สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! - ตอนที่ 189 หากเจ้าสังหารเขา ข้าจะสังหารเจ้า (2)
ทันใดนั้น รอบด้านพลันเงียบงัน คล้ายเสียงเข็มตกลงบนพื้นก็สามารถได้ยิน
ไม่รู้ผ่านไปนานเพียงใด ไม่รู้ผู้ใดกำลังถอนหายใจ
เล่อเหยาเหยาได้ยินเสียงถอนหายใจของซือมู่หาน คล้ายแฝงด้วยความจนใจและเสียใจสุดที่จะเปรียบ
“ที่ผ่านมาข้าใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว จนกระทั่งซินเอ๋อร์ปรากฏตัว นางใจดีอย่างมาก กระทั่งมดตัวหนึ่งก็ทำใจเหยียบมันไม่ได้ และนางไม่ชื่นชอบการฆ่าฟัน ยามปกติมักเตือนข้า ไม่ให้ทำเรื่องโหดร้ายเลวทรามพวกนี้อีก อยากให้พวกเราหลบซ่อนตัวอยู่ในป่า ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายไปด้วยกัน แต่เรื่องนี้ ข้าไม่สามารถทำให้นางได้ อาจเป็นเพราะสวรรค์ลงโทษการเข่นฆ่าของข้า โดยการชิงตัวผู้หญิงที่ข้ารักที่สุดไป”
ซือมู่หานเอ่ยอย่างสงบเงียบ สายตาเหม่อลอย คล้ายกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่าง
เล่อเหยาเหยาได้ยิน อดกังวลไม่ได้
ชายผู้นี้ ช่างรักภรรยาของเขาเสียจริง! น่าเสียดายที่โชคชะตาเล่นตลก
ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ ได้ยินซือมู่หานเอ่ยขึ้นต่อว่า
“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่ซินเอ๋อร์ แต่ข้ากลับดื้อดึงตลอดเวลา เพราะข้าอยากให้นางกลับมาอย่างยิ่ง หากนางกลับมา ข้าต้องรับปากนางแน่นอน จะบอกกับนางว่า ‘ข้าทำได้ ข้าจะไม่สังหารคนอีก ข้าจะหลบซ่อนตัวอยู่ในป่า ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ไม่เข่นฆ่าผู้คน จากนั้นจะมีลูกหลายคน ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเรียบง่ายไปด้วยกัน’ ”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ แววตาซือมู่หานแฝงไปด้วยความปรารถนา
แต่ไม่นาน แววตาปรากฎความผิดหวังเสียใจขึ้นมา
“น่าเสียดาย คำพูดนี้ของข้า ไม่สามารถพูดกับนางได้อีกแล้ว”
พอเอ่ยถึงตรงนี้ ซือมู่หานหยุดชะงักอีกครั้ง ทันใดนั้นแววตาปรากฎความหนักแน่นขึ้นมา คล้ายตัดสินใจทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่บางอย่าง
ก่อนหันมามองเล่อเหยาเหยา
เมื่อเห็นสายตาเช่นนี้ของเขา เล่อเหยาเหยาพลันตกใจ ก่อนจะรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
แต่เธอยังไม่ทันได้ตั้งตัว รู้สึกเพียงมือหนักเพิ่มขึ้น คล้ายมีบางสิ่งกระแทกลงไป ทันใดนั้นมีบางสิ่งที่อุ่นร้อนอาบที่มือเธอ
หัวใจคล้ายพลันถูกควักออกมาจนว่างเปล่า
เมื่อเห็นเลือดสีแดงบนมือ จากหยดเล็กๆ ในตอนแรก จนสุดท้ายดุจน้ำไหลทะลักราวเขื่อนแตก ไหลรินออกมาไม่หยุด เล่อเหยาเหยาพลันตกใจจนตาเบิกกว้าง ปากเล็กอ้าค้าง
“ไม่”
“มีเพียงเช่นนี้ ข้าจึงจะสามารถหลุดพ้นได้ ฮ่า…”
เอ่ยจบ มุมปากซือมู่หานยกยิ้มอย่างอ่อนโยนปล่อยวาง พริบตาเดียวงดงามอย่างไม่มีผู้ใดเปรียบได้ จนทุกสีต่างหม่นหมองไร้สีสัน
“ข้า ในที่สุดสามารถไปหานางได้แล้ว”
เมื่อเอ่ยประโยคนี้จบ ดวงตาหงส์ของซือมู่หานปิดลงอย่างช้าๆ ใบหน้าหมดจดนั้นดูซีดเซียวทว่าโดดเด่น
และรอยยิ้มมีความสุขที่มุมปากของเขา ราวกับเวลานี้ชายหนุ่มกำลังหลับใหล
“ไม่”
เมื่อเห็นซือมู่หานล้มลงเสียงดังสนั่น เรี่ยวแรงทั้งหมดของเล่อเหยาเหยาคล้ายถูกสูบออกไป ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง มองอยู่ตรงนั้นอย่างตกตะลึง
ก่อนจะรู้สึกมีเงาสีแดงแวบผ่านไป ก่อนซือมู่หานที่ล้มอยู่บนพื้นจะถูกหงหลัวชางโอบกอดเอาไว้
“ไม่ ท่านเจ้าลัทธิ ท่านจะตายไม่ได้ อย่าทิ้งข้าไป”
เสียงคำรามอย่างบ้าคลั่งโหยหวนเช่นนี้ ดุจสัตว์ร้ายที่คำรามไม่หยุดหลังสูญเสียคู่รักไป
หงหลัวชางร้องไห้อย่างโหยหวนและน่าสงสาร หยดน้ำตาแวววาวนั้นดุจไข่มุกหล่นจากสร้อยคอหลังขาดสะบั้น ไหลรินลงมาจากดวงตา จนอาบเต็มใบหน้าหมดจดของเธอไม่หยุด
เวลานี้หงหลัวชางไม่มองผู้อื่น เพราะความสนใจของเธอทั้งหมดอยู่ที่ซือมู่หาน กอดเขาเอาไว้แน่น ราวกับจะไม่ปล่อยมือไปตลอดชีวิต
จากนั้นเหตุการณ์ที่ทำให้ทุกคนสลดใจที่สุดจึงเกิดขึ้น
เห็นเพียงหงหลัวชาง หลังจากกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง ก็ชูกระบี่ในมือขึ้น ก่อนเชือดคอตนเองอย่างแรง
“ไม่”
ชิงเฟิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากหงหลัวชางเห็นเช่นนั้น ดวงตาดำขลับเบิกกว้าง ก่อนร้องคำรามออกมา
แต่กลับสายไป
เห็นเพียงภาพแสงสีเงินแวบผ่านไป ก่อนเลือดจะกระเซ็นไปรอบทิศ
กระบี่ยาวในมือหงหลัวชางตกลงบนพื้นหิมะ จากนั้นตามมาด้วยหยดเลือดสีแดง
หยดเล็กๆ สาดลงบนพื้นหิมะสีขาว ดุจพื้นกำลังแปดเปื้อนด้วยดอกเหมยสีแดง
แต่เวลานี้มุมปากของหงหลัวชาง กลับยกยิ้มอย่างพอใจ
“แม้จะตาย ข้าก็ตายไปกับท่าน”
เอ่ยจบ หงหลัวชางปิดตาลง ก่อนศีรษะจะอิงแอบบนหน้าผากของซือมู่หาน แนบชิดอยู่ด้วยกันสองคน
“ไม่…”
เมื่อเห็นทั้งสองคนอิงแอบอยู่ด้วยกัน และต่างสวมเสื้อผ้าอาภรณ์สีแดง มุมปากแฝงด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขและพอใจ ดวงตาทั้งคู่ปิดแน่น เมื่อไม่มองเลือดบนคอของทั้งสองคน คนส่วนใหญ่ต่างคิดว่าพวกเขาเพียงหลับใหล แต่…
เมื่อเห็นภาพตรงหน้านี้ เล่อเหยาเหยารู้สึกแสบจมูก ใจคล้ายหยุดเต้น ลำคอราวถูกยัดแน่นด้วยหิน ทำให้เธอพูดไม่ออกแม้ประโยคเดียว
เพราะเหตุการณ์ตรงหน้าฉับพลันเกินไป เธอจึงตั้งตัวไม่ทันเช่นกัน
ใจเธอล้วนเจ็บปวด
เพราะภายในโลกของเธอ ทุกคนต่างไม่สมควรตาย
แต่เมื่อเห็นสองคนอิงแอบกันตายอยู่บนพื้น เห็นรอยยิ้มบนมุมปากของพวกเขานั้น กลับรู้สึกว่านี่คล้ายเป็นจุดจบแสนงดงามที่สุดของพวกเขา
เพราะตอนมีชีวิต พวกเขาไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ หลังตายกลับตายด้วยกัน
เรื่องที่ทำไม่ได้ในระหว่างมีชีวิต เมื่อตายในที่สุดกลับทำได้
นี่มันคือความรักประเภทใดกันแน่ จึงสั่งให้ผู้คนเกิดและตายพร้อมกัน!
เมื่อเห็นภาพนี้ เล่อเหยาเหยาอดซาบซึ้งไม่ได้
น้ำตาก็อดไหลรินลงมาอาบสองแก้มไม่ได้
แต่ทันใดนั้น เล่อเหยาเหยาพลันถูกคนโอบกอดเอาไว้
มีดที่ถือในมือ ก็ถูกคนหยิบออกไป
“เหยาเหยา”
เมื่อได้ยินเสียงอ่อนโยนแหบพร่า และได้กลิ่นหอมของอำพันทะเลที่คุ้นเคยนั้น เล่อเหยาเหยาอดค่อยๆ ได้สติกลับมาไม่ได้ ใจที่คล้ายหยุดเต้น ค่อยๆ สงบลง
เพราะอ้อมกอดทางด้านหลัง ให้ความรู้สึกอบอุ่น คุ้นเคย และเต็มไปด้วยความปลอดภัย
เธอเมื่อครู่คล้ายเรือเล็กที่ลอยเคว้งอยู่กลางมหาสมุทร ถูกคลื่นทะเลโหมกระหน่ำซัดไม่หยุด จนแทบคว่ำอยู่กลางมหาสมุทร
ตอนนี้ เรือเล็กที่ไร้กำลังเช่นเธอ ในที่สุดก็พบกับสถานที่หลบภัยอันปลอดภัย ช่วยกำบังคลื่นลมให้แก่เธอ
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาร้อง ‘อา’ ขึ้นมา ก่อนจะหันไปกอดชายหนุ่มด้านหลัง พร้อมร้องไห้ออกมา
“อวี๋”
“ข้าอยู่ที่นี่!”
เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยาร้องไห้ดุจดอกแพร์กลางสายฝน ราวกับเด็กน้อยไร้ที่พึ่ง เหลิ่งจวิ้นอวี๋ปวดใจอย่างที่สุด
และไม่สนใจความอ่อนแรงของร่างกายตน ยื่นแขนออกไปโอบกอดเด็กสาวที่ร้องไห้อย่างน่าสงสารแน่น
ส่วนซิงและเหม่ยก็ช่วยประคองเหลิ่งจวิ้นอยู่ด้านหลังทั้งซ้ายและขวา
แต่ขณะเล่อเหยาเหยาร้องไห้ฟูมฟาย ทางด้านชิงเฟิงก็เดินเข้าไปตรงหน้าซือมู่หานและหงหลัวชาง ใบหน้าเย็นชานั้นยิ่งดูเยือกเย็น และไร้ความรู้สึกมากขึ้น
แต่จากร่างกายที่สั่นเทิ้มของเขา ทำให้รู้ว่าเขากำลังจิตใจสับสน
เห็นเพียงชิงเฟิงค่อยๆ เดินไปข้างกายหงหลัวชาง ก่อนยื่นมือใหญ่ออกไปลูบไล้เส้นผมยาวที่ยุ่งเหยิงของเธอ แววตาค่อยๆ เผยความรักออกมา
ทันใดนั้น ไม่สนใจผู้คนรอบกาย ยืดแขนออกไปอุ้มหงหลัวชางและซือมู่หานขึ้นมา
ชิงเฟิงรูปร่างสูงใหญ่ ดังนั้นแม้จะอุ้มทั้งสองคนพร้อมกัน ถือเป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่ง
สำหรับการกระทำของชิงเฟิง พวกเหลิ่งจวิ้นอวี๋ไม่ได้ยับยั้ง
เพราะทุกคนต่างรับรู้จากสีหน้าสิ้นหวังของชิงเฟิง เขาคงไม่ฝืนมีลมหายใจอยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว
ดังนั้นทุกคนจึงต่างมองชิงเฟิงค่อยๆ หายลับไปจากสายตาตนอย่างเงียบๆ
และเล่อเหยาเหยาที่มองเห็นภาพนี้ รู้สึกปวดใจเป็นที่สุด
มือที่โอบกอดเหลิ่งจวิ้นอวี๋แน่นขึ้นอีกหนึ่งส่วน
ใบหน้าค่อยๆ ซบลงบนหน้าอกแข็งแกร่งของชายหนุ่ม
เพราะหลังผ่านเรื่องครั้งนี้ ทำให้เธอเข้าใจความรักมากขึ้น ดังนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอจะต้องรักชายคนรักของตนเพิ่มมากขึ้นถึงจะถูก!
“อวี๋ ข้ารักท่านยิ่งนัก!”
เมื่อซบอยู่บนหน้าอกแข็งแกร่งของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยาไม่สนใจว่ายังมีผู้อื่นอยู่ตรงนั้น ก่อนเอ่ยขึ้นเบาๆ ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม
หลังได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา ชายหนุ่มมีสีหน้าตะลึงงัน ทันใดนั้นริมฝีปากกระจับยกขึ้นอย่างอ่อนโยน
“เด็กโง่ ข้าก็รักเจ้า”
เมื่อได้ฟังความรักอันลึกซึ้งของคนทั้งสอง เหม่ยและซิงที่ยืนอยู่ด้านหลังอดสบตากันไม่ได้ ใบหน้าเผยรอยยิ้มจางๆ ออกมา
…………………………………………………………………………………..