วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน - ตอนที่ 120 น้ำมีปัญหา
บทที่ 120 น้ำมีปัญหา
จิ่งหนิงกำแก้วไว้อย่างแน่น จนกระดูกนิ้วมือเห็นเป็นสีขาวชัดเจน
ขณะเดียวกันก็รู้สึกแสบตา และมีรอยเลือดแดงฝาดในดวงตาเล็กน้อย
ไม่นานเธอแค่หัวเราะประชดออกมา
เมื่อหวังเสว่เหมยเห็นท่าทางแบบนี้ของเธอก็ขมวดคิ้วขึ้น
"หนิงหนิงดื่มมากแล้ว ซิ่วเหลียน เธอช่วยประคองหนิงหนิงขึ้นไปพักผ่อนข้างบนหน่อย"
ซิ่วเหลียนฝืนยิ้มแย้ม แล้วลุกขึ้นยืน "ได้คะ"
เธอเพิ่งเดินมาประคองจิ่งหนิง โดยที่จิ่งหนิงไม่ปฏิเสธเลย
ประแรกคือเธอไม่อยากอยู่ที่นี้กับคนพวกนี้แล้ว ประการที่สองคือเธอเริ่มมึนงงจนขาดสติแล้ว
เธอไม่ใช่คนคออ่อนมาก แต่เธอดื่มเหล้าแดงมากไม่ได้ เพราะแค่ดื่มจิบเดียว เธอก็เริ่มเมาแล้ว
แก้วเหล้าเมื่อกี้ของเธอมีเหล้าครึ่งแก้ว ซึ่งเหล้าแดงมีแอลกอฮอล์สูงถึงห้าสิบสอง เมื่อกี้เธอดื่มคำเดียวหมด แล้วแบบนี้ถ้าไม่เมาถึงจะแปลก
หยูซิ่วเหลียนช่วยประคองเธอเดินขึ้นชั้นสองแล้ว
ห้องเดิมของเธอเมื่อก่อนไม่มีแล้ว หยูซิ่วเหลียนเลยช่วยประคองพาเธอไปห้องรับแขก แล้วรินน้ำเปล่าให้กับเธอ
"เธอนอนพักอยู่ตรงนี้ก่อน มีอะไรก็เรียกพวกเรา"
จิ่งหนิงไม่พูดอะไร นอกจากพลิกตัวหันหลังต่อเธอ
หยูซิ่วเหลียนจ้องมองบ่าอันบางเล็กของเธอด้วยสายตาแหลมคม
แต่เธอยังคงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเหมือนเดิม
"งั้นฉันไปก่อนนะ"
จิ่งหนิงตอบ "อืม" ขึ้น
หลังจากประตูปิดลงเบาๆ หยูซิ่วเหลียนก็เดินจากไป
เธอปวดหัวรุนแรงมาก เหล้าแดงของวันนี้เหมือนรุนแรงกว่าที่เธอเคยดื่มก่อนหน้านี้มาก
เกรงว่าคืนนี้คงกลับไม่ได้แล้ว ต้องบอกกับลู่จิ่งเซินสักหน่อย เพื่อเขาจะได้ไม่เป็นห่วง
ขณะที่คิดแบบนี้เธอก็ยื่นมือคล้ำหาโทรศัพท์อย่างสะลึมสะลือ แล้วก็ส่งข้อความไป
จากนั้นเธอก็หลับตานอนด้วยความสบายใจ
ณ ห้องทานอาหารชั้นล่าง
สวี่เทียนหงนั่งอยู่บนเก้าอี้ พร้อมจ้องมองหวังเสว่เหมยด้วยสีหน้ามืดครึ้ม
"คุณนายตระกูลจิ่ง เรื่องของวันนี้คุณควรพูดอธิบายกับผมสักหน่อยไหมครับ? คุณบอกกับผมแค่ว่าจิ่งหนิงเคยมีแฟนแค่ครั้งเดียว แล้วไปมีความเกี่ยวข้องกับคุณชายลู่ได้ยังไงครับ?"
หากไม่ใช่เพราะเห็นเธอหน้าตาสวย เขาคงไม่ยอมเข้ามาเป็นมือที่สามของความสัมพันธ์อันคลุมเครือของจิ่งหนิงและลู่จิ่งเซินแน่
หวังเสว่เหมยเผยสีหน้าเก้อเขินขึ้น แล้วฝืนหัวเราะออกมา
"เออ คือเรื่องนี้ยาวมาก อันที่จริงเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดเท่านั้นเอง จิ่งหนิงเคยชอบยั่นเจ๋อมาก่อน แต่พวกเขาไม่เคยคบหากัน ที่จิ่งหนิงไปต่างประเทศเมื่อห้าปีก่อน คงเป็นเพราะแอบชอบยั่นเจ๋อ แต่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นแฟนของน้องสาว และคงไม่สามารถเป็นไปได้"
สวี่เทียนหงหัวเราะแห้งๆขึ้น
"อยู่ต่างประเทศมาห้าปี เคยมีแฟนแค่ครั้งเดียวหรอ? คุณนายตระกูลจิ่ง คุณคงไม่ได้หลอกผมใช่ไหม?"
หวังเสว่เหมยรีบพูดขึ้นว่า : "เรื่องนี้ฉันไม่มีทางหลอกคุณแน่นอน หากไม่เชื่อก็ไปตรวจด้วยตัวเองได้เลย"
เมื่อสวี่เทียนหงได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้าอย่างพอใจเล็กน้อย
"ได้ งั้นผมยอมเชื่อคุณชั่วคราว แต่ข้อตกลงต้องมีการปรับเปลี่ยนหน่อย"
หวังเสว่เหมยนิ่งอึ้งชั่วขณะ
"ปรับเปลี่ยนยังไงหรอ?"
"ผมจะไม่สนใจเรื่องของเธอกับคุณชายมู่ และไม่สนใจความสัมพันธ์ของเธอกับลู่จิ่งเซินด้วย แต่ผมต้องการตรวจสอบสินค้าคืนนี้ ถ้าหากเป็นความจริง พรุ่งนี้ผมส่งคนขับรถมารับเธอเลย แต่ถ้าไม่เป็นความจริง…..อืม! สวี่เทียนหงคนอย่างผมมีนิสัยอย่างหนึ่ง ไม่ชอบใช้ผู้หญิงที่เคยผ่านมือชายอื่นมาก่อน คุณเข้าใจความหมายของผมใช่ไหมครับ!"
หวังเสว่เหมยเผยสีหน้าโมโหแวบหนึ่งขึ้น
ถึงแม้ภายในใจไม่ชอบจิ่งหนิงหลานสาวคนนี้ แต่เธอก็เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลจิ่ง ทำแบบนี้เหมือนทำให้เธออับอายขายหน้ามาก
ต้องโทษจิ่งหนิงที่ไม่ยอมเชื่อฟังเอง!
ตอนแรกนึกว่าเธอกับลู่จิ่งเซินมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกัน เลยคิดอยากสนับสนุนเธอจับลู่จิ่งเซิน แบบนี้ตระกูลจิ่งก็จะสามารถพึ่งพาบารมีด้วย
แต่คิดไม่ถึงว่าลู่จิ่งเซินมีครอบครัวแล้ว
คู่หมั้นคู่หมายของตระกูลลู่ ไม่ต้องจินตนาการก็รู้ว่าเป็นคนที่ร่ำรวยเหมาะสมกัน
หวังเสว่เหมยไม่กล้าพนัน ด้วยนิสัยที่เย็นชาของจิ่งหนิง เธอเลยไม่มีความมั่นใจ และแทบไม่กล้าเชื่อเลยว่าลู่จิ่งเซินจริงใจต่อจิ่งหนิง
แต่คงเป็นผู้ชายคนหนึ่งทั้งหลงรักความสวยของเธอ และแอบเล่นสนุกอยู่ข้างนอกเหมือนผู้ชายทั่วๆไป
ถ้าหากถูกแม่หลวงจับได้ก็คงถูกเฉดหัวทิ้ง ถูกทอดทิ้งแน่ ถึงตอนนั้นใครจะมาสนใจความเป็นความตายของตระกูลจิ่งอีก
ถึงตอนนั้นไม่เพียงไม่สามารถไต่เต้าแล้ว แถมยังเป็นศัตรูกับคนใหญ่คนโต คงต้องถูกตามราวีจนอับจนหนทางแน่ ไม่คุ้มเลย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ใบหน้าของหวังเสว่เหมยก็มืดครึ้มขึ้น
ถึงแม้สวี่เทียนหงคนนี้เป็นคนป่าเถื่อนไม่มีมารยาท แต่เขาก็เป็นคนร่ำรวยและมีเครือข่ายกว้างขวาง
แทนที่จะคาดหวังคนที่ไม่มีโอกาสสำเร็จแถมอาจถูกเล่นงานมาคว้าโอกาสเบื้องหน้าดีกว่า
เมื่อคิดแบบนี้ หวังเสว่เหมยก็เผยสีหน้าผ่อนคลายขึ้น
เธอกัดฟัน และพูดว่า : "คะ ฉันรับปากคุณ แต่เมื่อถึงตอนนั้นคุณสวี่อย่าผิดสัญญานะคะ"
เมื่อสวี่เทียนหงได้ยินเธอรับปากแบบนี้ก็ยิ้มอย่างตื่นเต้นขึ้น
"วางใจเถอะ! คนอย่างสวี่เทียนหงไม่ใช่คนที่เชื่อถือไม่ได้ถึงขั้นนั้นหรอก ยิ่งไปกว่านั้นผมชอบคุณหนูจิ่งจริงๆ อย่างอื่นไม่ขอพูดถึง แค่ใบหน้าของเธอทำให้ผมหวั่นไหว ดังนั้นคุณนายตระกูลจิ่งไม่ต้องกังวลหรอกครับ!"
เมื่อหวังเสว่เหมยได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกสบายใจ
"งั้นผมส่งคนไปเตรียมการก่อน คุณสวี่ไปเตรียมตัวที่ห้องแขกสักหน่อย"
ขณะที่เธอพูดก็ใช้คนรับใช้พาสวี่เทียนหงไปห้องรับแขก
……
จิ่งหนิงนอนหลับไม่ลึกมาก
คนที่ดื่มเหล้าจนเมาล้วนรู้ว่า ดื่มเมาแล้วตอนเที่ยงคืนมักจะรู้สึกคอแห้ง
ในตอนนี้จิ่งหนิงก็มีอาการนี้เหมือนกัน เธอคิดอยากลุกขึ้นไปรินน้ำ แต่ปวดหัวรุนแรงมาก พยายามลุกขึ้นยังไงก็ไม่ได้สักที
เป็นดั่งที่คาดคิด เหล้าแดงเป็นดาวมฤตยูของเธอ
ขณะที่นอนพิงเตรียมตัวออกแรง ภายใต้สติที่สะลึมสะลือ กลับรู้สึกเหมือนมีคนเดินเข้ามา
หากเธอจำไม่ผิด ห้องรับแขกไม่กี่ห้องนี้ คนรับใช้ที่ชื่ออานหยุนเป็นคนดูแลรับผิดชอบ
ดังนั้นเลยพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า : "อานหยุนหรอ? ฉันอยากดื่มน้ำ"
มีน้ำเสียงอ่อนโยนหนึ่งตอบขึ้น "ได้คะ เดียวฉันรินน้ำให้กับคุณ" ผ่านไปไม่นาน น้ำอุ่นแก้วหนึ่งก็ยื่นมาที่ริมฝีปากของเธอ
อานหยุนพยุงตัวเธอพิงบนหัวเตียง และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า : "คุณหนูใหญ่ น้ำมาแล้วคะ"
จิ่งหนิงจับมือเธอ และจิบน้ำไม่กี่คำ เมื่อรู้สึกลำคอเริ่มไม่ค่อยแห้งแล้ว เธอก็ฝืนลืมตายิ้มแย้มต่อเธอ
"ขอบใจมาก"
เมื่ออานหยุนเห็นรอยยิ้มของเธอที่อยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่นก็สะดุ้งเล็กน้อย พร้อมเผยสายตาแปลกใจเล็กน้อย
แต่เธอก้มหน้าหลบสายตาของจิ่งหนิง และพูดว่า : "ไม่เป็นไรค่ะ คุณหนูใหญ่ บนร่างกายของคุณมีกลิ่นเหล้า เดียวฉันพยุงคุณไปอาบน้ำนะคะ?"
คนที่รู้จักคุ้นเคยกับจิ่งหนิงล้วนรู้ว่าเธอเป็นคนรักความสะอาด ไม่ชอบให้ร่างกายมีกลิ่นอื่น
เป็นดั่งที่คาดคิด จิ่งหนิงพยักหน้าเล็กน้อย
"อืม ขอบใจมาก"
อานหยุนพยุงตัวเธอขึ้น แล้วพาเธอไปที่ห้องน้ำ
เธอช่วยจิ่งหนิงเปิดน้ำอย่างห่วงใย แล้วพยุงตัวเธอเข้าไปในอ่างอาบน้ำ แล้วพูดว่า : "งั้นคุณอาบน้ำไปก่อนนะคะ เสร็จแล้วค่อยเรียกฉันนะคะ" จิ่งหนิงพยักหน้าเล็กน้อย
หลังจากที่อานหยุนจากไป จิ่งหนิงก็นอนพิงในอ่างอาบน้ำอย่างผ่อนคลาย และเสพสุขกับไอน้ำอุ่นๆ ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่ารูขุมขนทั่วร่างกายผ่อนคลายขึ้น
เธอไม่ได้เมาจนขั้นไม่ได้สติเลย เพียงแต่รู้สึกปวดหัวเล็กน้อย แต่ยังสามารถอาบน้ำตัวเองได้อยู่
น้ำอุ่นทำให้เธอมีสติมากขึ้น
ไม่รู้เหมือนกันว่าการแช่ร่างกายในน้ำอุ่นแบบนี้จะทำให้ร่างกายผ่อนคลายมากถึงขนาดนี้ หรือเป็นเพราะวันนี้เธอเหนื่อยล้ากับกิจกรรมทั้งวัน
เมื่ออาบถึงครึ่งทาง เธอก็รู้สึกร่างกายปวดเมื่อย และรู้สึกหนักตัวขึ้น