สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 1378 ยา
ตอนที่ 1378 ยา
“ข้าเข้ามาในวังจึงกล้าแขวนมันไว้ที่เอว ปกติข้าซ่อนมันไว้แนบอก ไม่มีผู้เห็นทั้งสิ้น”
เซียวหรงเหยี่ยนรั้งร่างของไป๋ชิงเหยียนมากอดไว้ในอ้อมกอด
“ใต้หล้าที่สงบสุขที่เจ้าอยากเห็นใกล้เกิดขึ้นแล้ว! อีกสามปีพวกเราจะได้อยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ไม่ต้องแยกจากกันไปที่ใดอีก”
กลิ่นอายของเซียวหรงเหยี่ยนโอบล้อมอยู่รอบกายของไป๋ชิงเหยียน ไป๋ชิงเหยียนเอื้อมมือโอบเอวหนาของเซียวหรงเหยี่ยนไว้แน่น ร่างทั้งร่างซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม
“สามปีไม่ใช่เวลาสั้นหรือนานเกินไป”
ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียน
“พวกเรายังมีเวลาอยู่ด้วยกันทั้งชีวิต ข้ารอได้!”
เซียวหรงเหยี่ยนทัดปรอยผมของไป๋ชิงเหยียนไปทางด้านหลัง จากนั้นก้มหน้าจุมพิตหญิงสาว
อาจเป็นเพราะคะนึงหามากเกินไปจุมพิตของเซียวหรงเหยี่ยนจึงร้อนแรงกว่าที่เคยเป็น ริมฝีปากของไป๋ชิงเหยียนร้อนฉ่าราวกับถูกไฟแผดเผา นางได้แต่เงยหน้าตอบรับสัมผัสของชายหนุ่มด้วยความเต็มใจ
วินาทีที่ฟันของทั้งสองสัมผัสกันใจของนางเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมาจากอก ไม่รู้ว่าจูบนานเกินไปจนขาดอากาศหายใจหรือไม่ไป๋ชิงเหยียนจึงเริ่มรู้สึกวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย สมองของนางขาวโพลน ร่างกายสั่นสะท้านไปทั้งร่าง
เสียงไฟจากตะเกียงแก้วที่วางอยู่บนแท่นสูงส่งเสียงปะทุขึ้นเบาๆ เปลวไฟสะบัดไปมา
ดวงจันทร์กลมโตขาวนวลราวกับหิมะปรากฏเด่นชัดอยู่บนท้องฟ้านอกตำหนักใหญ่โดยไร้ซึ่งกลุ่มเมฆหรือดวงดาวบดบัง
แสงจันทร์สว่างส่องกระทบหลังคากระเบื้องและทางเดินหินรอบตำหนักยิ่งทำให้วังหลวงดูทรงพลังและเยือกเย็นยิ่งกว่าเดิม มีเพียงแสงไฟจากโคมไฟหกเหลี่ยมซึ่งแขวนอยู่ตามระเบียงทางเดินเท่านั้นที่ยังคงส่องสว่างและให้ความอบอุ่นวังหลวงแห่งนี้
ลมพัดผ่าน ต้นไม้ใบหญ้าในวังหลวงพลิ้วไหวไปตามสายลม
แมลงในฤดูร้อนที่เกาะอยู่ตามดอกไม้ใบหญ้าส่งเสียงร้องไม่ขาดสาย
เมื่อท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้น เสียงของเหล่าแมลงจึงค่อยๆ สงบลง
ควันและกลิ่นหอมจากกระถางธูปหอมส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วตำหนักใหญ่
ผ้าม่านผืนบางหลายชั้นปกคลุมเตียงไม้กฤษณาขนาดใหญ่ซึ่งปูด้วยผ้าปูเตียงสีฟ้าลายเมฆมงคล บนที่วางเท้าไม้สีดำมีรองเท้าหนังของสตรีและบุรุษอย่างละคู่วางอยู่ เสื้อผ้ากระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น…
พายุรักบนเตียงสงบลงแล้ว เซียวหรงเหยี่ยนนอนโอบกอดสตรีในดวงใจซึ่งหลับสนิทของเขาอยู่บนเตียง ชายหนุ่มก้มหน้าจุมพิตหน้าผากของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา
ท้องฟ้าใกล้สว่างแล้ว เซียวหรงเหยี่ยนและไป๋ชิงเหยียนแทบไม่มีเวลาเหลือแล้ว หากเขาไม่รีบกลับไปที่โรงเตี๊ยมอาจถูกคนจับพิรุธได้ ทว่า เขาไม่อยากปลุกไป๋ชิงเหยียนให้ตื่นขึ้น
เซียวหรงเหยี่ยนเอื้อมมือไปสัมผัสริมฝีปากของไป๋ชิงเหยียนที่ถูกเขาจูบจนแดงก่ำเบาๆ จากนั้นก้มประทับจูบลงอีกครั้ง เขาค่อยๆ ชักแขนของตัวเองออกจากการหนุนของไป๋ชิงเหยียน ขยับผ้าห่มให้หญิงสาวอีกครั้ง เขาจ้องใบหน้างดงามของไป๋ชิงเหยียนอย่างอาลัยอาวรณ์ มองดูจมูกที่โด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางและคางที่เรียวเล็กของนางนิ่ง
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็รู้สึกว่าเขามองไม่พอเสียที เขาอยากพกไป๋ชิงเหยียนติดตัวไปตลอดเวลา ไม่แยกจากกันอีก
สามปีเชียวนะ หากไม่ได้เจอกันสามปีไม่รู้ว่าอาเป่าและลูกๆ จะคิดถึงเขาบ้างหรือไม่
เซียวหรงเหยี่ยนก้มจุมพิตที่หัวคิ้วของไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง จากนั้นลุกขึ้นจากเตียง เขาหยิบเครื่องแต่งกายของตัวเองขึ้น ปิดมุ้งที่เตียงให้ไป๋ชิงเหยียนให้เรียบร้อย จากนั้นแต่งกายและสวมหน้ากากสีเงินของตัวเองอีกครั้ง เมื่อเสร็จแล้วจึงจากไปจากตำหนักของไป๋ชิงเหยียนอย่างเงียบเชียบ
คืนนี้ไป๋ชิงเหยียนนอนหลับลึกมาก อาจเป็นเพราะนางดื่มเหล้าเข้าไป ต่อมายังถูกเซียวหรงเหยี่ยนทรมานอีกร่างกายของนางจึงทนไม่ไหว
ตอนไป๋ชิงเหยียนตื่นขึ้นมาเซียวหรงเหยี่ยนไม่ได้นอนอยู่ข้างกายนางแล้ว หากไม่ใช่เพราะร่องรอยบนตัวนางนางอาจคิดว่าเมื่อคืนอาจเป็นเพียงความฝันน่าไม่อายของนางเพียงคนเดียว
อาจเป็นเพราะทั้งสองเขาเก็บกดมานานเมื่อคืนเซียวหรงเหยี่ยนจึงควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ ไป๋ชิงเหยียนเกือบรับไม่ไหว นางสลบไปทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำใหม่ด้วยซ้ำ
“ชุนเถา…”
ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยเรียกจึงรู้ว่าเสียงของตัวเองแหบพร่ามาก
“คุณหนูใหญ่ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”
ชุนเถาแหวกม่านเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างเตียง
ไป๋ชิงเหยียนรู้สึกไร้เรี่ยวแรงไปทั้งร่าง นางเอ่ยถามเวลากับชุนเถา เมื่อรู้ว่ายังพอมีเวลาก่อนออกว่าราชการตอนเช้าจึงสั่งให้ชุนเถาให้คนยกน้ำร้อนเข้ามาให้นางอาบน้ำ
ขณะชุนเถาปรนนิบัติไป๋ชิงเหยียนอาบน้ำจึงเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
“คุณหนูใหญ่จะให้คนเตรียมยาให้หรือไม่เจ้าคะ”
ยาที่ชุนเถาหมายถึงถึงคือยาคุมกำเนิด
ตอนนี้ไป๋ชิงเหยียนไม่มีสามี หากนางตั้งครรภ์ขึ้นมาและข่าวแพร่กระจายออกไปคงไม่ค่อยดีนัก
ไป๋ชิงเหยียนซึ่งนั่งอยู่ในถังน้ำอุ่นใบหูแดงระเรื่อ แม้เมื่อคืนเซียวหรงเหยี่ยนจะรุนแรงไปบ้าง ทว่า สุดท้ายเขายังมีสติ ไม่คิดทำให้นางตั้งครรภ์ ลำบากเขาแล้ว
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวเสียงเบา
“ไม่ต้อง ไม่มีทางท้องหรอก”
ชุนเถาไม่รบเร้าอีก คุณหนูใหญ่ของนางเป็นคนรู้ขอบเขต ในเมื่อคุณหนูใหญ่บอกว่ามิเป็นอันใดก็แสดงว่านางรู้ดีว่าไม่มีทางเกิดเรื่องขึ้น
ชุนเถาไม่ได้ให้ผู้อื่นเข้ามาปรนนิบัติไป๋ชิงเหยียนเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเพราะกลัวผู้อื่นเห็นร่องรอยบนร่างของไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนดื่มนมสดหนึ่งถ้วย จากนั้นรีบไปออกว่าราชการตอนเช้า หลิ่วหรูซื่อเล่าเรื่องที่ทูตของเทียนเฟิ่งไปหาเขาที่จวนเมื่อคืนให้ขุนนางในราชสำนักฟังขณะเข้าร่วมการว่าราชการตอนเช้า เขามอบรายการของขวัญที่เทียนเฟิ่งมอบให้ให้ไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนรู้ทันทีว่าหลิ่วหรูซื่อต้องการมอบของขวัญทั้งหมดให้คลังสมบัติของแคว้นเพื่อเป็นตัวอย่างให้ขุนนางคนอื่นได้เห็น ให้ขุนนางคนอื่นที่ได้รับของขวัญจากเทียนเฟิ่งรู้ว่าไม่ควรเก็บของเหล่านี้ไว้เองจนติดหนีบุญคุณแคว้นเทียนเฟิ่ง
“แคว้นต้าเยี่ยนเพิ่งจากไปเมื่อเช้า ตอนนี้ดันมีแคว้นเทียนเฟิ่งมาอีก ลำบากใต้เท้าหลิ่วแล้ว!”
ต่งชิงผิงมองหลิ่วหรูซื่อแล้วกล่าวขึ้นยิ้มๆ
“กระหม่อมรู้สึกว่าการให้ใต้เท้าหลิ่วออกหน้ารับมือกับเทียนเฟิ่งถือเป็นการขี่ช้างจับตั๊กแตนพ่ะย่ะค่ะ”
“ต่งซือถูอย่าได้ดูถูกเทียนเฟิ่งเชียว”
ไป๋ชิงเหยียนไม่รู้สึกว่าเป็นการขี่ช้างจับตั๊กแตน นางวางแขนข้างหนึ่งลงบนโต๊ะ จากนั้นมองไปทางเหล่าขุนนางของตัวเองพลางกล่าวขึ้นยิ้มๆ
“ยิ่งแคว้นเทียนเฟิ่งนอบน้อมต่อพวกเรามากเท่าใดข้าก็ยิ่งรู้สึกหวาดระแวงพวกเขา รบกวนใต้เท้าหลิ่วเล่าประวัติของแคว้นเทียนเฟิ่งให้ทุกคนฟังอย่างละเอียดด้วย แคว้นเทียนเฟิ่งที่ชอบใช้สงครามยุติสงครามมาโดยตลอด อีกทั้งทำลายล้างแคว้นเพื่อนบ้านตัวเองจนราบเรียบและจับชาวบ้านเหล่านั้นมาเป็นทาสแพ้สงครามพวกเราครั้งหนึ่ง พวกเขาจะไม่คิดแก้แค้นต้าโจวแต่กลับยอมจำนนต่อต้าโจวแทนอย่างนั้นหรือ”
ไป๋ชิงเหยียนเคาะนิ้วลงบนโต๊ะ
“แคว้นเทียนเฟิ่งไม่ใช่ไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน เมื่อพวกเขาพ่ายแพ้พวกเขาจะขอทำสัญญาสงบศึก จากนั้นค่อยทำลายล้างแคว้นนั้นภายหลัง! พวกเขาเป็นแคว้นที่มีแค้นต้องชำระ พวกเราควรพวกเขาไว้ให้ดี”
หลู่ไม่เว่ยพยักหน้าหลังไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบ
“ฝ่าบาทตรัสถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ต่งซือถู รบกวนท่านช่วยตรวจสอบรายละเอียดการเปิดตลาดการค้าเสรีที่เทียนเฟิ่งส่งมาอย่างละเอียดด้วย ดูให้ดีว่าเทียนเฟิ่งวางกับดักใดให้ต้าโจวบ้าง”
ไป๋ชิงเหยียนสื่อให้เว่ยจงนำรายละเอียดที่แคว้นเทียนเฟิ่งส่งมาไปให้ต่งชิงผิง
ต่งชิงผิงรับแผ่นหนังแกะมาถือไว้อย่างนอบน้อม
“ฝ่าบาทไม่ต้องเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ”
“พวกเราอาจเปิดตลาดการค้ากับเทียนเฟิ่งได้ ทว่า พวกเราต้องควบคุมดูแลเรื่องนี้อย่างดี”
ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยเรียก
“เว่ยปู้จิ้ง…”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เว่ยปู้จิ้งก้าวเท้าไปด้านหน้า
“ถึงเวลานั้นเจ้าจงส่งคนที่ไว้ใจได้ไปช่วยงานทางนั้นด้วย”
เว่ยปู้จิ้งรับคำ
เมื่อไป๋ชิงเหยียนเห็นว่าขุนนางคนอื่นไม่ได้คัดค้านจึงกล่าวต่อ
“ไม่จำเป็นเรื่องรีบร้อนเรื่องตลาดการค้า พวกเราเน้นความมั่นคงไม่เน้นความรวดเร็ว”