สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 262 บทลงโทษที่รุนแรง (รีไรท์)
เมื่อเห็นการแต่งตัวของตนในตอนนี้ ซินเอ๋อร์ตั้งใจอยากให้เซวียนเห็น
ไม่รู้เซวียนเห็นตนในตอนนี้แล้ว จะชื่นชอบหรือไม่!
ขณะซินเอ๋อร์คิดในใจ ยิ่งอยากพบกับเซวียน
เสี่ยวหวนที่อยู่ด้านข้างเห็นเช่นนั้น บนใบหน้าเผยความเย้าแหย่ออกมา ก่อนกล่าวยิ้มๆ ว่า
“ฮ่า ๆ ซินเอ๋อร์ เจ้าคิดสิ่งใดอยู่หรือ จึงยิ้มเช่นนี้!”
“เอ่อ ข้า ข้าไม่ได้คิดอันใด!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวหวน ซินเอ๋อร์จึงรู้ว่าความจริงตนคิดสิ่งใดในใจ ต่างถูกคนมองออกได้อย่างง่ายดาย ช่างน่าอับอายเสียจริง
ขณะซินเอ๋อร์คิดในใจ เสี่ยวหวนยังคิดเย้าแหย่เธออีกหลายประโยค แต่ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าอันหนักแน่นพลันดังเข้ามาจากด้านนอก
เสี่ยวหวนได้ยินก็รู้ว่าเจ้านายของตนมาถึงแล้ว จึงรีบก้มหน้าหลุบตาลง แสดงกิริยาที่สาวใช้ควรมีออกมา ยืนอยู่ด้านข้าง
และเวลานี้ ซินเอ๋อร์ได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านนอกเช่นกัน จึงรู้ว่าเหลิ่งอวี้เซวียนมาแล้ว ใจจึงเต้นระรัว ภายในอดวิตกกังวลขึ้นมาไม่ได้
เสี่ยวหวนเห็นเช่นนั้น อดก้มหน้าแอบยิ้มอยู่ด้านข้างไม่ได้
จนกระทั่งในที่สุดชายหนุ่มาถึงหน้าประตู และก้าวเข้ามาด้านในทันที
เวลานี้ซินเอ๋อร์จึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้น มองชายหนุ่มอย่างรักและเขินอาย
เสื้อคลุมสีม่วงเข้มบนกาย ทำให้รูปร่างชายหนุ่มสูงใหญ่เพรียวบางยิ่งขึ้น
สายรัดเอวสีทอง รองเท้าสีดำลายปัก สูงส่งทั่วร่าง
เห็นชัดว่าชายหนุ่มเพิ่งผ่านการอาบน้ำมา เพราะผมยาวบนศีรษะยังเปียกชื้น ไร้การรวบรัด ปล่อยสยายตรงอยู่ทางด้านหลัง ยาวจรดถึงเอว ทำให้เผยเสน่ห์และความดิบเถื่อนของชายหนุ่มหลายส่วน
พระอาทิตย์ด้านนอกงดงาม เจิดจรัส แสงแดดสีทองนั้นกำลังส่องมาที่กายของชายหนุ่มพอดี ทำให้ความดิบเถื่อนของชายหนุ่มแฝงไปด้วยความสูงส่ง ดุดัน งดงามจับตาหลายส่วน จนคนมิอาจละสายตา
เห็นเช่นนั้น ใจของซินเอ๋อร์พลันเต้น ‘ตึกตักตึกตัก’ อย่างรุนแรง ใบหน้าเล็กก็ขวยเขิน มีสีแดงก่ำปกคลุมใบหน้าเล็กของเธออย่างรวดเร็ว ทำให้เธอดูงดงามภายใต้ความบอบบาง
แต่ซินเอ๋อร์ไม่รู้ว่าตนเวลานี้ ในสายตาของชายหนุ่มน่าตกตะลึง สวยงามเช่นกัน
ผมยาวดุจผ้าไหมไหลลื่นลงด้านล่าง ทั่วร่างกายดูบริสุทธิ์ สวยงาม ดุจเทพเซียนไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องทางโลก บริสุทธิ์แต่ยังคงสง่างาม
ผ้าแพรบางสีขาวหิมะที่ห่อหุ้มกายของสาวน้อย เผยรูปร่างอันน่าประทับใจของสาวน้อยออกมา
คอเรียวยาว กระดูกไหปลาร้าน่าหลงใหล ผิวขาวดั่งหิมะ
ทั้งหมดนี้ ทำให้เหลิ่งอวี้เซวียนที่เห็นอดดวงตาเป็นประกาย ลำคอแห้งผาก ภายในสมองก็ค่อยๆ ปรากฎภาพที่เกิดขึ้นภายในรถม้าวันก่อนขึ้นมา
ผิวของสาวน้อยสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ เรียบเนียนอ่อนนุ่ม ดุจผิวทารกที่เพิ่งลืมตาดูโลก ทำให้คนที่เห็นยากที่จะลืมเลือน
และริมฝีปากนั้นของสาวน้อย
พอคิดถึงตรงนี้ สายตาของเหลิ่งอวี้เซวียนสุดท้ายค่อยๆ เคลื่อนไปยังริมฝีปากอมชมพูของสาวน้อย
ริมฝีปากนี้ เป็นริมฝีปากที่เขาเห็นว่างดงามที่สุด!
เส้นโครงงดงามเล็กกระจุ๋มกระจิ๋ม สีแดงอมชมพูดุจชาด อวบอิ่มชุ่มฉ่ำ ที่สำคัญคือความหอมหวานของปากเล็กนี้!
คล้ายกับสาคูมะม่วงส้มโอ หอมหวานจนทำให้เขาเพลิดเพลินจนลืมตัว เพียงจุมพิตยากที่จะลืมเลือน
พอคิดถึงตรงนี้ สายตาที่เหลิ่งอวี้เซวียนมองซินเอ๋อร์ยิ่งมืดมิด
สิ่งที่คาดเดาไม่ได้ภายในดวงตา ทำให้ซินเอ๋อร์ตกใจ และใบหน้าร้อนผ่าวมากขึ้น
เพราะเธอรู้ว่าสายตาที่ชายหนุ่มมองตนหมายความว่าเช่นไร
ดังนั้นจึงทำให้เธอรู้สึกเขินอาย
อาจเพราะรับรู้ถึงความเขินอายของเธอ ชายหนุ่มจึงยิ้มมุมปาก แต่สายตากลับไม่ละไปจากใบหน้าของสาวน้อย
เพราะเขาหลงรักท่าทางและใบหน้าแดงเขินอายของเธอ
คล้ายแอปเปิ้ลลูกเล็กที่แฝงความสดใหม่ ส่งกลิ่นหอมหวานออกมา ทำให้คนลุ่มหลง
พอคิดถึงตรงนี้ ดวงตาดำขลับของเหลิ่งอวี้เซวียนเป็นประกาย ทันใดนั้นยื่นมือใหญ่โบกออกไป
เสี่ยวหวนที่อยู่ด้านข้างเห็นเช่นนั้น พลันเข้าใจความหมายทันที
จึงย่อกายให้กับเหลิ่งอวี้เซวียน ก่อนรีบออกจากห้องไป
ซินเอ๋อร์เห็นเช่นนั้น อดกังวลในใจไม่ได้ จึงพลันส่งเสียงเรียกเบาๆ ขึ้น
“เสี่ยว…” คำว่าหวนยังไม่ทันออกจากปาก เห็นหลังของเสี่ยวหวนเดินไปถึงที่หน้าประตู หน้าหันมาแสดงสีหน้าทะเล้นให้แก่เธอ แล้วรีบถอยออกไปทันที
“เอ่อ”
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์เพียงกระทืบเท้าเบาๆ ก่อนรู้สึกจนใจและขบขัน
เสี่ยวหวนผู้นี้ ช่างไร้น้ำใจเสียจริง รีบออกไปเร็วเช่นนี้
ขณะซินเอ๋อร์คิดในใจ หูพลันได้ยินเสียงชุ่มฉ่ำ ลมหายใจร้อนระอุ จากนั้นเสียงแหบพร่ามีเสน่ห์ของชายหนุ่มดังขึ้น
“เป็นอันใด เจ้ากลัวขนาดนั้นเชียวหรือ!”
“เอ่อ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์ตกใจ จนก้มใบหน้าเล็กลง
เพราะไม่รู้ชายหนุ่มเดินมาอยู่ด้านหลังเธอตั้งแต่เมื่อใด และเขายังอยู่ใกล้ชิดเธอ จนกระทั่งเธอสามารถได้ยินเสียงลมหายใจของเขา
ร้อนระอุ ชุ่มชื้น
คล้ายแฝงด้วยกระแสไฟฟ้าที่ทะลุจากใบหูของเธอออกมายังแขนขาทั้งสี่ ทำให้เธอแทบอ่อนระทวย
“เอ่อ มะ…ไม่”
หลังสงบอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงของตนลงอย่างรวดเร็ว ซินเอ๋อร์พลันรีบเอ่ยปฏิเสธ
ชายหนุ่มได้ยิน รอยยิ้มที่มุมปากก็กว้างขึ้น ก่อนเอ่ยว่า
“ไม่กลัวจริงๆ หรือ!”
“ไม่ ไม่จริงๆ”
ครั้งนี้ซินเอ๋อร์พยักหน้าเอ่ยอย่างหนักแน่น คล้ายกลัวชายหนุ่มจะไม่เชื่อตน
แต่ท่าทางแฝงความเขินอายและขลาดกลัวของเธอนี้ ในสายตาของชายหนุ่มคล้ายกระต่ายน้อยที่ตกอยู่ในกรงเล็บของหมาป่า ทั้งน่ารักและน่าสงสาร
เห็นเช่นนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนอดเงยหน้าหัวเราะลั่นขึ้นมาไม่ได้
เพราะเขารักท่าทางขลาดกลัวเขินอายของสาวน้อยผู้นี้
“เด็กโง่ เจ้าน่ารักยิ่งนัก!”
หลังเหลิ่งอวี้เซวียนหัวเราะเสียงใสจบ พลันยื่นมือเกลี่ยจมูกเล็กของสาวน้อยอย่างเคยชิน
สำหรับการกระทำนี้ของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์เพียงเม้มปากยิ้มอย่างเขินอาย
เพราะไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด เธอเคยชินกับท่าทางรักใคร่สนิทสนมเช่นนี้ของชายหนุ่มเสียแล้ว และทำให้เธอรู้สึกหวานชื่นในใจ
ขณะซินเอ๋อร์คิดในใจ รู้สึกเพียงแน่นที่เอว
เพราะมือของชายหนุ่มกำลังโอบรัดเอวเล็กของเธอไว้แน่น
ทันใดนั้น ร่างกายของเธอถูกดึงเข้าสู่อ้อมกอดของชายหนุ่ม
อ้อมกอดของชายหนุ่ม อบอุ่น สบาย และกว้างใหญ่ยิ่งนัก
คล้ายยอดเขาสูงตระหง่าน เป็นที่หลบภัยอันปลอดภัย แฝงด้วยกลิ่นหอมของดอกอวี๋หลันขาว ทำให้คนผ่อนคลายสบายใจ และอดพึ่งพิงเขาไม่ได้
ดังนั้น ครั้งนี้ซินเอ๋อร์จึงลืมเลือนที่จะขัดขืน เพียงปล่อยให้ชายหนุ่มกอดตามใจ
ใบหน้าเล็กอันประณีตนั้นค่อยๆ แนบลงบนอกกว้างของชายหนุ่ม ฟังเสียงหัวใจเต้นอย่างทรงพลังของชายหนุ่ม
ชายหนุ่มคล้ายมีความสุขกับท่าทางแอบอิงของสาวน้อยอย่างมาก กอดสาวน้อยอย่างเงียบๆ อยู่นาน จึงเอ่ยปากขึ้น
“ซินเอ๋อร์ ดียิ่งนัก ในที่สุดเจ้าก็กลับมาอยู่ข้างกายข้า”
เมื่อโอบกอดสาวน้อย รับรู้ถึงร่างกายอันอ่อนนุ่ม เหลิ่งอวี้เซวียนยังคงหวาดกลัวในใจและรู้สึกคล้ายไม่ใช่ความจริง
อาจเพราะเขากลัวจริงๆ
หลายวันมานี้หลังรู้ว่าเธอหายตัวไป ขณะที่เขากำลังตามหาเธอ เธออาจตกอยู่ในอันตราย และเขาไปถึงไม่ทันเวลา ใจของเหลิ่งอวี้เซวียนเจ็บปวดดุจถูกมีดพันเล่มทิ่มแทง
แม้สุดท้าย เธอจะถูกเขาตามหาจนพบ
โชคดีก็คือเธอไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรง
แต่เขายังปวดใจ ตำหนิตนเอง และกังวลอย่างมาก
อยากให้ตอนนี้สามารถหยุดเวลาลงได้ เพราะเวลานี้เธออยู่ข้างกายเขา ไม่ได้จากเขาไป
พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนเพิ่มแรงโอบกอดซินเอ๋อร์หนักขึ้น
จนกระทั่งซินเอ๋อร์รู้สึกเจ็บปวดราวถูกเขาหักกระดูก จึงส่งเสียงร้องออกมา
เหลิ่งอวี้เซวียนได้ยิน พลันตกใจก่อนรีบคลายมืออก
บนใบหน้าชวนหลงใหลนั้น เต็มไปด้วยความกังวลและขออภัย
“ซินเอ๋อร์ ข้าทำให้เจ้าเจ็บหรือ ขออภัย ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าเพียง…”
เหลิ่งอวี้เซวียนขมวดคิ้วมุ่นอธิบายอย่างวิตกกังวล
ซินเอ๋อร์เห็นเช่นนั้น รู้ว่าเหลิ่งอวี้เซวียนห่วงใยเธอจริงๆ ดังนั้นจึงใช้มือเล็กปิดปากเขาไว้ จากนั้นส่ายหน้าเอ่ยยิ้มๆ ว่า
“เซวียน ท่านอย่ากังวล ข้าไม่เป็นไร!”
“ฮ่า ๆ ไม่เป็นไรก็ดี”
เมื่อเห็นท่าทางยิ้มแย้มของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนที่วิตกกังวล จึงสงบใจลงในที่สุด
และเมื่อเห็นสองแก้มแดงก่ำของซินเอ๋อร์ สายตาที่มองตนแฝงความเขินอายออดอ้อนและเย้ายวนใจเช่นนี้ ทำให้เขามองอย่างใจเต้นแรง
“ซินเอ๋อร์ เจ้างามยิ่งนัก สตรีตั้งใจแต่งหน้าเพื่อคนรัก เช่นนั้นเจ้าแต่งหน้า เพื่อข้าใช่หรือไม่!”
เหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงแฝงความแหบพร่าเจ็ดส่วน มีความสุขสามส่วน
สายตาแฝงความคาดหวังนั้น จับจ้องมาที่ใบหน้าของซินเอ๋อร์ มองจนซินเอ๋อร์สองแก้มร้อนผ่าว ทันใดนั้นรีบก้มหน้าลง เอ่ยเสียงอู้อี้ขึ้น
“ไม่ใช่!”
เสียงเล็กอ่อนโยนของซินเอ๋อร์ ทำให้เหลิ่งอวี้เซวียนที่ได้ยิน รู้สึกเพียงหัวใจคล้ายมีแมวน้อยตัวหนึ่งกำลังข่วนเขาไม่หยุด
เห็นเช่นนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนจิตใจฟุ้งซ่าน สายตาที่มองซินเอ๋อร์เป็นประกายชั่วขณะ
ทันใดนั้น มือใหญ่ยื่นออกไปเลิกใบหน้าเล็กที่ก้มต่ำลงของซินเอ๋อร์ขึ้นมา ก่อนเอ่ยเย้าแหย่ว่า
“ไม่ใช่จริงหรือ ซินเอ๋อร์ เจ้าเคยรับปากข้าว่าจะไม่โกหกข้า หากเจ้าไม่พูดความจริง ข้าจะต้องลงโทษเจ้า”
“ลงโทษ ท่านจะทำอะไรข้า!”
ทราบดีว่าเหลิ่งอวี้เซวียนไม่ลงโทษตนจริง แต่ซินเอ๋อร์กลับอดเอ่ยถามอย่างแปลกใจไม่ได้
ทว่าเมื่อสบกับสายตาหยอกล้อ แต่กลับเป็นประกายยากคาดเดาของเหลิ่งอวี้เซวียน จึงพบว่าตนถูกหลอกเข้าแล้ว
แต่เธอรู้ตัวสายเกินไปหนึ่งก้าว จึงหลบหลีกไม่ทัน ปากเล็กจึงถูกเหลิ่งอวี้เซวียนประกบลงมาอย่างแม่นยำ
เหลิ่งอวี้เซวียนเวลานี้กำลังหิวโหย
เขาคล้ายกำลังทานลูกท้อ ออกแรงเปิดปากเล็กของซินเอ๋อร์ออก สอดลิ้นยาวเข้าไป ดูดกลืนน้ำหวานภายในปากเธอไม่หยุด ทันใดนั้นพยายามบีบไล่ลิ้นเล็กที่พยายามหลบหลีกของเธอ ก่อนพัวพันเข้าด้วยกัน และเข้าครอบครอง
เทคนิคการจุมพิตของเหลิ่งอวี้เซวียน นับวันยิ่งคล่องแคล่วมากขึ้น
ตรงข้ามซินเอ๋อร์กลับยอมแพ้
ไม่นานซินเอ๋อร์ถูกเหลิ่งอวี้เซวียนจุมพิตจนเคลิบเคลิ้มหลงใหล กระทั่งลืมเลือนวันเวลา
ร่างกายก็อ่อนระทวย คล้ายเรี่ยวแรงถูกสูบออกไปจนหมด ซบอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม และถูกชายหนุ่มจุมพิตหนักขึ้นอย่างไร้แรงขัดขืน
จนกระทั่งไม่รู้ผ่านไปนานเพียงใด ซินเอ๋อร์รู้สึกเพียงด้านหลังอ่อนนุ่มลง หลังได้สติจึงพบว่าตนถูกชายหนุ่มอุ้มมา นอนลงที่เก้าอี้นวมข้างหน้าต่างแล้ว
………………………………………………………………………………….