ว่าไงคะท่านนายพล - ตอนที่ 34 : จุดที่สำคัญที่สุดและจรรยาบรรณในวิชาชีพ
“เขาวางสายเธอ? เขาไม่ได้พูดอะไรเลยเหรอ?” เหม่ยเสี่ยวเหวินเอียงศีรษะมองไปยังห้องที่อยู่ตรงปลายทางเดิน “เราอาจจะมาผิดเวลาหรือเปล่า บางทีเขาอาจจะมีแขก”
กู้เหนียนจื่อขมวดคิ้ว “ฉันไม่แน่ใจ เขาไม่พูดอะไรแล้ววางสายก่อนที่ฉันจะพูดจบ”
ขณะเดียวกัน เฮอจือชูกำลังนั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวใกล้ ๆ หน้าต่างทรงฝรั่งเศสในห้องของเขา เขาถือแบบฟอร์มใบสมัครและจ้องไปที่รูปถ่ายขนาด 1″x1″ เป็นเวลาสองสามนาที จากนั้นเขาก็โทรหาเหวินเฉียวอี้ ผู้ช่วยสอนของเขาซึ่งอยู่ห้องข้าง ๆ “เหวินเฉียวอี้ มานี่หน่อย”
ในประตูห้องถัดไป เหวินเฉียวอี้ปิดแล็ปท็อปของเธอ แล้วส่องกระจกเพื่อจัดทรงผมให้เรียบร้อยและเปลี่ยนใส่รองเท้าส้นสูงก่อนจะออกมาจากห้อง ทันทีที่เธอออกมา เธอเห็นชายหนุ่มและหญิงสาวยืนอยู่ที่อีกด้านของทางเดิน พวกเขาทั้งคู่ดึงดูดสายตามากเพราะตัวผู้ชายมีรูปร่างสูงเพรียวสง่างาม ในขณะที่ผู้หญิงดูตัวเล็กน่ารักน่าเอ็นดู เธอละสายตาจากพวกเขาก่อนที่เคาะห้องของศาสตราจารย์
“เข้ามา”
…
กู้เหนียนจื่อยังคงติดต่อหาเฮอจือชูอย่างต่อเนื่อง แต่เขาไม่ได้รับสายในทันที แต่ปล่อยให้มันดังอยู่อย่างไม่ลดละเป็นเวลา 15 นาที ก่อนที่จะกดปุ่มรับสายแล้วเปิดลำโพงให้เหวินเฉียวอี้ที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาอย่างเงียบ ๆ ได้ยินบทสนทนาด้วย
หลังจากรับสาย เสียงอันไพเราะของหญิงสาวก็ดังขึ้น “หนูกำลังคุยกับศาสตราจารย์เฮอจือชูอยู่หรือเปล่าคะ? หนูขอโทษที่รบกวนคุณนะคะ หนู—”
“ถ้าเธอรู้ว่าเธอกำลังรบกวนฉันและยังคงโทรมาต่อ แสดงว่านี่เป็นการจงใจ ซึ่งแย่ยิ่งกว่าอีก” น้ำเสียงของศาสตราจารย์หนุ่มแข็งกระด้างจนทำให้ปลายสายตกใจจนเกือบจะลืมสิ่งที่เธออยากจะพูด
แต่เธอก็ตั้งสติอย่างรวดเร็วแล้วรีบพูดว่า “แต่คุณไม่ได้ตอบอะไรเลยและไม่เคยบอกหนูว่าคุณคือศาสตราจารย์เฮอจือชูหรือเปล่า หนูจะตั้งใจได้ยังไงคะ หนูไม่รู้ หนูก็เลยพยายามตรวจสอบให้แน่ใจเท่านั้นเองค่ะ”
“หืม? เธอกำลังจะบอกว่ามันเป็นความผิดของฉันเหรอ?” คิ้วเรียวยาวของเฮอจือชูยกขึ้นราวกับว่าเขากำลังรู้สึกโกรธ แต่ท่าทางของเขาไม่ได้แสดงออกถึงความรำคาญ แต่ปรากฎรอยยิ้มจาง ๆ เพียงเสี้ยวนาทีและจากนั้นในดวงตาอัลมอนด์ของเขาฉายแวววับ ก่อนที่รอยยิ้มจะจางหายไป
“แน่นอนว่าหนูไม่สามารถพูดได้ว่าเป็นความผิดของคุณ” กู้เหนียนจื่อ ถอนหายใจเงียบ ๆ มันเป็นความหวังที่ได้มาอย่างไม่แน่นอนตราบใดที่เขายังไม่วางสาย
เธอยกนิ้วโป้งขึ้นตรงหน้าเหม่ยเสี่ยวเหวิน ใบหน้าของเธอยิ้มแย้มแจ่มใสขณะที่เธอพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “หนูสามารถพูดได้ว่ามันเป็นปัญหาด้านการสื่อสาร เราควรต้องใช้วิธีอื่นในการสื่อสาร ศาสตราจารย์เฮอจือชูคะ คุณช่วยมอบโอกาสให้หนูอีกสักครั้งได้หรือเปล่าคะ แม้ว่าหนูจะพลาดการสัมภาษณ์มาแล้วสองครั้ง แต่หนู—”
เมื่อได้ยินหญิงสาวพูดถึงการผิดนัดสัมภาษณ์ถึงสองครั้ง ใบหน้าของฝ่ายที่ถูกขอโอกาสก็แข็งเป็นหินอีกครั้ง เขาดูถูกคนที่ไม่ตรงเวลา และนอกจากผู้หญิงคนนี้จะผิดนัดครั้งหนึ่งแล้ว เธอยังผิดนัดถึงสองครั้ง เรื่องนี้ถือว่าข้ามเส้นเขาไปมาก
ศาสตราจารย์หนุ่มนั่งอยู่บนโซฟาโดยวางคางไว้บนฝ่ามือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างพาดไว้ที่พนักเก้าอี้ เขารีบพูดขึ้นมาว่า “การพลาดแล้วก็ถือว่าพลาด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ความจริงเรื่องนี้เป็นปัญหาของเธอ และไม่จำเป็นต้องบอกฉัน ฉันไม่อยากฟัง”
เฮอจือชูปฏิเสธด้วยเสียงเย็น ทำให้กู้เหนียนจื่อกระชับมือที่ถือโทรศัพท์แน่นและเสียงของเธอก็คมชัดกว่าปกติ “หนูกำลังพูดกับศาสตราจารย์เฮอจือชูใช่ไหมคะ”
“ใช่”
“ถ้าคุณเป็นศาสตราจารย์เฮอจือชู หนูอยากจะถามว่าทำไมคุณถึงไม่ฟังคำอธิบายของหนูคะ?”
“เพราะนี่คือขีดจำกัดส่วนตัวของฉัน การกระทำของเธอข้ามเส้นขีดจำกัดของฉันแล้ว” ชายหนุ่มไม่ได้พูดอ้อมค้อม เขาพูดด้วยดวงตาแข็งกระด้างและน้ำเสียงของเขาก็ไม่อ่อนลงเลย
ในขณะเดียวกัน เหวินเฉียวอี้ที่ยืนอยู่ข้างหลังเขายิ้มเยาะออกมา เธอรู้จักอารมณ์ของศาสตราจารย์เฮอจือชูดีที่สุด เขาไม่เคยกลับคำพูด แม้จะต้องเผชิญกับคำขอมากมายจากผู้มั่งคั่งและมีอำนาจที่โรงเรียนกฎหมายฮาร์วาร์ด เขาไม่เคยตอบรับใครเลยแม้แต่ครั้งเดียว กู้เหนียนจื่อดูจะอวดดีเกินไป เธอส่ายหัวด้วยความรู้สึกสงสาร
แต่ใครจะรู้ล่ะว่ากู้เหนียนจื่อที่อยู่อีกด้านหนึ่งของสายนั้นจะกล้าหาญกว่าที่เหวินเฉียวอี้คิดไว้ ขณะที่เธอเริ่มท้าทายขีดจำกัดของศาสตราจารย์หนุ่มโดยตรง “ศาสตราจารย์เฮอ หนูเคารพข้อจำกัดของคุณนะคะ แต่หนูต้องการถามคุณว่า ข้อจำกัดส่วนบุคคลของคุณมีข้อขัดแย้งกับจรรยาบรรณวิชาชีพที่คุณต้องปฏิบัติตามหรือไม่”
‘หืม? ฉลาดพูดจริง ๆ’ คนที่ถูกยิงคำถามคิดในใจ เขารู้สึกสนใจอีกฝ่ายขึ้นมาเพราะเขาอยากจะรู้ว่าเธอจะมาไม้ไหน “ข้อจำกัดส่วนตัวของฉันไม่ขัดแย้งกับจรรยาบรรณวิชาชีพของฉันแน่นอน”
“ถ้าคุณบอกว่าไม่มีข้อขัดแย้ง หนูอยากถามคุณว่าในฐานะศาสตราจารย์ด้านกฎหมายของมหาวิทยาลัย B คุณไม่ควรปฏิบัติตามกฎและข้อบังคับของมหาวิทยาลัย B เหรอคะ”
เฮอจือชูเป็นนักกฎหมายฝีปากดีในศาล ดังนั้นมือใหม่อย่างกู้เหนียนจื่อจะใช้เหตุผลอะไรมาแย้งกับเขา? ในขณะนั้นเขาไม่ได้แย้งปลายสายแล้วฟังต่ออย่างเงียบ ๆ
หญิงสาวจึงพูดต่อว่า “หนูสมัครเป็นนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัย B ตามระเบียบ แม้ว่าหนูจะไม่ได้มาสัมภาษณ์ถึงสองครั้ง แต่แนวปฏิบัติสำหรับผู้เข้าสอบของคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัย B ระบุว่า ‘หากผู้เข้าสอบมาสายเนื่องจากเหตุสุดวิสัย จะไม่ถือว่าเป็นความผิดของผู้สอบ ทางมหาวิทยาลัยจะให้โอกาสผู้เข้าสอบอีกครั้งในการสัมภาษณ์”
“จู่ ๆ หนูก็ป่วยหนัก และนั่นเป็นเหตุสุดวิสัย หนูก็แค่มนุษย์ธรรมดาทั่วไปที่เจ็บป่วยได้ นอกจากนี้หนูยังมีใบรับรองแพทย์จากแพทย์ผู้มีอำนาจจากโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในประเทศ หนูคิดว่าในกรณีนี้หนูยังควรมีสิทธิ์ได้สอบสัมภาษณ์อีกครั้ง”
กู้เหนียนจื่อพูดจบอย่างฉะฉานและรอคำตอบของอีกฝ่าย
ทันใดนั้น รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมริมฝีปากของเฮอจือชู แต่น้ำเสียงของเขายังคงแข็งกระด้าง “แล้วยังไง? เธอข้ามเส้นของสิ่งที่ฉันยอมรับได้ ดังนั้นฉันไม่ต้องการให้โอกาสเธออีกครั้ง”
“นั่นคือประเด็นของคำถามของหนูก่อนหน้านี้ ศาสตราจารย์เฮอ หนูขอถามอีกครั้งว่าข้อจำกัดส่วนตัวของคุณขัดกับจรรยาบรรณในวิชาชีพของคุณหรือไม่? ในฐานะศาสตราจารย์ด้านกฎหมายของมหาวิทยาลัย B จรรยาบรรณในวิชาชีพของคุณคือการปฏิบัติตามกฎและระเบียบข้อบังคับของมหาวิทยาลัย B และคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัย B แล้วอีกอย่าง กฎและข้อบังคับของคณะนิติศาสตร์ไม่มีตรงไหนที่ระบุว่าการพลาดการสอบสัมภาษณ์ 2 ครั้งเนื่องจากเหตุสุดวิสัยจะส่งผลให้ถูกตัดสิทธิ์ในการสัมภาษณ์ นี่เป็นการแสดงให้เห็นว่าคุณกำลังใช้ความชอบส่วนตัวของคุณแทนที่จะเป็นกฎเกณฑ์และข้อบังคับของมหาวิทยาลัยเป็นตัวชี้วัดหลัก ในฐานะบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการกฎหมาย การละเลยกฎหมายและการใช้คติส่วนตัวของคุณเข้ามาแทรกแซงหน้าที่ของคุณหมายความว่าคุณขาดจรรยาบรรณในวิชาชีพ” กู้เหนียนจื่อพูดเหยียดหยามอำนาจของเขาและแม้กระทั่งสงสัยจริยธรรมในอาชีพของเขา
สาวคนนี้ทำได้แล้ว! เหวินเฉียวอี้ปิดปากของเธอด้วยความตกใจและไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
เฮอจือชูพยักหน้าและรักษาท่าทีผ่อนคลายของเขา ในขณะนี้เขายังคงนั่งอยู่ในท่าเดิม ต่อมาเขาลืมตาขึ้นและพูดกับเธอว่า “กู้เหนียนจื่อ เธอพยายามหาโอกาสแม้จะถูกปฏิเสธจากฉันอย่างหนักแน่น จิตวิญญาณแห่งความพากเพียรนี้หายากและน่ายกย่องสำหรับนักศึกษากฎหมาย เธอไม่ได้ยอมแพ้เมื่อเผชิญกับการโต้แย้งจากผู้มีอำนาจ แต่กล้าพอที่จะตั้งคำถามกับผู้มีอำนาจและเคารพในจิตวิญญาณของกฎหมาย ความมุ่งมั่นของเธอที่จะไม่ประนีประนอมเป็นเรื่องที่หาได้ยากสำหรับนักศึกษากฎหมาย ดี! กู้เหนียนจื่อ เธอไม่ทำให้ผิดหวังจริง ๆ สมแล้วที่เป็นนักศึกษาอันดับต้น ๆ ในชั้นเรียน ฉันจะให้โอกาสเธออีกครั้ง”
‘โชคชะตากลับมาเข้าข้างฉันแล้ว! โชคดีอะไรอย่างนี้!’ ฝ่ายที่ได้รับโอกาสอีกครั้งรู้สึกปลาบปลื้มมากจนกระโดดโลดเต้นระบายความดีใจ
เธอไม่สนใจว่าเธอยังคงถือโทรศัพท์ขณะที่เธอแสดงท่าทางดีอกดีใจอยู่และยิ้มให้เหม่ยเสี่ยวเหวิน “หัวหน้าเหม่ย! หัวหน้าเหม่ย! นายได้ยินไหม ฉันมีโอกาสได้สัมภาษณ์อีกครั้ง!”