ศพ - ตอนที่ 397 ตกใจมาก
ตอนที่ 397 ตกใจมาก
เพราะบาดเจ็บ ผมเลยรู้สึกไม่สบายตัว แน่นหน้าอก หายใจถี่ และยังต้องคอยระวังตํารวจในตอนขับรถ
ไม่อย่างงั้นพอเห็นว่าบนรถมีศพอยู่สองศพ ถึงผมจะไปล้างตัวที่แม่น้ําฮวงเหอ ก็ไม่มีทางล้างมลทินได้หมดแน่ๆ
ตลอดทางนี้ผมขับๆหยุดๆ ขับช้ามาก แต่เราก็มีเวลาคุยเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้
ในเวลาเดียวกันพวกเราก็ลองเดาระดับความแข็งแกร่งของท่านหลงฉวนตัวจริงกับท่านนักพรตฉันดู
แม้จะไม่แน่ใจ
แต่เหล่าเฟิงและพี่เฟิงดูมั่นใจมากว่า ความแข็งแกร่งของทั้งสองคน จะต้องไปถึงขั้นเจ้าสํานัก หรือผู้นําลัทธิแล้วแน่ๆ
เมื่อก่อนเคยได้ยินท่านนักพรตติพูดว่า สํานักบนโลกนี้ แม้เจ้าสํานักจะมีความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันไป
แต่ก็ต้องขึ้นไประดับเต้าจวินแล้วอย่างแน่นอน
หรือจะพูดอีกอย่างคือ ท่านหลงฉวนและท่านนั
กพรตฉิน ต้องมาถึงระดับนี้แล้ว หรือไม่ก็สูงยิ่งกว่านั้น
นอกจากเรื่องพวกนี้ ในใจของผมกลับยังมีคําถามอีกข้อหนึ่ง
ท่านหลงฉวนและท่านนักพรตฉิน น่าจะอยู่ที่ร้านปิ้งย่างนั่น ก่อนผมและเหล่าเฟิงจะมาถึงแล้ว
แต่ทําไมไม่ออกมาช่วยพวกเราตั้งแต่วินาทีแรก ที่พวกปุยซานหยวนมาล้อมพวกเราละ
ถึงจะไม่ออกมาตั้งแต่ตอนแรก แต่ทําไมต้องรอให้ถึงตอนที่พวกเราเกือบแพ้พวกปุยซาน หยวนจนหมดรูป บาดเจ็บแล้ว หมดทางจะสู้แล้ว พวกเขาถึงเพิ่งออกมา
หรือพวกเขาอยากรอดูละคร ชอบเห็นพวกเราโดนอัด
ผมไม่เข้าใจว่าผู้อาวุโสทั้งสองคนคิดอะไรกันแน่ ในเวลานี้ไม่เป็นอะไรแล้ว ผมเลยพูดสิ่งที่ตัวเองสงสัยออกมา
พอเหล่าเพิ่งฟังจบ เขาพูดขึ้นมาเบาๆ “ฉันก็เคยคิดถึงเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ดูจากพลังของท่านผู้อาวุโสทั้งสองแล้ว พวกเขาคงไม่กลัวองค์กรตาผีและพวกปุยซานหยวนเลยสักนิด ฉันว่า พวกเขาคงไม่อยากออกมาเปิดเผย ไม่อยากให้คนในสายงานเดียวกันเห็นง่ายๆ ดังนั้นถึงได้คอยจับตาดู ไม่ลงมือทันที ! สุดท้ายพอเห็นพวกเราสู้ไม่ได้แล้วจริงๆ พวกเขาถึงยื่นมือออกมาช่วย”
เหล่าเฟิงพูดความคิดและสิ่งที่เขาเดาออกมา พอลองคิดให้ดีๆ มันอาจเป็นเหมือนที่เขาเดาก็ได้
พวกเขาคุยกันในรถนานสองนาน แต่สุดท้ายมันก็เป็นแค่การคาดเดาของพวกเรา สําหรับ ตอนนั้นผู้อาวุโสทั้งสองจะคิดอะไรอยู่ ทําไมถึงมาอยู่ที่นั้น ตอนนี้พวกเราไม่รู้เลยสักนิด
แต่มีอย่างหนึ่งที่มั่นใจได้เลย นั่นก็คือหลังจากคืนนี้เป็นต้นไป ผู้อาวุโสทั้งสองจะต้องออกจากเขา
ออกมาแสดงตัวบนลัทธิเต๋อีกครั้ง
และก่อนที่ท่านนักพรตฉินจะจากไป เขาพูดเอาไว้อย่างชัดเจน ว่าพวกเขาจะไปสร้างปัญหาให้องค์กรตาผี
คุยกันไปคุยกันมา พวกเราก็กลับมาถึงตําบลชิงฉือแล้ว
แต่พวกเราไม่ได้กลับบ้านทันที แต่เป็นตรงไปที่สุสานแทน
เพราะพวกเราคิดจะเอาสองศพนี้ไปเผา เพื่อไม่ให้เหลือร่องรอยใดๆเอาไว้อีก
เจ้าจางจีเทาไม่ได้อยากเป็นอมตะเหรอ ตอนนี้เอาศพมันไปเผา ให้มันกลายเป็นผีไปตลอดกาล ดูซิว่ามันจะเป็นอมตะโดยไร้ร่างยังไง
ในเวลาเดียวกัน พวกเราก็แยกย้ายโทรศัพท์บอกอาจารย์ ท่านนักพรตต์ และเหล่าฉันล่วงหน้า
ดังนั้นตอนที่พวกเรามาถึงสุสาน อาจารย์ ท่านนักพรตต์ และเหล่าฉันก็มารออยู่ที่ทางเข้านานแล้ว
หลังขับรถเข้ามาในสุสาน พวกเราทุกคนก็ลงมาจากรถ
อาจารย์ ท่านนักพรตต์ และเหล่าฉันเห็นบนตัวผมและเหล่าเฟิงมีรอยเลือด หรือแม้แต่มีบาดแผล
พวกเขาเลยอดขมวดคิ้ว ทําหน้าตกใจไม่ได้
อาจารย์พูดอย่างร้อนรน “ เสี่ยวฝาน เสี่ยวเฟิง พวกแกไปเจออะไรมา ? ทําไมมีเลือดออกเยอะขนาดนี้
แถมยังมีแผลอีก”
“ใช่ ! ตอนเช้าไม่ได้ออกไปกันดีๆเหรอ ? ทําไมตอนนี้มีสภาพแบบนี้ได้ละ ?” ท่านนักพรตต์พูดต่อทันที
“คงไม่ได้ไปเจอกับพวกเดรัจฉานมาหรอกนะ ?” เหล่าฉันเองก็ทําตาโต ถามด้วยความตกใจ
ผมฝืนยิ้ม “อาจารย์ ท่านนักพรตต์ ลุงฉัน ครั้งนี้พวกเราเกือบตายอยู่ข้างนอกแหละ !”
“หือ ? ไปเจอไอ้ชั่วตัวไหนมาละ ?” อาจารย์ทําหน้าสงสัย
พี่เฟิงที่อยู่ข้างๆกลอกตา “ก็ใช่นะซิ ครั้งนี้เจอกุ่ยซานหยวน ยัยป้ามั่นหน้า จางจีเทาแล้วก็ผีร้ายอีกหลายสิบตัว…..”
“อะไรนะ ? ผีร้ายหลายสิบตัว ?” เหล่าฉันทําหน้าตกใจ
อาจารย์และท่านนักพรตต์กลับไม่เชื่อ เจอผีร้ายหลายสิบตัว แล้วพวกเรายังมีชีวิตรอดกลับมาได้งั้นเหรอ
ท่านนักพรตต์พูดหน้าดุ “หานเฉ่วเฟิง อย่าพูดจาเหลวไหล เสี่ยวเฟิง เธอบอกอาจารย์มา เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ?”
เหล่าเพิ่งกลับฝืนยิ้ม “ อาจารย์ มันเป็นความจริง มีผีร้ายหลายสิบตัว ยัยป้ามั่นหน้า กุ่ยซานหยวน
และจางจีเทา มาครบหมดนั่นจริงๆ ! ”
ปกติเหล่าเฟิงเป็นคนเงียบๆ ไม่ชอบพูดเล่น คําพูดของเขาเลยฟังดูต่างจากพี่เฟิง
เมื่อได้ยินคําพูดนี้ท่านนักพรตต์ อาจารย์ และเหล่าฉินที่อยู่ข้างๆ ก็อดทําท่าทางช็อกออกมาไม่ได้
“ไม่หรอกมั้ง ถ้างั้น พวกแกหนีมาได้ยังไง ?” เหล่าฉันถามด้วยความตกใจ
“พวกเราโชคดี ได้เจอกับผู้อาวุโสสองคน……”
เพิ่งพูดถึงตรงนี้ ยังไม่ทันได้พูดต่อ นิสัยหัวร้อนของอาจารย์ก็กําเริบอีกแล้ว “ผู้อาวุโส ผู้อาวุโสอะไร ?”
ผมยกยิ้มที่มุมปาก “ท่านหลงฉวนตัวจริง…….”
“อะ อะไรนะ ? หลงฉวนตัวจริง ?” เหล่าฉันนั่งไม่ติดคนแรก เขาตะโกนออกมาทันที
อาจารย์และท่านนักพรตต์ ก็สูดหายใจเข้าลึกๆ
ตอนท่านนักพรตตูและเหล่าฉันก้าวเข้ามาในโลกใบนี้ ตรงกับช่วงที่ชื่อเสียงของนัก พรตหลงฉวนกําลังโด่งดังไปทั่วพอดี และทิ้งตํานวนเอาไว้หลายเรื่อง
ต่อมาหลงฉวนตัวจริงก็วางมือ เดี๋ยวก็ปรากฏตัวเดียวก็หายไปเป็นแบบนี้เรื่อยมา
ท่านนักพรตต์เดินทางไปทั่วหลายปี เป็นธรรมดาที่เขาจะรู้จักชื่อเสียงของนักพรตหลงฉวนเป็นอย่างดี
สําหรับพวกเขา แทบจะถึงขั้นกราบไหว้กันเลยก็ว่าได้ เพียงแค่ไม่เคยสักครั้งเท่านั้น
ตอนนี้พอได้ยินพวกเราพูดถึงนักพรตหลงฉวนตัวจริง เขาก็อดตกใจจนหน้าเหวอ เผยท่าทางประหลาดใจสุดๆออกมาไม่ได้
จนกระทั่งผ่านไปพักหนึ่ง ท่านนักพรตต์ถึงได้พูดออกมาอีกครั้ง “เป็นท่านหลงฉวน ท่านหลงฉวนตัวจริงจริงๆเหรอ ?”
“จริงอาจารย์ เป็นท่านหลงฉวนไม่ผิดแน่ แถมกุยซานหยวนยังเป็นคนพูดออกมาเอง และ ฝีมือของท่านหลงฉวนก็เทพสุดๆไปเลย ยังไม่ทันลงมือ เพียงแค่พริบตาเดียวก็จัดการผีร้ายหลายสิบตัวเรียบในที่เดียว
พลังของเขาถึงขั้นน่ากลัวเลยก็ว่าได้ครับ” เหล่าเพิ่งพูดทีละประโยคๆ
พอตาแก่ทั้งสามคนได้ยินดังนั้น ก็สูดหายใจเข้าลึกๆอีกครั้ง
พริบตาเดียวก็จัดการผีร้ายหลายสิบตัวได้ นี่มันต้องมีฝีมือระดับไหน พลังอยู่ในขั้นไหน และต้องน่าเกรงขามขนาดไหนเนีย
“ไม่ผิด ต้องใช่แน่ๆ เมื่อก่อนข้าเคยได้ยินมาว่า ท่านหลงฉวนตัวจริงฝึกไปถึงขั้นสูงสุด ในโลกนี้ คนที่จัดการผีได้ภายในชั่วพริบตาเดียวมีไม่มาก ในเมื่อปุยซานหยวน บอกว่าเป็นท่านหลงฉวนตัวจริง งั้นก็ต้องไม่ผิดแน่ !” ท่านนักพรตต์ค่อนข้างตื่นเต้น เหมือนอย่างกับได้ไปอยู่ ในสถานที่ต่อสู้ด้วยตัวเอง
แต่ไม่รอให้ท่านนักพรตต์ตื่นจากความดีใจ อาจารย์ก็ถามต่อทันที “เสี่ยวฝาน เมื่อกี้แกบอกว่า ผู้อาวุโสสองคน นอกจากท่านหลงฉวนตัวจริง แล้วผู้อาวุโสอีกคนคือใครละ ?”
ผมพยักหน้า และเริ่มพูดต่อ“ผมไม่เคยได้ยินชื่อผู้อาวุโสอีกคนมาก่อน แต่เหมือนเขากับท่านหลงฉวนจะสนิทกันมาก และพลังก็อยู่ในระดับสูงอีกด้วย เขาทําให้ยัยป้ามั่นหน้าบาดเจ็บสาหัส จนเกือบวิญญาณแตกสลาย ด้วยกันบุหรี่ครึ่งมวลในมือ”
พอได้ยินถึงตรงนี้ สีหน้าของตาแก่ทั้งสามคนก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง กันบุหรี่แค่ครึ่งมวลก็ทําให้ยัยป้าคนสวยบาดเจ็บสาหัสงั้นเหรอ
ยัยป้านั้นร้ายกาจขนาดไหน พวกเราเคยปะทะกับเธอตั้งหลายครั้ง แต่นั่นก็ยังไม่ใช่ร่างจริงของเธอ
ผลลัพธ์พอร่างจริงปรากฏตัว เธอก็โดนอีกฝ่ายดีดก้นบุหรี่ครึ่งมวลใส่ แถมยังไม่ใช่อาวุธวิเศษอะไร
ก็ดันบาดเจ็บหนัก จนถึงเกือบวิญญาณแตกสลาย
นี่มันพลังระดับไหนกัน มันจะสูงขนาดไหนเนี่ย เดาไม่ออกเลยจริงๆ แต่ทุกคนก็มั่นใจว่าต้องมีฝีมือไม่ด้อยไปกว่าท่านหลงฉวนตัวจริงอย่างแน่นอน
ทั้งสามคนทําหน้าเหวอ แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา
ส่วนผมก็เล่าต่อ “เขาให้พวกเราเรียกเขาว่านักพรตฉัน ชื่อเต็มๆว่าฉินเย่ !”
ผมพูดตามความจริง แต่หลังจากที่ผมพูดคํานี้ออกมา อาจารย์และเหล่าฉันก็ไม่ได้แสดงท่าทางอะไรออกมา
เพียงหันไปมองหน้ากัน แสดงท่าทางว่าไม่รู้จัก ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน และไม่รู้จักที่มาของอีกฝ่าย
แต่ท่านนักพรตต์ที่อยู่อีกทางด้านหนึ่ง กลับเหมือนโดนฟ้าผ่า “พรึบ” สีหน้าเขาเปลี่ยนไป ตัวสั่นพักหนึ่ง
อ้าปากค้างยิ่งกว่าใครเพื่อน จากนั้นก็บ่นพึมพํากับตัวเองอย่างคนไม่อาจควบคุมตัวเองได้
“ฉิน ฉิน ฉินเย่……”