ลาก่อน คุณสามี - ตอนที่ 22 ขอแต่งงาน
ด้วยดนตรีที่สื่อถึงความรู้สึกบางอย่าง เสริมด้วยคู่หนุ่มหล่อหญิงงามที่กำลังเต้นในจังหวะแทงโก้ เพียงไม่นานก็ดึงดูดความสนใจของแขกโดยรอบ รวมไปถึงเฉินเป่ยชวนและ
หลินเฟยเอ๋อร์
บนฟลอร์ขนาดย่อม เงาร่างผอมบางในชุดสีฟ้าอ่อนกำลังหมุนไปๆ ราวกับจะหมุนเข้าไปในดวงตาเขา หากแต่รอยยิ้มบางๆ บนริมฝีปากเธอกลับทำให้สายตาของเฉินเป่ยชวนอึมครึมขึ้นมา ดั่งพายุเฮอริเคนที่กำลังก่อตัว
หลังจากสั่งอาหารเสร็จแล้ว เฉินเป่ยชวนก็กระซิบบางอย่างที่ข้างหูบริกรหนุ่ม เขาพยักหน้าจากนั้นก็หยิบเมนูอาหารเดินออกไป
“สองคนนี้ช่างเหมาะสมกันจริงๆ เลยนะคะ” หลินเฟยเอ๋อร์พูดยิ้มๆ แล้วเพ่งมองไปที่
เฉินเป่ยชวน พอเห็นสีหน้าของชายหนุ่มไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เขาเพียงจุดบุหรี่ขึ้นมามวนหนึ่ง ก็ทำให้หลินเฟยเอ๋อร์โล่งใจไม่เบา
ขอเพียงผู้หญิงคนนั้นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเฉินเป่ยชวนก็พอแล้ว
เสียงดนตรีค่อยๆ เข้าสู่ช่วงสุดท้ายของเพลง เจ้าตัวน้อยรีบล้วงกระเป๋า กระโดดลงจากเก้าอี้ จากนั้นก็วิ่งไปที่ฟลอร์เต้นรำ
ลู่ฉีรับกล่องใส่แหวนจากเจ้าตัวน้อย เขาคุกเข่าข้างเดียวพร้อมเปิดฝากล่องแหวนตรงหน้าเฉียวชูเฉี่ยน แววตาเขาบ่งบอกความรู้สึกอันลึกซึ้งและเต็มอกเต็มใจ “เฉี่ยนเฉี่ยน ให้โอกาสผมได้ดูแลคุณและจิ่งเหยียนจะได้ไหมครับ?”
“ขอแต่งงานหรือนี่ โรแมนติกเหลือเกิน!”
“รีบแต่งให้เขาเลย ขออวยพรให้พวกคุณมีความสุขนะคะ!”
มีแขกบางส่วนตะโกนเชียร์ขึ้นมา แต่เฉียวชูเฉี่ยนกลับยืนเหม่ออยู่ตรงนั้น เหมือนเธอจะทำตัวไม่ถูกกับสถานการณ์ที่ลู่ฉีมาขอแต่งงานอย่างกะทันหันนี้ เธอจึงดึงกระโปรงตัวเองเอาไว้: “ฉี ฉัน……”
ทันใดนั้นไฟในร้านอาหารก็ดับหมด จึงมืดสนิทไปทั่วทุกพื้นที่
“เฉี่ยนเฉี่ยน!” ลู่ฉีรีบลุกขึ้นยืน ยื่นมือหมายจะคว้าเฉียวชูเฉี่ยนเอาไว้
แต่แล้วท่ามกลางความมืดมิด ราวกับมีลมพัดมาอย่างแรง จากนั้นมือใหญ่ก็มาชิงจับข้อมือของเฉียวชูเฉี่ยนไปก่อนหนึ่งก้าว เฉียวชูเฉี่ยนเซถลาไปสองก้าวตามแรงดึง แล้วตกไปอยู่ในอ้อมกอดเขา เขาปิดปากเล็กที่กำลังเปิดออกเล็กน้อยอย่างรุนแรง
มีกลิ่นบุหรี่อ่อนๆ ปนมาด้วย
เฉินเป่ยชวน?
เฉียวชูเฉี่ยนทุบตีอกเฉินเป่ยชวนสุดชีวิต ในใจทั้งว้าวุ่นและสับสน เธอกลัวลู่ฉีมาเห็นเข้าเอามากๆ แต่แล้วอยู่ดีๆ เฉินเป่ยชวนก็จับท้ายทอยเธอด้วยมือเดียว จากนั้นก็ออกแรงจูบลงไปอีก
จนกระทั่งนิ้วเท้าเธอชา เริ่มจะหายใจไม่ค่อยออก เขาถึงยอมปล่อยเธอแต่โดยดี เขาเอียงศีรษะจากนั้นก็กัดไปที่ไหล่เธออย่างแรง และพูดด้วยน้ำเสียงที่โหดเหี้ยม
“เฉียวชูเฉี่ยน เธอกล้าแต่งงานกับลู่ฉีดูซิ!”
เขาเกลียดผู้หญิงคนนี้ แล้วทำไมจะต้องปล่อยให้เธอมีชีวิตที่ดีกันล่ะ?
หลังจากนั้นไม่นานก็มีมืออันแสนอบอุ่นข้างหนึ่งมาจับข้อมือเธอเอาไว้จากความมืด กลิ่นบุหรี่จางหายไปแล้ว เฉียวชูเฉี่ยนปิดอกด้วยมือเดียว ประหนึ่งเพื่อจะทำให้หัวใจที่กำลังเต้นอย่างรุนแรงกลับสู่ระดับที่ควรเป็นก่อนที่ไฟจะสว่างขึ้นมา
ไฟกลับมาสว่างอีกครั้ง แสงไฟภายในร้านอาหารไม่ได้จ้าจนแสบตา แต่เธอกลับหรี่ตาตามสัญชาตญาณของตัวเอง และเธอก็ได้เห็นใบหน้าที่แสนอ่อนโยนนั้นกำลังวิตกกังวลอยู่
“เฉี่ยนเฉี่ยน คุณไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”
เขาสอบถามเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนนุ่มแต่ก็มีความระส่ำระส่ายอยู่บ้าง การที่ไฟดับหมดอย่างกะทันหันเช่นนี้ทำให้เขาเกิดความรู้สึกบางอย่างที่ไม่ค่อยดีขึ้นมา
“ไม่เป็นไรค่ะ พอดีจู่ๆ ก็มองไม่เห็น เลยรู้สึกกลัวนิดหน่อยนะค่ะ”
รอยยิ้มเธอกลับมาเล็กน้อย เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แต่ภายในใจยังกักเก็บความทุกข์ทรมานเอาไว้อยู่ เธออดไม่ได้ที่จะเหล่ตาไปยังตำแหน่งที่เฉินเป่ยชวนนั่งอยู่ ก็พบเขากำลังถือแก้วทรงสูงอยู่ในมือ มุมปากประดับรอยยิ้มที่แสนเย็นชา
แก้วทรงสูงที่อยู่ภายใต้นิ้วมือเรียวงามดูราวกับเพียงแค่เขาใช้กำลังเพียงน้อยนิด ก็สามารถหักมันเป็นสองท่อนได้ พอเธอนึกไปถึงท่าทีที่โหดเหี้ยมตอนข่มขู่เธอเมื่อสักครู่ ตัวเธอก็สั่นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“เฉี่ยนเฉี่ยนไม่ต้องกลัว มีผมอยู่ครับ”
ลู่ฉีสังเกตเห็นสิ่งปกติบนตัวเธอ จึงรีบถอดเสื้อคลุมของตัวเองเพื่อคลุมไปบนไหล่เธอ แต่เธอกลับหลบไปด้านข้างด้วยท่าทีที่ตื่นตระหนก ทำให้เสื้อคลุมในมือเขาแตะไปโดนไหล่ของเธอ ความเจ็บปวดที่ไหล่เริ่มกลับมาอีกครั้งจนเธอต้องขมวดคิ้ว นายเฉินเป่ยชวนผู้โด่งดังจะต้องปลอมแปลงวันเดือนปีเกิดของตัวเองแน่ๆ ปีขาลอะไรกัน เห็นอยู่ว่าเป็นปีจอชัดๆ
ลู่ฉีมองไปที่ไหล่ของเธอ บนนั้นมีความเปียกชื้นอยู่หน่อยๆ ที่ดูแล้วน่าจะเป็นลิปสติกบนปากเธอนั่นเอง เขาเกิดอาการแสบตาเล็กน้อย ตอนไฟดับในช่วงเวลาสั้นๆ นั้นได้เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เขาหันไปมองเฉินเป่ยชวนที่กำลังนั่งทานสเต๊กอย่างสง่างามด้วยสายตาที่สงสัย ใจเขาไม่เป็นสุขเอาเสียเลย ตกลงเฉี่ยนเฉี่ยนกับเขามีความสัมพันธ์อะไรกันแน่?
“หม่ามี๊ยังไม่ได้ตอบตกลงจะแต่งงานกับคุณอาลู่ฉีเลยนะครับ”
ท่ามกลางบรรยากาศที่แสนจะขัดเขิน เจ้าตัวน้อยที่กำลังเลียไอศกรีมอยู่ข้างๆ ก็ตะโกนออกมาพร้อมหัวเราะฮิๆ พอพูดจบก็รู้สึกเหมือนมีความหนาวเย็นโอบล้อมตัวเขาเอาไว้ เขากลืนน้ำลายลงคอ หรือไอศกรีมในประเทศมีพลานุภาพถึงเพียงนี้?
ผู้คนที่หายตื่นตระหนกจากเหตุการณ์ไฟดับเมื่อครู่นี้ก็ได้มองไปยังคนสองคนที่อยู่บนเวทีอีกครั้งพร้อมส่งเสียงเชียร์ต่อไป
“ตอบตกลงเขา แต่งเลย”
เฉียวชูเฉี่ยนรู้สึกกระดากอายเล็กน้อย เดิมทียังคิดอยู่ว่าเดี๋ยวการขอแต่งงานของลู่ฉีก็คงจะสิ้นสุดไปพร้อมกับเหตุไฟดับนั่น แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าผู้คนจะให้ความสนใจมากขนาดนี้ เธอเม้มริมฝีปาก ได้แต่หวังอย่าให้ลู่ฉีเอ่ยคำพูดที่ยากจะตอบกลับได้อีกเป็นพอ
แต่แล้วลู่ฉีที่กำลังใจจดใจจ่อกับการขอแต่งงานในวันนี้ก็คุกเข่าข้างเดียวอีกครั้ง เขาส่งสายตาที่เอ่อล้นไปด้วยความรักและการรอคอยพร้อมกับพูดว่า “ผมสัญญาว่าผมจะใช้ทั้งชีวิตของผมดูแลพวกคุณสองแม่ลูกเป็นอย่างดีครับ”
“……”
เธอก้มมองแหวนเพชรที่ชูอยู่บนมือเขา เป็นแหวนเพชรทรงรูปหัวใจที่ส่องแสงสะท้อนกับไฟในร้านอาหารจนเกิดเป็นประกายแวววาวระยิบระยับ ใจเธอก็อ่อนยวบลง สมัยที่เธอยังไม่รู้เรื่องการแต่งงานได้เคยพูดเล่นๆ กับลู่ฉีว่า อีกหน่อยถ้ามีผู้ชายมาขอเธอแต่งงานจะต้องเป็นแหวนเพชรรูปหัวใจเท่านั้น เช่นนี้ก็เหมือนมีหัวใจเขาอยู่กับเธอในทุกๆ วัน
ไม่คิดเลยว่าเขาจะยังจำคำพูดเล่นๆ ในตอนนั้นได้
เธอบิดนิ้วมือที่ขยุ้มกระโปรงไปมาอย่างยุ่งเหยิง สือเซี่ยเคยบอกว่าหากใครได้แต่งงานกับลู่ฉีจะต้องมีความสุขไปชั่วชีวิต ใจเธอก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ลู่ฉีเป็นคนที่ดีมากจริงๆ ไม่ว่า
ภูมิหลังของวงศ์ตระกูลเขาจะเป็นอย่างไร แต่เขาเป็นชายหนุ่มประเภทที่จะรักเดียวใจเดียวไปตลอดชีวิต
หากพลาดจากเขาไปแล้ว นอกจากเธอจะโชคดีเอามากๆ ถึงจะได้เจอคนแบบลู่ฉีอีก แต่ทำไมเธอยังลังเลตัดสินใจไม่ได้ อีกทั้งยังพยายามคิดหาเหตุผลมาปฏิเสธเขาอีกนะ?
“เฉี่ยนเฉี่ยน เราโตมาด้วยกันตั้งแต่ยังเล็ก นับตั้งแต่สมัยมัธยมต้นผมก็ได้บอกกับตัวเองว่า ชาตินี้คุณจะเป็นหญิงเดียวที่ผมจะขอแต่งงาน ผมรักคุณครับ”
ลู่ฉียกแหวนตรงหน้าเธออีกครั้ง เขาเชื่อในความรักและความผูกพันของคนสองคนที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่ยังเล็ก และยินยอมที่จะปฏิบัติต่อเธอราวกับเป็นองค์หญิงอยู่บนฝ่ามือของตัวเองไปชั่วชีวิต
คนจำนวนมากที่อยู่ใต้เวทีต่างชอบฉากโรแมนติกเช่นนี้มากที่สุด จึงเริ่มมีคนผิวปากเป็นเพลงแต่งงานขึ้นมา
ใบหน้าเฉียวชูเฉี่ยนขึ้นสีแดงระเรื่อ เธอพูดอย่างไม่ลังเลออกไปว่า “ฉี ฉัน……ฉันไม่อาจตอบรับคุณได้นะค่ะ”
หลังพูดจบเธอก็ก้มศีรษะด้วยความละอายใจ ไม่กล้ามองตาลู่ฉี เธอไม่รู้จริงๆ ว่าวันนี้ลู่ฉีจะขอเธอแต่งงานอย่างกะทันหัน ถ้ารู้ล่ะก็เธอจะไม่พาเจ้าตัวน้อยมาพบเขาโดยเด็ดขาด
มุมปากลู่ฉีแข็งไปสักพักหนึ่ง จากนั้นก็พยายามยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนอีกครั้ง เขาลุกขึ้นยืน “ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ การที่ผมขอคุณแต่งงานในวันนี้มันออกจะกะทันหันไปหน่อยสำหรับคุณ แต่ผมรอได้ครับ ถึงแม้ว่าคุณจะปฏิเสธคำขอแต่งงานของผมอีกเป็นร้อยครั้งก็ไม่เป็นไร เพราะผมเชื่อว่าวันหนึ่งคุณจะต้องตอบตกลงผมแน่นอนครับ”
เขาเก็บกล่องแหวนเข้ากระเป๋าไปพร้อมๆ กับเก็บซ่อนความผิดหวังจากการถูกปฏิเสธเอาไว้ในใจ เพื่อไม่ให้เธอคิดตำหนิตัวเองที่เอ่ยคำปฏิเสธไปเมื่อสักครู่นี้