วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน - ตอนที่ 323 ทำตัวไม่ถูก
บทที่ 323 ทำตัวไม่ถูก
เพราะความสัมพันธ์ของจิ่งหนิงกับจิ่งเสี่ยวหย่า เรื่องในตระกูลจิ่ง เป็นข่าวดังที่พูดคุยกันในอินเทอร์เน็ต เพราะฉะนั้นคนที่อยู่ในงานส่วนมากก็รู้จักทั้งสองคน
รู้ข่าวว่าตระกูลกวนหาลูกสาวที่หายไปจนเจอ แต่กลับเป็นจิ่งเสี่ยวหย่า ทุกคนต่างรู้สึกแปลกใจ
แต่เพราะกลัวเสียหน้า และเพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของตระกูลเขา จึงไม่กล้าถาม
เวลานี้ ได้ยินจิ่งหนิงพูดแบบนี้ ทุกคนต่างหันมาให้ความสนใจ ต่างก็แสดงอาการอยากรู้อยากเห็นแบบไม่ได้นัดหมาย
นายท่านกวนใช้อินเทอร์เน็ตไม่เป็น ปกติก็ไม่ค่อยเล่นกับคนรุ่นหลัง เพราะฉะนั้นพูดได้ว่าไม่รู้เรื่องโลกอินเทอร์เน็ตเลย
ตอนนี้พอได้ยินพวกเขาพูดกันแบบนี้ สีหน้าก็แสดงอาการสงสัย
“สะใภ้อาเซิน หนูกับเสี่ยวหย่าของบ้านเรา รู้จักกันมาก่อนเหรอ?”
จิ่งหยิงหันกลับไปมอง ยิ้มให้กับนายท่าน พยักหน้าตอบ
“ใช่ค่ะ ไม่ได้แค่รู้จัก ยังมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วยค่ะ
นายท่านได้ยิน ยิ่งรู้สึกงง
แต่ว่า สถานการณ์ตอนนี้ ไม่เหมาะสมที่จะพูดมากเกินไป กวนจี้หมิงขมวดคิ้ว ส่งสายตาให้สวีหุ้ย สวีหุ้ยรีบเข้ามาจัดการสถานการณ์
“เหอะๆ ได้เวลากินข้าวแล้วค่ะ พวกเราย้ายไปห้องอาหารกินกว่าค่ะ พ่อคะ วันนี้ในครัวทำปลานึ่งซีอิ๊วที่คุณพ่อชอบที่สุดเลยค่ะ เดี๋ยวคุณพ่อต้องกินเยอะๆนะคะ”
นายท่านทำเสียง “วันนี้เป็นวันต้อนรับเสี่ยวหย่ากลับมา มีแขกอยู่ตั้งมากมาย จะมัวแต่กินได้ยังไง? ต้องดูแลพวกเขาถึงจะถูก”
สวีหุ้ยรีบตอบกลับ “ใช่ ใช่ ใช่ ดูแลทุกคนค่ะ แต่ดูแลคุณพ่อเป็นพิเศษ ใครให้พ่อเป็นดาวนำโชคของพวกเราละคะ”
พูดไปด้วย แล้วให้กวนจี้หมิงกับกวนจี้หลี่สองพี่น้องช่วยพยุงนายท่านขึ้นนั่งบนรถเข็น
นายท่านอายุมากแล้ว สุขภาพไม่ค่อยดี รวมถึงขาก็ไม่ค่อยดี สองปีนี้ต้องนั่งรถเข็นตลอด ไม่ค่อยได้ขยับ
ท่านจ้องสวีหุ้ยด้วยความไม่พอใจ “เธอก็รู้แต่กล่อมฉันดีใจ ฉันแก่ขนาดนี้แล้ว จะให้พวกเธอห่วงอะไรอีก?”
สวีหุ้ย “โถ่” ยิ้มแล้วพูดต่อ “ท่านเป็นดาวอายุยืนร้อยปีของพวกเราค่ะ อะไรแก่คะ ยังดูสง่าร่าเริง ไม่ใช่หนูโม้นะคะ ขนาดหนุ่มเนื้ออ่อนข้างนอกยังสู้ไม่ได้เลยค่ะ”
นายท่านถูกเธอพูดจนงง แล้วถามด้วยความสงสัย “เนื้ออ่อน? เธอเอาฉันไปเปรียบกับเนื้อหมู? ถึงจะไม่ดีก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นมั้ง”
สวีหุ้ยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “คุณพ่อ นี่ไม่ใช่ไม่ช่วยพูดนะ คุณพ่อล้าสมัยเกินไปแล้วค่ะ”
คนรอบข้างก็หัวเราะแล้วช่วยอธิบาย “นายท่าน เนื้ออ่อนไม่ใช่เนื้อหมู หมายถึงเด็กหนุ่มหน้าตาดีอายุน้อย”
ในที่สุดนายท่านก็เข้าใจ จากนั้นก็คิดไปคิดมา รู้สึกตลก จึงอารมณ์ดีขึ้นมา
เรื่องก็ถูกเปลี่ยนไปอย่างไร้ร่องรอย กวนจี้หมิงพาแขกทุกคนไปที่ห้องอาหาร
ถึงทุกคนอยากสอดรู้สอดเห็น แต่ก็ไม่เกรงใจที่จะพูดต่อ จึงค่อยๆโยกย้ายไปที่ห้องอาหาร
อาหารมื้อนี้ ถึงจะพูดไม่ได้ว่าอบอุ่นแค่ไหน แต่ก็ถือว่าราบรื่น
ถึงแม้ในโต๊ะอาหาร เห็นได้ชัดว่าทุกคนต่างมีความในใจ แต่อย่างน้อยก็เห็นแก่หน้านายท่าน ต่างก็เลือกที่จะเงียบ
ไม่โง่ถึงขนาดไปทำลายบรรยากาศแบบนี้
หลังกินข้าว จิ่งเสี่ยวหย่าอยากเข็นนายท่านไปเดินเล่นหลังสวน แต่ถูกปฏิเสธ
นายท่านกวนตบมือเธอเบาๆ พูดอย่างอ่อนโยน “วันนี้คนเยอะขนาดนี้ บรรยากาศครึกครื้น คนหนุ่มสาวก็เยอะ ล้วนเป็นคนอายุคราวเดียวกับหนู หนูไม่ต้องอยู่ตรงนี้กับคนแก่อย่างตาหรอก ไปเล่นกับพวกเขา ไปสนุกสนานกับเขาหน่อย”
จิ่งเสี่ยวหย่าสีหน้ากังวล “แต่ว่า……”
“อ้าย ตาไม่เป็นไร เดี๋ยวตาให้พ่อบ้านเฉินพาไปเดินเล่นก็พอ”
พูดไปก็โบกมือเรียกพ่อบ้านเฉินมา
จิ่งเสี่ยวหย่าเห็น ถึงปล่อยรถเข็น หลบให้พ่อบ้านเฉิน
แล้วพูดกับพ่อบ้านเฉินอย่างมีมารยาท “ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนคุณลุงนะคะ คุณตา หนูไปไม่นาน เดี๋ยวกลับมาอยู่เป็นเพื่อนนะคะ”
นายท่านกวนยิ้มจนตาเล็กเป็นเส้นบางๆ “ได้ ไม่รีบ ถ้าสนุกก็ไม่ต้องกลับมาก็ได้นะ ตาไปเดินเล่นแป๊บเดียวก็ไปพักผ่อนแล้ว”
จิ่งเสี่ยวหย่าพยักหน้า แล้วเดินจากไป
ที่ไม่ไกลนัก จิ่งหนิงยืนอยู่ตรงนั้น มองดูภาพนี้ อย่างครุ่นคิด
ลู่จิ่งเซินเดินมาจากข้างหลัง ยืนอยู่ข้างหลังเธอ มองตามสายตาเธอ แล้วถาม “คิดอะไรอยู่?”
จิ่งหนิงใช้มือจับคางตัวเอง พูดเสียงขรึม “ฉันกำลังคิด จิ่งเสี่ยวหย่ามาอยู่ในตระกูลกวน มาแสดงเป็นลูกสาวที่หายสาบสูญของกวนจี้หวั่น เป็นความคิดของใครกันแน่”
ลู่จิ่งเซินหัวเราะ “เรื่องนี้ลุงกวนสองเป็นคนรับผิดชอบ นอกจากเขา จะเป็นความคิดใครได้อีกละ”
จิ่งหนิงส่ายหัว
“เรื่องนี้สำคัญมาก ถ้าเป็นแค่ลุงกวนสอง นายท่านกวนอาจจะดูไม่ออก แต่คนอื่นต้องดูออกแน่นอน โดยเฉพาะลุงกวน”
ทุกคนต่างรู้ สองพี่น้องตระกูลกวนคู่นี้ ต่อหน้าดีกันแต่ลับหลังไม่ถูกกัน ตามหลักแล้ว คนเป็นพี่ ถ้านายท่านกวนเสีย คนที่ได้สืบทอดมรดกก็ต้องเป็นลุงกวน
แต่ด้วยความสามารถของเขาแล้วก็ธรรมดา เทียบกับลุงกวนสองไม่ได้เลย เพราะอย่างนี้เขายังมองลุงกวนสองเป็นคู่แข่งของเขา
ถ้าเรื่องนี้เป็นความคิดของลุงกวนสองเพียงคนเดียว ลุงกวนไม่มีวันให้ความร่วมมือกับเขาแน่ ยังแสดงละครได้ดีขนาดนี้ แบบนี้ไม่ได้มีอะไรดีต่อเขาเลย”
ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้ว
“เพราะฉะนั้นคุณคิดยังไง?”
“ผมคิดว่า คนตระกูลกวนทุกคนต่างก็เล่นละครกันหมด ยกเว้นนายท่านกวน”
ลู่จิ่งเซินก็ครุ่นคิด จิ่งหนิงหันไปมอง มองหน้าเขา เวลาเดียวกัน สายตากลับมองผ่านไหล่เขาไปข้างหลัง มองเห็นร่างที่คุ้นหน้ากำลังเดินเข้ามา
“คุณหนูใหญ่ กลับมาแล้วเหรอครับ”
พ่อบ้านเฉินกำลังเข็นนายท่านกวนไปทางสวนดอกไม้ แต่คิดไม่ถึงว่าจะเจอกวนเสว่เฟยตรงประตู รีบยิ้มทักทาย
กวนเสว่เฟยฝืนยิ้ม พูดทักทาย “คุณตา”
เมื่อเทียบกับสีหน้ารื่นเริงตอนอยู่ต่อหน้าจิ่งเสี่ยวหย่า ตอนที่นายท่านกวนเห็นหน้ากวนเสว่เฟย เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยดีนัก
“ทำไมถึงกลับมาดึกขนาดนี้? ไม่รู้หรือว่าวันนี้เป็นวันที่น้องสาวกลับมา? ตั้งใจทำแบบนี้ใช่ไหม อยากให้เธอเสียหน้าหรือไง?”
กวนเสว่เฟยสีหน้าเปลี่ยน
ขณะเดียวกัน จิ่งเสี่ยวหย่าได้ยินเสียง รีบวิ่งมา
“คุณตา อย่าโทษพี่สาวเลยค่ะ”
เธอรีบพูดแก้ต่างต่อหน้ากวนเสว่เฟย “งานของพี่ค่อนข้างพิเศษ ตอนแรกคืนนี้กลับมาไม่ได้ด้วยซ้ำ ตอนนี้ยังเร่งกลับมา ก็ดีมากแล้วค่ะ อีกอย่างหนูก็ไม่ได้เสียหน้าอะไรเลยค่ะ คุณตาอย่าโกรธนะคะ”
สีหน้าของนายท่านกวนถึงดีขึ้นบ้าง มองหน้ากวนเสว่เฟยอย่างเอือมระอา พูดเสียงต่ำ “ยังยืนอยู่นี่ทำไมละ? ด้านในมีแขกเยอะแยะ ยังไม่รีบไปทักทาย?”
กวยเสว่เฟยอึ้งไปนิดหนึ่ง แล้วค่อยๆพยักหน้า พูดตอบ “หนูรู้แล้วค่ะ คุณตา ถ้าอย่างนั้นหนูเข้าไปก่อนนะคะ”
พูดจบ ก็ก้มหน้ารีบเดินเข้าไป