วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน - ตอนที่ 882 เธอหายไป
ขณะดื่ม เธอก็เผยความลับที่ปกปิดเอาไว้หลายปีออกมาด้วย
“พี่เฉียวเฉียว รู้ไหม? อันที่จริงฉันไม่ใช่เด็กกำพร้าที่แท้จริง ฉันมีพ่อ แต่ฉันไม่เห็นเขาตั้งแต่ยังเป็นเด็กแล้ว”
ดูเหมือนว่าคอเธอไม่ค่อยแข็งนัก หลังจากดื่มไปเพียงไม่กี่แก้ว ดวงตาของเธอก็เริ่มขุ่นมัว
ขณะรินไวน์ให้ตัวเอง เธอก็พูดพึมพำออกมาว่า “ตอนที่ฉันยังไม่เกิด เขาก็ทอดทิ้งแม่ของฉัน หลังจากฉันเกิดมาแล้ว เขารู้ดีว่าฉันมีตัวตน แต่กลับไม่เคยมาหาเลย”
“เมื่อก่อนฉันคิดว่า เขาต้องมีเรื่องในใจที่พูดออกมายาก ดังนั้นถึงแม้ตั้งแต่เด็กจนโต เขาไม่เคยรับผิดชอบฉันเลยสักวัน แต่ฉันก็ไม่เคยเกลียดเขา”
“แต่มาจนถึงตอนนี้ ฉันเพิ่งรู้ ทุกอย่างเป็นเพียงแค่ฉันที่เอาแต่หาข้ออ้างให้ตัวเอง เขาไม่แม้แต่อยากจะรู้จักฉันด้วยซ้ำ”
“แม้ตอนนี้ฉันจะโตแล้ว และไม่ต้องการให้เขาทำอะไรให้ แค่ต้องการมีครอบครัวปกติเหมือนคนธรรมดา เขาก็ไม่ยินยอม”
“พี่เฉียวเฉียว พี่ว่าฉันน่าสงสารไหม? ฉันโง่หรือเปล่า”
เฉียวเฉียวไม่คิดมาก่อนว่า อดีตของเสี่ยวเยว่จะเป็นเช่นนี้
ความเห็นอกเห็นใจเกิดขึ้นในใจ เธอตบบ่าเสี่ยวเยว่ก่อนพูดว่า “ไม่โง่หรอก แต่คนที่เธอเรียกว่าพ่อ เขาไม่มีค่าพอให้เธอต้องทำแบบนี้”
นานมาแล้ว เธอเข้าใจได้ ว่าในใบโลกนี้ บางคนก็ไม่คู่ควรกับการเป็นพ่อแม่
ดังนั้น เธอจึงไม่แปลกใจเลยที่โลกใบนี้ มีคนแบบนี้
แม้ว่าเธอจะไม่รู้จักพ่อของเสี่ยวเยว่ แต่เธอก็สามารถจินตนาการได้จากสิ่งที่เธอได้ยินจากปากของหญิงสาว
อีกฝ่ายช่างโหดร้าย และเห็นแก่ตัวเสียจริง
ดวงตาของเสี่ยวเยว่แดงก่ำ เธอยังคงพึมพำต่อ “ฉันรู้ว่าเขาไม่มีค่าพอ แต่สักวันหนึ่งฉันอยากจะได้รับการยอมรับจากเขาจริงๆ ไม่มีใครรู้ ว่าฉันหวังว่าจะมีครอบครัวขนาดไหน”
“แต่ตอนนี้ดูท่าว่า คงไม่มี และคงจะไม่มีตลอดไป ไม่เพียงแค่บ้าน แต่เป็นทุกอย่าง”
ขณะที่เธอพูด เสียงของเธอก็ค่อยๆ เบาลง
จนถึงประโยคท้าย ก็นอนฟุบลงไปกับโต๊ะ
เฉียวฉีผลักไหล่ ก่อนตะโกนถาม “เสี่ยวเยว่?”
อีกฝ่ายไม่ตอบสนอง
เธอถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
ดูเหมือนว่าเธอจะเมา
ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อแท้ๆ ของเธอ นึกไม่ถึงว่าเขาจะโหดร้ายกับลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองได้ ได้พบกันแต่กลับไม่รู้จัก
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร ถึงอย่างไร ทางที่ดีอย่าตกมาอยู่ในกำมือเธอเลย ไม่เช่นนั้นตามสิ่งที่เขาทำ ตัวเองไม่มีวันปล่อยไปแน่
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เฉียวฉีเรียกพนักงานมาเพื่อจ่ายเงิน แต่ในขณะนี้ เธอก็รู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย
เฉียวฉีส่ายหัว คิดในใจว่าวันนี้ เธอเองก็ไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์มากนัก
อาจเป็นเพราะอาการบาดเจ็บที่ใช้เวลานานเกินไปในการรักษา แม้แต่ความสามารถในการดื่มก็ลดลงหรือ?
โชคดีที่อาการวิงเวียนศีรษะไม่รุนแรงนัก แค่เหมือนมึนเมานิดหน่อยหลังดื่ม ดังนั้นเธอจังไม่ได้ใส่ใจ
หลังจากจ่ายบิลแล้ว เธอก็ปลุกเสี่ยวเยว่ บอกเธอว่ากำลังจะกลับ
โชคดีที่ ถึงแม้ว่าเสี่ยวเยว่จะดื่มไปเยอะ แต่เธอก็ไม่ได้เมามาก
เฉียวฉีไม่ต้องการให้ซูเฉิงเห็นท่าทางของเธอตอนนี้ ดังนั้น จึงไม่ได้เรียกเขาให้มาช่วย เป็นเธอเองที่ประคองเธอขึ้นมา และเดินออกไปด้วยกัน
“พี่เฉียวเฉียว”
ขณะที่ทั้งสองกำลังเดินออกไป เสี่ยวเยว่ก็ตะโกนออกมาเบาๆ
เฉียวฉีขานรับ “มีอะไรเหรอ?”
“ฉันอยากเข้าห้องน้ำ”
เฉียวฉีหันไปมองด้านข้างสักพักหนึ่ง เมื่อเห็นว่าทางเดินของนอกมีห้องน้ำ จึงรีบพูดว่า “โอเค เดี๋ยวฉันพาไป”
เธอจึงช่วยพาเสี่ยวเยว่เดินไปที่ห้องน้ำ
ซูเฉิงและกลุ่มบอดี้การ์ดอยู่ตรงที่นั่งข้างกัน หากมีเรื่องอะไร สามารถบอกพวกเขาได้
แต่ตอนนี้เฉียวฉีไม่ได้โทรหาพวกเขา แต่วางแผนไว้ว่า รอให้เธอออกมาจากห้องน้ำก่อน ค่อยเรียกพวกเขาให้ออกไปด้วยกัน
ดังนั้น ตอนนี้พวกเขาจึงยังไม่รู้ ว่าเฉียวฉีและเสี่ยวเยว่ได้ออกมาก่อนแล้ว
ห้องน้ำอยู่สุดทางเดิน หลังจากที่ทั้งสองเข้าไป เฉียวฉีก็พูดกับเธอว่า “เข้าไปเถอะ ฉันจะรอที่นี่”
เสี่ยวเยว่มองไปที่เธอ ก่อนจะยิ้มอย่างคนโง่งม “พี่เฉียวเฉียว ดีจริงๆ”
เฉียวฉีถอนหายใจ
“เธอนี่ อย่ามายอว่าฉันดีหน่อยเลย ตัวเองก็ต้องดูแลตัวเองให้ดี ครั้งนี้ฉันจะยกเว้นให้ ครั้งหน้าฉันไม่อนุญาตให้ดื่มเยอะขนาดนี้แล้วนะ”
เสี่ยวเยว่ยิ้ม “ค่ะ”
เธอพูดพลางปล่อยเธอ ก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าไป
เฉียวฉียืนรอเธออยู่ที่ประตู รอสักพักก็รู้สึกว่าอาการมึนหัวยิ่งอยู่ยิ่งแย่ขึ้นเรื่อยๆ
เธออดไม่ได้ที่จะลูบหน้าผากของเธอ ภายในใจสงสัยว่า ทำไมวันนี้ตัวเองถึงดื่มไม่เป็นเหมือนปกติ
ในช่วงที่กำลังมึนงง ก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวดังมาจากด้านหลัง ก่อนจะหันไป
อย่างไรก็ตามตอนนี้ เธอกลับรู้สึกเย็บวาบที่สันหลัง ลางสังหรณ์แบบหนึ่งที่ปลูกฝังให้วนเวียนอยู่ระหว่างความเป็นและความตายมาตลอดปี ทำให้ร่างกายของเธอตอบสนองก่อนสมอง
เธอหันกลับมาทันที และสวนกลับด้วยข้อศอก
แต่ทว่า เมื่อต่อสู้ออกไป มือเท้ากลับอ่อนยวบ ไม่มีแรงเสียอย่างนั้น
เธอตกใจ ก่อนจะรู้สึกเจ็บปวดที่หลังศีรษะ
สติสุดท้าย จำได้เพียงว่าตัวเองเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังสวมหน้ากากสีเงินอยู่บนใบหน้า
……
เฉียวฉีหายไป
กู้ซือเฉียนได้รับทราบข่าวนี้หลังจากผ่านไป15นาทีแล้ว
ซูเฉิงรอให้กลุ่มบอดี้การ์ดทานอาหารเสร็จ เมื่อเห็นว่าที่นั่งชั้นพิเศษถัดไปไม่มีความเคลื่อนไหว ซูเฉิงที่ระมัดระวังตัวจึงออกมาดู
ไม่คิดเลย ว่าจะพบว่าไม่มีใครอยู่ภายในที่นั่งชั้นพิเศษเลย
เขารีบเรียกพนักงาน พอถามแล้วถึงเพิ่งจะได้รู้ว่า แท้จริงแล้วสองคนนั้นในที่นั่งชั้นพิเศษนั้นคิดเงินไปแล้วเรียบร้อย และลูกค้าหญิงสาวสองคนในนั่งชั้นพิเศษนั่น ไม่ได้ระบุว่าพวกเธอจะไปที่ไหน
เขาสะดุ้ง ก่อนจะรีบไปหา
อย่างไรก็ตาม แม้จะพลิกร้านอาหารค้นหา แต่ก็ไม่พบร่องรอยของเสี่ยวเยว่และเฉียวฉี
พวกเขาเจอกล้องวงจรปิด ภาพสุดท้าย กลับเป็นภาพของหญิงสาวสองคนที่เดินเข้าไปในห้องน้ำ
เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของลูกค้าภายในห้องน้ำ แน่นอนว่าไม่สามารถติดตั้งกล้องวงจรปิดได้
ดังนั้น ตั้งแต่หลังจากที่ทั้งสองเข้าไปในห้องน้ำแล้ว ก็ไม่กลับออกมาอีกเลย หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
หลังจากที่กู้ซือเฉียนทราบเรื่องนี้ เขาก็โกรธจัดและสั่งให้คนค้นหาทั่วทั้งเมือง
และร้านนั้น ในฐานะผู้ต้องสงสัยคนสำคัญ จึงถูกสั่งปิด
เขาตรวจสอบห้องน้ำเป็นการส่วนตัว ก่อนจะพบว่า ปิดผนึกมิดชิด นอกจากทางเข้าด้านหน้า ห้องน้ำนี้ก็ไม่มีทางเข้าไหนอีก ปรากฏว่าผนังด้านหนึ่งเป็นประตูหินที่เคลื่อนย้ายได้
เนื่องจากการออกแบบภายในที่ประณีต ทุกคนคิดว่ามันเป็นเพียงการออกแบบเท่านั้น แต่ก็ยังมีกลไกที่สามารถผลักออกไปได้
ตอนนี้ เฉียวฉีและเสี่ยวเยว่ อาจจะเป็นไปได้มากที่พวกเธอจะถูกคนลักพาตัวไป
และคนที่มาลักพาตัวเธอ ก็ใช้ประตูหินนี้ออกไปจากที่นี่
เมื่อรู้แล้ว กู้ซือเฉียนก็รีบส่งคนออกไปหาทางประตูนี้ทันที
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่ออกจากประตูนี้ไป ก็เป็นเพียงถนน
บนถนนที่คนพลุกพล่าน รถแน่นขนัด ถ้าจะตามหา พูดง่ายแต่มันทำยาก?