ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว - ตอนที่ 501 สำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยดูแลตัวเองดี (1)
ตอนที่ 501 สำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยดูแลตัวเองดี (1)
ในป่าดอกท้อ หลี่ฉางโซ่วเริ่มถาม
อวิ๋นเซียวโปร่งตอบช้าๆ ว่า “ในสายตาข้า เจ้า… เจ้าเก่งกาจเรื่องการวางแผน และรู้ว่าเมื่อใดควรรุกหน้าและล่าถอย เจ้าเป็นคนละเอียดรอบคอบ ระมัดระวังตัว และไม่แตะต้องกรรม เจ้าก็มีอะไรคล้ายกับข้าหลายอย่าง
แม้เจ้าจะเป็นสิ่งมีชีวิตโฮ่วเทียนที่ฝึกบำเพ็ญมาเพียงไม่กี่ร้อยปี แต่เจ้าก็ยืนอยู่สูงในโลกแล้ว แม้จะไม่ได้กล่าวถึงมรดกเต๋าของเจ้า เจ้าก็ยังมีความโดดเด่นเฉพาะตัว”
หลี่ฉางโซ่วรู้สึกผิดเล็กน้อย เขารู้สึกว่า ถ้อยคำพร่ำบ่นของหลิงเอ๋อร์ที่เกี่ยวกับเขานั้น ใกล้เคียงกับตัวตนที่แท้จริงของเขามากกว่า นั่นเป็นคำพูดทั่วไปที่ว่า “เมื่อมองแวบแรก ทุกอย่างสวยงาม แต่ชีวิตที่เหลือนั้นยุ่งเหยิงวุ่นวาย”
อวิ๋นเซียวถามเบาๆ ว่า “มีอันใดไม่เหมาะสมในเรื่องนี้หรือไม่?”
“สหายเต๋าอวิ๋นเซียว พวกเราต้องซื่อสัตย์” หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างจริงจัง “ผู้ที่ไม่ใช่จอมปราชญ์จะไม่ผิดพลาดใดๆ เลยได้อย่างไรกัน?”
อวิ๋นเซียวยิ้มมากขึ้นและย่างก้าวของนางก็เบาลง
นางกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “เช่นนั้น บางครั้งเจ้าก็เบิ่งหน้าแลหลัง[1]มากเกินไปเมื่อทำสิ่งต่างๆ เจ้ามักจะยึดมั่นในการปฏิบัติตามกฎ บางคราวเจ้าก็มีแผนการมากเกินไป เจ้าออกจะดูล้ำลึกไปสักหน่อย ข้าพูดอย่างนี้ เจ้าจะโกรธข้าหรือไม่?”
“อืม หลังจากได้ยินเช่นนี้ ข้าก็ยังรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย” หลี่ฉางโซ่วหรี่ตาพลางยิ้ม
เขากล่าวต่อว่า “ตอนนี้ ถึงคราวที่ข้าจะบอกว่าข้าคิดอย่างไรกับเจ้าแล้ว…”
“ในสายตาของข้า เจ้าแตกต่างจากผู้คนทั่วไปในโลกมนุษย์ เมื่อเห็นเจ้าครั้งแรกที่เกาะซานเซียน จู่ๆ ข้าก็คิดว่าเหมือน ข้าเคยเห็นเทพธิดาผู้นี้ที่ใดสักแห่งมาก่อน หลังจากที่ได้ยินเจ้าตำหนิเทพธิดาฉยงเซียวและเทพธิดาปี้เซียว ข้าก็รู้สึกว่าเจ้ามีเหตุผลและน่าเชื่อถือมาก เจ้ามีลักษณะท่าทางแบบพี่สาวคนโต และข้าก็รู้สึกสบายใจเมื่อได้อยู่ใกล้ชิดเจ้า…”
“เอาล่ะ” อวิ๋นเซียวเอ่ยขัดจังหวะเขา พวงแก้มใสกระจ่างของนางแดงระเรื่อไปทั่วขณะกล่าวว่า “เจ้าเอ่ยวาจาธรรมดามาก ทว่าไฉนทำให้ข้ารู้สึกประหม่าได้? เจ้าบอกข้อบกพร่องของข้ากับข้าได้”
ในถ้ำดิน บัดนี้ บรรดาเซียนบุรุษแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยต่างก็หูผึ่งขึ้นมาทันทีขณะที่ฟังอย่างตั้งใจ
หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างไม่ลังเลเลยว่า “ไม่มีข้อเสีย ไม่มีข้อบกพร่อง” แต่มีสิ่งหนึ่งที่ต้องบอกว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ นั่นคือมี “หลุมดำแห่งกรรม” อยู่รอบๆ ตัวเจ้าหลายแห่ง
ทันใดนั้น อวิ๋นเซียวก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับมาและดุด้วยความโกรธว่า “เจ้าจริงจังหรือไม่!?!”
หลี่ฉางโซ่วรีบขออภัย แล้วหลังจากนั้นไม่นาน อวิ๋นเซียวก็หันกลับมาและยิ้มอ่อนโยนมากขึ้น
ในหลุมดินนั้น นักพรตเต๋าตั๋วเป่าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วถามเบาๆ ว่า “นี่ไม่ขัดแย้งกันเองหรือ? เจ้าเพิ่งบอกว่าผู้ที่ไม่ใช่จอมปราชญ์จะไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ ได้อย่างไรกัน แล้วเมื่อครู่นี้ที่เจ้าบอกว่า…”
“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านไม่เข้าใจ” เทพธิดาจินกวงแค่นเสียงกล่าวว่า “นั่นคือ ความแข็งแกร่งของศิษย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินคนนี้ ไม่แปลกที่แม้แต่ศิษย์พี่หญิงอวิ๋นเซียวก็ยังถูกเขาหลอกเอาได้”
“ถูกต้อง” เทพธิดาจินหลิงกล่าวอย่างสงบว่า “หากตอนนี้ เทพแห่งท้องทะเลกล่าวถึงข้อบกพร่องออกมาแม้เพียงเล็กน้อย ข้าเกรงว่า ศิษย์น้องหญิงอวิ๋นเซียวจะไม่พอใจ นั่นเป็นส่วนที่เลิศล้ำยิ่ง”
หลี่ฉางโซ่วเงียบงัน
ข้ามาพบอย่างจริงใจ หากพวกเจ้าจะจดบันทึกลงไปก็ไม่เป็นไรแต่พวกเจ้ายังต้องอธิบายแต่ละรายการทันทีด้วย!
ทว่าขั้นตอนแรกก็ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว หลี่ฉางโซ่วควบคุมได้ ไม่เพียงแต่เขากำลังพูดคุยกับอวิ๋นเซียวเท่านั้น แต่เขายังดึงดูดความสนใจของบรรดาเซียนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยอีกด้วย
เช่นนั้น ก็ไปขั้นตอนที่สอง ถอยเพื่อรุก และกำหนดมาตรฐานกันเลย
ในป่าดอกท้อ หลี่ฉางโซ่วได้หักกิ่งท้อใส่ไว้ในขลุ่ยหยก แล้วเขย่าไปมาเบาๆ พลางกล่าวว่า “อวิ๋นเซียว เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากพวกเรากลายเป็นคู่บำเพ็ญเต๋า?”
เทพธิดาอวิ๋นเซียวอดจะตกตะลึงไม่ได้ และนี่เป็นครั้งแรกที่นางมีน้ำเสียงตำหนิอย่างชัดเจน
นางกล่าวเบาๆ ว่า “ไฉนจู่ๆ เจ้าถึงกล่าวเช่นนี้? ตอนนี้ ข้าเพียงคุ้นเคยกับเจ้าเท่านั้น ต่อให้พวกเราจะมีใจให้กัน แต่หนทางข้างหน้านั้นยังอีกยาวไกล ยังเร็วเกินไปที่จะกล่าวเช่นนี้”
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจอย่างโล่งอก ในตอนแรก เขาขื่นชมนางที่ทำตามอย่างที่เขาคาดไว้ และสมควรแล้วที่เป็นเช่นเทพธิดาที่เขานึกถึง นางสงบ มีแนวคิดและกระบวนความคิดชัดเจน
แต่หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกอับจนหนทางเล็กน้อย… หากเขาตกหลุมรักเทพธิดาอวิ๋นเซียวเข้าจริงๆ ไม่ใช่ว่าพวกเขาอาจต้องเกี้ยวพากันเป็นเวลายาวไกลหลายแสนปีก่อนที่พวกเขาจะแต่งงานกันหรือ? ก่อนแต่งงานเตรียมตัวพบแปดครั้งก่อนหมั้นหมายแปดครั้ง…
แค่กๆ ข้าคิดถึงผลท้อ[2] คิดถึงผลท้อจริงๆ
จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ยังคงโน้มน้าวนางต่อไปตามแผนที่วางไว้ก่อนหน้านี้
เมื่อเห็นความผิดหวังปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของหลี่ฉางโซ่ว อวิ๋นเซียวจึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวเบาๆ ว่า “ทว่าหากพวกเราพบเจอกันบ่อยครั้งขึ้น พวกเราย่อมจะ… ก้าวหน้าเร็วขึ้นอย่างแน่นอน…”
หลี่ฉางโซ่วกำลังจะตอบกลับเมื่อเขาตระหนักว่ามีมีดอีกสองเล่มอยู่ที่คอของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์
เขากล่าวอย่างอบอุ่นว่า “ข้าก็อยากพบเจ้ามากกว่านี้เช่นกัน” ทันใดนั้น มีดน่ารักๆ เหล่านั้นก็เคลื่อนออกห่างจากคอของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทันที
“ถ้าเช่นนั้น” อวิ๋นเซียวถามว่า “เราจะพบกันทุกๆ ห้าร้อยปีดีหรือไม่”
หลี่ฉางโซ่วถึงกับพูดไม่ออก
ในห้าร้อยปี แม้แต่ลิงก็ออกจากคุกได้[3]!
ดูเหมือนว่า อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดระหว่างสิ่งมีชีวิตเซียนเทียนและสิ่งมีชีวิตโฮ่วเทียนคือ แนวคิดเรื่องเวลาที่ไม่ตรงกัน
หลี่ฉางโซ่วไม่คัดค้านเรื่องนี้ และแม้แต่ยังอยากจะยกเท้าทั้งสองข้างขึ้น[4]ด้วยความขอบคุณด้วยซ้ำ
ทว่ามีดเหล่านั้น… “ความจริงแล้ว ไม่จำเป็นต้องหักห้ามใจขนาดนั้นก็ได้”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “หากเจ้าอยากพบข้า ก็เพียงมาหาข้า หากข้าอยากพบเจ้า ข้าก็จะไปหาเจ้า แต่เจ้ามักจะเข้าปิดด่าน ข้าไม่รู้ว่าจะเป็นการรบกวนเจ้าหรือไม่”
“ข้ามาถึงขอบเขตนี้แล้ว ข้าเข้าปิดด่าน เพียงเพราะไม่อยากอยู่เฉยๆ เท่านั้น” อวิ๋นเซียวกล่าว
“เจ้ามาที่เกาะได้ตลอดเวลา ข้าจะไปหาเจ้าทุกๆ ห้าร้อยปี ตกลงหรือไม่?”
“ล้วนตามใจเจ้า และข้ายังมีความคิดบางอย่าง อวิ๋นเซียว เจ้ายินดีรับฟังหรือไม่?”
อวิ๋นเซียวพยักหน้าเบาๆ ดวงตาของนางเปล่งประกายเจิดจ้า
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “มันยังถือเป็นการฝึกบำเพ็ญอย่างหนึ่งระหว่างเราเช่นกัน การกลายเป็นคู่บำเพ็ญเต๋าก็เป็นผลเต๋า และในอนาคต เราก็น่าจะได้แบ่งปันบางขอบเขตไปพร้อมๆ กัน”
เขากำหนดมาตรฐานต่างๆ
“หือ?” อวิ๋นเซียวอดจะสนใจไม่ได้แล้วถามว่า “แล้วมีขอบเขตใดกัน?”
“ก็มีบางขอบเขต” หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและกล่าวว่า “ข้าได้จัดแบ่งพวกมันออกเป็นขอบเขตประทับใจ ขอบเขตดึงดูดใจ ขอบเขตอุ่นรัก ขอบเขตรุ่มร้อน และขอบเขตแต่งงาน เมื่อขอบเขตแต่งงานเสร็จสมบูรณ์ แน่นอนว่า เราก็จะกลายเป็นคู่บำเพ็ญเต๋า”
อวิ๋นเซียวถามว่า “แล้วเราควรแยกแยะความแตกต่างระหว่างขอบเขตเหล่านี้อย่างไร?”
หลี่ฉางโซ่วกระแอมไอให้ลำคอโล่งและปล่อยสัมผัสเซียนรับรู้ของเขา ออกไปตรวจสอบ แต่แน่นอนว่า เขาไม่พบร่องรอยใดๆ
สำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยดูแลตัวเองดี
เขายิ้มและกล่าวว่า “ง่ายๆ พบกัน รู้จักคุ้นเคยกัน รู้สึกว่าอีกฝ่ายดี ต้องตากัน รู้สึกผูกพันต่อกัน และเต็มใจคุยกัน นี่คือขอบเขตประทับใจ”
………………………………………………………………..
[1] หรือบางที่ก็เรียกว่า เหลียวหน้าแลหลัง เปรียบได้กับห่วงหน้าพะวงหลัง คือทำสิ่งต่างๆ ด้วยความละเอียดรอบคอบและระมัดระวังมากซึ่งอาจจะเกินความพอดีไป
[2] เป็นแสลง หมายถึง กำลังฝันกลางวันหรือคิดถึงเรื่องไร้สาระ
[3] หมายถึงซุนหงอคงหรือเห้งเจียในวรรณกรรมไซอิ๋ว เมื่อหงอคงยังเหิมเกริมมากจนสวรรค์ไม่อาจต้านทานได้ ในที่สุดก็ถูกองค์พระยูไล(พระพุทธเจ้า) เสด็จลงมากำราบด้วยตัวเอง ทรงจับหงอคงไว้ให้ภูเขาหินทับขังเป็นการลงโทษ ซึ่งสุดท้ายหงอคงถูกขังนานถึงห้าร้อยปีก่อนจะมีพระถังซัมจั๋งผ่านมา
[4] หมายถึงเห็นด้วยมากๆ เป็นมุขของผู้เขียนโดยปรับมาจากการยกมือสองข้างเมื่อแสดงว่าเห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่ผู้เขียนใช้เท้าแทนมือ เข้าใจว่าอิงต่อเนื่องมาจากลิงซุนหงอคง