ลาก่อน คุณสามี - ตอนที่ 68 กลิ่นเหรียญทองเเดง
“Shit นี่ใช่เฉินเป่ยชวนที่ไม่ใช่ชุดสั่งตัดมีราคาจะไม่ใส่ เสื้อผ้าที่ใส่ก็ต้องสมฐานะคนนั้นที่ฉันรู้จักหรือเนี่ย”
ถังอี้ถามอย่างประหลาดใจ แต่ใบหน้าเขากลับยิ้มแสดงอาการหยอกล้อ เขาก็ว่าอยู่ในเมื่อปลอดภัยดี ทำไมไม่รีบบอกให้เขามารับเร็วกว่านี้ ที่แท้มาแอบใช้ชีวิตแบบชาวบ้านๆ พลอดรักกันอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ แถวเชิงเขานี่เอง
“นายคิดว่าทุกคนจะต้องเหมือนนายหรือ สร้างเปลือกนอกมาเสริมภาพลักษณ์ของตัวเอง?”
เฉินเป่ยชวนกลอกตาอย่างหยิ่งยโสมาให้ ถังอี้หุบปากทันที พี่น้องอารมณ์บ่จอยแล้วครับ อีกอย่างหากไม่พอใจขึ้นมานอกจากจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเผลอๆ อาจจะเจอกระบอกปืนแทนอีกด้วย
เฉียวชูเฉี่ยนบอกลาคนในครอบครัวของคุณป้าอย่างอาลัยอาวรณ์ จากนั้นก็เดินตาม
เฉินเป่ยชวนขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไป
“ฉันให้เงินครอบครัวนี้ไปหนึ่งแสนหยวน ถือเป็นค่าตอบแทนที่ให้พวกนายอยู่กินตลอดช่วงที่ผ่านมานี้”
หลังจากเฮลิคอปเตอร์บินขึ้นไป ถังอี้ก็พูดยิ้มๆ ออกมา นับเป็นโชคของพวกเขาที่
เฉินเป่ยชวนเลือกมาอยู่กับพวกเขา หนึ่งแสนหยวนไม่ใช่เงินน้อยๆ สำหรับผู้คนในหมู่บ้านนี้เลย
“ฉันเหมือนได้กลิ่นเหรียญทองแดงอีกแล้ว” เหยียนสือเซี่ยยกมือปิดจมูก ทำสีหน้ารังเกียจ
“เฮ้ ผู้หญิงคนนี้ ตอนผมกอดคุณกระโดดจากเฮลิคอปเตอร์ลงมา เป็นใครกันที่กอดตัวผมแน่นอย่างกับหมีโคอาล่าอย่างนั้น”
“ถังอี้ คุณ!”
เหยียนสือเซี่ยได้ยินก็ร้องขอความช่วยเหลือออกมา วันนั้นเป็นวันที่เธออัปลักษณ์ที่สุดวันหนึ่งเลยทีเดียว
“พวกนายอยากทะเลาะก็ลงไปทะเลาะข้างล่างไป”
เฉินเป่ยชวนขัดจังหวะพวกเขาสองคนอย่างไม่พอใจ เหยียนสือเซี่ยจ้องตาถังอี้ เธอก็ไม่อยากจะโดดร่มอีกหรอก โดยเฉพาะกับคนชื่อถังอี้นี่
พอเฮลิคอปเตอร์รักษาระดับนิ่งแล้ว เฉินเป่ยชวนก็โอบเฉียวชูเฉี่ยนให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด จากนั้นก็กดหน้าผากเธอมาวางบนไหล่ตัวเอง “นอนอีกหน่อยนะครับ”
“……”
เหยียนสือเซี่ยและถังอี้ไม่สนใจจะเถียงกันแล้ว พอเห็นคนสองคนตรงหน้าพวกเขาก็ทำหน้าช็อก ครึ่งเดือนมานี้พวกเขาสองคน……
เฉียวชูเฉี่ยนแอบเขินนิดๆ แต่เธอก็ทำได้แค่เอาหน้าแดงๆ เข้าไปชิดอกเฉินเป่ยชวนแล้วหลับตาพักผ่อน ถึงจะหลบสายตามีเลศนัยที่มองมาได้
เฮลิคอปเตอร์ลงจอดใกล้ลานกว้างของคฤหาสน์ตระกูลเฉิน พอเธอเดินลงมาเจ้าตัวน้อยก็วิ่งกระโดดตัวลอยเข้ามาสวมกอดเธอในทันที
“หม่ามี๊ ผมเป็นห่วงหม่ามี๊จะแย่แล้วครับ”
เจ้าตัวน้อยเงยหน้าขึ้น เดิมทีเขานึกว่านายเฉินเป่ยชวนคนเลวนั่นจะจับหม่ามี๊ไปแล้วเสียอีก
ทันทีที่เฉียวชูเฉี่ยนได้เห็นลูกชายในอ้อมกอด น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา เธอย่อตัวลงสวมกอดร่างเล็กๆ ของเขาให้แน่นขึ้น หลังจากที่ถูกพวกค้ายาจับเป็นตัวประกัน สิ่งที่เธอกลัวที่สุดก็คือการที่จะไม่ได้เห็นหน้าจิ่งเหยียน ไม่อาจอยู่เป็นเพื่อนเขาจนโตได้
“หม่ามี๊ยังต้องดูแลเราจนโต เพื่อแต่งภรรยาในอนาคตอีก”
เธอยื่นมือไปเกาจมูกแหลมเล็กๆ ของเขา สูดลมหายใจเข้าลึกๆ สองครั้ง เพื่อไม่ให้ร้องไห้ออกมาอีก
“ผมไม่แต่งภรรยา ผมจะอยู่กับหม่ามี๊ตลอดไปครับ”
เจ้าตัวน้อยส่ายศีรษะเหมือนป๋องแป๋ง ทำให้เฉินเป่ยชวนขมวดคิ้วไม่หยุด
“ยายหนู เป่ยชวน ในที่สุดพวกเธอก็กลับมากันเสียที”
ท่านผู้หญิงเดินตามมา สีหน้าท่านไม่ค่อยดีอย่างเห็นได้ชัด แต่แววตาส่องประกายตื่นเต้นยินดีออกมา
“คุณย่า ขอโทษนะคะ”
เฉียวชูเฉี่ยนลุกขึ้นยืน เธอได้ข่าวมาว่าเพราะเรื่องของพวกเธอทำให้คุณย่าความดันขึ้นหลายต่อหลายครั้ง ดวงตาเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด คุณย่าดีกับเธอมากมาโดยตลอด แต่กลับเป็นตัวเธอที่ทำให้คุณย่ากังวลและหวาดกลัวไปเสียได้
“เด็กโง่ ขอเพียงพวกเธอปลอดภัยกลับมาย่าก็ดีใจแล้ว”
ท่านผู้หญิงมุมปากสั่นเล็กน้อย ช่วงสองสามวันแรกท่านไม่กล้าหลับตาเลย กลัวว่ายายหนูและเป่ยชวนจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นจริงๆ
“คุณย่า พวกเราสบายดีกันค่ะ”
เฉินเป่ยชวนเดินขึ้นหน้ามาประคองไหล่เธอ แววตาสงบนิ่งดูไม่เหมือนคนที่เพิ่งผ่านการต่อสู้แห่งความเป็นความตายมา
เว่ยชูหรงที่อยู่ด้านข้างฝืนยิ้มอย่างเห็นได้ชัด แต่มองดูแล้วน่าเกลียดกว่าตอนร้องไห้เสียอีก เธอเฝ้ารอให้เฉินเป่ยชวนเกิดเรื่อง ก่อนนอนของทุกวันเธอจะขอร้องพระเจ้าขอให้คนที่น่าเกลียดชังทั้งสองคนนี้อย่าได้มีชีวิตมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเธออีกเลย แต่ดูเหมือนพระองค์จะไม่ได้ยินเสียง พวกเขาถึงปลอดภัยกลับมา
“พวกเธอสองคนทำให้คุณย่ากังวลไม่น้อยเลย ทั้งความดันเอย โรคหัวใจเอย อาการเดี๋ยวทรงๆ ทรุดๆ ไม่หยุด อีกหน่อยก็อย่าสร้างปัญหาเช่นนี้ขึ้นมาอีกล่ะ คุณย่าเคยผ่านช่วงคนผมขาวส่งศพคนผมดำมาแล้ว ร่างกายนี้คงรับไม่ได้อีกเป็นครั้งที่สองแล้ว”
เธอกลัดกลุ้มใจเป็นอย่างมาก จึงพูดประชดประชันออกไป แต่แล้วเธอก็ต้องถูกท่านผู้หญิงจ้องหน้าอย่างดุๆ ใส่
“นางสะใภ้ปากดี เธอพูดอะไรออกมา ศพคนผมดำที่เธอพูดถึงนั่นเป็นใครที่ไหน ก็สามีเธอนั่นล่ะ!”
หลังจากถูกดุต่อหน้าผู้คน เธอก็ให้อัปยศอดสูเป็นอย่างยิ่ง “คุณแม่คะ หนูก็แค่อยากให้พวกเขาสองคนอย่าทำตัวให้คุณแม่กังวลมิใช่หรือคะ”
เธอรู้สึกน้อยใจและโกรธเคืองในคราวเดียวกัน สามีอะไรกัน สามีใครกันล่ะหลังจากเสียชีวิตไปแล้ว แทนที่จะยกทรัพย์สมบัติในบ้านให้ภรรยาและลูกชาย แต่กลับยกให้แม่ของตัวเองทั้งหมด จะว่าไปในใจของชายคนนั้นไม่มีเธออยู่เลย!
เว่ยชูหรงกัดฟันอย่างโมโหเมื่อนึกถึงครึ่งชีวิตของตัวเองที่อยู่ในสถานะไม่ชัดเจนแบบนี้ เจ้าพวกคนตระกูลเฉินคอยดูเถอะ อีกไม่นานจิ้นถงก็จะกลับมาแล้ว ไม่ช้าไม่เร็วจะต้องจัดการพวกคุณแน่
“คุณย่า พวกเรากลับเข้าบ้านกันก่อนเถอะค่ะ”
เฉียวชูเฉี่ยนเบื่อที่จะสนใจเว่ยชูหรง จึงประคองท่านผู้หญิงเดินเข้าบ้านไป
“ยายหนูคนนี้คือ……ย่านึกออกแล้ว หนูเป็นเพื่อนสนิทของยายหนูบ้านเราที่ชื่อสือเซี่ยใช่ไหม?”
ท่านผู้หญิงเห็นเหยียนสือเซี่ยที่อยู่ข้างๆ ก็นึกอยู่นานกว่าจะคิดออก
“ท่านผู้หญิงสวัสดีค่ะ หนูชื่อเหยียนสือเซี่ย ท่านเรียกหนูว่าสือเซี่ยก็พอค่ะ”
เหยียนสือเซี่ยกล่าวคำทักทายอย่างมีมารยาท เหยียนสือเซี่ยมองตาถังอี้ คนก็รับกลับมาแล้ว เวลานี้พวกเขาก็สมควรกล่าวคำอำลากันได้แล้ว
“เอ่อ……คุณย่าครับ ผมเอาตัวเป่ยชวนและเฉียวชูเฉี่ยนมาส่งถึงที่อย่างปลอดภัยแล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”
ถังอี้ยิ้มแหะๆ ออกมา คนในบ้านตระกูลเฉินนอกจากเฉินเป่ยชวนและท่านผู้หญิง กับคนอื่นๆ เขาไม่ค่อยชอบเท่าใด
“จะไปไหน อยู่กันก่อน เที่ยงนี้ก็อยู่ทานข้าวที่บ้านเสียเลยสิ”
“นี่……”
ขณะที่กำลังลำบากใจ เฉินเป่ยชวนก็กล่าวสรุปขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า “อยู่ทานข้าวแล้วกัน”
ระหว่างที่คนใช้ในครัวเริ่มชุลมุนวุ่นวาย เฉียวชูเฉี่ยนและเหยียนสือเซี่ยก็อยู่คุยกับท่านผู้หญิง โดยมีเจ้าตัวน้อยเกาะติดคุณแม่อยู่ที่ด้านข้าง
เฉินเป่ยชวนกวาดตาไปทางถังอี้ จากนั้นก็ก้าวยาวๆ ขึ้นไปชั้นสาม
“ทำไม หรืออยากจะรายงานความคืบหน้าตลอดครึ่งเดือนของโปรเจคตามรักเก่าคืนกลับมา?”
ถังอี้เดินขึ้นบันไดตามมา พอปิดประตูเขาก็เมาท์มอยพร้อมหัวเราะฮี่ฮี่ออกมา เจ็ดปีมานี้เฉินเป่ยชวนไม่เคยมีสักวันที่จะลืมคำสามคำนั่นคือเฉียวชูเฉี่ยนออกไปจากใจได้ ดูท่าการที่ถูกพวกค้ายาจับไปเป็นตัวประกันในครั้งนี้จะเป็นความโชคดีบนความซวย และด้วยความช่วยเหลือของคิวปิดจึงทำให้ความรู้สึกอันแสนเย็นชาอบอุ่นขึ้นมาในเวลาอันรวดเร็ว
“พวกค้ายากลุ่มนั้นเป็นอย่างไรกันบ้างแล้ว?” เฉินเป่ยชวนไม่คิดจะตอบคำถามเขา ใบหน้าด้านข้างอันเย็นชาแสดงให้เห็นว่าตัวเองไม่คิดจะปล่อยคนที่เคยทำร้ายเฉียวชูเฉี่ยนไปเป็นอันขาด
“เฮลิคอปเตอร์ลำที่พวกเราเคยปะมือตก พวกมันกี่คนนั่นตายล้วนหมด ส่วนพวกที่กวาดยิงจากด้านล่างเพื่อฆ่าปิดปากก็ถูกจับได้สองสามคน แต่ยังไม่อาจจับกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังจริงๆ ได้เลย ก็ไม่รู้ว่าตำรวจอาชญากรรมกลุ่มนี้ฝีมือห่วยเอง หรือไอ้กลุ่มนั้นมันเทพเกินไปกันแน่”
“ไปบอกพวกเขาว่าฉันจะสนับสนุนในเรื่องทุนทรัพย์เพื่อดำเนินการจับกุมคนกลุ่มนี้”