วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน - ตอนที่ 686 วันเวลาในอดีต
ในที่สุด ขณะที่ตู๋กูยิงกำลังจะก้าวออกจากประตู อยู่ๆ “กึก” ดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง เธอคุกเข่าลงไปตรงๆ
“พี่สาว ถือว่าฉันขอล่ะ เธอยกโทษให้ฉันได้ไหม! เรื่องตอนนั้นฉันทำผิดไปแล้วจริงๆ ฉันรู้ความผิดของฉันแล้ว ยี่สิบหกปีที่ผ่านมา ฉันไม่มีเวลาไหนที่ไม่โทษตัวเอง ตำหนิตัวเองเลย ฉันเกลียดที่ตอนนั้นทำไมฉันถึงโง่ขนาดนั้น ถูกมันหมูบังตาคิดจะไปวางแผนทำร้ายเธอและพี่สิงลัง”
“แต่ว่าตอนนั้นฉันไร้เดียงสาจริงๆ ตอนที่ฉันรู้จักกับเขา ไม่รู้ว่าเธอสองคนคบกันแล้ว ฉันนึกมาตลอดว่าเขาชอบฉัน แค่เพราะว่าฉันอายุยังน้อย ทุกคนจึงไม่ได้พูดให้ชัดแจ้งเท่านั้นเอง”
“หลังๆ มาฉันเพิ่งเข้าใจ ความพิเศษทั้งหมดและความเอาใจใส่ทั้งหมดที่เขามีต่อฉัน แค่เพราะว่าฉันคือน้องสาวของเธอ ก็ฉันอิจฉาไง! อิจฉาจนเป็นบ้าแล้ว”
“ตอนนั้นฉันคิดตลอด ทำไมเธอเกิดมาก็ได้ทุกอย่างแล้ว หน้าตา ครอบครัว ฐานะ เงินทอง เธอไม่ต้องพยายาม แค่ยกมือก็สามารถได้ทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว”
“ส่วนฉันเหรอ ถึงแม้จะเป็นลูกสาวบุญธรรมของตระกูลตู๋กู แต่ทุกคนต่างรู้กันว่าฉันก็แค่มีอยู่เพื่อเป็นเพื่อนเล่นของเธอที่ตระกูลตู๋กูซื้อกลับมา”
“เพราะว่าพวกเขามีแค่เธอลูกสาวคนเดียวไง พวกเขาเห็นเธอเป็นเพชรพลอยไข่มุก ดังนั้นจึงสามารถซื้อคนหนึ่งคน หนึ่งชีวิตตัวเป็นๆ กลับมาเป็นของเล่นของเธอ”
“ก็ไม่ต่างกับตุ๊กตาต่างๆ ในห้องนอนของเธอนั้นเลย! เธอคิดว่าฉันอยู่อย่างมีความสุขมากเลยใช่ไหม ไม่! ฉันไม่มีความสุขสักนิดเลย!”
“ทุกคนต่างรู้กันว่าเธอยอดเยี่ยมมาก เธอเกิดมาก็ได้ความรักจากทุกคน ส่วนฉันเหรอ ฉันก็แค่ส่วนหนึ่งอันไม่มีความสำคัญและไม่อยู่ในสายตาใครที่อยู่ข้างๆ เธอนั้นเอง”
“สายตาของทุกคนอยู่ที่เธอหมดเลย พี่สาว ฉันอิจฉาเธอจริงๆ เลยนะ! แต่ฉันหมดหนทางแล้ว ฉันไม่มีดวงแบบนั้น ฉันไม่ใช่เกิดมาก็ได้เป็นลูกคุณหนู ฉันก็แค่เพื่อนเล่นที่ครอบครัวเธอแจกใจบุญรับกลับมาเลี้ยงในเวลายามว่างเท่านั้นเอง”
“เพราะฉะนั้นฉันไม่สามารถพูดอะไรได้ และไม่กล้าพูดอะไรด้วย แม้กระทั่งไม่ได้คาดหวังอะไรกับชีวิตตัวเองเลย ทั้งชีวิตนี้ เพื่อที่จะตอบแทนบุญคุณของตระกูลตู๋กู ฉันสามารถเป็นคนหนึ่งที่พวกเธอพูดอะไรฉันก็ทำอย่างนั้น”
“แต่หลังจากที่ฉันรู้จักพี่สิงลัง ฉันเพิ่งรู้สึกตัวได้ ฉันผิดไปแล้ว! ฉันเป็นคนไม่ใช่หุ่นยนต์ ฉันก็มีความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง ฉันก็มีความรู้สึกส่วนตัวของตัวเอง”
“ฉันรักเขามากแค่ไหน อยากอยู่กับเขามากแค่ไหน เขาก็เหมือนแสงที่ส่องเข้ามาในชีวิตมืดมนของฉัน แต่สุดท้ายแล้ว แสงดวงนี้ก็ถูกเธอแย่งไปอยู่ดี”
“พวกเธอยืนอยู่ด้วยกัน ดูเหมาะสมกันมากเลย บัณฑิตหนุ่มกับสาวงาม กิ่งทองใบหยก แล้วฉันล่ะ ฉันคืออะไร ใจลุ่มหลงและความรู้สึกที่ไม่ถูกคนอื่นรู้เหล่านั้นของฉันคืออะไร”
“ฉันไม่ยอมใจจริงๆ เลย! เพราะฉะนั้นฉันจึงวางยาให้เขา ทำเรื่องน่ารังเกียจแบบนั้นในคืนที่พวกเธอแต่งงานกัน แต่ว่าพี่สาว ฉันไม่ได้มีอะไรกับเขาจริงๆ !”
“ฉันก็แค่อยากจะแก้แค้นเธอ ฉันรู้ ถ้าฉันทำอะไรกับเขาจริงๆ ทั้งชีวิตนี้พี่สิงลัง จะไม่มีวันยกโทษให้ฉันเลย ฉันไม่กล้า และไม่อยากด้วย”
“ฉันทำให้ระหว่างพวกเธอเกิดความเข้าใจผิดกันฉันขอโทษ แต่ผ่านมาหลายปีมากแล้ว ฉันก็สำนึกผิดและชดเชยให้กับเวรกรรมของตัวเองมาตลอดไม่ใช่เหรอ”
“หลายปีที่ผ่านมา ฉันส่งจดหมายให้เธอตั้งมากมาย ส่งอีเมลให้เธอตั้งมากมาย ฉันบอกความจริงในตอนนั้นให้เธอตั้งนานแล้ว เพื่อแค่ขอให้เธอยกโทษให้ฉันที”
“แล้วเธอเหรอ เธอไม่เคยตอบกลับฉันเลย แม้แต่อีโมจิหนึ่งตัว เครื่องหมายหนึ่งตัวก็ไม่เคยตอบฉันเลย ถึงจะเป็นสำนึกผิด ก็ควรระยะเวลาไหม!”
“ตอนนี้ ชีวิตฉันเหลือวันเวลาไม่เยอะแล้ว ฉันรู้ว่าในใจเธอยังเกลียดฉันอยู่ แต่ฉันยังอยากถามเธอดู ความผิดหนึ่งอย่างของฉัน ไม่อาจกอบกู้คืนได้ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ถึงแม้ที่ฉันทำมากมายขนาดนี้ สำนึกผิดมาหลายปีแล้ว เธอยังคงไม่ยอมยกโทษให้ฉันเหรอ เธอหวังว่าฉันจะนำความเสียใจภายหลังไปจากโลกนี้จริงๆ เหรอ”
เมื่อตู๋กูยิงได้ยินคำนี้ ลูกตาหมุนแล้ว
สักพัก เห็นซูหว่านพูดจบสักทีแล้ว จึงจะพูดอย่างเฉยเมย: “พูดจบยัง”
ซูหว่านมองเธอด้วยสีหน้าขาวซีด
ตู๋กูยิงจึงหัวเราะ เดินกลับมาพูดว่า: “แกพูดตั้งมากมาย ก็แค่อธิบายความไม่เป็นธรรมกับความบริสุทธิ์ของแกนั้นนิ แล้วยังกล่าวหาความเยือกเย็นและไร้หัวใจของฉันอีกด้วย บอกว่าคือขอโทษกับฉัน แต่ทำไมฉันไม่เห็นความจริงใจในการขอโทษของแกสักนิดเลย”
ซูหว่านอึ้ง
เงยหน้าขึ้นมามองเธอ สีหน้าซีดขาว
“ฉันพูดแล้ว…”
“ใช่เธอพูดแล้วว่าเธอผิด แต่มันถือเป็นได้ด้วยเหรอ”
ตู๋กูยิงเดินไปถึงข้างหน้าเธอ นั่งยองลงมาเหมือนกัน มองตรงไปข้างหน้ากับเธอ
บนหน้าของเธอมีรอยยิ้มอ่อนๆ ในดวงตากลับสงบนิ่งและเย็นชา ไม่ค่อยมีความรู้สึก ยิ่งกว่านั้นแอบมีความเยาะเย้ยเล็กน้อย
“ในขณะที่แกบอกว่าตัวเองผิดไปแล้ว ยังได้กล่าวเรื่องที่ครอบครัวฉันใจดำกับแกเป็นข้อๆ สรุปแล้ว ใจดำที่แกพูดถึงเหล่านั้น แค่เหตุการณ์สำคัญหรือหลักฐานก็พูดไม่ออกสักข้อหนึ่ง”
“แกบอกว่าครอบครัวฉันรับแกกลับมาเลี้ยง คิดว่าแกเป็นแค่ตัวประกอบที่เหมือนกับของเล่น แต่แกเคยเห็นตัวประกอบไหนที่ใส่เสื้อผ้าการตัดเย็บชั้นสูงแบรนด์เนมไหม”
“แกเคยเห็นตัวประกอบไหนไปเรียนต่อต่างประเทศไหม แกเคยเห็นตัวประกอบไหนที่ถูกคนอื่นเรียกคุณหนูสองเต็มปากเต็มคำด้วยความยกย่องไหม”
“แกรู้สึกมาตลอด คือตระกูลตู๋กูเราเป็นหนี้ต่อแก แต่ทำแกไม่ลองคิดดู ก่อนที่ตัวเองมาตระกูลตู๋กูใช้ชีวิตแบบไหนอยู่”
คำพูดเบาบางของผู้หญิง เหมือนดั่งสายฟ้าหนักๆ ผ่าตรงหัวใจของซูหว่านแรงๆ
เธอนั่งคุกเข่าอยู่ตรงนั้นอย่างงงงัน มองตู๋กูยิงอย่างไม่น่าเชื่อ
ในสมองกลับย้อนกลับไปคิดถึงวันเวลาที่อยู่ในศูนย์เด็กกำพร้าเหล่านั้น ก่อนที่ตัวเองยังไม่ได้ถูกตระกูลตู๋กูรับเลี้ยง
เธอถูกทิ้งที่หน้าประตูศูนย์เด็กกำพร้าตั้งแต่เล็ก ตอนที่คณบดีเก็บเธอได้ยังไม่ครบเดือนเลย
ตอนนั้นยังไม่มีสื่อมวลชนอินเทอร์เน็ต เผยแพร่รูปถ่ายของเธอบนหนังสือพิมพ์ หลังจากโฆษณาได้หนึ่งเดือนยังไม่มีใครมารับเลี้ยงเลยก็ให้เธออยู่ต่อ
นามสกุลของคณบดีคือซู ดังนั้นจึงตั้งชื่อให้เธอว่าซูหว่าน
ช่วงนั้น ชีวิตของคนส่วนมากไม่ค่อยดีเท่าไหร่อยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสถานที่อย่างศูนย์เด็กกำพร้าแบบนี้แล้ว
ถึงแม้คณบดีเป็นคนใจดีมากก็ตาม แต่เด็กกำพร้าในศูนย์เด็กกำพร้ามีเยอะเกินไป ต่อให้เธอละเอียดรอบคอบแค่ไหน ก็ไม่สามารถสนใจถึงทุกๆ คนได้
ดังนั้น ซูหว่านตัวน้อยๆ ก็กลายเป็นตัวตนที่โดดเดี่ยวที่สุดในศูนย์เด็กกำพร้าแห่งนั้น
อย่าคิดว่าเด็กบนโลกใบนี้บริสุทธิ์และน่ารักทุกคน
อยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบนั้น มีเด็กหลายคนที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้งมีความละเอียดอ่อนและน้อยเนื้อต่ำใจอยู่ในตัวอยู่แล้ว
ไม่เพียงแต่ไม่น่ารักพอ แม้กระทั่งมีหลายคนที่เนื่องจากเคยเห็นความมืดมนบนโลกใบนี้ตั้งแต่ยังเล็กอยู่ จึงเปลี่ยนตัวเองให้มืดมนขึ้นมา
พวกเขาจับกลุ่มรวมแก๊งกันรังแกเด็กคนอื่น แย่งลูกอมและเสื้อผ้าของเธอในที่ที่คณบดีไม่เห็น