ว่าไงคะท่านนายพล - ตอนที่ 43 : แขกผู้มาเยือนโดยไม่ได้คาดคิด
ตอนอายุ 13 ปี กู้เหนียนจื่อได้บินไปสกอตแลนด์ในวันหยุดกับฮัวเฉาเหิง ขณะอยู่ที่นั่น เธอได้ทานปลาและมันฝรั่งทอดที่ร้านแคโรไลน์ ทาเวิร์นที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมือง
เธอหลงรักมันและไม่เคยลืมรสชาตินั้นเลย เธอลุ่มหลงถึงขั้นเรียนทำอาหารเองหลังจากกลับมาจากสกอตแลนด์ แต่ในที่สุดเฉินหลายก็สั่งห้ามไม่ให้ทำอาหารจานนี้ เพราะน้ำมันเยิ้มเกินไป มันไม่ดีต่อสุขภาพและอ้วนเกินไป…
เมื่อได้ยินอาหารที่หญิงสาวต้องการสั่ง สายตาของเหม่ยเสี่ยวเหวินก็ยิ่งแสดงความเห็นอกเห็นใจมากขึ้น
สำหรับเขาแล้ว ฟิชแอนด์ชิปส์เป็นเพียงแค่อาหารจานด่วนแบบเดียวกับที่แมคโดนัลด์และเคเอฟซี มันไม่คุ้มที่จะเสิร์ฟในร้านอาหารหรู ๆ และใครตามที่มีเงินหรือมีฐานะทางสังคมจะไม่เลือกทานอะไรแบบนั้น
“…ฉันคิดว่าเธอควรสั่งแบบคนอื่น ๆ ดีกว่า” หัวหน้าหนุ่มบีบมือกู้เหนียนจื่อเบา ๆ ขณะที่เขาพูดกับพนักงานเสิร์ฟสาวที่ยืนอยู่ที่ประตูว่า “ขอหัวหอมทอดกับปลาหมึกทอดอีก 2 ที่ด้วยครับ”
แต่กู้เหนียนจื่อไม่ชอบหัวหอมกับปลาหมึก…
แต่ก่อนที่เธอจะคัดค้าน พนักงานเสิร์ฟก็เสิร์ฟอาหารแล้ว ตอนนี้เธอไม่สามารถพูดอะไรได้มากนัก ดังนั้นเธอจึงก้มหน้าทานอาหารอย่างสุภาพ มันง่ายสำหรับเธอที่จะแสร้งทำเป็นชอบอาหารพวกนี้
ในเวลานี้คนอื่น ๆ ในโต๊ะกำลังทานอาหารอย่างมีความสุข โดยที่กู้เหนียนจื่อทำเพียงจิบชานมของเธอแล้วยิ้มให้ทุกคน
หลังจากทานอาหารเรียกน้ำย่อยเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาของจานหลัก
คืนนี้พวกเขากำลังทานอาหารอิตาลี ซึ่งหมายความว่าอาหารถูกเสิร์ฟบนจานแต่ละจานแบบตะวันตก
ทุกคนมีจานอาหารของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องให้ใครลุกมาตักอาหารแบ่งให้ใคร
เหม่ยเสี่ยวเหวินสั่งอาหารสองจานสำหรับกู้เหนียนจื่อ นั่นก็คือ เนื้อลูกวัวมิลานีส ปรุงรสด้วยหัวหอมและใบกระวาน และปลาค็อดย่างในซอสมะเขือเทศ
ในจานหลักหญิงสาวแอบซ่อนหัวหอมไว้ข้างหนึ่ง แล้วหั่นเนื้อชิ้นเล็ก ๆ เข้าปากเพื่อลิ้มรส
“เหนียนจื่อ ขอแสดงความยินดีกับการเข้าเรียนคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัย B!” หัวหน้าหนุ่มยิ้มพร้อมกับยกแก้วไวน์มอสกาโต้ ดัสติ ไวน์ขาวหวานจากอิตาลีไปทางกู้เหนียนจื่อ
“อะไรกัน? สาวน้อยได้รับจดหมายตอบรับแล้วเหรอ?! เมื่อไหร่?!” นางมารน้อยกล่าวด้วยความประหลาดใจและมีความสุข เธอยกแก้วขึ้นตรงหน้าเธอทันที
ปริมาณแอลกอฮอล์สำหรับไวน์มอสกาโต้ ดัสติมีเพียง 5.5% มันเป็นเหมือนเครื่องดื่มอัดลมมากกว่าเพราะมันแทบจะไม่มีคุณสมบัติเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เหม่ยเสี่ยวเหวินเลือกไวน์ชนิดนี้เพราะเขาต้องขับรถกลับ
“เมื่อเช้านี้เอง ศาสตราจารย์เฮอส่งจดหมายตอบรับมาให้ฉันทันทีหลังจากการสัมภาษณ์ ตอนนี้มันเป็นแค่อีเมล เขาบอกว่าฉันจะได้รับจดหมายอย่างเป็นทางการภายใน 3 วัน” ผู้ที่สอบสัมภาษณ์ผ่านกล่าวอย่างมีความสุขขณะที่เธอยกแก้วขึ้น
ในเวลานี้เธอเหมือนลอยอยู่เหนือดวงจันทร์
นี่เป็นหนึ่งในความปรารถนาอันแรงกล้าที่สุดของเธอที่จะศึกษากฎหมายที่มหาวิทยาลัย B กับศาสตราจารย์เฮอจือชู
“ทำได้ดีมาก!” ยัยหนูชาเขียวฟ่างเองก็ยกแก้วของเธอขึ้น เธอยิ้มอย่างสง่างามแล้วพูดว่า “ตอนที่เธอพลาดการสัมภาษณ์เพราะเธอป่วย ฉันเกือบตายเพราะอาการคลื่นไส้ตอนที่รู้ว่าเฟิงอี้ซีจากหอพักตรงข้ามได้ตำแหน่งไป ขอบคุณพระเจ้าที่เธอมีปัญหา ไม่อย่างนั้นฉันจะต้องเรียนจบโดยที่รู้ว่าเฟิงอี้ซีได้รับการยอมรับในโรงเรียนกฎหมายมหาวิทยาลัย B นั่นจะเป็นตราบาปของความทรงจำในช่วงมหาวิทยาลัยของฉันเลย”
กู้เหนียนจื่อกังวลว่ารูมเมทของเธอจะโกรธเธอที่ปิดบังเรื่องการสัมภาษณ์ไว้เป็นความลับ
แต่รูมเมทของเธอไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเลย หญิงสาวทั้งสามคนยิ้มและหัวเราะเพื่อแสดงความยินดีกับเธอ
ความจริงแล้วเธอไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรเลย เธอคิดมากไปเอง
กู้เหนียนจื่อกำลังยิ้มกว้างจนตอนนี้ริมฝีปากของเธอดูเหมือนจะโค้งขึ้นอยู่ตลอดเวลา เธอยกแก้วขึ้นแล้วชนแก้วกับเพื่อน ๆ กันอย่างสนุกสนาน
หลังจากนั้นทุกคนก็กระดกไวน์ในแก้วจนหมดแทบจะในทันที แล้วบรรยากาศก็ผ่อนคลายลง
เหม่ยเสี่ยวเหวินเติมไวน์ใส่แก้วของกู้เหนียนจื่ออย่างระมัดระวังโดยไม่ให้มากเกินไป
ช่วงเวลาต่อมาทุกคนพูดคุยกันด้วยน้ำเสียงที่รื่นเริง แล้วดื่มด่ำไปกับบรรยากาศหรูหราที่ร้านอาหารเรดแมเนอร์
ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้น มันฟังดูขัดจังหวะมากกว่าปกติ
เหม่ยเสี่ยวเหวินขมวดคิ้วขณะที่เขามองโทรศัพท์ของตัวเอง มันเป็นสายเรียกเข้าจากอ้ายเว่ยหนาน ตอนนี้เขาไม่อยากรับสาย เขาจึงกดวางสายไป
แต่อีกฝ่ายส่งข้อความมาทันทีว่า “หัวหน้าห้อง ฉันอยู่หน้าทางเข้าร้านอาหารเรดแมเนอร์”
“…” ชายหนุ่มเงียบไปทันที
เขาใส่โทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋าเสื้อของเขา จากนั้นก็ยืนขึ้นและพูดกับกู้เหนียนจื่อว่า “ฉันจะออกไปข้างนอกสักหน่อย เธอกินไปก่อนเลยนะ ไม่ต้องรอฉัน” เขาตบไหล่พี่เบิ้มและบอกว่า “ช่วยฉันสร้างความบันเทิงให้สาว ๆ ด้วยล่ะ เดี๋ยวฉันรีบกลับมา”
หลังจากเหม่ยเสี่ยวเหวินเดินออกไป นางมารน้อยซึ่งนั่งอยู่ข้างกู้เหนียนจื่อจิบไวน์ของเธอแล้วถามว่า “หัวหน้าห้องออกไปไหนซะล่ะ?”
“ดูเหมือนว่าเขาจะมีธุระ มีคนโทรหาเขาน่ะ” สาวน้อยไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงพยายามตอบแบบอ้อม ๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนเรื่องคุย “นางมารน้อย ฉันได้ยินมาว่าเธอจะกลับไปที่เมืองหลวงหลังจากเรียนจบแล้ว”
“ใช่ ครอบครัวของฉันก็ถามถึงเรื่องนี้” หวังจุนหยากำลังทานไก่พาเมซานและสลัดที่ทำจากผักกาดหอม พริกหยวกและปลาหมึก เธอผสมชีสที่หั่นละเอียดลงในซอสมะเขือเทศ ก่อนทาซอสบนอกไก่ เสร็จแล้วก็หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ส่งเข้าปากแล้วเคี้ยวช้า ๆ เพื่อเพลิดเพลินกับมัน
ชีสเข้มข้นและซอสมะเขือเทศสดผสมให้เข้ากัน รสชาติออกจะหนักขึ้นเล็กน้อยบนเพดานปาก ไวน์ขาวที่มีเปอร์เซ็นต์แอลกอฮอล์ต่ำเป็นสิ่งที่ช่วยเสริมมื้ออาหารของเธอให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
ยัยหนูชาเขียวฟ่างทานพาสต้าปลาหมึกสองสามคำ จากนั้นก็หยุดและจ้องมองไปที่ประตูด้วยสายตาว่างเปล่าพลางดื่มไวน์ขาวของเธอ ความคิดของเธอกำลังล่องลอยไปที่อื่น
จนกระทั่งเหม่ยเสี่ยวเหวินเดินนำหญิงสาวที่หน้าตาดีและรูปร่างปานกลางเข้ามาในห้องแล้วยิ้ม ก่อนจะกระแอมไอเล็กน้อย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยนัยสำคัญว่า “หัวหน้าห้อง ที่จริงแล้วนายกำลังยุ่งอยู่กับการไปรับสาวสวยนี่เอง”
หัวหน้าหนุ่มดึงเก้าอี้ออกมาให้อ้ายเว่ยหนานนั่งและแนะนำเธอกับเพื่อน ๆ ของเขา “นี่คืออ้ายเว่ยหนาน เพื่อนร่วมชั้นของฉันตั้งแต่สมัยมัธยม เธอเป็นนักศึกษากฎหมายที่มหาวิทยาลัย Z”
จากนั้นเขาก็ทำแบบเดียวกันกับเพื่อนร่วมชั้นของเขา “นี่คือเพื่อนร่วมชั้นของฉัน เธอรู้จักพี่เบิ้มอยู่แล้ว ส่วนคนอื่น ๆ คือ… ฟ่างเหวินซิน เฉาหยุนซาน หวังจุนหยาและกู้เหนียนจื่อ”
เหม่ยเสี่ยวเหวินกำลังจะแนะนำชื่อเล่นของพวกเธอ แต่ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจแนะนำพวกเธอด้วยชื่อจริงดีกว่า
อ้ายเว่ยหนานไม่ลังเลที่จะรินไวน์ให้ตัวเอง เธอพูดราวกับเป็นเจ้าภาพในคืนนี้ว่า “ขอโทษนะที่มาสาย ฉันจะดื่มไวน์สามแก้วเพื่อเป็นการลงโทษเอง ตามสบายเลยนะ เสี่ยวเหวินนี่ใจดีกับเพื่อนของเขาจริง ๆ ไม่ต้องอาย เชิญตามสบายเลย” เมื่อพูดจบประโยคแล้ว เธอก็ยกแก้วดื่มในคราวเดียว จากนั้นจึงพูดซ้ำด้วยไวน์อีกสองแก้ว เธอทำตัวราวกับว่าทุกคนที่โต๊ะเป็นแขกของเธอ
รูมเมทของกู้เหนียนจื่อเป็นผู้หญิงที่ฉลาดหลักแหลม พวกเธอเข้าใจทันทีว่าผู้มาใหม่รายนี้พยายามจะยืนยันตำแหน่งของเธออย่างละเอียด …
ยัยหนูชาเขียวฟ่างหัวเราะเบา ๆ ขณะที่เธอคิดกับตัวเองเงียบ ๆ ‘ดูยัยคนนี้สิ อ้ายเว่ยหนานที่ทำตัวโง่ ๆ ต่อหน้าเราผู้เชี่ยวชาญตัวจริง เอาเถอะ อุบายของเธอนั้นหยาบและไม่ซับซ้อน ฉันเลิกใช้มันตั้งแต่เรียนจบมัธยมแล้วเหอะ!’
เธอหมุนแก้วไวน์ในมือแล้วพูดช้า ๆ ว่า “การดื่มไวน์สามแก้วนี้ ‘ไม่มีโทษ’ เป็นพิเศษหรอกนะ มันควรจะเป็นสาเกสามถ้วยสิถึงจะถูก”
นางมารน้อยพูดเสริมทันที “ใช่แล้ว! ถ้าคุณอ้ายจริงใจจริง ๆ คุณควรดื่มสาเกสามแก้ว!”
“โอ้ว ฉันชอบ! ขอพูดตรง ๆ นะ หัวหน้าห้องเชิญคุณมาทานอาหารค่ำที่นี่หรือเปล่า” คุณหนูเฉายิ้มอย่างงดงามแล้วยกแก้วของเธอเองขึ้นมา
อ้ายเว่ยหนานจ้องสามสาวเขม็งด้วยความประหลาดใจ เธอส่ายหัวและตอบว่า “หัวหน้าห้องไม่รู้ว่าฉันจะมาที่เมือง C วันนี้ ทำไมเขาถึงต้องเชิญฉันล่ะ”
เฉาหยุนซานวางแก้วไวน์ของเธอลงบนโต๊ะจนเกิดเสียงดังเล็กน้อย แต่น้ำเสียงของเธอฟังดูเบาและสบาย “ในกรณีนั้น การ ‘ลงโทษ’ ตัวเองทั้งหมดนี้ไร้สาระมาก คุณทำเหมือนว่าเรานั่งรอคุณอยู่ที่นี่ หน้าของคุณคงหนาเท่าก้นแก้วไวน์แก้วนี้”
หญิงสาวที่ถูกพาดพิงหน้าแดง เธอมองไปที่เหม่ยเสี่ยวเหวินพร้อมกัดริมฝีปากและพูดว่า “หัวหน้าห้อง…”
ชายหนุ่มยิ้มขณะที่เขาพยายามคลายความตึงเครียด “สาว ๆ พวกนี้ชอบแหย่แบบนี้ตลอดแหละ ถึงพวกเธอจะปากร้ายแต่ก็เป็นคนใจดีนะ จริง ๆ แล้วพวกเธอแค่ล้อเธอเล่นน่ะ”