สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 995 จัดการขั้นเด็ดขาด
ตอนที่ 995 จัดการขั้นเด็ดขาด
“ท่านพี่คิดว่าเมื่อท่านพี่แต่งกายเป็นบุรุษแล้วขุนนางเหล่านั้นจะเห็นท่านพี่เป็นจักรพรรดิ เห็นท่านพี่เป็นบุรุษอย่างนั้นหรือ!” หลี่เทียนฟู่หัวเราะออกมาอย่างเย้นหยัน “ไม่มีทาง…”
มือทั้งสองข้างของจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงสั่นเทา หญิงสาวฟาดมือลงบนใบหน้าของหลี่เทียนฟู่อีกครั้ง ครั้งนี้หลี่เทียนฟู่เซถอยหลังไปสองสามก้าว ทว่า ไม่ได้ล้มลงบนพื้น นางมองไปทางจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงด้วยแววตาโกรธเคือง “บัดนี้ตระกูลทั้งแปดร่วมมือกันแล้ว อีกไม่นานซีเหลียงจะมีการเปลี่ยนแปลงผู้นำคนใหม่ หวังว่าเมื่อถึงเวลานั้นท่านพี่จะมีแรงตบข้าได้เหมือนตอนนี้นะเจ้าคะ”
ใบหน้าของจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงซีดเผือด ร่างของหญิงสาวเย็นวาบราวกับตกลงไปในธารน้ำแข็งในเดือนสิบสอง
ครู่ใหญ่ จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงเงยหน้ามองไปทางน้องสาวแท้ๆ ของตัวเอง น้ำเสียงเยือกเย็นยิ่งกว่าที่นางรู้สึกในตอนนี้ “ผู้ใดก็ได้เข้ามาที…”
ไม่นาน ประตูตำหนักไหวเซียงถูกกระแทกอย่างแรง กลิ่นหอมของดอกกล้วยไม้และไอร้อนจากด้านนอกพุ่งเข้ามาในตำหนัก ผ้าม่านในตำหนักไหวเซียงเลิกขึ้นตามแรงลมจนเผยให้เห็นจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงและหลี่เทียนฟู่ที่ยืนเผชิญหน้ากันอยู่
หลี่เทียนฟู่มองจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงแวบหนึ่ง จากนั้นหันมองไปทางต้นเสียง หญิงสาวเห็นทหารรักษาพระองค์สองกองเดินถือดาบตรงเข้ามาทางนางอย่างดุดันผ่านม่านผืนบาง สีหน้าของหลี่เทียนฟู่เปลี่ยนไปทันที
เมื่อหันกลับไปมองจักรพรรดินีแห่งซีเหลียง หลี่เทียนฟู่เห็นพี่สาวของนางเดินก้มหน้าเดินสวนกับทหารรักษาพระองค์ที่เดินเข้ามาด้านในไปยังผ้าม่านที่แขวนซ้อนกันอยู่หลายชั้นราวกับไม่อยากกล่าวสิ่งใดกับนางอีกแล้ว
“ท่านพี่!” หลี่เทียนฟู่ร้องเรียกจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงด้วยความหวาดกลัว
จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงชะงักฝีเท้าเล็กน้อย นางกำหมัดที่แนบข้างลำตัวแน่น ขอบตาร้อนผ่าว สายตาส่อแววลังเลเล็กน้อย
ผ้าม่านที่ถูกลมพัดจนเลิกขึ้นปิดลงตามเดิม เสียงด่าทออย่างโกรธเคืองของหลี่เทียนฟู่และเสียงเกาะเหล็กกระทบกันของทหารรักษาพระองค์ที่กำลังจับกุมตัวหลี่เทียนฟู่ดังมาจากในตำหนัก จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงเงยหน้าขึ้น น้ำตาไหลรินออกมาจากหางตา ทว่า แววตาของหญิงสาวไม่มีแววลังเลอีกต่อไป นางแหวกม่านออก จากนั้นเดินออกไปจากตำหนักไหวเซียง
เมื่อขันทีเล็กที่ยืนถือราชโองการรออยู่หน้าตำหนักไหวเซียงเห็นจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงเดินออกมาจากตำหนักตามลำพังจึงรีบเข้าไปทำความเคารพอย่างนอบน้อม เมื่อจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงจากไปขันทีเล็กจึงชูราชโองการขึ้นเหนือศีรษะพลางเดินเข้าไปในตำหนักไหวเซียง
อวิ๋นพั่วสิงรออยู่ในตำหนักพักใหญ่ เขาจ้องไปที่โคมไฟนกกระเรียนซึ่งวางอยู่หน้าประตูตำหนักสองฝั่งนิ่ง ในใจเริ่มกระวนกระวายขึ้นทุกที
ไม่นานจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงเดินหน้าเคร่งขรึมเข้ามาในตำหนัก อวิ๋นพั่วสิงรีบใช้มือยันโต๊ะลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงโบกมือให้อวิ๋นพั่วสิง “แม่ทัพใหญ่ไม่ต้องมากพิธี นั่งลงเถิด เรามีเรื่องจะคุยกับท่านแม่ทัพ”
อวิ๋นพั่วสิงข่มความเจ็บปวดที่เอวพลางพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นนั่งลงตามคำสั่ง
“แม่ทัพใหญ่กำลังสงสัยมากใช่หรือไม่” จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงยืนอยู่ตรงหน้าของอวิ๋นพั่วสิง จากนั้นกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “ตระกูลทั้งแปดร่วมมือกับชุยกงสิงทำให้ซีเหลียงเกิดความวุ่นวาย จากนั้นโทษว่าเป็นความผิดของระบอบการปกครองใหม่เพื่อปลดเราออกจากบัลลังก์ ให้องค์หญิงผิงหยางขึ้นครองบัลลังก์แทน”
อวิ๋นพั่วสิงเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ “ว่าอันใดนะพ่ะย่ะค่ะ!”
อวิ๋นพั่วสิงคือคนตระกูลอวิ๋นซึ่งเป็นหนึ่งในแปดตระกูลสูงศักดิ์เช่นเดียวกัน ทว่า เขาไม่รู้เรื่องนี้แม้แต่น้อย
จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงหันไปมองอวิ๋นพั่วสิง “เมื่อครู่เราไปยังตำหนักไหวเซียง องค์หญิงผิงหยางรับสารภาพแล้ว…”
อวิ๋นพั่วสิงกำหมัดแน่น เขากล่าวสิ่งใดไม่ออกแม้แต่คำเดียว ได้แต่มองไปทางจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงนิ่ง เขายอมรับว่าการปกครองระบอบใหม่มีปัญหาอยู่บ้าง ทว่า กฎหมายของราชสำนักใดไม่ได้เกิดจากการปรับเปลี่ยนแก้ไขไปเรื่อยๆ บ้าง แม้ระบอบการปกครองใหม่จะทำร้ายผลประโยชน์ของตระกูลทั้งแปด ทว่า หากไม่ทำเช่นนี้ก็ไม่มีทางสร้างสิ่งที่ดีกว่าได้ บัดนี้ซีเหลียงกำลังตกอยู่ในอันตราย หากพวกเขาไม่ตัดใจทำลายอำนาจของตระกูลทั้งแปดเพื่อสร้างความแข็งแกร่ง ซีเหลียงก็คงถูกต้าเยี่ยน ไม่ก็ต้าโจวหรือแม้แต่หรงตี๋ยึดครองแน่นอน!
หากแคว้นซีเหลียงดับสูญลง ตระกูลทั้งแปดที่เกาะติดซีเหลียงเป็นปลิงจะดำรงอยู่ต่อไปได้หรือ พวกเขาต้องการเดินไปหาความตายหรืออย่างไรกัน
หากไม่มีผิวหนัง ขนบนผิวหนังก็ไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้ เหตุใดทั้งแปดตระกูลจึงไม่เข้าใจตรรกะนี้กัน!
แค่เสียสละผลประโยชน์เล็กน้อยในวันนี้เพื่อความแข็งแกร่งของซีเหลียงในวันหน้า วันหน้าพวกเขาจะไม่ได้ประโยชน์มากกว่านี้หรืออย่างไรกัน
จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงก้มหน้าลง แม้นางจะพยายามควบคุมอารมณ์มากเท่าใด ทว่า สุดท้ายก็เผยออกมาให้เห็นอยู่ดี “นางคือน้องสาวแท้ๆ ที่เราไว้ใจมากที่สุด หากนางคัดค้านเราเพราะไม่เห็นด้วยกับการปกครองระบอบใหม่ คิดว่าระบอบการปกครองนี้ไม่เป็นผลดีต่อซีเหลียง หากนางมีแผนการที่ดีกว่าจึงต้องการปลดเราลงจากตำแหน่งและขึ้นนั่งเอง เราจะดีใจมาก ทว่า นาง…”
จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงหลับตาลง “นางต้องการให้ซีเหลียงทั้งแคว้นแก้แค้นให้ขันทีเพียงคนเดียว นางต้องการขึ้นนั่งบนบัลลังก์นี้เพราะต้องการประกาศศึกกับต้าโจว! นางต้องการให้แคว้นดับสูญ! หากนางทำเพื่อต้องการแก้แค้นให้ท่านพ่อ เรา…” เราคงไม่รู้สึกเสียใจถึงเพียงนี้
อวิ๋นพั่วสิงรู้ดีว่าตอนที่หลี่เทียนฟู่กลับมาจากต้าจิ้น หญิงสาวเคยคุกเข่าขอร้องให้จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงยกทัพบุกไปโจมตีต้าจิ้นอยู่หนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ นางกล่าวว่าต้าจิ้นรังแกกันมากเกินไป
ทว่า หลี่จือเจี๋ยบอกกับอวิ๋นพั่วสิงว่าหลี่เทียนฟู่ต้องการเปิดศึกกับต้าจิ้นอย่างคนบ้าคลั่งเพียงเพราะขันทีเพียงคนเดียว หญิงสาวถึงกับลอบสังหารไป๋ชิงเหยียนในงานแต่งงานของนางกับองค์รัชทายาทแห่งต้าจิ้น หลี่จือเจี๋ยจึงต้องพานางกลับมาต้าจิ้น
ทว่า อวิ๋นพั่วสิงไม่คิดเลยว่าหลี่เทียนฟู่จะเสียสติได้ถึงเพียงนี้ นางถึงกับคิดปลดพี่สาวแท้ๆ ที่รักนางถึงเพียงนี้ลงจากบัลลังก์เพื่อให้ซีเหลียงเปิดศึกกับต้าโจว
ทว่า การเปิดศึกกับต้าโจวในเวลานี้เท่ากับเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง
อวิ๋นพั่วสิงเข้าใจตรรกะนี้ดี ตระกูลทั้งแปดที่มีอิทธิพลมาจนถึงตอนนี้ได้ย่อมเข้าใจตรรกะนี้ดีเช่นเดียวกัน พวกเขาคงต้องการได้หุ่นเชิดคนใหม่ องค์หญิงผิงหยางถูกพวกเขาหลอกใช้แล้ว
ไม่นานจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงจึงกล่าวขึ้น “เราจะลังเลต่อไปไม่ได้แล้ว หากช้ากว่านี้ซีเหลียงอาจเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่อีกครั้ง ถึงเวลานั้นไม่ต้องรอให้หรงตี๋ ต้าโจวและต้าเยี่ยนบุกมาโจมตี ภายในของซีเหลียงคงวุ่นวายจนแตกแยกกันเองแน่นอน”
จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงตัดสินใจอย่างแน่วแน่ ในใจเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “แม้เราจะถูกประนามในประวัติศาสตร์ ทว่า เราจะปล่อยทั้งแปดตระกูลไปอีกไม่ได้แล้ว”
“ฝ่าบาท!” อวิ๋นพั่วสิงรู้ว่าจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงต้องการทำสิ่งใด เขาหยัดกายตรงด้วยความตกใจ “อำนาจของตระกูลทั้งแปดมีอยู่ทั่วซีเหลียง ไม่ใช่ว่าสังหารพวกเขาแล้วเรื่องทุกอย่างจะสิ้นสุดนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ตระกูลทั้งแปดอาศัยช่องโหว่ของระบอบการปกครองใหม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการค้าในซีเหลียง พวกเขาสนับสนุนให้ชาวบ้านหันไปทอผ้า ค้าหนังสัตว์และผลิตกระดาษแทนการทำไร่นา บัดนี้ที่นามีน้อยมากในซีเหลียงเพราะไม่มีคนจัดการดูแล ตระกูลทั้งแปดจงใจใช้เรื่องเสบียงอาหารก่อความวุ่นวายในซีเหลียง หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ชาวบ้านซีเหลียงต้องอดตายแน่” จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงกล่าวเสียงขรึมแฝงไปด้วยความเด็ดเดี่ยว “เราต้องจัดการขั้นเด็ดขาด วันนี้ไม่ว่าแม่ทัพใหญ่จะเห็นด้วยหรือไม่ เราก็จะทำเช่นนี้!”
“ฝ่าบาท!” อวิ๋นพั่วสิงหวั่นวิตกมาก “หากทำเช่นนี้ซีเหลียงอาจเกิดความวุ่นวายได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”
“ในเมื่อตระกูลทั้งแปดต้องการจักรพรรดิหุ่นเชิดขึ้นมาเป็นจักรพรรดิองค์ต่อไป เหตุใดเราจะสังหารขุนนางที่ไม่เชื่อฟังและเก็บไว้แต่ขุนนางที่เชื่อฟังไม่ได้!”
*******************