ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 670 เห็นผู้หญิงดีกว่าน้อง (สาว) + บทที่ 671 เพื่อนใหม่แสนสวย
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 670 เห็นผู้หญิงดีกว่าน้อง (สาว) + บทที่ 671 เพื่อนใหม่แสนสวย
บทที่ 670 เห็นผู้หญิงดีกว่าน้อง (สาว)
เหมยเหมยมุ่ยปากใส่เขา เธอหมดคำพูดกับพี่สามแล้วจริงๆ ทั้งๆที่เขาดูเหมือนจะเป็นคนที่พึ่งพาได้ที่สุดในบรรดาพี่ชายทุกคน แต่ในความเป็นจริงเขากลับเป็นคนที่พึ่งพาไม่ได้ที่สุด
ใจเสาะดั่งไก่อ่อนที่ไม่เอาไหนและโลภมาก คงต้องพรรณนาเสริมเข้าไปว่า เห็นผู้หญิงดีกว่าน้อง(สาว)
เหมยเหมยเหลือบมองพี่สาวคนสวยเพียงแวบหนึ่งและหนุ่มน้อยหน้าสวย รูปร่างหน้าตาค่อนข้างคล้ายคลึงกัน เพียงแต่แตกต่างกันเพียงเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ผมยาวปลิวสยาย อ่อนโยนดูมีสง่าราศี ช่างเป็นดั่งหญิงบริสุทธิ์และงดงามอย่างหาที่เปรียบเปรยไม่ได้ ไม่แปลกที่พี่สามของเธอจะจับจ้องไม่วางตา !
มองข้ามน้องสาวอย่างเธอที่นั่งอยู่ตรงนี้ไปแล้วพูดคุยกับสาวสวย !
จ้าวเสวียเอร่อตื่นเต้นจนน้ำตาแทบไหลพราก พลาดบทละครฉากกอดกับน้องดาวมหาลัยคนสวยไป ทำให้เขานึกเสียดายไปตลอดสองค่ำคืนเต็ม
นึกไม่ถึงว่าคืนนี้จะบังเอิญได้พอดิบพอดีขนาดนี้ ดูเหมือนว่าน้องสาวตนจะไม่ได้นำมาแต่ความวุ่นวายเพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถนำมาซึ่งดาวมหาลัย !
เหลือบมองหนุ่มสาวทั้งคู่ที่ลืมเธอไปเสียสนิท เหมยเหมยจึงลอบถอนหายใจ ช่างน่าเบื่อยิ่งนัก เธอหยิบเอาเนื้อแห้งออกมาจากกระเป๋าหนึ่งถุง ฉีกเป็นชิ้นเล็กๆเพื่อป้อนให้ฉาฉากิน ที่เหลือตัวเองก็นั่งกินไปพลาง
หากพาฉิวฉิวมาด้วยจะเป็นที่จับตามองของทุกคนเกินไป เหมยเหมยจึงพามาแค่เสี่ยวฉาฉา มันขดอยู่บนข้อมือราวกับกำไลมรกต เมื่อถูกบดบังด้วยแขนเสื้อ ก็ทำให้มองไม่เห็น
หนุ่มน้อยข้างๆมีท่าทีที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอเห็นว่าแขนเสื้อด้านในของเด็กผู้หญิงคนข้างๆขยับเขยื้อน อีกทั้งเด็กสาวยังยื่นเนื้อเข้าไปในแขนเสื้อ เธอกำลังทำอะไร ?
“เธออยากกินเนื้อแห้งไหม ?”
เหมยเหมยเคี้ยวไปได้ครู่หนึ่งจึงคิดว่ากินอยู่คนเดียวคงไม่ดีนัก ถึงอย่างไรพี่สาวคนสวยก็เป็นคนรู้จักของพี่ชายเธอ และไม่แน่ว่าพวกเขาอาจมีความสัมพันธ์ที่มากกว่าคำว่าเพื่อน
พอพูดถึงตรงจุดนี้ ไม่แน่ว่าในอนาคตเธอกับคนสวยคนนี้อาจจะกลายเป็นครอบครัวเดียวกัน !
หนุ่มน้อยปรายมองเหมยเหมย เธอมีดวงตาที่โต อีกทั้งรูม่านตาเป็นสีเหลืองอำพัน งดงามเสียยิ่งกว่าอำพัน เกรดพรีเมี่ยมเสียอีก
และนั่นเป็นจังหวะที่เหมยเหมยได้เห็นใบหน้าของหนุ่มน้อยชัดเจน เบ้าตาดูลึก ผิวพรรณขาวผ่อง นึกไม่ถึงว่าเป็นลูกครึ่ง ไม่แปลกเลยที่หน้าตาและสรีระของเธอจะดูมีมิติมากถึงเพียงนี้
เพียงแต่กรรมพันธุ์ชาวต่างชาติของเขาไม่เด่นชัดนัก หากไม่สังเกตให้ดีก็คงจะมองไม่ออก
“คุณอยากกินเนื้อวัวอบแห้งไหม ? อร่อยนะคะ” เหมยเหมยยกชูเนื้อวัวอบแห้งในมือ
หนุ่มน้อยเกิดลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า ยื่นมืออันเรียวขาวไปหยิบเนื้อวัวอบแห้งในถุง จากนั้นส่งเข้าปากกัดกินคำเล็กๆทีละคำ
“อร่อยใช่ไหมคะ ฉันยังมีอีกเยอะเลย คุณกินหมดแล้วมาหยิบอีกได้ ไม่ต้องเกรงใจนะคะ !”
เหมยเหมยวางถุงเนื้อวัวอบแห้งลงบนที่วางแขน ยิ้มตาหยีมองคนสวย มองคนสวยมองยังไงก็ทำให้รู้สึกสบายตาสบายใจ !
“ขอบใจจ้ะ” คนสวยพูดขึ้นเสียงเบา น้ำเสียงของเธอช่างน่าฟัง เสมือนเสียงปะทะบนเครื่องลายคราม ใสกังวานแต่ไม่ได้หวานเยิ้มราวกับนางฟ้า
“ที่แท้คุณก็เป็นผู้หญิงนี่เอง ฉันคิดว่าคุณเป็นผู้ชายเสียอีก ฮ่าๆ ฉันชื่อจ้าวเหมย คุณชื่ออะไรคะ ?”
เหมยเหมยที่ได้ยินน้ำเสียงจึงรู้ได้ทันทีว่าคนสวยคนนี้เป็นผู้หญิง น้ำเสียงของผู้ชายไม่แหลมขนาดนี้ เธอจ้องมองหญิงงาม ซึ่งพบเห็นได้น้อยมากกับเด็กผู้หญิงที่งดงามดั้งหญิงก็ไม่ใช่ชายก็ไม่เชิง ราวกับนางเอกในการ์ตูนที่มีชีวิตอยู่จริง !
“เซียวเซ่อ !”
หญิงงามนิ่งไปพักใหญ่ ก่อนจะหลุดสองคำนี้ออกมา
เหมยเหมยกระพริบตาปริบๆ และถาม “เซียวตัวไหน แล้วเซ่อตัวไหน ? ใช่ตัวเซียวของชุยเซียวที่แปลว่าเป่าขลุ่ย แล้วก็ตัวเซ่อของเหยียนเซ่อที่แปลว่าสีไหมคะ ?”
“ไม่ใช่ เป็นเซียวเซ่อที่แปลว่าความเยือกเย็นของฤดูหนาว” หญิงงามตอบด้วยใบหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก
เหมยเหมยรู้สึกได้ดี ในจังหวะที่หญิงสาวพูดถึงชื่อของตัวเอง เธอดูเย็นยะเยือกไปทั้งตัว ราวกับพันตัวเองไว้ในรังไหมขนาดมหึมา
อย่าเข้าใกล้คนแปลกหน้า !
คนนอกห้ามข้องเกี่ยว !
…………………………………………………………
บทที่ 671 เพื่อนใหม่แสนสวย
เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่น เซียวเซ่อโดยทั่วไปมักจะเป็นช่วงที่ฤดูหนาวมาถึง พืชพรรณต่างๆเหี่ยวเฉา ไม่หลงเหลือความมีชีวิตชีวาของธรรมชาติ ดูเหมือนจะเหลือเพียงความอ้างว้างของธรรมชาติ
นี่ก็คือเซียวเซ่อ ไม่ว่าจะฟังยังไงก็ไม่ใช่คำที่ดี
เหตุใดถึงยังมีพ่อแม่ที่ตั้งชื่อแบบนี้ให้กับลูกได้ ?
ไม่กลัวว่าจะซวยหรือไง ?
ดูจากท่าทีของเซียวเซ่อก็รู้ว่าเธอเป็นเด็กที่พูดคุยไม่เก่ง ไม่ชอบสนทนาอะไร เหมือนกับเหมยเหมยในชาติก่อน !
เซียวเซ่อกินเนื้อแห้งแผ่นนั้นหมดไป ดูจากลักษณะแล้วคงจะถูกปากเธอไม่น้อย เธอจับจ้องอยู่กับเนื้อแห้งที่วางอยู่บนที่วางแขนไม่วางตา แต่กลับไม่ยื่นมือไปหยิบมัน
เหมยเหมยยัดเนื้อแห้งทั้งถุงใส่มือเซียวเซ่อ “อันนี้ให้คุณ ในกระเป๋าของฉันยังมีอีก”
ขณะที่พูดอยู่เธอก็หยิบอีกถุงออกมาจากกระเป๋า เนื้อแห้งในยุคสมัยนี้ถือว่าคุณภาพดีสมนำสมเนื้อ เป็นของดีราคาถูก ต่อไปในอนาคตจะหากินเนื้อคุณภาพดีแบบนี้ได้ยาก เหมยเหมยซื้อครั้งหนึ่งเป็นกองใหญ่ๆ และเก็บไว้ในช่องเก็บของของฉิวฉิว เพราะฉิวฉิวและฉาฉาต่างก็ชอบกิน
เซียวเซ่อที่เห็นถุงเนื้อแห้งในมือเกิดอาการนิ่งงัน มุมปากค่อยๆยกขึ้น จากนั้นส่งยิ้มให้กับเหมยเหมย งดงามมาก !
“เธอควรจะยิ้มบ่อยๆนะ เธอยิ้มแล้วน่ามองมาก”
เหมยเหมยพูดอย่างมีไมตรีจิต แม้ว่าเธอจะพูดอยู่คนเดียว แต่มันคงดีกว่าการที่เธอนั่งเหม่อลอยอยู่ตรงนี้ เพราะอย่างน้อยเซียวเซ่อก็นับว่าเป็นผู้ฟังที่ดีคนหนึ่ง แม้จะไม่ส่งเสียง แต่เธอก็ตั้งใจฟังมาก นั่นจึงทำให้เหมยเหมยรู้สึกว่าก็ยังประสบผลสำเร็จ
“เธอก็เป็นผู้เข้าแข่งขันหรอ ?” เหมยเหมยถาม
เซียวเซ่อพยักหน้า เหมยเหมยถามอย่างดีใจ “ฉันก็เป็น ฉันเป็นตัวแทนจากเมืองจินเข้าแข่งขัน เธอน่าจะเป็นตัวแทนจากเมืองหลวงสินะ ?”
เป็นอีกครั้งที่เซียวเซ่อพยักหน้าตอบ เด็กผู้หญิงคนนี้ดูซื่อบื้อดีแหะ แต่คำพูดของเธอก็น่าสนใจดีเหมือนกัน และเนื้อแห้งของเธอก็อร่อยมากด้วย ที่สำคัญคือ เธออยากรู้ว่าแขนเสื้อด้านในของเหมยเหมยคืออะไร ?
เป็นอีกครั้งที่เหมยเหมยยัดเนื้อแห้งเข้าไปในแขนเสื้อ เพราะไม่กล้าที่จะให้ฉาฉาโผล่หน้าออกมา เธอกลัวว่าจะทำให้เซียวเซ่อตกใจ
ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนที่จะใจกล้าบ้าบิ่นเหมือนเธอ !
เหมยเหมยรู้สึกอิ่มใจมาก การกลับมาเกิดใหม่เธอไม่เพียงแต่ฉลาดขึ้น อีกทั้งความคิดยังปราดเปรื่อง พระเจ้าช่างเป็นใจให้เธอเหลือเกิน !
“แขนเสื้อด้านในของเธอมีอะไร ? หนูหรือว่าแมงมุม ?” เซียวเซ่อมองไปยังแขนเสื้อของเหมยเหมยอย่างแปลกใจ
เหมยเหมยกระพริบตาปริบๆ ดูจากสไตล์เหมือนมีบางอย่างไม่ชอบมาพากลแล้วล่ะ ?
ทำไมต้องเป็นหนูหรือแมงมุม ?
เป็นลูกแมวหรือลูกหมาไม่ได้รึไง ?
คำถามของเซียวเซ่อเอาใจเหมยเหมยไปได้ เธอจึงเลิกแขนเสื้อขึ้นด้วยท่าทีดูลึกลับ ฉาฉาที่กำลังกัดกินเนื้อแห้งอยู่ เงยหน้ามองเซียวเซ่อแค่เพียงแวบเดียว
กลิ่นตัวถือว่าหอมใช้ได้ อืม ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ไม่ใช่วัตถุอันตรายอย่างที่พี่ฉิวบอก มันสามารถกินเจ้าเนื้อต่อได้ !
แววตาของเซียวเซ่อเปล่งประกายทอแสงอันแรงกล้า ราวกับการได้เห็นวัตถุล้ำค่าที่หาได้ยากบนโลกใบนี้ก็มิปาน เธอกลืนน้ำลายลงคอแล้วถาม “ฉันขอจับตัวมันได้ไหม ?”
“ได้สิ ฉาฉาเป็นเด็กดีมาก”
เซียวเซ่อยื่นมือออกไปลูบเบาๆที่หัวของฉาฉา ฉาฉาจึงส่ายหัวไปมา และเปลี่ยนเส้นทางใหม่ในการกินเนื้อ เชื่อฟังเสียไม่มีที่ติ !
“คิกๆ !”
เซียวเซ่อกลั้นขำไว้ไม่อยู่ เธอหยิบเนื้อแห้งออกมาหนึ่งแผ่นจากนั้นยื่นไปตรงหน้าของฉาฉา พูดขึ้นเสียงเบา “เนื้อของฉันให้แกกิน ให้ฉันสวมใส่แกหน่อยได้ไหม ?”
ฉาฉากลืนเนื้อทั้งแผ่นลงไป จากนั้นเลื้อยขึ้นไปยังข้อมือของเซียวเซ่อโดยไม่ผ่านการไตร่ตรอง มันขดงอตัวกลายเป็นกำไลมรกต จากนั้นจึงกัดกินเนื้อแห้งต่อ
“สัตว์เลี้ยงของเธอเชื่อฟังมากเลยนะ เชื่อฟังกว่าที่ฉันเลี้ยงเยอะเลย คนสวยของฉันไม่เชื่อฟังเอาเสียเลย !”
เซียวเซ่อคืนฉาฉาให้เหมยเหมยอย่างอาลัยอาวรณ์ จากเดิมที่นิ่งเงียบ กลับกลายเป็นพูดมากขึ้น
“คนสวย ? คือสัตว์ที่เธอเลี้ยงไว้เหรอ ? คืออะไรล่ะ ?” เหมยเหมยถามอย่างแปลกใจ
สายตาของเซียวเซ่อฉายแววเปล่งประกาย เธอล้วงเอาสิ่งของเล็กๆบางอย่างที่มีสีน้ำตาลกาแฟออกมาจากแขนเสื้อ
……………………………………………………….