ว่าไงคะท่านนายพล - ตอนที่ 29 : ถึงแก่ชีวิต
ก่อนหน้านี้หยินชือฉงได้ติดเข็มที่เล็กมากเป็นพิเศษไว้ที่ปลายร่มกระดาษน้ำมันของเขา
ซึ่งเข็มนั้นมีพิษร้ายแรงที่กองทัพจักรวรรดิพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษ
แต่โอดะ มาซาโอะกำลังเพลิดเพลินกับบรรยากาศรอบตัว จังหวะที่เขาตื่นเต้นที่สุด เขาก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่เย็นเฉียบจากน่องของเขา มันแทบจะไม่รู้สึกอะไรและเบากว่ายุงกัด เขาจึงไม่ได้หยุดคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ร่างเตี้ย ๆ ของเขายังคงเต้นรำไปรอบ ๆ ต้นซากุระ
หยินชือฉงหัวเราะและทำตัวไหลลื่นไปตามนักเต้นคนอื่น ๆ ที่หมุนตัวไปสองสามรอบ ในเวลาเดียวกันเขาก็เดินถือร่มออกมาจากฝูงชนไปที่ถนนสายหลัก
เขาเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับหลายคนอยู่รอบ ๆ โอดะ มาซาโอะแอบดูเขาอยู่
แต่ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างก็ตกตะลึงกับความงามของดอกซากุระที่โปรยลงมา นอกจากนี้โอดะ มาซาโอะยังซ่อนตัวตนที่แท้จริงของเขามานานหลายปีแล้ว เขาไม่เคยทำตัวดึงดูดคนอื่นเลย เจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับจึงไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรด้วย เนื่องจากไม่ได้สังเกตว่าโอดะ มาซาโอะตกเป็นเหยื่อแล้ว
ท่ามกลางผู้คนจำนวนมากที่เดินเข้าออกจากอุทยานหลวงแห่งชาติชินจูกุเกียวเอ็น เลขาหนุ่มกลมกลืนไปกับฝูงชนได้อย่างรวดเร็วแล้วเดินออกจากบริเวณสวน มุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยโตเกียวอิมพีเรียล เขากำลังจะไปหาเจ้านายที่นั่น
ถึงเวลานี้ฮัวเฉาเหิงได้กลับไปที่ห้องทดลองของโอดะ มาซาโอะแล้วและจุดไฟเผาเอกสารทั้งหมดเพื่อไม่ทิ้งอะไรไว้นอกจากเถ้าถ่าน สำหรับการทำลายที่นี่เขาได้ติดตั้งระเบิดเวลาในห้องทดลอง แล้วระเบิดเปลวไฟจะเกิดขึ้นในไม่ช้า
ในขณะเดียวกันใบหน้าของเจี้ยวเลี่ยงจื่อดูเคร่งขรึมมากขึ้นเมื่อเขาดูเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ผ่านกล้องวงจรปิด เขาลบวิดีโออย่างเงียบ ๆ แล้วจึงตัดสินใจทำอะไรให้ละเอียดยิ่งขึ้นโดยการอัปโหลดไวรัสคอมพิวเตอร์ไปยังอินทราเน็ตของโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยโตเกียวอิมพีเรียล
ไวรัสจะรออยู่ในเครือข่าย มันจะแพร่กระจายผ่านอินทราเน็ตเท่านั้น แล้วมันจะไปลบข้อมูลที่เป็นความลับทั้งหมดพร้อมกัน เมื่อผู้ดูแลระบบเครือข่ายรู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นและเริ่มใช้มาตรการฉุกเฉินของพวกเขา ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้ว
ในเวลาเดียวกันเมื่อหยินชือฉงมาถึงโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยโตเกียวอิมพีเรียล ฮัวเฉาเหิงก็เพิ่งเดินออกมาทางประตูหน้า
ชายหนุ่มทั้งสองได้พบกันแต่ไม่ได้พูดอะไรกันสักคำ พวกเขาขึ้นแท็กซี่และมุ่งหน้าไปยังสนามบินนานาชาติโตเกียว
เจี้ยวเลี่ยงจื่อซึ่งรับผิดชอบเรื่องการเดินทางด้วยเครื่องบินได้โทรศัพท์คุยกับสายการบินพลเรือนของจักรวรรดิที่สนามบินแล้ว
เนื่องจากพวกเขาจะบินด้วยเครื่องบินพลเรือนลำหนึ่งของจักรวรรดิ พวกเขาจึงได้รับอนุญาตให้เลี่ยงการตรวจสอบเกือบทั้งหมดตอนก่อนขึ้นเครื่องบิน มันเป็นสิทธิพิเศษของพวกเขาในฐานะพลเมืองของจักรวรรดิ
เมื่อฮัวเฉาเหิงและหยินชือฉงมาถึงสนามบิน เจี้ยวเลี่ยงจื่อก็พาพวกเขาไปหาพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินทันที และลงทะเบียนกระเป๋าเป้สะพายหลังของฮัวเฉาเหิงเป็นสัมภาระเช็คอิน นี่คือวิธีที่พวกเขาจะเอาตัวอย่างหลอดทดลองออกนอกประเทศ
นายพลหนุ่มและเลขาของเขาส่งตั๋วโดยสารพิเศษของพวกเขาที่ประตูขึ้นเครื่อง พวกเขาไม่มีกระเป๋าเดินทางติดมาด้วย หลังจากผ่านการรักษาความปลอดภัยที่สนามบินแล้ว ทั้งสามคนก็เดินไปที่ทางเดินวีไอพีอย่างมั่นใจ
“เชิญทางนี้ครับ” ในขณะนี้มีผู้ดูแลยืนอย่างสุภาพอยู่ที่ทางเข้าห้องโดยสาร เขายิ้มขณะที่พาชายหนุ่มทั้งสามเข้าไปข้างใน เขาจัดให้แขกนั่งรออยู่ห้องส่วนตัวในชั้นหนึ่งซึ่งห่างจากผู้โดยสารชั้นหนึ่งคนอื่น ๆ ทั้งหมด
หลังจากนั้นเครื่องบินก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็วแล้ววนกลับเหนือเมืองโตเกียวก่อนที่จะบินไปยังสนามบินนานาชาติของจักรวรรดิในเมือง C
ขณะที่เครื่องบินเพิ่งเข้าสู่น่านฟ้าของประเทศ ในญี่ปุ่น จู่ ๆ ก็เกิดเสียงฟ้าร้องดังสนั่นจากห้องทดลองที่ดูธรรมดาภายในโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยโตเกียวอิมพีเรียล เสียงนั้นมาพร้อมกับแสงจ้าจากหน้าต่างห้องทดลอง เมื่อทุกอย่างข้างในระเบิดเป็นเถ้าถ่าน ไฟมหึมาที่ตามมานั้นแผดเผาทุกอย่างจนสิ้น
เวลานั้นเจ้าหน้าที่ห้องทดลองตื่นตระหนกเกินกว่าจะดับไฟได้
เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ โอดะ มาซาโอะ อาจารย์ที่ปรึกษาของพวกเขาที่เป็นถึงพันเอกชาวญี่ปุ่นที่มีตัวตนเป็นความลับสุดยอด จู่ ๆ ก็มีอาการหัวใจวายขณะชื่นชมดอกซากุระ แล้วเขาก็เสียชีวิตระหว่างทางไปโรงพยาบาล
…
ฮัวเฉาเหิงนั่งหลับตาลงบนเก้าอี้อันหรูหราของเขาในห้องโดยสารชั้นหนึ่ง แล้วนวดตาก่อนจะลดมือลงไปกอดอก
ส่วนเจี้ยวเลี่ยงจื่อเฝ้าติดตามข่าวบนอินเตอร์เน็ตของญี่ปุ่นอย่างกระตือรือร้น
ไม่นานข่าวการระเบิดและไฟไหม้ที่โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยโตเกียวอิมพีเรียลก็ปรากฏขึ้นบนหน้าแรกของอาซาฮิ ชิมบุน ซึ่งเป็นเว็บไซต์ข่าวของญี่ปุ่น ข่าวไฟไหม้ห้องทดลองมาพร้อมกับรายงานของเจ้าของห้องทดลองนามโอดะ มาซาโอะที่เสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายท่ามกลางบรรยากาศสดใสในการชมดอกซากุระ การเสียชีวิตอย่างกะทันหันของเขาน่าจะเกิดจากความตื่นเต้นมากเกินไป
แฮ็กเกอร์หนุ่มยกมือขึ้นและดีดนิ้ว เขาหันไปหาเจ้านายซึ่งยังคงหลับตาอยู่และพูดพร้อมกับรอยยิ้มว่า “ภารกิจสำเร็จครับท่าน”
นายพลหนุ่มลืมตาก่อนจะเบนสายตามองไปด้านข้าง
เจี้ยวเลี่ยงจื่อดันแท็บเล็ตของเขาไปหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว “ดูนี่สิครับ…”
ฮัวเฉาเหิงอ่านพาดหัวข่าวบนเว็บไซต์ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความแข็งกร้าวและเย่อหยิ่ง เขาหลับตาลงเพื่อพยายามที่จะนอนหลับ
โอดะ มาซาโอะเป็นคนที่น่ารังเกียจจริง ๆ เขาสมควรตายมากกว่าพันครั้ง แต่แล้วกู้เหนียนจื่อล่ะ? หากว่าโอดะ มาซาโอะเสียชีวิต มันจะมีผลกระทบเชิงลบกับเธอไหม?
เฉินหลายจะสามารถพัฒนาวัคซีนด้วยเอกสารและข้อมูลการวิจัยที่ได้รับหรือไม่ แต่หากยังไม่พอ ฮัวเฉาเหิงจะกลับไปที่ฐานทัพทหารพร้อมกับไวรัสสายพันธุ์นั้น
แต่ถ้าวัคซีนไม่สามารถพัฒนาได้ทันเวลาล่ะ?
สมองของชายหนุ่มเหมือนจะมืดสนิทโดยอัตโนมัติเมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้
ในขณะเดียวกันเฉินหลายกลับรู้สึกไม่สบายใจตั้งแต่รับสายเจ้านาย
หลังจากวางสาย สิ่งแรกที่เขาทำคือเช็ดเหงื่อออกจากคิ้ว จากนั้นเขาก็อดนอนทั้งคืนเพื่อศึกษาเอกสารที่ส่งถึงเขา เขาใช้ซอฟต์แวร์แปลภาษาเพื่อแปลเอกสารเป็นภาษาจีนโดยอัตโนมัติ และไม่ลืมสำรองข้อมูลไว้ทุกที่
เอกสารและข้อมูลการวิจัยจากฮัวเฉาเหิงมีรายละเอียดสูงและครอบคลุมพอสมควร นอกจากเอกสารพวกนั้นจะประกอบด้วยการวิเคราะห์องค์ประกอบทางชีวเคมีต่าง ๆ ของไวรัสแล้ว ยังรวมถึงกระบวนการเพาะเลี้ยงไวรัสอีกด้วย ซึ่งเอกสารพวกนี้ทำให้เขาทดลองแบบย้อนกลับได้
งานวิจัยของโอดะ มาซาโอะทำให้วารสารวิชาการชั้นนำอย่างวิทยาศาสตร์และธรรมชาติดูเหมือนเป็นข่าวซุบซิบไร้สาระ ในแวดวงลับสุดยอดอาจเป็นสิ่งพิมพ์ที่คุ้มค่าพอสำหรับการค้นพบงานของเขา แต่แค่นี้มันก็มากเกินพอที่จะคว้ารางวัลโนเบลได้แล้ว
แต่โอดะ มาซาโอะไม่ได้เผยแพร่ผลการวิจัยของเขา เขากลับปิดผนึกพวกมันไว้ในตู้นิรภัยภายในห้องทดลองของเขาแทน
นักวิทยาศาสตร์ที่แท้จริงจะไม่ทำอะไรแบบนั้น พฤติกรรมของเขาดูผิดปกติมาก
แต่ถ้าเขาไม่ใช่ ‘นักวิทยาศาสตร์ตัวจริง’ ล่ะ?
เฉินหลายรู้สึกหนาวสั่นไปถึงกระดูกสันหลัง เขาใช้เวลาทั้งคืนทำงานในสำนักงาน กว่าเขาจะอ่านข้อมูลอาการไม่พึงประสงค์จากยาและการวิเคราะห์เปรียบเทียบเสร็จสิ้น เวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้นแล้ว
นี่เป็นเรื่องเร่งด่วนเกี่ยวกับสุขภาพและความปลอดภัยของกู้เหนียนจื่อ ดังนั้นหมอหนุ่มจึงไม่ใส่ใจกับการอ่านเอกสารอย่างละเอียด เขาอ่านผ่าน ๆ แล้วจะหยุดก็ต่อเมื่อเขาเจอสิ่งที่เกี่ยวข้องกับอาการไม่พึงประสงค์จากยา
เขาได้บันทึกรายละเอียดชุดการสังเกตอาการไม่พึงประสงค์จากยาด้วยตัวเองหลังจากที่กู้เหนียนจื่อตกเป็นเหยื่อของยาดังกล่าวและยังได้รับผลจากการตรวจเลือดอย่างครอบคลุมอีกด้วย
เมื่อเขาเปรียบเทียบผลการตรวจกับผลการทดลอง ใบหน้าของเขาก็เคร่งเครียดแล้วมีสีหน้าสับสน
ผลกระทบจากยาของกู้เหนียนจื่อแตกต่างไปจากผู้ทดลองของโอดะ มาซาโอะอย่างสิ้นเชิง
ตามบันทึกของโอดะ มาซาโอะ ผู้หญิงที่อยู่ภายใต้ฤทธิ์ของยาจะไม่เป็นอะไรหลังจากนอนกับผู้ชาย แต่นั่นไม่ได้ป้องกันความเสื่อมของร่างกาย
ผลกระทบของยาทำให้อวัยวะสร้างเม็ดเลือดลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดภาวะโลหิตจางที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ ตามมาด้วยอาการแทรกซ้อนหลายอย่าง และในที่สุดผู้หญิงทุกคนก็เสียชีวิตจากอาการล้มเหลวของอวัยวะหลายส่วน
แต่เขาไม่ได้เจอสัญญาณของการเสื่อมสภาพใด ๆ ในระบบเม็ดเลือดของกู้เหนียนจื่อ
หรือบางทีเขาอาจจะสิ้นสุดการสังเกตของเขาเร็วเกินไป?
แต่นั่นไม่ใช่คำอธิบาย…
ข้อมูลของโอดะ มาซาโอะแสดงให้เห็นว่าการเสื่อมสภาพเกิดขึ้นภายใน 1 สัปดาห์
เฉินหลายรู้สึกกระสับกระส่ายมากขึ้นแล้วเขาก็เปิดประตูห้องทำงานออกไปทานข้าวเช้า
ที่โถงทางเดิน แพทย์หลายคนรวมตัวกันพูดคุยด้วยน้ำเสียงที่เบา ๆ
อี้ซี่ถานเห็นเขาออกมาจากห้องทำงานจึงเดินมาขวางเขาอย่างรวดเร็ว “หมอเฉิน คุณรู้เรื่องของโอดะ มาซาโอะ นักวิทยาศาสตร์คนนั้นที่คุณชื่นชมมาตลอดหรือยัง? เขาเสียชีวิตกะทันหันจากกล้ามเนื้อหัวใจตาย นอกจากนี้ยังมีไฟไหม้ที่ห้องทดลองของเขาในโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยโตเกียวอิมพีเรียลด้วย ทุกอย่างหายไปหมดเหลือแค่เถ้าถ่าน”
“หา? โอดะ มาซาโอะคนนั้นตายแล้วเหรอ จริงเหรอเนี่ย?” หมอหนุ่มรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้ ในที่สุดก็มีข่าวที่น่ายินดีเกิดขึ้น!
เขารีบไปดูข่าวบนแท็บเล็ตกับหมอคนอื่น ๆ เมื่อเขาเห็นว่ามีคนจุดไฟเผาห้องทดลองของโอดะ มาซาโอะ เฉินหลายก็เข้าใจทันทีว่าเป็นฝีมือของใคร…
เขาหัวเราะออกมา เวลาผ่านไปไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น เขาดีใจที่เห็นว่าเป็นสายเรียกเข้าจากฮัวเฉาเหิง เขาถามขณะเดินไปว่า “คุณอยู่ที่ไหน”
“ฉันอยู่ที่สนามบิน เพิ่งลงจากเครื่องบิน” ผู้เป็นเจ้านายถือกระเป๋าเป้สะพายหลังด้วยมือเดียว “นายยังอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ของเหนียนจื่อหรือเปล่า”