สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 259 ผู้มีพระคุณ
ตอนที่ 259 ผู้มีพระคุณ
“เตรียมน้ำร้อนสำหรับใช้อาบน้ำของคุณหนูใหญ่เรียบร้อยแล้วหรือไม่! ชุนซิ่ง…อีกเดี๋ยวคุณหนูต้องเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย เจ้าเตรียมเรียบร้อยแล้วหรือไม่”
ชุนซิ่งปิดปากหัวเราะ “หมัวมัววางใจได้เจ้าค่ะ พี่ชุนเถาเตรียมไว้หมดแล้วเจ้าค่ะ!”
ชุนเถาเรียกสาวใช้คนหนึ่งมาคอยจับตาดูรังนกไว้ ส่วนตัวเองเดินออกมาจากโรงครัวเล็ก “ข้าจะไปดูน้ำสำหรับอาบว่าอุ่นพอดีหรือไม่นะเจ้าคะ”
ไม่นาน ต่งซื่อส่งไป๋ชิงเหยียนที่อยู่ในชุดเครื่องแบบทหารถึงหน้าประตูเรือนชิงฮุย
ถงหมัวมัวนำบรรดาสาวใช้ยืนเรียงกันอย่างเป็นระเบียบในตัวเรือนชิงฮุย เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียน ต่างย่อกายทำความเคารพ “ยินดีต้อนรับคุณหนูใหญ่ชนะศึกกลับมาเมืองหลวงอย่างปลอดภัยเจ้าค่ะ!”
ชุนเถาเห็นไป๋ชิงเหยียนในชุดเครื่องแบบทหาร ขอบตาของนางร้อนผ่าว น้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย
ไป๋ชิงเหยียนมองดูใบหน้าที่คุ้นเคยในเรือนชิงฮุย ใบหน้ามีแต่รอยยิ้ม “ช่วงที่ข้าไม่อยู่ ลำบากหมัวมัวและทุกคนช่วยกันดูแลเรือนชิงฮุยแล้ว”
ต่งซื่อใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา ใบหน้ามีแต่รอยยิ้มเช่นเดียวกัน “เอาล่ะ รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเครื่องแต่งกายก่อนเถิด!”
ชุนเถารีบถลาเข้าไปรับธนูเซ่อรื้อที่ไป๋ชิงเหยียนสะพายอยู่ “คุณหนูใหญ่ น้ำเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ บ่าวปรนนิบัติคุณหนูอาบน้ำนะเจ้าคะ!”
ไป๋ชิงเหยียนกุมมือชุนเถาแน่นพลางพยักหน้า
ชุนเถาปรนนิบัติไป๋ชิงเหยียนอาบน้ำ เมื่อเห็นบาดแผลตามลำตัวของเจ้านายสาว น้ำตาของนางไหลออกมาไม่ขาดสาย ทว่า ต่งซื่อนั่งรออยู่ที่ด้านนอก ชุนเถากลัวต่งซื่อจะเป็นกังวล จึงกัดริมฝีปากแน่น ไม่ให้เสียงร้องไห้เล็ดลอดออกมา จากนั้นตั้งใจอาบน้ำให้ไป๋ชิงเหยียน
หลังอาบน้ำเสร็จ ต่งซื่อเช็ดผมให้บุตรสาวด้วยตัวเอง นางเล่าเรื่องในราชสำนักให้บุตรสาวฟังด้วยเสียงแผ่วเบา “ท่านน้าชายของเจ้ากล่าวว่าขุนนางในราชสำนักถวายฎีกาให้ฮ่องเต้ทรงลงโทษเรื่องที่เจ้าสังหารทหารยอมจำนนนับแสนของซีเหลียงอย่างรุนแรง ทว่า ฮ่องเต้กลับระงับฎีกานี้ไว้ ท่านน้าชายของเจ้ากลัวว่าฮ่องเต้จะทรงลงโทษหลังจากที่เจ้ากลับมาถึงเมืองหลวงจึงส่งคนมาส่งข่าว ฝากบอกให้เจ้าเตรียมรับมืออย่างระมัดระวังที่สุด”
“ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ ข้ารู้ขอบเขตดี” ไป๋ชิงเหยียนกุมมือต่งซื่อพลางหันไปมองมารดา “ลูกอกตัญญู ทำให้ท่านแม่ไม่สบายใจ!”
ต่งซื่อยิ้มออกมาทั้งที่ตาแดงก่ำ เอื้อมมือรั้งบุตรสาวเข้ามากอดไว้แน่น “หากท่านพ่อของเจ้ารับรู้ว่าอาเป่าปกป้องชาวบ้านแถบชายแดนไว้ได้ ท่านต้องภูมิใจในตัวอาเป่ามาก แม่…ก็ภูมิใจในตัวอาเป่ามากเช่นกัน!”
ดวงตาของไป๋ชิงเหยียนแดงก่ำ หญิงสาวโอบรอบเอวของมารดาหลวมๆ ซุกใบหน้าในอ้อมกอดของมารดาราวกับเด็กตัวน้อยๆ “ท่านแม่ ขอโทษเจ้าค่ะ ตอนแรกที่เดินทางไปหนานเจียงข้าตั้งใจจะนำร่างของท่านพ่อกลับมาเมืองหลวงหลังจากได้รับชัยชนะ ทว่า อาเป่าคิดว่าท่านพ่อรักและเป็นห่วงชาวบ้านที่ชายแดน อาเป่า เสี่ยวซื่อและบรรดาแม่ทัพของกองทัพไป๋ท่านอื่นจึงฝังร่างของท่านพ่อไว้ที่เทียนเหมินกวนเจ้าค่ะ!”
ต่งซื่อพยักหน้าน้อยๆ นางเข้าใจ “แม่รู้ เทียบกันการนำร่างมาฝังที่เมืองหลวง ท่านพ่อของเจ้าคงอยากอยู่ปกป้องชาวบ้านต้าจิ้นแถบชายแดนมากกว่า แม่เข้าใจดี…”
“เอาล่ะ ถ้าผมแห้งแล้วเจ้านอนก็พักสักหน่อยเถิด กลางวันแม่จะจัดงานเลี้ยงต้อนรับเจ้ากับเสี่ยวซื่อ!” ต่งซื่อยิ้มออกมาน้อยๆ
หลังจากต่งซื่อจากไป ไป๋ชิงเหยียนนั่งอยู่หน้ากระจก กล่าวกับชุนเถาที่กำลังจัดเตียงให้นางอยู่ “ชุนเถา ส่งคนไปตามลุงผิงมาพบข้าหลังจากนี้ครึ่งชั่วยาม ข้ามีเรื่องต้องถามเขา”
ชุนเถาวางงานในมือลง หมุนกายกลับมา “คุณหนูใหญ่ไม่นอนพักสักหน่อยหรือเจ้าคะ”
“ข้าจะไปพบท่านอาสะใภ้สี่” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
ถงหมัวมัวเช็ดผมให้ไป๋ชิงเหยียนพลางมองไป๋ชิงเหยียนผ่านกระจก “แม้คุณหนูจะคล้ำและซูบลงมาก ทว่า สีหน้าดีกว่าเมื่อก่อนมากนักเจ้าค่ะ!”
“นั่นสิ! ที่ท่านหมอหงเคยกล่าวว่าให้ข้าพักรักษาตัวอยู่นิ่งๆ คงไม่ถูกต้อง ดังนั้นในเรื่องร้ายก็มีเรื่องดีซ่อนอยู่เช่นเดียวกัน” ใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนปรากฏรอยยิ้มน้อยๆ
หลังจากผมแห้ง ถงหมัวมัวเกล้าผมดำสลวยของไป๋ชิงเหยียนเป็นมวยเสี้ยวพระจันทร์ ใช้ปิ่นปักผมหยกสีขาวปักไว้จนแน่น ไป๋ชิงเหยียนยังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ หญิงสาวเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดกระโปรงยาวสีขาวเรียบตัดขอบด้วยสีเงิน ด้านนอกคลุมทับด้วยผ้าคลุมผืนบางกึ่งโปร่งใส บนผ้าคลุมปักด้วยลวดลายดอกแปะก๊วยสีเงินแกมทอง
ไป๋ชิงเหยียนที่เปลี่ยนกลับมาแต่งกายด้วยชุดของสตรีลดความองอาจลงจากตอนที่สวมเครื่องแบบทหารไม่น้อย ดูอ่อนโยนและสง่างามสมกับเป็นสตรีตระกูลสูงศักดิ์
“คุณหนูใหญ่ องครักษ์หลูผิงรออยู่ด้านนอกเรือนแล้วเจ้าค่ะ” ชุนเถาแหวกม่านเดินเข้ามา
เข้าช่วงปลายเดือนสามแล้ว อากาศเริ่มอบอุ่นขึ้น ไป๋ชิงเหยียนมองดูเตาผิงที่ยังคงลุกโชนอยู่ในห้อง กล่าวขึ้น “หมัวมัว ให้คนนำเตาผิงออกไปเถิด!”
“เจ้าค่ะ!” ถงหมัวมัวรับคำด้วยรอยยิ้ม
ไป๋ชิงเหยียนจับมือชุนเถาเดินออกมาจากเรือน หลูผิงก้าวเข้าไปทำความเคารพ “คุณหนูใหญ่!”
“ลุงผิง เดินไปกล่าวไปเถิด”
“ขอรับ!” หลูผิงรับคำ เดินตามหลังไป๋ชิงเหยียนไปโดยเว้นระยะห่างครึ่งก้าว
“จี้ถิงอวี๋เป็นอย่างไรบ้าง” ไป๋ชิงเหยียนถาม
หลูผิงเม้มปาก กำดาบที่เอวแน่น กล่าวเสียงต่ำ “เมื่อจี้ถิงอวี๋ทราบข่าวการตายของภรรยาเขา เขาไปจากจวนไป๋ในคืนนั้นเลยขอรับ กล่าวว่าจะกลับไปเคารพศพภรรยาที่หมู่บ้าน จากนั้นก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย ข้าไปพบเขาด้วยตัวเองครั้งหนึ่ง บอกกับเขาว่าคุณหนูใหญ่ลงโทษบุตรอนุผู้นั้นเพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้เขาและภรรยาแล้ว ทว่า จี้ถิงอวี๋ก็ไม่ยอมกลับมาตระกูลไป๋อีก”
ไป๋ชิงเหยียนชะงักฝีเท้า หลับตาลงครู่หนึ่ง จากนั้นก้าวเดินต่อ
ตระกูลไป๋ทำให้จี้ถิงอวี๋ผิดหวังจริงๆ
“ร่างกายของจี้ถิงอวี๋เป็นอย่างไรบ้าง ท่านหมอบอกว่าอาการดีขึ้นบ้างหรือไม่”
“ขึ้นชื่อว่ายาพิษล้วนส่งผลเสียต่อร่างกาย หากต้องการฟื้นคืนเป็นปกติเหมือนเมื่อก่อนคงเป็นไปไม่ได้ขอรับ โชคดีที่จี้ถิงอวี๋ยังหนุ่ม หากต้องการฟื้นคืน ต้องรักษาต่อเนื่องหลายปีขอรับ…”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ข้าเพิ่งกลับมา มีเรื่องต้องสะสางอีกมาก อีกสองวันข้าจะไปเยี่ยมจี้ถิงอวี๋ด้วยตัวเอง ให้คนดูแลชีวิตการกินอยู่ของจี้ถิงอวี๋ให้ดี”
จี้ถิงอวี๋เป็นผู้มีพระคุณที่ยอมสละชีพเพื่อตระกูลไป๋ เขาไม่ควรมีจุดจบเช่นนี้
หลูผิงพยักหน้า “ฮูหยินก็สั่งแบบนี้เช่นเดียวกันขอรับ คุณหนูใหญ่ไม่ต้องเป็นกังวลขอรับ”
พรุ่งนี้มีงานเลี้ยงในวังหลวง ต่อมาก็คืองานเฉลิมฉลองวันคล้ายวันประสูติของจักรพรรดิแห่งต้าจิ้น ทว่า ไป๋ชิงเหยียนต้องหาเวลาไปเยี่ยมจี้ถิงอวี๋ให้ได้สักครั้ง
หลิงอวิ๋นสาวใช้ใหญ่ข้างกายของฮูหยินสี่ถือสาลี่ตุ๋นออกมาจากโรงครัวเพื่อนำไปให้ฮูหยินสี่ เหมือนนางจะมองเห็นคุณหนูใหญ่เดินมาทางเรือนลี่สุ่ยแต่ไกลๆ หลิงอวิ๋นรีบกลับที่เรือน แหวกม่านเดินเข้าไปรายงานกวนหมัวมัว “หมัวมัว คุณหนูใหญ่กำลังมาที่เรือนลี่สุ่ยเจ้าค่ะ!”
กวนหมัวมัวเพิ่งออกมาต้อนรับที่หน้าเรือน ไป๋ชิงเหยียนพาชุนเถาเดินมาถึงพอดี หมัวมัวหันไปสั่งหลิงอวิ๋น “รีบไปรายงานฮูหยินสี่ว่าคุณหนูใหญ่มา…”
“เจ้าค่ะ!” หลิงอวิ๋นรับคำแล้วจากไปทันที
กวนหมัวมัวเดินเข้าไปด้านหน้า “คุณหนูใหญ่เพิ่งกลับมา เหตุใดไม่พักผ่อนสักหน่อยเจ้าคะ”
ไป๋ชิงเหยียนยิ้มให้กวนหมัวมัว “ท่านอาสะใภ้สี่เล่า”
กวนหมัวมัวเดินนำทางอยู่ด้านหน้า เมื่อเอ่ยถึงฮูหยินสี่ นางขมวดคิ้วอย่างเป็นกังวล “ช่วงนี้ฮูหยินสี่มีอาการไอเล็กน้อย แต่ไม่ยอมทานยาเจ้าค่ะ บ่าวให้หลิงอวิ๋นไปนำสาลี่ตุ๋นจากโรงครัวมา อีกสักพักจะให้ท่านทานเจ้าค่ะ”
หลิงอวิ๋นที่เข้าไปรายงานฮูหยินสี่แล้วยืนรออยู่ที่หน้าประตูห้อง นางทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนจากนั้นแหวกม่านให้ “เชิญคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ”
เมื่อเข้าไปในห้อง ไป๋ชิงเหยียนมองผ่านฉากกั้นที่ปักด้วยไหมสลับซับซ้อนเป็นลวดลายนกหยก เห็นท่านอาสะใภ้สี่ในชุดกระโปรงสีเขียวอ่อนลายดอกไม้นั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวตัวนิ่มสีแดงริมหน้าต่าง เอนกายพิงโต๊ะไม้หนานมู่สี่เหลี่ยมตัวเล็กสีทอง บนขามีผ้าคลุมลายปักผืนบางคลุมอยู่
ใบหน้าของฮูหยินสี่ผอมซูบ เบ้าตาลึกมีรอยคล้ำเป็นวงอย่างเห็นได้ชัด สติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว