วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน - ตอนที่ 503 ถ่ายหนังเรื่องใหม่
บทที่ 503 ถ่ายหนังเรื่องใหม่
แม้เขาก็ยังคงเสียใจในการกระทำอันเด็ดขาดของเธอแบบนี้
แต่เขาจะทำอะไรได้ เธอบอกกับเขาไว้ตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่หรือไง?
เมื่อคิดได้ดังนั้น ฉู่ยี่ก็เจ็บปวดหัวใจ แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปเป็นหัวข้ออื่น
“คุณเป็นหวัดได้ยังไงกัน?”
นี่เป็นเพียงคำถามด้วยความห่วงใยระหว่างเพื่อน เธอคงไม่ปฏิเสธเขาสินะ
ฉู่ยี่ปลอบใจตัวเอง
ถังลั่วเหยาขมวดคิ้ว และดูเหมือนไม่อยากบอกเรื่องนี้อย่างละเอียดกับฉู่ยี่
เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเฟิงยี่ และเป็นเรื่องส่วนตัวของเธอด้วย
เธอไม่อยากที่จะเปิดเผยง่ายๆ
เมื่อเห็นถังลั่วเหยามีท่าทีอึดอัดใจ ฉู่ยี่ก็ไม่อยากจะบังคับเธอ เขาหัวเราะขึ้นแล้วพูดประโยคถัดไปว่า “ไม่เป็นไรครับ คุณพักผ่อนมากๆก็พอ มีงานอะไรหลังจากนี้หรือเปล่า?”
ถังลั่วเหยาเหลือบมองไปที่ฉู่ยี่แล้วพูดว่า “คำถามนี้คุณน่าจะไปถามพี่หงนะคะ?”
ซูหงที่ถูกเอ่ยชื่อขึ้นก็สะดุ้งส่งเสียงตอบรับออกมา หลังจากนั้นจึงตั้งสติได้
เธอกระแอมอยู่ 2-3 ที ทำท่าทางครุ่นคิดแล้วให้คำตอบว่า “หลังจากที่ลั่วเหยาหายดีแล้ว ฉันตั้งใจจะให้เธอทำงานก่อนหน้านี้ให้เสร็จก่อน หลังจากนั้นรับงานภาพยนตร์สัก 2 เรื่อง ต้องขอขอบคุณคุณฉู่ที่ให้ความเมตตาดูแล ลั่วเหยาจึงได้รับผลงานดีๆแบบนี้”
ฉู่ยี่รู้สึกไม่ชินกับท่าทางอันเกรงใจของซูหงแบบนี้
ในใจของเขารู้สึกเบื่อหน่ายแต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
ใครๆก็รู้ดีว่าถังลั่วเหยาแยกระหว่างเรื่องส่วนตัวและเรื่องงานออกอย่างชัดเจน ในฐานะผู้จัดการส่วนตัวซูหงก็ยังเป็นเพื่อนสนิทของเธออีกด้วย แน่นอนว่าไม่อยากจะให้เธอรู้สึกอึดอัดใจ ดังนั้น ฉู่ยี่จึงไม่รู้จะพูดอะไรอีกเรื่องนี้
เพียงแต่ว่า……
เมื่อมองดูสีหน้าท่าทางอันนิ่งเงียบของถังลั่วเหยาแล้ว ทำให้ใจของฉู่ยี่รู้สึกอึดอัด
แต่ว่าเขาก็ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะแสดงความรู้สึกนั้นออกมา
เขายังคงมองไปยังถังลั่วเหยาด้วยใบหน้านิ่งสงบ ฉู่ยี่ใช้น้ำเสียงอันอ่อนโยนและสุภาพเอ่ยถามซูหงว่า “ละครเรื่องอะไรกันครับ ใครเป็นคนกำกับ?”
ซูหงเปิดโทรศัพท์ออกดูแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ผู้กำกับหลิวค่ะ เรื่องเมืองไร้ตะวัน”
“ผู้กำกับหลิวเหรอ? IPนี้ด้วย?!”
ฉู่ยี่ขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยท่าทางประหลาดใจ
“ทำไมเหรอคะ?” ซูหงรู้สึกได้ถึงความผิดปกติไปจึงได้เอ่ยถามทันที
ฉู่ยี่ส่ายหัวและพูดออกมาอย่างตะกุกตะกักว่า “หากมองจากIPของละครเรื่องนี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เนื่องจากIPนี้เป็นละครร้อนแรงบนอินเทอร์เน็ต เป็นเนื้อหาของตัวละครสาวในสมัยราชวงศ์ อาจจะเป็นบททดสอบทักษะการแสดงของลั่วเหยาได้ และสามารถใช้เป็นผลงานการนี้เปลี่ยนแปลงในด้านการแสดง”
ถังลั่วเหยาและซูหงหันมาสบตากันก่อนจะพยักหน้า
ฉู่ยี่พูดไม่ผิด
ก่อนหน้านี้ถังลั่วเหยามักแสดงเป็นตัวละครในหนังโรแมนติกสมัยใหม่ อีกทั้งละครที่ไม่จำเป็นต้องใช้เทคนิคมากนัก แม้เธอจะได้รับสมญานามว่าเป็นราชินี แต่รางวัลนี้ได้มาโดยไม่ได้ใช้ฝีมืออะไรนัก
ไม่ใช่ว่าทักษะการแสดงของถังลั่วเหยาไม่ดี
แต่ในปีนั้น มีหนังเกรดต่ำออกมามากมายและถังลั่วเหยาเองก็เพิ่งเข้าสู่วงการ แม้ว่าเธอจะพยายามมากในการแสดงก็ไม่ได้เผยถึงทักษะอันแข็งแกร่ง
หลังจากนั้น แม้ว่าทักษะการแสดงของถังลั่วเหยาจะเพิ่มขึ้นไม่น้อย แต่ละครเก่าๆก็ย้อนกลับมาฉายอยู่บ่อยครั้ง เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วถังลั่วเหยาจึงไม่ได้โดดเด่น
ด้วยเหตุผลนี้แม้ว่าปกติแล้วข่าวด้านลบของถังลั่วเหยาจะมีน้อย ทักษะด้านการแสดงของเธอก็ใช้ได้ แต่ผลวิจารณ์ทางออนไลน์ของเธอก็ยังไม่ค่อยดีนัก
และเรื่องเมืองไร้ตะวันตัวละครมีความซับซ้อนและพอร์ทเรื่องค่อนข้างที่จะลึก สำหรับถังลั่วเหยาแล้ว เป็นวิธีการที่จะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองออกมาโดยไม่ต้องสงสัย และเพียงพอที่จะส่งผลต่อฉากละครอื่นๆ
เนื่องจากได้รับความนิยมในอินเตอร์เน็ตไม่น้อย
ไม่เพียงแค่การวิพากษ์วิจารณ์อย่างร้อนแรงของชาวเน็ต สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ นี่คือตอนต่อของIPใหญ่
IPใหญ่นั้นฉายเมื่อปีก่อน และเป็นการออกอากาศครั้งใหญ่
จากฐานคนดูของละครเรื่องนั้น เพียงแค่เทคนิคการแสดงของถังลั่วเหยาไม่แย่เสียจนเกินไป ซูหงก็มีความมั่นใจว่าเธอจะสามารถเอาชนะ และฝ่าฟันอุปสรรคได้อย่างสมบูรณ์
แต่ในขณะนี้ ฉู่ยี่กลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่โอกาสที่ดี
จึงทำให้ซูหงและถังลั่วเหยารู้สึกประหลาดใจ
ฉู่ยี่ถอนหายใจออกมาแล้วอธิบายอย่างเบื่อหน่ายว่า “พวกคุณเข้าวงการมาค่อนข้างช้า และไม่มีความเข้าใจกับเรื่องหลายๆเรื่องพอ ผู้กำกับหลิวคนนี้ เป็นญาติห่างๆของส้งเจียเจียและค่อนข้างสนิทกับเธอ”
เมื่อประโยคนี้ถูกกล่าวออกมาถังลั่วเหยาก็เข้าใจทันที
ที่แท้เกี่ยวข้องกับส้งเจียเจียสินะ……
เธอก้มหน้าลงขมวดคิ้วและเริ่มครุ่นคิดผลดีและผลเสีย
จากเรื่องของเฟิงยี่ในครั้งที่แล้ว ส้งเจียเจียน่าจะเกลียดเธอจนเข้ากระดูกดำ
หากเธอรู้ว่าตนถ่ายละครให้กับญาติห่างๆคนนี้ คงจะเข้ามากล่าวร้ายใส่ความต่างๆนานา
แต่ในตอนนี้เธอต้องการที่จะใช้โอกาสนี้พิสูจน์ตนเอง อีกอย่างก็แค่ส้งเจียเจีย ถ้าเธอมีความสามารถจริง ฝ่ายตรงข้ามจะทำอะไรเธอได้?
ว่ากันว่ากลิ่นหอมของไวน์ไม่กลัวแม้แต่ซอยลึก ถังลั่วเหยาไม่เชื่อหรอกว่าความสามารถของเธอและชื่อเสียงก่อนหน้านี้จะถูกใครทำให้รู้สึกอึดอัดใจได้
แต่หากว่าวันนั้นมาถึงจริงๆก็นับว่าเธอไม่มีความสามารถเอง
เมื่อคิดได้ดังนั้นถังลั่วเหยาก็เงยหน้าขึ้นมาจ้องมองฉู่ยี่และพูดอย่างมั่นใจว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่กลัวว่าผู้กำกับหลิวจะทำให้ฉันต้องอึดอัดใจ เพียงเรื่องแค่นิดเดียวเอง ถ้าหากสามารถทำให้มีผลกระทบต่อฉันได้นั่นก็เป็นเพราะว่าความสามารถของฉันไม่เพียงพอ”
หลังจากที่ฉู่ยี่ได้ยินคำพูดของเธอแล้วก็เข้าใจได้ว่าถังลั่วเหยาตัดสินใจเรียบร้อยแน่วแน่
เขาจึงได้ถอนหายใจออกมาพยักหน้าแล้วพูดว่า “ในเมื่อคุณตัดสินใจแล้วว่าจะรับงานนี้ก็รับเถอะครับ เพียงแต่คุณควรจะระวังไว้สักหน่อย นิสัยของผู้กำกับหลิวจะค่อนข้างเอาพรรคพวก เขาอาจจะทำให้คุณต้องรู้สึกลำบากใจบ้างเล็กน้อย คุณต้องทำใจไว้ล่วงหน้า”
ถังลั่วเหยาส่ายหัวยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พวกเขาไม่รู้จักฉันดี แต่คุณไม่รู้จักฉันหรือไง? ปัญหาเล็กน้อยเพียงนี้จะทำให้ฉันต้องลำบากใจได้เหรอคะ?”
ฉู่ยี่ยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “ครับ แม่คนเก่ง” เมื่อพูดจบเขาก็ห่มผ้าห่มให้กับถังลั่วเหยาและลุกขึ้นเตรียมตัวจากไป “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ คุณรักษาสุขภาพตัวเองให้ดี”
ถังลั่วเหยาโบกมือให้กับเขาแล้วพูดว่า “ขับรถระวังด้วยนะคะ”
หลังจากที่ฉู่ยี่ออกไปจากห้องแล้ว ถังลั่วเหยาก็มองไปยังซูหงแล้วพูดว่า “ช่วยบอกทางผู้สนับสนุนด้วย หลังจากนี้สามวันฉันสามารถทำงานได้แล้ว หลังจากที่ฉันจัดการงานในมือเรียบร้อยอย่าเพิ่งรับงานให้ฉันใหม่ แล้วก็ช่วยเอาบทมาให้ฉันด้วย ฉันจะแสดงละครเรื่องนี้ให้ดีที่สุด”
ซูหงพยักหน้าแล้วพูดว่า “อืม”
ในขณะเดียวกันนี้ส้งเจียเจียได้เดินทางไปหาหลิวหมิง
หลิวหมิงก็คือผู้กำกับหนังเรื่องเมืองไร้ตะวันและเป็นน้า ญาติห่างๆของส้งเจียเจียนั่นเอง
ส้งเจียเจียอายุน้อยกว่าหลิวหมิงเพียงไม่กี่ปี ประมาณ 10 ปีเท่านั้น ดังนั้นหลิวหมิงจึงค่อนข้างสนิทกับเธอ มีบางครั้งเขามักจะล้อเธอเล่นว่าเธอไม่เหมือนกับหลานสาว เหมือนกับน้องสาวมากกว่า
ดังนั้นทั้งสองคนจึงสนิทสนมกันอย่างเห็นได้ชัด
บอกตามตรงว่าครั้งนี้ที่ส้งเจียเจียเดินทางมาหาหลิวหมิงเขาค่อนข้างที่จะประหลาดใจ
เพราะหลังจากที่ส้งเจียเจียคบกับเฟิงยี่ เธอก็ไม่ค่อยสนใจน้าคนนี้สักเท่าไหร่ ตัวเขาเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
แต่ที่จริงหลิวหมิงรู้ดีว่าส้งเจียเจียไม่ได้ตั้งใจจะเฉยเมยต่อเขา เพียงแค่หัวใจของเธอทุ่มเทไปที่เฟิงยี่หมดแล้ว