ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - บทที่ 555 ข้ายินดีดูแลปวงประชา! (3)
บทที่ 555 ข้ายินดีดูแลปวงประชา! (3)
“พี่ชาย…” อ๋าวอี่จับที่ด้านข้างหลี่ฉางโซ่วโดยไม่รู้ตัว และหลี่ฉางโซ่วก็ยกมือขึ้นคว้าฝ่ามือของอ๋าวอี่เอาไว้แทนในทันที “ข้าอยู่นี่”
“ดวงตาแห่งท้องทะเลแตกแล้ว” ดูเหมือนว่า อ๋าวอี่จะหายใจลำบากเล็กน้อยขณะกล่าวเบาๆ ว่า “ข้าเพิ่งเห็นว่า พระบิดากำลังพยายามปกป้องดวงตาแห่งท้องทะเลอย่างสุดกำลัง แต่ดวงตาแห่งท้องทะเลก็ยังคงแตกออกตลอดเวลา และเกล็ดของพระบิดาก็เต็มไปด้วยเลือด…
ข้ายังเห็นคลื่นซัดกวาดจนแผ่นดินถูกกลืนกิน จมอยู่ใต้น้ำ สิ่งมีชีวิตบนผืนแผ่นดิน ล้วนตายหรือไม่ก็บาดเจ็บ และสายฟ้าเทพสวรรค์ม่วงจำนวนนับไม่ถ้วนได้ฟาดลงมา ทำให้เผ่าของเราต่างแตกสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน …
และข้าก็เห็นผู้คนในเผ่านับไม่ถ้วนรีบพุ่งตรงไปที่ดวงตาแห่งท้องทะเล แต่พวกเขากลับถูกดวงตาแห่งท้องทะเลฉีกทำลายแหลกเป็นชิ้นๆ…”
เป็นเช่นนั้นจริงๆ
เผ่ามังกรได้เติมเต็มเจตจำนงแห่งเต๋าสวรรค์ด้วยชีวิตของพวกเขา มันเป็นเจตจำนงแห่งเต๋าสวรรค์ แม้เผ่ามังกรได้ยอมสวามิภักดิ์ต่อศาลสวรรค์แล้ว และถือว่ากำลังทำงานให้กับเต๋าสวรรค์ แต่พวกเขาก็ไม่อาจเปลี่ยนโชคชะตาได้…
“พี่ชาย!”
บัดนี้ดวงตาของอ๋าวอี่ไม่ได้เต็มไปด้วยความสับสนอีกต่อไปแล้ว แม้ใบหน้าละเอียดบอบบางของเขายังคงเปื้อนน้ำตา แต่ในขณะนี้เขาก็ยิ้มเล็กน้อยให้หลี่ฉางโซ่ว
จากนั้นเขาก็ปล่อยฝ่ามือของหลี่ฉางโซ่ว พลางถอยหลังไปสองก้าวแล้วคำนับให้หลี่ฉางโซ่วพร้อมกับกล่าวว่า “มันนานมากแล้ว…ขอบคุณท่านขอรับ”
กล่าวจบเขาก็หันกลับไปทันที แล้วอ๋าวอี่ก็เปล่งเสียงมังกรคำรามดังลั่นออกมา และมังกรครามหลายสิบตัวรอบตัวเขาที่ได้เห็นภาพเหตุการณ์เดียวกัน ก็พุ่งตัวออกไปข้างหน้าอีกครั้งอย่างไม่ลังเลใดๆ
ทว่า…
ในขณะที่อ๋าวอี่กำลังจะกลายร่างเป็นมังกร จู่ๆ เท้าของเขาก็ซวนเซไปมา ดวงตาของเขาปิดลงอย่างอ่อนแรง แล้วเขาก็นอนลงอยู่ในน้ำทะเล
มังกรครามที่อยู่ข้างหน้าพลันหันกลับมาทันทีในขณะที่หลี่ฉางโซ่วได้ก้าวออกไปข้างหน้าและพยุงอ๋าวอี่ขึ้นและกล่าวว่า “ทุกคน หากเชื่อมั่นในตัวข้า เทพวารี ข้าจะปกป้องชีวิตของอ๋าวอี่ และจะรับผิดชอบในสิ่งที่อ๋าวอี่ต้องการแบกรับเอาไว้แทนเขาเองด้วยร่างจำแลงของข้า!”
เหล่ามังกรครามหลายสิบตัวพุ่งออกมาพร้อมกับเปล่งลำแสงล้อมรอบ พวกเขาแต่ละคนล้วนกลายร่างเป็นร่างมนุษย์แล้วโค้งคำนับอย่างสุดซึ้งให้หลี่ฉางโซ่ว จากนั้นพวกเขาก็กลายร่างเป็นมังกรครามอีกครั้งโดยไม่เอ่ยวาจาใดสักคำ แล้วพุ่งกระโจนเข้าใส่ดวงตาแห่งท้องทะเลด้วยความเร็วเต็มกำลัง
ไม่เพียงแต่พวกเขาเท่านั้น…
เหล่ามังกรครามหลายพันตัวได้บินออกจากวังมังกรแห่งทะเลบูรพา พวกเขาส่วนใหญ่ไม่ได้มีพลังการต่อสู้สูงมากนัก แต่ในขณะนี้ พวกเขาไม่แม้แต่จะเหลียวหลังกลับ…
ในสนามรบแห่งทะเลบูรพา บัดนี้ เหล่ามังกรครามทั้งหมดล้วนละจากการรบพุ่งโดยไม่สนใจอาการบาดเจ็บของพวกเขาเอง พวกเขาหันหลังกลับและบินตรงไปยังดวงตาแห่งท้องทะเล… ดุจแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ แต่มันเป็นแมลงเม่าที่มีสติสัมปชัญญะกระจ่างชัดเจน
ในทะเลทักษิณ ทะเลอุดร และทะเลประจิม เผ่ามังกรซึ่งสามารถรีบรุดไปที่ทะเลบูรพาเพื่อให้การสนับสนุนได้ไม่มากก็น้อย ล้วนพุ่งตรงไปยังดวงตาแห่งท้องทะเลบูรพาทันที…
ขณะนั้น ตัวการร้าย ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตดุร้ายจำนวนมากจากสำนักบำเพ็ญประจิมได้กระจายตัวออกไปในระยะไกลด้วยท่าทางสง่างามโดยผ่านค่ายกลเคลื่อนย้าย และรอยแยกจักรวาลต่างๆ หลากหลายเพื่อออกจากดวงตาแห่งท้องทะเลบูรพาไปอย่างรวดเร็ว
ณ สถานที่เกิดการสู้รบดุเดือดระหว่างทะเลอุดร และทะเลทักษิณ เหล่าปรมาจารย์แห่งสำนักบำเพ็ญประจิมได้ทิ้งอาหารสัตว์เอาไว้เล็กน้อยและถอยกลับไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ในเวลานั้น ก้นทะเลซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวังมังกรทะเลบูรพาก็พังทลายลง และคลังสมบัติที่ใหญ่ที่สุดของวังมังกรทะเลบูรพาก็หายไป…บัดนี้ เป้าหมายของสำนักบำเพ็ญประจิมได้บรรลุผลสำเร็จแล้ว
“พวกเขาล่าถอยไปแล้วหรือ…” หลี่ฉางโซ่วระงับเดือดดาลในใจของเขา
เขาต้องยอมรับว่าผู้บงการอยู่เบื้องหลังการต่อสู้ในวันนี้เป็นคนที่โหดเหี้ยมจริงๆ เวลานี้ เขารู้สึกเดือดดาลไปก็ไร้ประโยชน์ กลับมาใคร่ครวญให้มากขึ้นว่า ควรจะช่วยเผ่ามังกรอย่างไรจะดีเสียกว่า
หลี่ฉางโซ่วแผ่สัมผัสเซียนรับรู้กวาดออกไปทั่วทุกที่ และมองไปที่เงาของเผ่ามังกรเหล่านั้นที่พุ่งออกไปข้างหน้า ทว่าถูกผลักออกไปทันที แล้วถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ในกระแสน้ำของดวงตาแห่งท้องทะเล …
เขาไม่อาจหยุดพวกเขาได้ เขาหยุดพวกเขาไม่ได้เลย แต่เขาก็ยังคงพุ่งออกไปข้างหน้าเพื่อสู้ตาย
เผ่ามังกรเกือบจะเสียสติและตกอยู่ในความบ้าคลั่ง หากพวกเขาไม่อาจหยุดยั้งอีกฝ่ายได้ เผ่ามังกรย่อมจะถูกทำลายภายในไม่กี่วัน! ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็มองท้องฟ้าเหนือดวงตาแห่งท้องทะเลอีกครั้ง
ที่นั่น แม่ทัพตงมู่รีบออกจากทะเลพร้อมกับทหารสวรรค์หนึ่งแสนนาย และรวมตัวกันอยู่บนท้องฟ้าในระดับสูง
ข้ารอไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ข้าต้องทำอะไรสักอย่างไม่มากก็น้อย
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็พลิกมือขวา แล้วถือท่อนเหล็กเอาไว้ และท่อนเหล็กนั้นก็สั่นเล็กน้อยราวกับกำลังพูดคุยกับเขา
ข้าทำได้หรือ?
หลี่ฉางโซ่วมองไม่เห็นความหวังแห่งความสำเร็จใดๆ แต่เขาก็จะไม่ถูกทำร้ายให้เสียหายและได้รับบาดเจ็บใดๆ เช่นกัน ด้วยท่อนเหล็กนี้ เขาคิดถึงลักษณะขนาดของท่อนเหล็กที่จะใหญ่หรือเล็กในภายภาคหน้า บางที เขาอาจใช้ต่อสู้เพื่อให้โอกาสในการอยู่รอดของเผ่ามังกรได้!
เต๋าใหญ่มีห้าสิบ แต่สวรรค์ใช้เพียงสี่สิบเก้า[1]
ท่อนเหล็กนี้เป็นหนึ่งในเหล่ามังกรที่หลบหนีไปหรือไม่?
“แม่ทัพตงมู่!” หลี่ฉางโซ่วปรากฏตัวขึ้นจากเมฆสีขาวและตะโกนเสียงดังก้องไปรอบๆ หลายพันลี้!
เสื้อคลุมสีขาวของเขาพลิ้วกระพือ และผมสีขาวของเขาก็ปลิวไสวไปตามสายลมในขณะที่เจดีย์เสวียนหวงได้ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของเขา ในขณะนั้น เขาถือไม้เฉียนคุนเอาไว้ด้วยมือซ้ายและก้าวออกไปข้างหน้า ร่างของเขาเคลื่อนไหวแวบวาบอย่างต่อเนื่องบนท้องฟ้าในขณะที่เขารีบพุ่งไปยัง ‘น้ำพุหลั่งนอง’ ในท้องทะเล
แม่ทัพตงมู่อดจะลิงโลดใจไม่ได้และร้องตะโกนว่า “เทพวารีมาแล้ว!”
และก่อนที่แม่ทัพตงมู่จะทันได้กล่าวจบ หลี่ฉางโซ่วก็ปรากฏตัวขึ้นในจุดที่อยู่ห่างออกไปพันลี้แล้ว ร่างของเขาเคลื่อนไหวแวบวาบอีกสองครั้ง และไปยืนอยู่เหนือดวงตาแห่งท้องทะเลทันที ข้าควรทำอย่างไรดี?
หลี่ฉางโซ่วมองไปที่ท่อนเหล็กในมือของเขาและตะโกนว่า “หากเจ้ามีจิตวิญญาณ เจ้าจงสำแดงและเผยตัวเจ้าออกมา!”
ทันใดนั้นท่อนเหล็กก็สั่นเล็กน้อย แล้วหลุดออกจากการควบคุมของหลี่ฉางโซ่ว จากนั้นมันก็ลอยอยู่ในแนวตั้งต่อหน้าหลี่ฉางโซ่ว แล้วจู่ๆ ท่อนเหล็กนั้นก็หนาขึ้นและยาวขึ้นจนมีเส้นผ่านศูนย์กลางครึ่งจั้ง
“พลังเซียน”
มีลายมือที่ไม่ชัดเจนปรากฏขึ้นในใจของเขา หลี่ฉางโซ่ววางมือข้างหนึ่งลงบนท่อนเหล็กแล้วถ่ายเทพลังเซียนของเขาลงไปอย่างไม่ลังเลใดๆ
จู่ๆ ท่อนเหล็กก็ยืดขยายออกและส่งหลี่ฉางโซ่วบินออกไป
จากนั้นหลี่ฉางโซ่วได้เชิญเจดีย์เสวียนหวงให้ปรากฏขึ้นและลอยอยู่เหนือศีรษะของเขาแล้ว เขาก็กระโดดขึ้นไปบนท่อนเหล็กและเหยียบมันด้วยเท้าทั้งสองข้างทันที
เขาหลับตาลงและถ่ายเทพลังเซียนเข้าไปในท่อนเหล็กอย่างต่อเนื่อง!
ยาว ยาว ยาว… ใหญ่ ใหญ่ ใหญ่!
ในชั่วพริบตานั้น ท่อนเหล็กก็ยืดยาวจนมีขนาดร้อยจั้งแล้วเจาะลงสู่น้ำพุหลั่งนองเบื้องล่าง!
มันไม่เพียงพอ
แขนเสื้อของหลี่ฉางโซ่วกระพือไหว และพร้อมด้วยเสียงดังลั่น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ก็บินออกไปและกลายร่างเป็นร่างมนุษย์ต่างๆ ในพริบตาเดียว จากนั้นพวกเขาก็ลอยอยู่เหนือท่อนเหล็กอย่างรวดเร็วแล้วถ่ายเทพลังเซียนที่เก็บไว้ของตัวเองลงไปในท่อนเหล็ก
ทันใดนั้นท่อนเหล็กก็ขยายออกไปรวดเร็วขึ้นหลายเท่า!
ไม่นานหลังจากนั้น ท่อนเหล็กที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางสามร้อยลี้ ก็ได้ตั้งตระหง่านอยู่ในระหว่างสวรรค์และปฐพีโดยมีเมฆหมอกอยู่ด้านบนเหนือมัน และด้านล่าง มันก็ไปถึงทะเลลึกด้านล่างและแทรกติดอยู่ตรงกลางของน้ำพุ
หลี่ฉางโซ่วสูดลมหายใจเข้าลึก ในเวลานี้ ท่อนเหล็กได้มาถึงขีดจำกัดของตัวมันเองแล้ว
ทันใดนั้นเขาก็กระทืบเท้าอย่างรุนแรง แล้วท่อนเหล็กก็จมลงไปในทันที แต่มันจมลงไปเพียงสามร้อยจั้งเท่านั้น ทว่าหลี่ฉางโซ่วก็สัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลที่มาจากด้านล่าง
พลังที่ดวงตาแห่งท้องทะเลปะทุออกมานั้นเกินกว่าจินตนาการของหลี่ฉางโซ่ว!
ในขณะนี้ พลังที่ปะทุออกมาจากดวงตาแห่งท้องทะเลนั้น มากเกินกว่าที่หลี่ฉางโซ่วคาดคิดไว้! หลี่ฉางโซ่วสูดลมหายใจเข้าลึก และแสงวิญญาณก็กระพริบแวบวาบไปรอบตัวเขา บัดนั้นตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์รอบตัวเขายืนขึ้นและออกแรงร่วมมือกับเขาทันที แล้วทันใดนั้นเข็มสงบเทพทะเลก็ถูกผลักดันลึกลงไปอีกร้อยจั้ง
“เทพวารี! ข้าจะช่วยท่านเอง!”
………………………………………………………………..
[1] มาจากคัมภีร์อี้จิงคือ เต๋าใหญ่ห้าสิบ สวรรค์ใช้สี่สิบเก้า หนึ่งลี้หนีหาย โดยรวมแล้ว หมายถึง ทุกสรรพสิ่งล้วนไม่แน่นอน ซึ่งในที่นี้หมายถึงทุกอย่างหรือในทุกสถานการณ์ที่แม้จะเลวร้ายมาก แต่ก็ยังมีโอกาสอยู่เสมอ) เราคิดว่าทุกสรรพสิ่งในสวรรค์และปฐพีล้วนมีสมดุลมาแต่แรกหรือเป็นไปตามวิถีการพัฒนาของสิ่งต่างๆ ของมันเอง แต่มักจะมีหนึ่งลี้หนีหายจากลิขิตที่เป็นตัวแปรลึกลับคาดเดาไม่ได้ และนั่นคือ สิ่งที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างความเปลี่ยนแปลงของทุกสรรพสิ่ง