนรู้จัก แต่ในทางกลับกัน …ผมก็ไม่ได้รู้จักนักเรียนทุกคน
“ที่พี่จะพูดก็นี่แหละ รู้หน้าที่ของสภานักเรียนใช่มั้ย?”
“อ๋อ…เห็นในสมุดนักเรียนอยู่น่ะครับ มีหน้าที่ช่วยเหลือนักเรียนที่ลำบากใช่มั้ยครับ?”
“ใช่ๆ เมื่อวันก่อน แฟนน้องมาขอให้สภานักเรียนช่วยน่ะ”
“หยกเหรอครับ?”
ราวกับเห็นเครื่องหมายคำถามลอยขึ้นเหนือศีรษะเด็กหนุ่ม
…ตกลงเจ้าของเคสชื่อหยกสินะ? เป็นข้อมูลที่ไม่ค่อยได้ประโยชน์เท่าไหร่ แต่ไม่น่าจะผิดคน
“อืม เด็กคนนั้นแหละ”
“แล้ว…แฟนผมไปขอให้ช่วยอะไรเหรอครับ?”
พอโดนถามตรงๆแบบนี้ก็พาลเอาพูดลำบากเหมือนกันแฮะ
ถ้ายัยเสือสมิงนั่นไม่วิ่งหายไปล่ะก็…
ผมพ่นลมหายใจแรงๆอย่างเหนื่อยล้า
“แฟนน้อง สงสัยว่าน้องคบชู้กับเพื่อนสนิทของเขา …แก้วน่ะ”
“หา?”
ถึงจะดูถามไปงั้นๆ แต่ผมก็จับตามองดูทุกกิริยา
แม้จะไม่ต้องควบคุมจิตใจ แต่ถ้าเป็นการจับพิรุธหรือโกหก ผมก็พอมีความสามารถนั้นติดตัวอยู่นิดหน่อย
พีทโบกมือปฎิเสธ
“เข้าใจผิดแล้วครับ ผมไม่ได้เป็นพวกเจ้าชู้สักหน่อย …ยิ่งกับเพื่อนสนิทของแฟนตัวเองอีก…”
จากที่ฟังก็ไม่ได้โกหกแฮะ …แต่ในเมื่อมาขนาดนี้ ก็ต้องให้แน่ใจชัดๆไปเลย
ผมจับไหล่เด็กหนุ่มดังหมับ
“ช่วยปฎิเสธคำกล่าวหาของพี่ให้ชัดๆหน่อย”
“ครับ?”
“อย่าหลบตาล่ะ”
พีททำตัวไม่ถูกไปครู่หนึ่ง
สุดท้ายก็รับสายตาของผมพร้อมพูดอย่างหนักแน่นไม่แพ้กับแววตา
“ผมไม่ได้แอบคบกับแก้ว และไม่ได้นอกใจแฟนแน่นอนครับ”
วงเวทดาวหกแฉกก่อเกิดที่ม่านตาของผมจนพีทเผลอกลืนน้ำลาย
นี่คือการจับโกหก
เป็นพลังที่ยุ่งยากนิดหน่อย ถ้าไม่จ้องตาระหว่างใช้งาน จะไม่ได้ผลลัพธ์อะไรเลย
และคำตอบที่ได้ก็…
ผมตบไหล่พีทเบาๆ
“พี่ภูมิใจในตัวน้องนะ”
“เชื่อด้วยสินะครับ!?”
จะใช้คำว่าเชื่อก็ไม่ถูกเท่าไหร่ แต่เรียกว่าแน่ใจสุดๆเลยต่างหาก
แต่เอาเป็นอย่างนั้นไปก็แล้วกัน
“อืม เชื่อหมดใจเลยล่ะ”
พีททำหน้าโล่งอก
“ขอบคุณมากครับ เฮ้อ…ที่ช่วงนี้หยกทำตัวแปลกๆก็เพราะงี้เองสินะ…”
ก็ถึงขั้นไปเค้นถามจากเจ้าตัวก่อนที่จะมาขอให้สภาช่วยเลยนี่นะ แต่เพราะไม่มีหลักฐานแน่ชัด ก็เลยมาเป็นเรื่องปวดหัวของผมแทนนี่แหละ
พีทพยักหน้าอยู่คนเดียว ดูเหมือนกำลังคิดถึงท่าทีแฟนตัวเองที่ผ่านๆมา
“…เหนื่อยแย่เลยนะครับ พี่ประธาน”
“ขอบใจนะ แต่เพราะน้องเป็นคนแบบนี้แหละ พี่เลยได้คนมาช่วยทำความสะอาดฟรีๆหนึ่งเดือน”
พีทขมวดคิ้วสงสัย เหมือนอยากบอกประมาณว่า ‘พี่คนนี้พูดอะไรอยู่เนี่ย?’ เลยล่ะ
ถึงตอนแรกจะมีหวั่นๆว่าจะแพ้พนันอยู่บ้าง แต่ก็ต้องขอบคุณพีทล่ะนะ พวกเก่งกีฬาก็ไม่ได้เจ้าชู้ไปซะทุกคนนี่นา
และที่สำคัญคือ มนุษย์ก็ไม่ได้เลวไปหมดซะทีเดียว…
ผมยิ้มเล็กน้อย
ทางด้านหลังเลยหัวไหล่พีท มองเห็นสองสาวที่พึ่งเห็นหน้ามาเมื่อไม่ถึงชั่วโมง เดินมาทางนี้
“เอ๊ะ? พี่ประธานกับพีทนี่?”
เด็กสาวเจ้าของเคสพูดขึ้น ที่ด้านข้างมีแก้วเดินตามมาด้วย
อ๋อ ก่อนหน้านี้ผมบอกให้เธอพาแก้วไปเที่ยวที่ไหนสักที่นี่นะ …คงอยู่ระหว่างทำตามคำสั่งของผม
จะยังไงก็เถอะ จังหวะมันพอดีไปหน่อยมั้ยเนี่ย?
ผมเดินถอยหลังหลบฉากมาเล็กน้อย
พีทหันไปหาหยก
“อ้าว? หยกกับแก้วจะไปไหนกันเหรอ?”
“อะ เอ่อ…”
เจ้าของเคสเหลือบมาทางผม
พีทหัวเราะเบาๆก่อนจับมือหยก …ส่วนผมขอเรียกว่าเจ้าของเคสแบบเดิมดีกว่าแฮะ
“เธอไปปรึกษาสภานักเรียนมาใช่มั้ยล่ะ?”
“อะ อือ”
“คิดว่าฉันนอกใจจริงๆเหรอ?”
“ระ เรื่องนั้น…ก็ฉันเห็นว่าช่วงนี้พีทสนิทกับแก้วนี่นา”
“แปลกตรงไหนกันล่ะ? ฉันก็อยากสนิทกับเพื่อนสนิทแฟนตัวเองก็เท่านั้นเอง”
พร้อมคลี่ยิ้มเจิดจ้าที่ทำให้หน้าตาเรียบๆดูมีเสน่ห์ขึ้นมาหลายเท่า
…คนมีแฟนก็ต้องมีของสักหน่อยนี่นะ
เจ้าของเคสยังไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์เท่าไหร่ ถึงหันมองผมสลับกับพีท
ส่วนแก้วที่ผมรู้แน่ชัดแล้วว่าไม่ได้มีซัมติงกับพีทแน่นอน ก็ยิ่งทำหน้างงเข้าไปใหญ่
“พี่คุยกับพีทแล้ว …ยืนยันเรียบร้อยว่าไม่ได้นอกใจ”
ผมชี้แจงไปแบบนั้น
เจ้าของเคสปล่อยมือพีทและเดินมาทางผม เขย่งตัวขึ้นกระซิบข้างหู
“…แน่ใจเหรอคะ?”
“เออ แน่ใจสิ …จะเบี้ยวเดิมพันหรือไง?”
“ไม่ใช่ค่ะ!”
อย่าตะโกนข้างหูได้มั้ยเนี่ย? หูจะแตกเอา
“อืม…”
ว่าแล้วเจ้าของเคสก็พยักหน้าอยู่คนเดียว
“จะไปเที่ยวกันเหรอ? ฉันไปด้วยได้ดีมั้ยน้า”
“พีทเหนื่อยจากซ้อมไม่ใช่เหรอ? รีบกลับไปพักดีกว่ามั้ย?”
เจ้าของเคสตอบพีทไปแบบนั้นอย่างไร้เยื่อใย
…เป็นท่าทีที่เย็นชามากพอดูจนผมแอบงง ไม่ใช่ว่าไม่มีเรื่องบาดหมางกันแล้วหรอกเรอะ?
เจ้าของเคสยกมือไหว้
“งั้นก็ขอบคุณมากค่ะพี่ประธาน ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะคะ!”
“อ่า…อย่าลืมเอาไม้ถูพื้นมาด้วยล่ะ”
“รู้แล้วค่ะ!”
เมื่อเจ้าของเคสเดินนำออกไป แก้วก็ยกมือไหว้ผมก่อนเดินตามไปเช่นกัน จนตอนนี้เธอก็ยังทำหน้างงงวย …คิดว่าเดี๋ยวคงไปปรับความเข้าใจกับเจ้าของเคสทีหลังนั่นแหละ
ขณะที่พีทกำลังสงสัยกับท่าทีของแฟนสาวอยู่คนเดียวพลางมองพวกเธอเดินออกไป
ผมก็เอ่ย
“นี่น้อง”
“ครับ?”
“กลับบ้านดีๆล่ะ”
“อ๊ะ! พี่ประธานก็ด้วยครับ”
“แล้วก็ขอเตือนไว้อย่าง …อย่าเผลอไปหลงเสน่ห์แก้วก็แล้วกัน เด็กนั่นหน้าอกใหญ่ซะด้วยสิ”
“…เป็นถึงรุ่นพี่แถมยังเป็นประธานนักเรียน พูดอะไรอย่างนั้นได้ด้วยเหรอครับ?”
“พี่ก็แค่มองกิเลสของมนุษย์ออกน่ะ …ถึงจะไม่ได้นอกใจจริงๆ แต่พี่เห็นนะว่าแอบมอง”
บอกไว้ก่อนว่าทุกคำที่ผมพูดไป ไม่ได้มีเจตนาจะล่วงละเมิดทางเพศแต่อย่างใด
ก็แค่สายตาผมมันชินชากับความต้องการของมนุษย์ก็เท่านั้น
พีทลำบากใจเล็กน้อย
“แหม ผมก็ผู้ชายวัยรุ่นธรรมดานี่ครับ มองนิดมองหน่อยก็เรื่องปกติ”
“งั้นเหรอ?”
“แต่ผมไม่นอกใจแน่นอนครับ!”
“อืม อย่าทำให้พี่ผิดหวังแล้วกัน”
“ฮะฮะ เข้าใจแล้วครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ!”
“ไว้เจอกัน”
“ทีแรก…”
“หืม?”
ผมสงสัยให้คำเกริ่นนำ
พีทก็พูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ผมได้ยินจากเพื่อนๆว่าประธานนักเรียนเป็นลูกซาตานเลยแอบกลัวนิดหน่อย แต่พี่ประธานเป็นคนคุยง่ายกว่าที่คิดไว้เยอะเลยครับ!”
โอ้ว? เป็นเด็กดีเหมือนกันนี่นา?
“ขอบใจนะ …น้องรีบกลับเถอะ เหนื่อยจากซ้อมอยู่นี่?”
“ครับ! ไว้วันไหนผมจะไปหาที่สภานะครับ!”
“อืม”
ผมโบกมือเบาๆ ให้พีทที่เดินจากไป
…แต่แอบสงสัยน้ำเสียงของเจ้าของเคสที่คุยกับพีทตอนสุดท้ายนั่นเหมือนกันแฮะ
มีความรู้สึกว่าคู่นี้ใกล้จะเลิกกันไงไม่รู้สิ …มองผ่านๆก็เหมือนเจ้าของเคสหมดใจกับพีทไปแล้วซะอย่างนั้น
แต่ในเวลาสั้นๆแบบนี้ จะมีชายอื่นเข้ามาในใจได้เร็วขนาดนั้นเลยเรอะ?
ไม่ค่อยเข้าใจเลยแฮะ
ช่างมัน ถ้ามีเรื่องอย่างนั้นจริงๆ เดี๋ยวพีทก็คงมาขอให้สภาช่วย ผมค่อยรอตอนนั้นเอาก็ได้
กลับมาสนใจที่ปัจจุบันดีกว่า
ผมเพ่งมองไปยังทิศทางที่คนคนหนึ่งหายไป
“ยัยสไปรท์หายไปไหนแล้วล่ะเนี่ย…”
เพราะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ที่หมดเวลาชมรม ตอนที่ผมกลับมาสภาเพื่อจะเอากระเป๋า ก็พบว่าฟ้าใกล้มืดเต็มที
ผมเปิดประตูห้องสภา และก็แปลกใจเล็กน้อย
ที่อยู่ในห้องคือผีนางรำที่คุ้นหน้าคุ้นตา
เด็กสาวผมสีดำยาวสลวยพร้อมด้วยชฎาบนศีรษะ
เธอนั่งอยู่ที่โต๊ะรับแขกคนเดียว
“ยังไม่กลับเหรอ?”
พลอยสะดุ้งเล็กน้อยก่อนคลี่ยิ้ม
“ยังค่ะ พอดีต้องตรวจเอกสารนิดหน่อย”
“งั้นเหรอ ขอโทษที่ให้เธอต้องทำงานคนเดียวนะ แถมนี่ก็เลยเวลาชมรมไปนานแล้วด้วย…”
“ไม่เป็นไรค่ะ อีกอย่างวันนี้ประธานก็ไปช่วยน้องเขาไม่ใช่เหรอ? เป็นไงบ้างคะ?”
“เรียบร้อยดี ได้คนมาช่วยทำความสะอาดด้วย”
“ก็ดีค่ะ ถึงจะแอบสงสารน้องเขานิดหน่อย แต่ก็นะ…”
พลอยหัวเราะคิกคักพร้อมลุกขึ้น
“งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ”
“เจอหน้าฉันปุ๊บรีบกลับปั๊บแบบนี้มันเสียมารยาทนะ?”
“ตรงข้ามเลยต่างหากค่ะ”
“หะ?”
พลอยทัดผมเบาๆด้วยกิริยาอ่อนช้อย
“ฉันอยากเห็นหน้าประธานก่อนกลับต่างหากค่ะ ถึงได้นั่งรอ”
น้ำเสียงใสๆนั่น ทำผมใจเต้นไปเล็กน้อย
เมื่อผมตั้งสติได้
“…พูดเล่นสินะ พลอย”
“ฮิฮิ รู้ทันสินะคะ?”
“เฮ้อ ให้ตายสิ วันนี้ฉันกลับด้วยแล้วกัน ป่านนี้แล้วคงไม่มีใครมาแล้วล่ะ”
“แหม ขนาดหมดเวลางานยังอยากช่วยนักเรียนอยู่อีกเหรอคะ?”
“ต่อให้จะหมดเวลา แต่ถ้าฉันยังอยู่ที่นี่ก็พร้อมช่วยตลอดนั่นแหละ”
ถึงจะได้แค่รับเคสไว้และเอาไปทำต่อพรุ่งนี้ก็เถอะ
ผมหยิบกระเป๋าที่วางไว้
พลอยที่รออยู่หน้าประตูก็ปิดสวิตช์ไฟ
นี่คือสัญญาณว่าหมดเวลาสำหรับการช่วยเหลือประจำวัน
และเคสที่ใช้เวลานานไปสักหน่อยก็จบลงด้วยเหตุนี้ ถึงจะดูแปลกๆตรงที่ไม่ได้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตลี้ลับแต่เป็นเรื่องชู้สาว แต่ก็เอาเถอะ นี่ก็นับว่าเป็นปัญหาหนักใจของวัยรุ่นล่ะนะ
นักเรียนในโรงเรียนต่อให้จะแปลกกว่ามนุษย์ แต่เนื้อในก็เป็นเด็กวัยรุ่นธรรมดา
สภานักเรียนก็โดนมองเหมือนเป็นร้านรับจ้างสารพัดอยู่แล้ว จะมีเคสง่อยๆประมาณนี้มาให้เหนื่อยเล่นก็ไม่แปลก
ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง ผมก็ยินดีช่วยนั่นแหละ
ที่จริงก็พูดให้ดูดีไปงั้น …ยังไงเคสนี้ก็ควรจะเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตลี้ลับสักหน่อยไม่ใช่เรอะ? ผมอุตส่าห์นึกแผนมาซะดิบดี
อย่างที่เขาว่ากัน ต่อให้แผนดีแค่ไหน ถ้าคนช่วยมันโง่ก็ถือว่าเป็นแผนที่โง่อยู่ดี
อ๋อ ผมไม่ได้ด่าตัวเองหรอก ผมหมายถึงยัยเสือสมิงนั่นต่างหาก
“ประธานดูเหนื่อยๆนะคะ?”
นี่ผมแสดงออกทางสีหน้าขนาดนั้นเลยเหรอ?
“…ก็นะ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง”
“ตั้งตารอเลยค่ะ!”
ผมยิ้มบางๆพร้อมปิดประตูห้อง
…สุดท้ายผมก็หาตัวสไปรท์ไม่เจอ คิดว่าคงกลับบ้านไปแล้วนั่นแหละ แต่กระเป๋าของยัยเด็กนั่นก็ยังวางทิ้งไว้ที่ห้องสภาอยู่เลย
สรุปแล้ว ยัยนั่นคิดอะไรอยู่ถึงได้วิ่งหายไปแบบนั้นกันนะ? ลงท้ายผมก็ยังหาคำตอบไม่ได้ ตีว่าเป็นพวกบ้าๆบอๆเฉยๆจะได้รึเปล่าเนี่ย?
ช่างเถอะ กลับบ้านดีกว่า เดี๋ยวเล่าให้พลอยฟังแล้วค่อยมาช่วยกันวิเคราะห์อีกทีก็แล้วกัน…
เคสที่ 6 (นอกใจ) /จบ