ว่าไงคะท่านนายพล - ตอนที่ 40 : การสัมภาษณ์ (3)
“เธอบอกว่าเธอชื่อเหวินเฉียวอี้ค่ะ” กู้เหนียนจื่อสังเกตการแสดงออกของเฮอจือชู ดูเหมือนว่าเขาจะยังดูสงบ แต่เธอมองเห็นอีกฝ่ายเกร็งไหล่ เธอจึงหัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “ศาสตราจารย์เฮอคะ บางทีเธออาจจะเป็นห่วงหนูจริง ๆ ก็ได้ อย่าอารมณ์เสียไปเลยค่ะ”
เธอชะงักแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยการประชดประชัน “หรือบางทีเธอรู้ว่าหนูเป็นคนประเภทที่ทนรับคำด่าไม่ได้ เธอก็เลยมาพูดกระตุ้นให้หนูพยายามให้มากขึ้น ดูสิคะ วันนี้หนูก็ทำได้ดีไม่ใช่เหรอ? คุณยังส่งจดหมายตอบรับมาให้หนูเลย จริงไหมคะ”
ศาสตราจารย์หนุ่มจัดเอกสารให้เรียบร้อยโดยไม่พูดขัดอะไร เขายืนขึ้นและเหลือบมองกู้เหนียนจื่อ “เธอค่อนข้างมีคารมคมคาย รักษามันไว้และมันจะทำให้เธอเป็นทนายความที่ประสบความสำเร็จ”
ก่อนที่เขาจะออกจากห้อง เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อส่งข้อความ แล้วกด ‘ยอมรับ’ ที่ชื่อของกู้เหนียนจื่อในเว็บไซต์รับสมัครของคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัย B เขายืนยันการเปลี่ยนแปลงและแสดงให้อีกฝ่ายเห็น “ลองเช็คในกล่องอีเมลของเธอดู อีเมลผลการรับสมัครน่าจะส่งไปให้เธอโดยอัตโนมัติ แล้วเธอจะได้รับฉบับพิมพ์ภายใน 3 วัน แต่ถ้าเธอไม่ได้รับเอกสาร ให้โทรหาฉัน”
หญิงสาวตรวจสอบกล่องอีเมลบนโทรศัพท์ของเธอแล้วพบว่ามีหนังสือแจ้งการรับเข้าเรียนจากสำนักงานรับสมัครนักศึกษาระดับปริญญาโทของคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัย B ส่งมาแล้ว ด้วยเหตุนี้เธอจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกและหมุนไหล่คลายความตึงเครียด เธอส่งต่ออีเมลผลการรับสมัครไปให้หยินชือฉงและเฉินหลายทันที แต่เธอไม่ได้ส่งให้ฮัวเฉาเหิงเพราะเขาไม่มีอีเมลส่วนตัว เธอจะไม่ส่งไปยังอีเมลที่ทำงานของเขาด้วย เพราะแทนที่เขาจะอ่านด้วยตนเอง เขาให้เจี้ยวเลี่ยงจื่อ เลขาส่วนตัวของเขาดูแลตลอด
“ขอบคุณค่ะศาสตราจารย์เฮอ หนูหวังว่าจะได้ทำงานร่วมกับคุณนะคะ” กู้เหนียนจื่อโค้งคำนับให้เฮอจือชูอีกครั้ง “แล้วหนูก็หวังว่าคุณจะลืมเรื่องที่หนูพลาดไปสองครั้ง”
ชายหนุ่มยังคงส่งข้อความบนโทรศัพท์ของเขา “ถ้าฉันไม่อยากยอมรับเธอจริง ๆ ฉันก็อาจจะปฏิเสธทันทีหลังจากสัมภาษณ์เธอเสร็จ ทำไมฉันถึงต้องมองผ่านปัญหาทั้งหมดนั้นและให้ตำแหน่งพิเศษกับเธอในภาคเรียนฤดูใบไม้ผลิด้วย? ฉันไม่มีเวลาว่างมาล้อเล่นกับเธอหรอกนะ”
กู้เหนียนจื่อทำหน้าตาเหลอหลาใส่เฮอจือชูขณะที่เขาหันหลังให้ แล้วหัวเราะคิกคัก “หนูรู้ว่าศาสตราจารย์ไม่ได้เป็นคนชอบทำอะไรลับหลัง หรือชอบตีสองหน้า นั่นเป็นเหตุผลที่หนูมาสัมภาษณ์แม้จะรู้สึกกดดันมากก็ตาม ขอบคุณพระเจ้าที่หนูเดิมพันชนะ”
ศาสตราจารย์หนุ่มหยุดเดินและหันกลับมามองคนพูด คิ้วสีดำของเขาเลิกขึ้น “นั่นฟังดูงมงายมาก” จากนั้นเขาก็เปลี่ยนเรื่องพูด “เธอมีเวลาว่างมากกว่าครึ่งปีหลังจบการศึกษาในฤดูร้อนนี้จนถึงเริ่มเรียนในฤดูใบไม้ผลิหน้า ระหว่างนี้เธอมีแผนจะทำอะไร”
คนถูกถามส่ายหัวตอบ “หนูยังไม่ได้ตัดสินใจค่ะ หนูยังต้องหารือเรื่องนี้กับครอบครัวของหนูก่อน”
“เธอเชื่อฟังทุกสิ่งที่พวกเขาพูดเลยเหรอ”
กู้เหนียนจื่อยักไหล่พลางหัวเราะ “หนูยังเด็กอยู่ หนูยังอายุไม่ถึง 18 เลย แน่นอนว่าหนูต้องเชื่อฟังครอบครัวของหนู พวกเขาจะไม่ทำร้ายหนูหรอกค่ะ”
เฮอจือชูไม่พูดอะไรอีกและกดหมายเลขในโทรศัพท์แทน ไม่กี่วินาทีต่อมาโทรศัพท์ของกู้เหนียนจื่อดังขึ้น แต่สายนั้นก็สิ้นสุดลงในขณะที่เธอกำลังจะรับสาย
ชายหนุ่มยกโทรศัพท์ขึ้นมา “นั่นคือเบอร์โทรฯของฉัน บันทึกไว้ด้วย ถ้าเธอยังไม่ได้วางแผนทำอะไร เธอจะมาช่วยฉันทำคดีในช่วงพักร้อนนี้ก็ได้”
ฝ่ายที่ถูกชักชวนรู้สึกยินดีและรีบบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของเขาทันที “หนูจะติดต่อคุณกลับไปแน่นอนค่ะ”
เฮอจือชูกล่าวลาเธอก่อน แล้วเดินไปยังสำนักงานเล็ก ๆ ที่อยู่ในห้องถัดไป หลังจากนั้นไม่นานเหวินเสี่ยวอี้ก็ปรากฏตัวและถามเขาว่า “ศาสตราจารย์เฮอ คุณโทรมาเหรอคะ?”
ศาสตราจารย์หนุ่มดันแฟ้มไปทางเธอ “ฉันยอมรับกู้เหนียนจื่อแล้ว ลงทะเบียนให้เรียบร้อย”
ผู้ช่วยสาวรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก “ศาสตราจารย์เฮอ คุณยอมรับเธอจริง ๆ เหรอ? แต่เธอ…”
แม้ว่ากู้เหนียนจื่อจะไม่มาสัมภาษณ์ถึงสองครั้ง แล้วก่อนหน้านี้เธอก็กล้าโต้เถียงกับเขา เหวินเฉียวอี้รู้จักเขามาหลายปีแล้ว เขาไม่น่าจะรับกู้เหนียนจื่ออย่างแน่นอน
“ธุรกิจก็คือธุรกิจ อย่าคิดมาก” เฮอจือชูจุดบุหรี่ ดวงตาของเขาจดจ่ออยู่กับเธอ เขาไม่ได้ถามคำถามอะไรออกมา แต่คนที่ถูกมองเข้าใจแล้วว่ากู้เหนียนจื่อได้บอกเขาถึงการพบกันของพวกเธอแล้ว หญิงสาวยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และนำคลิปเสียงเมื่อวานนี้มาเปิดให้อีกฝ่ายฟัง
“นี่คือที่เราคุยกันทั้งหมด ฉันหวังดีและไม่ต้องการให้ศาสตราจารย์เฮอต้องเสียเวลากับเธอ ฉันไม่ต้องการให้เกิดอะไรขึ้นกับอนาคตของหญิงสาวคนนี้เพราะความผิดพลาดครั้งก่อนของเธอ ฉันไม่คิดว่าเธอจะพูดจาเฉียบขาดและเก่งกาจในการบิดเบือนคำพูดของคนอื่น ฉันเกือบจะโดนเธอต้อนจนมุมแล้ว” เหวินเฉียวอี้พูดอย่างระมัดระวังด้วยน้ำเสียงที่สงบขณะที่เธอเปิดคลิปเสียงให้ศาสตราจารย์ฟัง จากนั้นเธอก็จัดเอกสารทั้งหมดตามหมวดหมู่
เฮอจือชูเป่าควันออกมาเป็นรูปวงแหวน นัยน์ตาคมกริบหรี่ลงครึ่งหนึ่ง เขามองไปทางประตูชั่วครู่จนการบันทึกการสนทนาจะสิ้นสุดลง เขาก็ยังไม่ได้พูดอะไรออกมา
ผู้ช่วยสาวนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยท่าทางสง่างามตรงข้ามกับชายหนุ่มแล้วเงยหน้าขึ้นยิ้มให้เขา แสงแดดยามเช้าส่องลอดผ้าม่านมาตกกระทบลงบนใบหน้าของเธอ ทำให้กรอบหน้าครึ่งหนึ่งอยู่ในแสงสว่างและอีกครึ่งหนึ่งเป็นเงามืด เขาสูบบุหรี่และเพ่งสายตาไปที่ใบหน้าสวยของอีกคนพร้อมกับครุ่นคิดอยู่ลึก ๆ ในใจ
เหวินเฉียวอี้ ผู้หญิงร่างเล็กตรงหน้าเขาสวมชุดทำงานอันโฉบเฉี่ยว คิ้วและริมฝีปากของเธอเรียวบาง จมูกของเธอตรงได้รูป และดวงตาอัลมอนด์คู่นั้นก็เชิดขึ้นเล็กน้อย เธอเปรียบเสมือนความงามในสมัยโบราณจากภาพวาดคลาสสิก ยั่วยวน มีเสน่ห์และมีบุคลิกที่ดูดี
ศาสตราจารย์หนุ่มเอาบุหรี่กดลงในถาดก่อนจะถามว่า “มีอะไรอีกไหม”
หญิงสาวผ่อนคลายลงแล้วหยิบเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ออกมา “วันนี้มีคำร้องจากลูกค้าในเมือง C กำลังต้องการจะจ้างคุณเป็นทนายความด้วยเงินจำนวนมาก”
นอกจากเฮอจือชูจะเป็นหุ้นส่วนกับสำนักงานกฎหมายรายใหญ่ของอเมริกาแล้ว เขายังได้รับใบอนุญาตทางกฎหมายในจักรวรรดิอีกด้วย และเขามีสำนักงานกฎหมายของตัวเองในเมืองหลวง
“หืม? ใครล่ะ?”
ในการจ้างผู้ชายคนนี้เป็นทนายความ นอกจากจะต้องมีเงินจำนวนมากแล้ว บุคคลนั้นยังต้องมีปัญหาใหญ่พอสมควรอีกด้วย
“ครอบครัวนี้…มีประวัติกับคุณนิดหน่อยค่ะ” เหวินเฉียวอี้หยิบเอกสารออกจากกระเป๋าเอกสารของเธอ “คุณจำเฟิงอี้ซี นักศึกษาคนแรกที่คุณสัมภาษณ์ได้ไหม”
ฝ่ายที่ถูกถามหยิบแฟ้มนั้นมาอ่าน “เฟิงอี้ซีละเมิดกฎของมหาวิทยาลัยและถูกไล่ออกไม่ใช่เหรอ ครอบครัวเฟิงใช่ไหม เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา?”
“เฟิงอี้ซีละเมิดกฎของมหาวิทยาลัย เธอไม่ใช่แค่ถูกไล่ออก เธอยังถูกตัดสินให้รับใช้ชุมชนเป็นเวลา 1 ปีอีกด้วย” ผู้ช่วยสาวกล่าว น้ำเสียงของเธอแสดงถึงความสงสาร “น่าเสียดายสำหรับนักศึกษาคนนี้ เธอเข้าไปพัวพันกับคนผิดและหาเรื่องใส่ตัว”
“เฉียวอี้ จำไว้ว่าเธอเองก็เป็นทนายความเหมือนกัน การใช้คำที่ไม่เป็นมืออาชีพของเธอก็เพียงพอแล้วสำหรับการเลิกจ้าง” เฮอจือชูโยนเอกสารกลับ “ฉันไม่ต้องการให้คนของฉันพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้และถูกมองเป็นตัวตลก”
“เธอบอกว่าเธอชื่อเหวินเฉียวอี้ค่ะ” กู้เหนียนจื่อสังเกตการแสดงออกของเฮอจือชู ดูเหมือนว่าเขาจะยังดูสงบ แต่เธอมองเห็นอีกฝ่ายเกร็งไหล่ เธอจึงหัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “ศาสตราจารย์เฮอคะ บางทีเธออาจจะเป็นห่วงหนูจริง ๆ ก็ได้ อย่าอารมณ์เสียไปเลยค่ะ”
เธอชะงักแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยการประชดประชัน “หรือบางทีเธอรู้ว่าหนูเป็นคนประเภทที่ทนรับคำด่าไม่ได้ เธอก็เลยมาพูดกระตุ้นให้หนูพยายามให้มากขึ้น ดูสิคะ วันนี้หนูก็ทำได้ดีไม่ใช่เหรอ? คุณยังส่งจดหมายตอบรับมาให้หนูเลย จริงไหมคะ”
ศาสตราจารย์หนุ่มจัดเอกสารให้เรียบร้อยโดยไม่พูดขัดอะไร เขายืนขึ้นและเหลือบมองกู้เหนียนจื่อ “เธอค่อนข้างมีคารมคมคาย รักษามันไว้และมันจะทำให้เธอเป็นทนายความที่ประสบความสำเร็จ”
ก่อนที่เขาจะออกจากห้อง เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อส่งข้อความ แล้วกด ‘ยอมรับ’ ที่ชื่อของกู้เหนียนจื่อในเว็บไซต์รับสมัครของคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัย B เขายืนยันการเปลี่ยนแปลงและแสดงให้อีกฝ่ายเห็น “ลองเช็คในกล่องอีเมลของเธอดู อีเมลผลการรับสมัครน่าจะส่งไปให้เธอโดยอัตโนมัติ แล้วเธอจะได้รับฉบับพิมพ์ภายใน 3 วัน แต่ถ้าเธอไม่ได้รับเอกสาร ให้โทรหาฉัน”
หญิงสาวตรวจสอบกล่องอีเมลบนโทรศัพท์ของเธอแล้วพบว่ามีหนังสือแจ้งการรับเข้าเรียนจากสำนักงานรับสมัครนักศึกษาระดับปริญญาโทของคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัย B ส่งมาแล้ว ด้วยเหตุนี้เธอจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกและหมุนไหล่คลายความตึงเครียด เธอส่งต่ออีเมลผลการรับสมัครไปให้หยินชือฉงและเฉินหลายทันที แต่เธอไม่ได้ส่งให้ฮัวเฉาเหิงเพราะเขาไม่มีอีเมลส่วนตัว เธอจะไม่ส่งไปยังอีเมลที่ทำงานของเขาด้วย เพราะแทนที่เขาจะอ่านด้วยตนเอง เขาให้เจี้ยวเลี่ยงจื่อ เลขาส่วนตัวของเขาดูแลตลอด
“ขอบคุณค่ะศาสตราจารย์เฮอ หนูหวังว่าจะได้ทำงานร่วมกับคุณนะคะ” กู้เหนียนจื่อโค้งคำนับให้เฮอจือชูอีกครั้ง “แล้วหนูก็หวังว่าคุณจะลืมเรื่องที่หนูพลาดไปสองครั้ง”
ชายหนุ่มยังคงส่งข้อความบนโทรศัพท์ของเขา “ถ้าฉันไม่อยากยอมรับเธอจริง ๆ ฉันก็อาจจะปฏิเสธทันทีหลังจากสัมภาษณ์เธอเสร็จ ทำไมฉันถึงต้องมองผ่านปัญหาทั้งหมดนั้นและให้ตำแหน่งพิเศษกับเธอในภาคเรียนฤดูใบไม้ผลิด้วย? ฉันไม่มีเวลาว่างมาล้อเล่นกับเธอหรอกนะ”
กู้เหนียนจื่อทำหน้าตาเหลอหลาใส่เฮอจือชูขณะที่เขาหันหลังให้ แล้วหัวเราะคิกคัก “หนูรู้ว่าศาสตราจารย์ไม่ได้เป็นคนชอบทำอะไรลับหลัง หรือชอบตีสองหน้า นั่นเป็นเหตุผลที่หนูมาสัมภาษณ์แม้จะรู้สึกกดดันมากก็ตาม ขอบคุณพระเจ้าที่หนูเดิมพันชนะ”
ศาสตราจารย์หนุ่มหยุดเดินและหันกลับมามองคนพูด คิ้วสีดำของเขาเลิกขึ้น “นั่นฟังดูงมงายมาก” จากนั้นเขาก็เปลี่ยนเรื่องพูด “เธอมีเวลาว่างมากกว่าครึ่งปีหลังจบการศึกษาในฤดูร้อนนี้จนถึงเริ่มเรียนในฤดูใบไม้ผลิหน้า ระหว่างนี้เธอมีแผนจะทำอะไร”
คนถูกถามส่ายหัวตอบ “หนูยังไม่ได้ตัดสินใจค่ะ หนูยังต้องหารือเรื่องนี้กับครอบครัวของหนูก่อน”
“เธอเชื่อฟังทุกสิ่งที่พวกเขาพูดเลยเหรอ”
กู้เหนียนจื่อยักไหล่พลางหัวเราะ “หนูยังเด็กอยู่ หนูยังอายุไม่ถึง 18 เลย แน่นอนว่าหนูต้องเชื่อฟังครอบครัวของหนู พวกเขาจะไม่ทำร้ายหนูหรอกค่ะ”
เฮอจือชูไม่พูดอะไรอีกและกดหมายเลขในโทรศัพท์แทน ไม่กี่วินาทีต่อมาโทรศัพท์ของกู้เหนียนจื่อดังขึ้น แต่สายนั้นก็สิ้นสุดลงในขณะที่เธอกำลังจะรับสาย
ชายหนุ่มยกโทรศัพท์ขึ้นมา “นั่นคือเบอร์โทรฯของฉัน บันทึกไว้ด้วย ถ้าเธอยังไม่ได้วางแผนทำอะไร เธอจะมาช่วยฉันทำคดีในช่วงพักร้อนนี้ก็ได้”
ฝ่ายที่ถูกชักชวนรู้สึกยินดีและรีบบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของเขาทันที “หนูจะติดต่อคุณกลับไปแน่นอนค่ะ”
เฮอจือชูกล่าวลาเธอก่อน แล้วเดินไปยังสำนักงานเล็ก ๆ ที่อยู่ในห้องถัดไป หลังจากนั้นไม่นานเหวินเสี่ยวอี้ก็ปรากฏตัวและถามเขาว่า “ศาสตราจารย์เฮอ คุณโทรมาเหรอคะ?”
ศาสตราจารย์หนุ่มดันแฟ้มไปทางเธอ “ฉันยอมรับกู้เหนียนจื่อแล้ว ลงทะเบียนให้เรียบร้อย”
ผู้ช่วยสาวรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก “ศาสตราจารย์เฮอ คุณยอมรับเธอจริง ๆ เหรอ? แต่เธอ…”
แม้ว่ากู้เหนียนจื่อจะไม่มาสัมภาษณ์ถึงสองครั้ง แล้วก่อนหน้านี้เธอก็กล้าโต้เถียงกับเขา เหวินเฉียวอี้รู้จักเขามาหลายปีแล้ว เขาไม่น่าจะรับกู้เหนียนจื่ออย่างแน่นอน
“ธุรกิจก็คือธุรกิจ อย่าคิดมาก” เฮอจือชูจุดบุหรี่ ดวงตาของเขาจดจ่ออยู่กับเธอ เขาไม่ได้ถามคำถามอะไรออกมา แต่คนที่ถูกมองเข้าใจแล้วว่ากู้เหนียนจื่อได้บอกเขาถึงการพบกันของพวกเธอแล้ว หญิงสาวยิ้มอย่างช่วยไม่ได้และนำคลิปเสียงเมื่อวานนี้มาเปิดให้อีกฝ่ายฟัง
“นี่คือที่เราคุยกันทั้งหมด ฉันหวังดีและไม่ต้องการให้ศาสตราจารย์เฮอต้องเสียเวลากับเธอ ฉันไม่ต้องการให้เกิดอะไรขึ้นกับอนาคตของหญิงสาวคนนี้เพราะความผิดพลาดครั้งก่อนของเธอ ฉันไม่คิดว่าเธอจะพูดจาเฉียบขาดและเก่งกาจในการบิดเบือนคำพูดของคนอื่น ฉันเกือบจะโดนเธอต้อนจนมุมแล้ว” เหวินเฉียวอี้พูดอย่างระมัดระวังด้วยน้ำเสียงที่สงบขณะที่เธอเปิดคลิปเสียงให้ศาสตราจารย์ฟัง จากนั้นเธอก็จัดเอกสารทั้งหมดตามหมวดหมู่
เฮอจือชูเป่าควันออกมาเป็นรูปวงแหวน นัยน์ตาคมกริบหรี่ลงครึ่งหนึ่ง เขามองไปทางประตูชั่วครู่จนการบันทึกการสนทนาจะสิ้นสุดลง เขาก็ยังไม่ได้พูดอะไรออกมา
ผู้ช่วยสาวนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยท่าทางสง่างามตรงข้ามกับชายหนุ่มแล้วเงยหน้าขึ้นยิ้มให้เขา แสงแดดยามเช้าส่องลอดผ้าม่านมาตกกระทบลงบนใบหน้าของเธอ ทำให้กรอบหน้าครึ่งหนึ่งอยู่ในแสงสว่างและอีกครึ่งหนึ่งเป็นเงามืด เขาสูบบุหรี่และเพ่งสายตาไปที่ใบหน้าสวยของอีกคนพร้อมกับครุ่นคิดอยู่ลึก ๆ ในใจ
เหวินเฉียวอี้ ผู้หญิงร่างเล็กตรงหน้าเขาสวมชุดทำงานอันโฉบเฉี่ยว คิ้วและริมฝีปากของเธอเรียวบาง จมูกของเธอตรงได้รูป และดวงตาอัลมอนด์คู่นั้นก็เชิดขึ้นเล็กน้อย เธอเปรียบเสมือนความงามในสมัยโบราณจากภาพวาดคลาสสิก ยั่วยวน มีเสน่ห์และมีบุคลิกที่ดูดี
ศาสตราจารย์หนุ่มเอาบุหรี่กดลงในถาดก่อนจะถามว่า “มีอะไรอีกไหม”
หญิงสาวผ่อนคลายลงแล้วหยิบเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ออกมา “วันนี้มีคำร้องจากลูกค้าในเมือง C กำลังต้องการจะจ้างคุณเป็นทนายความด้วยเงินจำนวนมาก”
นอกจากเฮอจือชูจะเป็นหุ้นส่วนกับสำนักงานกฎหมายรายใหญ่ของอเมริกาแล้ว เขายังได้รับใบอนุญาตทางกฎหมายในจักรวรรดิอีกด้วย และเขามีสำนักงานกฎหมายของตัวเองในเมืองหลวง
“หืม? ใครล่ะ?”
ในการจ้างผู้ชายคนนี้เป็นทนายความ นอกจากจะต้องมีเงินจำนวนมากแล้ว บุคคลนั้นยังต้องมีปัญหาใหญ่พอสมควรอีกด้วย
“ครอบครัวนี้…มีประวัติกับคุณนิดหน่อยค่ะ” เหวินเฉียวอี้หยิบเอกสารออกจากกระเป๋าเอกสารของเธอ “คุณจำเฟิงอี้ซี นักศึกษาคนแรกที่คุณสัมภาษณ์ได้ไหม”
ฝ่ายที่ถูกถามหยิบแฟ้มนั้นมาอ่าน “เฟิงอี้ซีละเมิดกฎของมหาวิทยาลัยและถูกไล่ออกไม่ใช่เหรอ ครอบครัวเฟิงใช่ไหม เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา?”
“เฟิงอี้ซีละเมิดกฎของมหาวิทยาลัย เธอไม่ใช่แค่ถูกไล่ออก เธอยังถูกตัดสินให้รับใช้ชุมชนเป็นเวลา 1 ปีอีกด้วย” ผู้ช่วยสาวกล่าว น้ำเสียงของเธอแสดงถึงความสงสาร “น่าเสียดายสำหรับนักศึกษาคนนี้ เธอเข้าไปพัวพันกับคนผิดและหาเรื่องใส่ตัว”
“เฉียวอี้ จำไว้ว่าเธอเองก็เป็นทนายความเหมือนกัน การใช้คำที่ไม่เป็นมืออาชีพของเธอก็เพียงพอแล้วสำหรับการเลิกจ้าง” เฮอจือชูโยนเอกสารกลับ “ฉันไม่ต้องการให้คนของฉันพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้และถูกมองเป็นตัวตลก”
——————————————————-