เมื่อเดินออกมาจากบ้านของฮั่วจิ้นซี มู่เฉี่ยนก็มองเห็นบ้านของหลินซู่ที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้มากนัก
ในหมู่บ้านเดียวกัน วิลล่าทุกหลังก็จะถูกออกแบให้เป็นสไตล์เดียวกันหมด เพียงแต่ตัวบ้านแต่ละหลังจะมีลักษณะเฉพาะที่พอให้เห็นถึงความแตกต่างอยู่บ้าง วิลล่าของหลินซู่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของวิลล่าที่ฮั่วจิ้นซีอยู่ โดยมีระยะทางห่างจากกันไม่ถึง 50 เมตร
มู่เฉี่ยนเดินไปกับหลินซู่โดยไม่พูดอะไรซักคำ ทำให้หลินซู่อดแปลกใจไม่ได้ “เป็นอะไรไปเหรอ?”
มู่เฉี่ยนถอนหายใจออกมา “ไม่มีอะไรค่ะ ก็แค่รู้สึกว่ามันบังเอิญไปหน่อย บังเอิญจนฉันรู้สึกเฟลไปนิดนึงน่ะค่ะ”
หลินซู่ได้ยินดังนั้น ก็หัวเราะออกมา “จริงด้วย”
ในขณะที่กำลังคุยกันอยู่นั้น ทั้งคู่ก็เดินมาถึงหน้าวิลล่าของหลินซู่พอดี หลินซู่หยุดเดินแล้วพูดกับเธอว่า “รอตรงนี้นะ เดี๋ยวฉันเข้าไปเอารถออกมาก่อน”
มู่เฉี่ยนเงยหน้ามองประตูบ้านที่ปิดไว้แน่น แล้วหัวเราะออกมา “นี่ฉันก็มาถึงบ้านของคุณหลินแล้ว จะไม่ชวนฉันเข้าไปดื่มกาแฟซักแก้วเลยเหรอคะ?”
หลินซู่ยกมือขึ้นขยับแว่นตา ก่อนจะหัวเราะเบาะ ๆ “ฉันกลัวว่ามันจะทำให้เธอเสียหายน่ะ ถ้าเธอไม่รังเกียจ เราเข้าไปนั่งข้างในกันก่อนก็ได้”
พูดจบ เขาก็หันไปทำท่าจะเปิดประตู มู่เฉี่ยนเห็นดังนั้น จึงยื่นแขนออกไปรั้งเขาไว้ก่อน “ฉันพูดเล่นน่ะค่ะ ชุดที่ฉันสวมอยู่นี่ก็รัดรูปเกินไป ไม่เหมาะที่จะเข้าไปเยี่ยมชมบ้านคุณหลินตอนนี้หรอก คุณหลินพาฉันไปส่งบ้านเลยดีกว่าค่ะ”
หลังจากนั้นหลินซู่ก็ขับรถพามู่เฉี่ยนออกมา
ในระหว่างที่รถแล่นผ่านหน้าบ้านของฮั่วจิ้นซี มู่เฉี่ยนก็หันหน้าไปมองโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วก็เห็นว่า ฮั่วฉีหรานยืนอยู่ที่ระเบียงชั้น 2 ของบ้าน
เด็กชายเอาคางตั้งบนขอบระเบียง และดูเหมือนว่าเขาจะมองมาที่รถของหลินซู่ที่กำลังแล่นผ่านมา
ด้วยความที่รถแล่นไปค่อนข้างเร็ว มู่เฉี่ยนจึงถอนสายตาออกและไม่ได้สนใจอะไรอีก
“คุณรู้จักฮั่วจิ้นซีเหรอ?” จู่ ๆ หลินซู่ก็ถามขึ้นมา
มู่เฉี่ยนหัวเราะก่อนจะตอบกลับว่า “ถือว่ารู้จักกันแล้วล่ะค่ะ ไม่อย่างนั้นเมื่อคืนเขาอาจจะโยนฉันลงมาจากรถหรูของเขาแล้วก็ได้”
“ผมก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพาคุณกลับมา แถมยังให้คุณพักอยู่ในบ้านของเขาเองทั้งคืนอีกด้วย” หลินซู่กล่าว
มู่เฉี่ยนได้ยินดังนั้น สายตาของเธอก็กลอกไปทางอื่น ก่อนจะพูดขึ้นต่อว่า “อันที่จริงแล้ว ตอนที่ฉันยังเด็ก ฉันเคยอาศัยอยู่ที่บ้านของตระกูลฮั่วมาก่อนค่ะ แต่ถ้าถามว่าฉันกับตระกูลฮั่วมีความสัมพันธ์ยังไงกัน ก็ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าไม่มีค่ะ ฉันเพียงแค่อาศัยอยู่ที่นั่นจนฉันอายุได้ 18 ปี……”
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ?”
“หลังจากนั้น…” มู่เฉี่ยนเงยหน้ามองไปข้างหน้า ก่อนจะพูดต่อว่า “จู่ ๆ แม่บังเกิดเกล้าที่ไม่เคยสนใจใยดี ก็เกิดรู้จักผิดชอบชั่วดีขึ้นมา เธอเลยมารับฉันไปอยู่ด้วยกันที่ต่างประเทศน่ะค่ะ”
แล้วรถก็จอดลงตรงสี่แยกไฟแดงพอดี หลินซู่จึงหันหน้ามาหามู่เฉี่ยน “แล้วตอนเด็ก ๆ ที่คุณอยู่บ้านตระกูลฮั่ว คุณไม่มีความสุขเลยเหรอ?”
“มีความสุขได้ด้วยเหรอคะ?” มู่เฉี่ยนหันไปสบตาหลินซู่ ก่อนจะพูดต่อ “ฉันเล่าอะไรได้ไม่เต็มปากขนาดนี้…คุณคิดว่าจะมีคนตระกูลฮั่วซักกี่คนที่จะชอบฉันล่ะคะ?”
หลินซู่ได้ยินดังนั้น เขาก็มองหน้าเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยนและปลอบใจเธอผ่านสายตาคู่นั้น
แล้วมู่เฉี่ยนก็หัวเราะออกมา ก่อนจะพูดว่า “แต่เรื่องทั้งหมดมันกลายเป็นอดีตไปแล้วล่ะค่ะ โชคดีที่ตอนฉันยังอยู่ที่บ้านของฮั่วจิ้นซี ตัวฉันเองยังสามารถควบคุมอารมณ์ไว้ได้อยู่บ้าง ไม่อย่างนั้น คุณคงจะไม่ได้เห็นฉันในสภาพนี้แล้วล่ะค่ะ”
เมื่อไฟสีแดงเปลี่ยนเป็นสีเขียว หลินซู่ก็ออกรถไปอย่างนิ่ม ๆ แล้วจ้องมองไปยังทางข้างหน้า แล้วพูดขึ้นเบา ๆ ว่า “แค่ตอนนี้คุณมีความสุข ก็ดีมากแล้วล่ะ”
มู่เฉี่ยนได้ยินดังนั้นก็เอนกายพิงเบาะ พร้อมกับยิ้มและกลอกตามองวิวข้างทางด้วยสีหน้าที่เป็นอิสระ
……
มู่เฉี่ยนโบกมือลาหลินซู่ ก่อนจะเดินเข้าบ้านไปอาบน้ำ แล้วทันใดนั้นเสียงกริ่งหน้าประตูก็ดังขึ้น
เมื่อเปิดประตูออกดู ก็พบว่าเยี่ยซียืนอยู่หน้าประตู และด้วยความที่เธอเห็นมู่เฉี่ยนกลับมาโดยสวัสดิภาพ เธอก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจทันที
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ?” เยี่ยซีถามคำนึงก่อนจะเดินเข้ามาข้างใน แล้วก็ถามต่อว่า “เมื่อคืนเธอหายไปไหน? โทรไปก็ไม่รับ เธอทำฉันเครียดแทบตาย!”
มู่เฉี่ยนที่นั่งเช็ดผมอยู่บนโซฟา ตอบกลับมาว่า “ฉันก็กลับมาครบ 32 แล้วไม่ใช่เหรอ? ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่ตายง่าย ๆ หรอกน่ะ”
“งั้น เมื่อคืนนี้เธอก็อยู่กับหลินซู่ทั้งคืน?” เยี่ยซีถามต่อ
“เปล่า” มู่เฉี่ยนเช็ดผมช้าลง ก่อนจะตอบกลับมาว่า “เมื่อคืนฉันค้างที่บ้านของฮั่วจิ้นซี”
สีหน้าของเยี่ยซีเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินชื่อของ “ฮั่วจิ้นซี” เธอจ้องไปที่มู่เฉี่ยนเหมือนกับว่าเธอไม่เชื่อหูตัวเอง “ฮั่ว…ฮั่วจิ้นซี?”
มู่เฉี่ยนมองไปที่เพื่อนรัก แล้วเธอก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
“นี่…นี่เธอล้อฉันเล่นใช่รึเปล่า?” เยี่ยซีมองหน้ามู่เฉี่ยนด้วยสีหน้าหวาดหวั่น
มู่เฉี่ยนเลิกคิ้วขึ้นอย่างใจเย็น “ฉันพูดจริง เมื่อคืนฉันดื่มจนเมามาก ก็เลยขอให้หลินซู่มารับ แล้วตอนนั้นฉันก็เมามาก เลยไม่รู้ว่าขึ้นรถคันผิด แถมยังเป็นรถของฮั่วจิ้นซีอีกต่างหาก”
เยี่ยซีตกใจจนอ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออก จนเธอหายตกใจแล้วถึงจะพูดออกมาได้ต่อว่า “แต่…ไม่มีอะไรมากกว่านั้นใช่มั้ย?”
มู่เฉี่ยนถอนหายใจออกมา
“ไม่มี ก็แค่ตกใจนิดหน่อยที่ได้เจอกับลูกชายของฮั่วจิ้นซี”
“เธอว่ายังไงนะ?” เยี่ยซีมองหน้ามู่เฉี่ยนด้วยความสงสัย “ลูกชายของใคร?”
“ก็ฮั่วจิ้นซีไงล่ะ” มู่เฉี่ยนเหลือบมองเยี่ยซีไปทีนึง “เธอก็เป็นคนมีฐานะพอ ๆ กับเขานั่นแหละ ไม่รู้เลยเหรอว่าเขามีลูกชายแล้วตั้งคนนึงน่ะ?”
เยี่ยซีเป็นเพื่อนสมัยเรียนอยู่ชั้นประถมของมู่เฉี่ยน เธอทั้งสองคนเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ และถึงแม้ว่าตระกูลเยี่ยจะไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังอะไร แต่ก็ถือว่าเป็นตระกูลที่ร่ำรวยตระกูลหนึ่งในเมืองถง ปกติแล้วเยี่ยซีจะเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยสุงสิงอะไรกับใครมาก แต่เธอเป็นถึงทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลเยี่ยเชียว เธอสองคนสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็กจนโต จนกระทั่งมู่เฉี่ยนต้องย้ายไปอยู่ที่อเมริกา แต่เยี่ยซีก็ยังคงอยู่ข้างกายเพื่อนรักของเธอและก้าวผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมายในชีวิตด้วยกันมาตลอด
“ฉัน……” เยี่ยซีรู้สึกสับสนขึ้นมาเล็กน้อย “ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยนะ! อยู่ดี ๆ ฮั่วจิ้นซีจะมีลูกชายได้ยังไง? ไม่เคยมีข่าวลือเรื่องแบบนี้ด้วย!”
“งั้นก็แสดงว่า คนของตระกูลฮั่วปกปิดเรื่องของเด็กชายคนนี้ไว้ได้เป็นอย่างดีโดยไม่มีข่าวฉาวอะไรเล็ดลอดออกมาเลยซักนิด” แล้วมู่เฉี่ยนก็ตอบกลับทันทีว่า “แหงล่ะ เป็นไปได้ด้วยว่าปูมหลังของเด็กคนนั้นอาจจะไม่ค่อยดี”
“แล้วแม่ของเด็กคนนั้นคือใคร?” เยี่ยซีถามขึ้น แล้วขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม “หรือว่าจะเป็น เยี่ยจิ้งเวย?”
มู่เฉี่ยนหันมามองเพื่อนรักด้วยสีหน้าจนปัญญา “นังเยี่ย ทำไมวันนี้เธอเอ๋อได้ขนาดนี้เนี่ย?”
เยี่ยจิ้งเวย แฟนสาวที่ฮั่วจิ้นซีพาเข้ามาที่บ้านของตระกูลฮั่วเมื่อ 7 ปีก่อน แล้วเธอก็ตกจากระเบียงบ้านตระกูลฮั่วในวันเดียวกันนั้น เธอบาดเจ็บสาหัสจนนอนหลับไม่ได้สติ และเป็นเจ้าหญิงนิทรามาจนถึงทุกวันนี้
“จริงด้วย ไม่น่าจะใช่เธอ……” เยี่ยซีพึมพำอยู่คนเดียว ด้วยสีหน้ามึนงง ก่อนที่เธอจะตัดบทไม่อยากพูดเรื่องนี้ต่อ “เดี๋ยวก่อน แม่ของเด็กคนนั้นจะเป็นใครมันไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา! เลิกพูดเรื่องนี้เลย!”
ทันใดนั้นมู่เฉี่ยนก็หัวเราะขึ้นมา “ก็ฉันอยากรู้นี่นา”
“เฉียนเฉี่ยน!” เยี่ยซีจ้องไปที่มู่เฉี่ยนก่อนจะพูดต่อว่า “นี่เธออย่าบอกนะ ว่าเธอยังตัดใจจากฮั่วจิ้นซีไม่ได้?”
“ไม่ใช่ซะหน่อย” มู่เฉี่ยนตอบกลับไปในขณะที่กำลังลูบไล้โลชั่นที่ขาทั้งสองข้างไปด้วย “ฉันก็แค่อยากรู้ว่า ต้องเป็นผู้หญิงแบบไหนกัน ถึงจะเข้าตาฮั่วจิ้นซีได้?”
เยี่ยซีได้ยินดังนั้น แววตาของเธอก็แสดงออกถึงความวิตกขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด “แต่เธอก็ยังสนใจว่าเข้าจะชอบผู้หญิงแบบไหนนี่ไง!”
“เพราะว่าวันนี้ฉันแสร้งทำเป็นให้ท่าเขา เขาก็ยังเฉยชาใส่ฉันอีกเหมือนเดิม” มู่เฉี่ยนหัวเราะ แล้วพูดต่อ “ 7 ปีก่อนฉันไม่เคยได้อยู่ในสายตาของเขาเลย แต่นี่ผ่านมาอีก 7 ปี เขาก็ยังไม่สนใจฉันอีก…… ฉันรู้สึกหงุดหงิดจริง ๆ นะ!”
เยี่ยซียื่นมือไปผลักหัวมู่เฉี่ยนถี่ ๆ แบบเบา ๆ แล้วพูดว่า “ผู้ชายทั้งเมืองถงแทบจะต้องหมอบกราบ สยบแทบเท้าเธออยุ่แล้ว เธอยังจะไปสนใจฮั่วจิ้นซีอีกทำไม?”
“ถ้าผู้ชายหลายคนหลงใหลในตัวฉันได้ แล้วทำไมฮั่วจิ้นซีถึงไม่หลงใหลในตัวฉันบ้างล่ะ?”
เยี่ยซีฟังจนหมดความอดทน “มู่เฉี่ยน!”
“พอแล้ว ๆ ๆ !” มู่เฉี่ยนมองหน้าเพื่อนรักของเธอก่อนจะหัวเราะออกมา “ฉันหยอกเล่นน่ะ ผ่านมาตั้ง 7 ปีแล้ว เธอคิดว่าฉันจะยอมกลับไปอยู่ในกำมือเขาอีกเหรอ?”
เยี่ยซีฟังพลางจ้องหน้าเพื่อนรักของเธอไปด้วย
แล้วมู่เฉี่ยนก็เลิกสนใจเรื่องที่พูดกันอยู่นี้ ก่อนจะควานหาของที่อยู่ในกระเป๋าของเธอ
แต่ดูท่ามู่เฉี่ยนจะหายังไงก็หาไม่เจอซักที จนเยี่ยซีอดถามขึ้นมาไม่ได้ “หาอะไรอยู่น่ะ?”
มู่เฉี่ยนเงยหน้าขึ้นมองหน้ากับเยี่ยซี ก่อนจะพูดว่า “เครื่องอัดเทปของฉันมันหายไปแล้วน่ะสิ”
MANGA DISCUSSION