ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 788 ของล้ำค่าอะไร + ตอนที่ 789 ของชำรุดทรุดโทรม
ตอนที่ 788 ของล้ำค่าอะไร
เหยียนหมิงซุ่นกลับไม่ได้หัวเราะออกมา เขารู้แล้วว่าใครคือพี่เฉิง เขาหันไปมองทางผู้ชายคนหนึ่งที่อายุเยอะที่สุดในนั้น ผู้ชายคนนี้อายุน่าจะประมาณสี่สิบกว่าปี ร่างกายซูบผอม หน้าขาวไร้หนวดเครา หน้าตาหล่อเหลา ดูภูมิฐาน นับได้ว่าหน้าตาชวนมองมากที่สุดในกลุ่มผู้ชายกลุ่มนี้เลย
ผู้ชายที่ไม่ได้ส่งเสียงมาโดยตลอด มุมปากค่อย ๆกระตุกรอยยิ้มเรียบง่ายออกมา เหยียนหมิงซุ่นเดินเข้าไปใกล้อีกหลายก้าว หันไปพูดกับเขาว่า “ลุงเฉิง ลุงหมิงไหว้วานให้ผมเอาของมาให้คุณ แล้วให้ผมบอกคุณอีกด้วยว่าสุขสันต์วันเกิด!”
ผู้ชายซูบผอมคนนั้นเงยหน้าขึ้นมองในทันที สายตาที่อ่อนโยนเปลี่ยนเป็นดุดัน น้ำเสียงดุดันตวาดถามด้วยเสียงดัง “เฉินหมิงเป็นอะไรกับนาย?”
เหยียนหมิงซุ่นกลับไม่รู้สึกกลัว พูดอย่างสงบนิ่งว่า “เป็นอาจารย์ที่คอยชี้แนะของผม”
จู่ ๆพี่เฉิงก็หัวเราะออกมา เปลี่ยนกลับไปอ่อนโยนอีกครั้ง ความดุดันเมื่อกี้เหมือนกับเป็นแค่เพียงภาพลวงตา เขามองเหยียนหมิงซุ่นดวงตานิ่งสงบ เหมือนกับว่าลุงหมิงที่เหยียนหมิงซุ่นพูดถึง จะเป็นแค่เพียงคนแปลกหน้าสำหรับเขาก็เท่านั้นเอง
“เอาของมาสิ”
เหยียนหมิงซุ่นเดินเข้าไปหา หยิบกระเป๋าผ้าสีแดงออกมาจากกระเป๋าเป้ ตอนนี้เขายังไม่ค่อยเข้าใจถึงความสัมพันธ์ของลุงหมิงและพี่เฉิงที่อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะมาลุงหมิงก็บอกแค่ให้เขามาหาพี่เฉิง เอาของมอบให้พี่เฉิง แล้วบอกว่าเป็นของขวัญวันเกิด
เขานึกว่าลุงหมิงกับพี่เฉิงน่าจะเป็นเพื่อนกัน แต่ตอนนี้ดูท่าทางของพี่เฉิงแล้ว กลับเหมือนกับคู่อริเสียกว่า
เหยียนหมิงซุ่นเกิดความระแวงตื่นตัว แอบพิจารณาภาพรวมของห้องนี้ หาเส้นทางเอาชีวิตรอดก่อน พี่เฉิงมองออกถึงความคิดของเหยียนหมิงซุ่นอย่างทะลุปรุโปร่ง ก็แอบขำในใจ แล้วก็มีความชื่นชมขึ้นมา เจ้าหนุ่มนี้มีนิสัยตื่นตัวระแวดระวังสูงมาก สายตาของเฉินหมิงถือว่าใช้ได้
พี่เฉิงรับเอากระเป๋าผ้าสีแดงไป กระเป๋าผ้าสี่เหลี่ยมไม่ใหญ่นัก มีขนาดเท่ากับฝ่ามือของเด็กน้อย พี่เฉิงเปิดกระเป๋าผ้า ข้างในมีกล่องเล็กๆ สีดำขลับ บนฝามีการแกะสลักลวดลายโบราณ มองดูแล้วน่าจะหลายชั่วอายุคนแล้ว
ในสายตาที่ปิดบังอารมณ์ของชายวัยกลางคนมีความประหลาดใจแล่นผ่านออกมา หัวเราะพูดว่า “กล่องใบนี้ไม่เลว เลย มองดูแล้วเหมือนจะเป็นไม้สีดำ”
พี่เฉิงยิ้มบางแล้วพูดว่า “คุณชายปินสายตาหลักแหลมดี แต่ไม่ใช่ไม้ดำธรรมดานะ”
ผู้ชายที่โดนเรียกคุณชายปินสายตาเปล่งประกาย ดูท่าทางแล้วเขาก็มีความสนใจในกล่องใบเล็กนี้พอสมควร พี่เฉิงความคิดเฉียบแหลมพูดยิ้ม ๆกับเขาว่า “กล่องใบนี้เล็กเกินไป ไม่คู่ควรกับฐานะของคุณชายปิน ถ้าหากคุณชายปินไม่รังเกียจ ตรงนั้นฉันมีกล่องไม้ดำใส่เครื่องสำอางแกะสลักขอมอบให้คุณชายปินเอาไปชมเล่น”
คุณชายปินจงใจพูดขึ้นว่า “อย่างนั้นก็รู้สึกเกรงใจมากไปหน่อย ไหนเลยที่ฉันจะยึดเอาของรักของอาเฉิงไปได้ล่ะ!”
ถึงแม้ว่าปากของเขาจะพูดแบบนี้ แต่ความโลภในตากลับเปิดเผยออกมาจนเกลี้ยง ในตาของพี่เฉิงมีความเหยียดหยามแล่นผ่านออกมาแวบหนึ่ง พูดอย่างไม่แยแสว่า “ก็แค่กล่องไม้ดำใส่เครื่องสำอางอันหนึ่งเท่านั้นเอง สามารถเข้าตาคุณชายปินได้ ก็เป็นโชคของมัน”
พูดจบพี่เฉิงก็ตบมือสองที เสียงตบมือสิ้นสุดลงก็มีผู้ชายสูงใหญ่คนหนึ่งเข้ามา สีหน้าท่าทางเคารพนบน้อม พี่เฉิงสั่งการว่า “ไปห้องฉันเอากล่องไม้ดำใส่เครื่องสำอางนั้นมา”
ผู้ชายสูงใหญ่รับคำสั่งแล้วจากไป คุณชายปินที่ได้รับของล้ำค่าก็อารมณ์ดีขึ้นมาไม่น้อย ยิ้มตาหยีพูดกับพี่เฉิงว่า “ฉันก็จะไม่ทำให้ของดี ๆของนายต้องเสียเปล่า ครั้งที่แล้วที่นายขอให้ฉันเห็นด้วยกับขอเสนอ พรุ่งนี้ก็จะเอาให้มาให้ ส่วนค่าตอบแทนครั้งนี้ใหญ่พอสมควร”
พี่เฉิงพูดในทันทีว่า “กล่องใส่เครื่องสำอางนี้ผมให้เพราะความเคารพนับถือคุณชายปินต่างหาก คนละเรื่องกับการขอให้เห็นด้วยกับขอเสนอ ถึงเวลานั้นผมค่อยมอบของให้กับคุณชายทุกท่าน คุณชายทุกท่านกินเนื้อ ผมขอแค่เพียงดื่มน้ำแกงนิดหน่อยก็พอแล้ว”
คุณชายปินหรือผู้ชายคนอื่น ๆต่างก็หัวเราะอย่างลำพองใจ พอใจกับการรู้จักเอาตัวรอดของพี่เฉิงเป็นอย่างมาก พวกเขาต่างพากันดีอกดีใจเพราะกำลังจะได้รับเงินก้อนใหญ่กันแล้ว
คุณชายปินสนใจของในกล่องไม้ดำเป็นอย่างมาก จึงพูดเร่งขึ้นมาว่า “นายอย่ามายั่วพวกเราอยู่แบบนี้เลย รีบเปิดกล่องนี้เถอะ ดูว่าของข้างในคือของล้ำค่าอะไร”
………………………………………
ตอนที่ 789 ของชำรุดทรุดโทรม
พี่เฉิงยิ้มเบา ๆนิ้วมือที่เรียวยาวและขาวสะอาดกดเบา ๆก็มีเสียงเปิดฝาลอยดังขึ้นมา บนผ้าที่มีขนปุยสีแดงมีเงินโบราณทั้งเก่าและชำรุดอยู่หนึ่งเหรียญ ซากวัตถุโบราณที่เป็นด่าง ๆ อีกทั้งด้านบนยังมีรูโหว่ ไม่เหมาะสมคู่ควรกับกล่องอันสูงส่งเลยสักนิด
คุณชายปินตกตะลึงพรึงเพริด เหมือนกับว่าคาดไม่ถึงว่าในกล่องจะมีของผุพังขนาดนี้
“เพื่อนของพี่นี่เขากำลังทำอะไรน่ะ ส่งเหรียญกษาปณ์ที่ผุพังมาให้จากแดนไกลงั้นเหรอ” ผู้ชายวัยรุ่นคนหนึ่งพูดหยอกล้อ
คนอื่น ๆก็ร่วมหัวเราะเสียงดังไปด้วย แต่คุณชายปินกลับไม่หัวเราะ สายตาวาววับจ้องมองเงินเก่า ๆที่อยู่ในกล่อง ส่งสายตาเป็นประกายออกมา เขาเข้ามาใกล้อีกสักหน่อย อยากจะเห็นให้ชัดกว่านี้
ในขณะเดียวกันพี่เฉิงก็หยิบเหรียญเก่า ๆขึ้นมา เอาอิงแสงแล้วพินิจพิเคราะห์ คุณชายปินเห็นตัวหนังสือบนเหรียญอย่างชัดเจน สีหน้าก็เปลี่ยน ถามอย่างตกตะลึงว่า “นี่คือเหรียญชนิดแรกของราชวงศ์ถังใช่ไหม?”
พี่เฉิงพยักหน้ายิ้ม ๆ “ปินเส่าสายตาเฉียบแหลมมาก นี่คือเหรียญชนิดแรกของราชวงศ์ถังจริง ๆ เพื่อนฉันคนนี่รู้ใจจริง ๆ รู้ว่าฉันกำลังขาดอยู่ก็ให้คนเอามาส่งให้ ความปรารถนาของฉันก็ถือว่าสมหวังแล้ว”
คุณชายปินกลืนคำพูดที่ว่าอยากได้ลงไป ผู้อื่นมีน้ำใจเอามาให้ เขาอย่าเปิดปากพูดจะดีกว่า เพียงแต่ว่าในใจกลับคันยุบยิบจนทนไม่ไหว เหรียญชนิดแรกของราชวงศ์ถังเป็นของล้ำค่าที่มีเงินก็ซื้อไม่ได้!
พี่เฉิงเห็นความโลภบนใบหน้าของปินเส่าอย่างชัดเจน หัวเราะเยาะในใจ ใจคนโลภไม่มีที่สิ้นสุดก็เหมือนงูที่อยากจะกินช้างทั้งตัว ถือเอาตัวเองเป็นสิ่งใดไปแล้ว!
ถ้าหากไม่ใช่ว่าคุณหนูใหญ่เฝิงกำชับมาเป็นพิเศษ เขาไม่มีทางเกรงใจขนาดนี้แน่นอน แม้กระทั่งกล่องไม้ดำใส่เครื่องสำอางยังต้องมอบให้อย่างจำใจ ก็แค่คุณชายเสเพลของวงศ์ตระกูลที่กำลังตกต่ำไม่ใช่หรือไง โชคดีที่ในมือยังมีอำนาจอยู่บ้าง ไม่อย่างนั้นเจ้าสารเลวนี่เขาก็ไม่อยากแลเสียด้วยซ้ำ!
ในกล่องยังมีจดหมายอยู่หนึ่งฉบับ พับเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส พี่เฉิงคลี่จดหมายออก กระดาษหนึ่งแผ่นใหญ่เท่าฝ่ามือ มีแค่คำไม่กี่คำ พี่เฉิงแค่กวาดตามองครู่เดียวก็อ่านจบแล้ว เขาเก็บจดหมายกลับอย่างรวดเร็ว พิจารณาเหยียนหมิงซุ่นที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างระมัดระวัง
เฉินหมิงเอาใจใส่ลูกศิษย์คนนี้จริง ๆ!
“ของก็ส่งถึงแล้ว นายก็ไปได้แล้ว” พี่เฉิงพูดอย่างไม่ใส่ใจ
เหยียนหมิงซุ่นตกตะลึง คาดไม่ถึงว่าพี่เฉิงจะไม่ถามถึงลุงหมิงบ้างเลย เขาหันไปมองคนข้างกายพี่เฉิงแวบหนึ่ง คิดว่าตอนนี้คงจะไม่สะดวกที่จะถาม จึงพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นผมไปก่อนนะครับ”
เพิ่งจะเดินถึงหน้าประตู อยู่ดี ๆคุณชายปินก็เรียกให้เขาหยุด “เดี๋ยวก่อน เจ้าหนุ่มน้อยมาจากทางใต้ใช่ไหม?”
เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้า คุณชายปินก็ถามอีก “ที่ไหนของทางใต้?”
“เมืองจิน” เหยียนหมิงซุ่นไม่ปิดบัง
บนใบหน้าของคุณชายปินเต็มไปด้วยความครุ่นคิด ถามพี่เฉิงว่า “เฉินหมิง อาจารย์ของเจ้าหนุ่มนี่ใช่เฉินหมิงคนนั้นหรือเปล่า?”
พี่เฉิงพยักหน้าบอกว่าใช่ คุณชายปินมองพี่เฉิงแล้วถามอย่างยิ้มเยาะว่า “นายกับเฉินหมิงยังติดต่อกันอยู่? ปิดบังได้แยบยลเสียจริง”
พี่เฉิงสีหน้าสุขุม พูดเบา ๆกลับไปว่า “อย่างไรเสียก็เป็นพี่น้องที่เคยผ่านความยากลำบากด้วยกัน ฉันกำลังคิดอยากจะติดต่อเขา แต่หมอนั้นกลับซ่อนตัวอย่างมิดชิด หกปีไม่เคยมาหาฉันเลยสักครั้ง ครั้งนี้คาดไม่ถึงว่าจะส่งคนเอาของขวัญวันเกิดมาให้ ช่างทำให้ฉันประหลาดใจจริง ๆ!”
เขาชำเลืองมองไปที่คุณชายปินแล้วพูดว่า “อย่างว่ากันเลยนะฉันขอพูดสักประโยค ไม่ใช่ว่าแค้นจนเอาเป็นเอาตายอะไรกันสักหน่อย ผู้ใหญ่อย่างคุณชายปินลองวิเคราะห์ดูก็น่าจะวางความแค้นนี้ลงได้แล้วใช่ไหม?”
คุณชายปินมองพี่เฉิงอยู่ครู่หนึ่งด้วยใบหน้าที่กำลังครุ่นคิด ครู่ใหญ่ทีเดียวกว่าจะยิ้มขึ้นมาแล้วพูดว่า “พูดได้มีเหตุผล มิน่าล่ะที่ทุกคนเขาพูดกันว่าคุณเป็นคนมีน้ำใจ รักษาน้ำใจต่อมิตรสหายด้วยความชอบธรรม เรื่องนี้ก็เอาตามนี้แล้วกัน อีกทั้งหมอนี่ก็รักษาคำพูด พูดว่าไม่มาก็ไม่มาจริง ๆ”
เขาหันมาทางเหยียนหมิงซุ่นถามอีกครั้งว่า “อาจารย์ของนายตอนนี้ทำอะไรล่ะ?”
………………………………..