ลาก่อน คุณสามี - ตอนที่ 56 โอกาสเพียงหนึ่งเดียว
ชายที่มีรอยบากก็โดนแรงเหวี่ยงกระแทกออกข้างประตูรถเช่นกัน เขาเอามือตบลูกน้องที่กำลังขับรถอยู่ ตอนนี้เฉียวชูเฉี่ยนได้ถูกเหยียนสือเซี่ยแกะเชือกในมือแล้ว เวลานี้จึงเป็นโอกาสเพียงหนึ่งเดียวของพวกเธอ
“หยุดรถ!”
ทันทีที่รถผ่านช่องทางออกก็ถูกตำรวจติดอาวุธที่อยู่ด้านข้างยกมือสกัดเอาไว้
เฉียวชูเฉี่ยนหัวใจเต้นเร็วขึ้นในชั่วพริบตา แต่ขณะที่ยังไม่ทันทำใจให้สงบลง เจ้าลูกน้องสองนายที่นั่งอยู่ตรงกลางก็ดึงเธอและเหยียนสือเซี่ยเข้ามาไว้ในอ้อมกอด
“อย่าขยับ ไม่อย่างนั้นพวกมึงได้สวยแน่” กลิ่นบุหรี่โชยมาอย่างหนักในขณะที่กำลังพูด
เฉียวชูเฉี่ยนมึนไปชั่วขณะ เธอรู้สึกเหมือนกระเพาะขย้อนออกมาสองสามที ของว่างและเครื่องดื่มที่ทานจาก KTV เกือบจะอาเจียนออกมาอยู่แล้ว
“คุณตำรวจ มีเรื่องอะไรหรือครับ?”
ชายที่มีรอยบากขยับหน้าต่างลงมาเล็กน้อยอย่างใจเย็น เขาพยายามยิ้มแบบคนทั่วไป แต่มือที่อยู่ใต้กระจกติดฟิล์มดำกำลังตั้งท่าเตรียมยิงเอาไว้แล้ว
“เป็นการตรวจรถปกติ เปิดประตูรถซะ”
ตำรวจพูดจบก็เดินเข้ามาเอามือจับประตูรถ เพื่อบอกให้เขารีบลงจากรถมาเพื่อรับการตรวจสอบ
“ลูกพี่เอาอย่างไรดี?” ลูกน้องที่มีหน้าที่ขับรถกดเสียงพูดให้ต่ำลง สีหน้าบ่งบอกความกังวลและหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด
“เตรียมยิง ยิง!” ชายที่มีรอยบากพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด จากนั้นเสียงปืนก็ดังขึ้น
เฉียวชูเฉี่ยนไม่ได้กลิ่นฉุนแสบจมูกแล้ว พอเธอตั้งสติได้ก็รีบจับมือเหยียนสือเซี่ย “หนีเร็ว”
แม้ความสงบเรียบร้อยภายในประเทศอเมริกาจะไม่ค่อยดีนัก แต่เธอก็เพิ่งเคยได้ยินเสียงปืนจริงๆ เป็นครั้งแรก เดิมทีเธอทั้งหวาดกลัวและเป็นกังวลมากจนใบหน้าซีดขาวราวกระดาษ โดยเฉพาะตอนที่เห็นตำรวจที่มาตรวจรถเมื่อสักครู่นี้นอนลงไปกองกับพื้น โดยมีเลือดไหลเป็นรูออกมาจากแขนไม่หยุดหย่อน
“อีกฝ่ายมีปืน ขอกำลังเสริม”
เสียงปืนที่ดังขึ้นมาอย่างกะทันหันทำให้ช่องจ่ายเงินโกลาหลไปหมด ตำรวจแต่ละนายที่ถูกส่งเข้าไปตรวจสอบล้วนถือปืนขนาดพกพาด้วยสีหน้าที่ตึงเครียด
นี่ไม่ใช่การฝึกซ้อม และกระสุนปืนก็อาจจะถูกฝังอยู่ไว้บนร่างกายได้เสมอ
“ขับรถพุ่งเข้าไปเลย”
ชายที่มีรอยบากที่ยิงตำรวจที่เข้ามาตรวจสอบรีบหันมาสั่งลูกน้องที่อยู่ด้างข้างทันที รถเคลื่อนตัวแล้ว จึงทำให้เฉียวชูเฉี่ยนที่เตรียมจะเปิดประตูหลบหนีถูกรถกระชากให้ตกลงไปที่เบาะหลัง ส่วนเอวเหมือนจะชนถูกของแข็งสองจุด เธอเจ็บปวดจนต้องขมวดคิ้ว ไม่นานรถก็พุ่งออกไป ดูเหมือนพวกเธอจะซวยซ้ำซวยซ้อนเกินไปแล้ว
ตำรวจที่คุมเชิงอยู่เหมือนจะมองแผนของพวกมันออกจึงรีบเข้าสกัดกั้น ด้วยการเอาตะปูเหล็กยาวสิบนิ้วแทงเข้าไปในล้อรถ จากนั้นจึงเกิดกลุ่มควันสีดำพุ่งออกมาจากบริเวณรถ
“ลูกพี่ ถูกเจาะยางแล้วครับ”
“ลงจากรถมายิงเร็วเข้า! คนของบอสคงอยู่ใกล้ๆ นี้แล้ว เดี๋ยวพวกเขาจะต้องมารับพวกเราแน่” ชายที่มีรอยบากเตะประตูให้เปิดออก จากนั้นก็กระชับปืนพุ่งออกไป
เสียงปืนดังไม่หยุด เหยียนสือเซี่ยจูงมือเธอ “เธอเป็นยังไงบ้างแล้ว?”
“เจ็บเอว สือเซี่ย พวกเราจะตายอยู่ที่นี่ไหม?”
เฉียวชูเฉี่ยนมองออกไปก็เห็นว่าเจ้าของรถรีบร้อนออกไปแล้ว บอกว่าไม่กลัวก็โกหกแล้ว ตอนนี้หากพวกเธอลงจากรถก็อาจจะถูกยิงจนตัวพรุนเหมือนรังผึ้งก็เป็นได้
“อย่าพูดส่งเดช จะต้องมีคนมาช่วยพวกเราแน่นอน”
เหยียนสือเซี่ยรู้สึกใจคอไม่ดีหวาดกลัวไม่ต่างกัน แต่ยังทำเป็นปากแข็งบังคับตัวเองให้นิ่งเข้าไว้ พระเจ้า เธอยังไม่เคยมีความรักกับเขาเลยนะ หากจะต้องมาตายแบบนี้ ออกจะไม่เป็นธรรมเกินไปแล้วนะเจ้าคะ
ชายคนที่เกือบทำให้เฉียวชูเฉี่ยนต้องอาเจียนออกมาถูกยิงที่หน้าอก เลือดไหลทะลักออกมามากจนล้มลงไปกองกับพื้น เธอกลืนน้ำลาย รวบรวมความกล้าที่ไหนไม่รู้ ก้มลงไปหยิบปืนในมือของผู้ชายคนนั้นมา
“สือเซี่ย เธอจำสมัยเรียนมัธยมปลายได้ไหมที่ฉันเคยอยากเป็นนักแสดง”
ขณะที่พูดปากเธอยังกระทบกันไม่หยุด แม้กระทั่งมือที่ถือปืนอยู่ก็สั่นตลอด ครั้งแรกในชีวิตที่เธอได้พบกับพวกค้ายาเสพติด ครั้งแรกที่ถูกจับเป็นตัวประกัน ครั้งแรกที่เห็นฉากยิงปืน และก็คงจะเป็นครั้งแรกที่เธอจะได้ยิงปืนฆ่าคน
เหยียนสือเซี่ยไม่รู้ว่ายามนี้เธอควรยกนิ้วโป้งให้เพื่อนเธอดีหรือไม่ เธอรีบก้มหาของในรถเพื่อจะเอามาป้องกันตัว และในที่สุดเธอก็พบกริชเล่มหนึ่งวางอยู่ใต้เบาะรถ สองสาวสบตากันด้วยใบหน้าที่ซีดขาวราวกับกระดาษ วันนี้อาจจะเป็นวันที่พวกมันจะต้องอกสั่นขวัญหายที่สุดในชีวิต
เมื่อยิงปืนไปได้สองสามนัด ใบหน้าของชายที่มีรอยบากดูจะวิตกกังวลมากขึ้น ลูกน้องมือฉมังสองในสามนายของตัวเองถูกยิงลงไปกองกับพื้นแล้ว หากยังเป็นเช่นนี้อยู่ต่อไปพวกมันคงหนีไม่รอดแล้ว
“มัวทำอะไรกันอยู่ รีบไปจับผู้หญิงสองคนนั้นมา!”
ลูกน้องคนนั้นตั้งสติได้ก็รีบยื่นมือจะไปจับตัวเฉียวชูเฉี่ยนมา
เธอเหนี่ยวไกปืนโดยอัตโนมัติ ปัง จากนั้นก็มีเลือดไหลออกมาจากบริเวณแขนของชายคนนั้น
ตัวเธอเองก็ไม่ได้ไปไหน ด้วยแรงยิงอันมหาศาลตัวเธอจึงหล่นลงไปกองกับพื้น เกิดอาการเจ็บแปลบบริเวณเอวที่บาดเจ็บอยู่ก่อนแล้วจนลุกไม่ขึ้น
“นังหญิงสารเลว บังอาจมายิงกูเหรอ!”
ลูกน้องคนนั้นเอามืออุดเลือดที่ไหลอยู่ที่แขน จากนั้นก็เอาเท้ามาเหยียบบนท้องเธออย่างหนัก
“เฉี่ยนเฉี่ยน”
เหยียนสือเซี่ยอยากจะเข้าช่วยเหลือ แต่ชายที่มีรอยบากกลับเอาปืนมาจ่อบริเวณขมับเธอ
“นับว่ากูมองข้ามพวกมึงสองคนไปจริงๆ!”
ไม่เพียงสามารถคลายเชือกที่รัดตัวออกมาได้ ยังหาปืนและกริชมาได้อีก เขาออกแรงจ่อปืน แล้วหันไปตะโกนใส่ตำรวจที่กำลังล้อมพวกเขาว่า “พวกกูมีตัวประกัน หากพวกมึงเหนี่ยวปืนเมื่อใดกูจะยิงสมองของมันสองคนให้เละไปเลย”
“ปล่อยตัวประกันซะ”
เมื่อตำรวจระดับหัวหน้าเห็นตัวประกันอยู่ในกำมือของพวกมัน สายตาก็ส่อความยุ่งยากออกมา เขาติดตามแก๊งยาเสพติดกลุ่มนี้มาเนิ่นนานแล้ว ช่วงแรกก็เสียเวลาไปกับการเตรียมการมากเกินไป จึงได้จัดฉากการค้าในวันนี้ขึ้นเพื่อล่อพวกมันออกมา จากนั้นก็ตั้งใจว่าจะกวาดเรียบไม่ให้เหลือ แต่ไม่คิดว่าพวกมันจะมีตัวประกันอยู่ในมือถึงสองคน และสถานะของพวกเธอก็ยังไม่ธรรมดาอีกด้วย
“ตำรวจอย่างพวกมึงนึกว่าพวกกูโง่หรืออย่างไร ถ้าปล่อยนังตัวประกันสองคนนี้ไปพวกกูก็คงไม่มีชีวิตรอด ตอนนี้รีบถอนกำลังออกจากบริเวณนี้ให้หมด แล้วปล่อยให้พวกกูหนีไป ไม่อย่างนั้นกูจะเอาชีวิตพวกมันทันที”
ชายที่มีรอยบากและลูกน้องที่อยู่ด้านข้างจับเฉียวชูเฉี่ยนและเหยียนสือเซี่ยมาข่มขู่ ตำรวจระดับหัวหน้าจึงส่งสัญญาณมือถอนกำลังให้คนที่อยู่ด้านหลังด้วยความจนใจ
“ผมขอเตือนพวกคุณให้ปล่อยตัวประกันไปเสียจะดีกว่า ขอเพียงพวกคุณยอมให้ความร่วมมือกับพวกเราในการสอบสวนและไขคดีต่อจากนี้ ก็จะสามารถเอาความคุณความดีมาไถ่โทษได้!”
“คุณความดีอะไรไร้สาระ กูเกลียดที่สุดก็คือตำรวจที่ชอบทำท่าดัดจริตอย่างพวกมึงนี่ล่ะ”
ชายที่มีรอยบากถุยน้ำลายลงพื้น สายตาเหลือบมองไปยังรถที่จอดอยู่ไม่ไกล แววตาที่มีร่องรอยแห่งความวิตกกังวลก็แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอันชั่วร้าย “ถ้าพวกมึงยอมให้พวกกูหนีไปได้อย่างปลอดภัย กูจะปล่อยสองคนนี้ไป!”
น้ำเสียงอวดดีบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าจะให้พวกเธอสองคนเป็นยันต์คุ้มกันตัว
“ได้ พวกเราจะปล่อยพวกคุณไป แต่พวกคุณจะต้องปล่อยตัวประกันสองคนนี้ด้วย!”
ตำรวจระดับหัวหน้าไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง พวกเขาได้จัดกำลังตำรวจที่ใกล้ๆ นี้เอาไว้แล้ว ขอเพียงตัวประกันสองคนนี้ปลอดภัย การเคลื่อนไหวหลังจากนี้ก็จะไม่มีอะไรมาขัดขวางอีกต่อไป
“วางใจได้ ตราบใดที่พวกกูหลบหนีไปได้อย่างปลอดภัย จะต้องปล่อยพวกมันแน่”
พอชายที่มีรอยบากพูดจบก็ใช้แขนดันพวกเธอให้เดินไปทางรถที่จอดอยู่ไม่ไกล
ถึงอย่างไรเฉียวชูเฉี่ยนและเหยียนสือเซี่ยก็เป็นผู้หญิง อีกทั้งยังบาดเจ็บอยู่ ย่อมไม่อาจที่จะต่อต้านได้ จึงได้แต่ได้เดินตามแรงผลักไปยังรถที่จอดอยู่