ลาก่อน คุณสามี - ตอนที่ 158 ใครคือคนที่เฉี่ยนเฉี่ยนควรจะขอบคุณ?
เหยียนสือเซี่ยยัดถังอี้เข้าไปตรงที่นั่งข้างคนขับอย่างไม่ใยดีก่อนจะเดินอ้อมไปยังที่นั่งฝั่งคนขับด้วยอาการเหนื่อยหอบแล้วจ้องมองเขาด้วยสายตาที่ค่อนข้างดุดัน
“หนักเป็นบ้า”
เห็นหุ่นดีๆ อย่างนี้ไม่คิดเลยว่าหมอนี่จะตัวหนักขนาดนี้ เขาเกือบจะล้มทับเธอแบนอยู่แล้ว
เธอเริ่มกลับมาหายใจเป็นจังหวะปกติหลังจากเหนื่อยหอบอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงสตาร์ทรถพร้อมๆ กับเริ่มคุยกับคนที่ยังตกอยู่ในฤทธิ์ของแอลกอฮอล์
“ถังอี้ ตอนนั้นคุณตั้งใจจะบอกว่าใครคือคนที่เฉี่ยนเฉียนควรจะขอบคุณเหรอ?”
ถึงจะไม่ได้ถามเรื่องนี้ตอนกินข้าวแต่เธอก็รู้สึกมาตลอดว่าสิ่งที่ถังอี้พูดฟังดูแปลกๆ เหมือนมีความลับอะไรปิดบังไว้
“คุณกำลังหลอกถามผมอยู่เหรอ?”
ดวงตาของถังอี้หรี่ลงจนเป็นเส้นโค้งแล้วมุมปากก็เผยให้เห็นรอยยิ้มที่เข้าใจยาก อย่าได้คิดว่าเขาดื่มไวน์ไปไม่กี่แก้วแล้วจะเมาจนไม่มีสติ เขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้มีเจตนาไม่ดีบางอย่างตั้งแต่ตอนที่เธอยอมรับปากว่าจะไปส่งเขาง่ายๆ แล้ว
เธอกระวนกระวายจนต้องจอดรถที่ข้างทาง
เหยียนสือเซี่ยใจคอเหี่ยวแห้งเพราะไม่คิดว่าเขาจะมองเธอออก หมอนี่เป็นคนปลิ้นปล้อนอย่างร้ายกาจ แต่ว่าถ้ายังไม่ได้คำตอบในสิ่งที่เธอสงสัยเธอก็คงจะไม่สบายใจไปตลอด
“ฉันจะหลอกถามคุณทำไม เราไม่ได้สนิทกันซะหน่อย ถามหน่อยเถอะว่าคุณจะปิดบังอะไรฉันได้”
เธอถอยมาตั้งหลักและจ้องมองเขาอย่างเพ่งพินิจ แค่มีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยก็จะแสดงให้เห็นแล้วว่าลางสังหรณ์ของเธอถูกต้อง เขากำลังปิดบังบางอย่างเอาไว้ และสิ่งนั้นเกี่ยวข้องกับเฉี่ยนเฉียน
ทันใดนั้นถังอี้ที่นั่งพิงอยู่ที่เบาะหนังก็โน้มตัวเข้ามาหาเธอ นัยน์ตาที่ดูพร่ามัวของเขาเปล่งประกายวาววับ “คุณรู้ไหมว่าผู้หญิงส่งสัญญาณอะไรให้ผมเวลาที่มองผมแบบนี้”
ทันทีที่ขยับเข้าไปใกล้ ปลายจมูกก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมจางๆ ที่ทำให้รู้สึกสบายใจ ซึ่งนั่นเป็นกลิ่นหอมของเธอ หลังจากได้กลิ่นแค่เพียงครั้งเดียวเขาก็ไม่อยากได้กลิ่นอื่นอีกเลย
“หน้าด้าน”
เธอผลักผู้ชายที่ขยับเข้ามาใกล้จนแทบจะสิงร่างของเธอออกไป ทั้งอายทั้งหงุดหงิด ในหัวของเขามีแต่เรื่องอะไรก็ไม่รู้
“ถ้าผมหน้าด้านกับคุณละก็ ป่านนี้คุณคงอยู่บนเตียงของผมไปแล้ว”
ทันใดนั้นถังอี้ก็ยิ้มออกมา ผู้หญิงส่วนมากทำให้เขารู้สึกสดชื่นได้เพียงชั่วระยะสั้นๆ เท่านั้น ไม่เกินหนึ่งสัปดาห์เขาก็เลิกสนใจพวกเธอแล้ว แต่ไม่รู้ว่าทำไมกับผู้หญิงคนนี้เขาจึงเต็มใจที่จะใช้เวลากว่าสามเดือนในการเล่นเกมกับเธอ ถึงขนาดปรารถนาจะยืดเวลาออกไปให้นานขึ้น แต่จะให้นานไปถึงแค่ไหนเขาก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เหมือนกัน
“ไอ้คนหยาบคายน่ารังเกียจ จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ฉันจะจอดรถคุณทิ้งไว้กลางถนน!”
ใบหน้าที่แดงอยู่แล้วยิ่งแดงขึ้นไปอีกราวกับเลือดทุกส่วนในร่างกายสูบฉีดขึ้นมาจนหมด เขาไม่ละอายเลยใจหรือที่พูดออกมาแบบนี้ ใครกันที่อยากจะขึ้นเตียงกับเขา
“ถ้าคุณทิ้งผม พรุ่งนี้คุณจะต้องตกเป็นจำเลยนะ คุณแน่ใจนะว่าอยากให้ทุกคนในซั่นเป่ยรู้ว่าคุณทำเรื่องโหดร้ายไร้มนุษยธรรมอะไรไว้กับผม?”
ถังอี้หรี่ตาและเอนหลังพิงเบาะนั่งอีกครั้งโดยไม่ได้กลัวคำขู่ของเธอเลยสักนิด อย่างไรเสียผู้หญิงคนนี้ก็หนีเขาไม่พ้นอยู่แล้ว
ในใจเธอนึกอยากจะถีบเขาจนแทบทนไม่ไหว แต่ดูเหมือนร่างกายจะแข็งทื่อและนิ่งสนิท ผู้ชายคนนี้อาจจะทำอย่างที่พูดจริงๆ เธอไม่ได้กลัวการตกเป็นจำเลย แต่เธอกลัวว่าผู้ชายคนนี้จะแต่งเรื่องเกินจริงจนทำให้การป้องกันตัวของเธอกลายเป็นเรื่องอื่นที่ฟังไม่เข้าหู
เธอกำหมัดแน่นอย่างนึกเสียใจแทบเป็นแทบตาย ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าถามแล้วจะไม่ได้เรื่องได้ราวเธอคงไม่หาเรื่องใส่ตัวแบบนี้
“คุณแน่ใจนะว่าจะไปส่งผมที่บ้าน?”
เสียงหัวเราะต่ำๆ แห่งชัยชนะดังขึ้น น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดนั้นแฝงไปด้วยความเซ็กซี่และเย้ายวนจนเหยียนสือเซี่ยถึงกับต้องกลืนน้ำลาย พยายามทำตัวให้เยือกเย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้ “ฉันจะไปส่งคุณเพราะเห็นแก่ที่คุณช่วยชีวิตจิ่งเหยียนไว้หรอก”
ในไม่ช้ารถก็มาหยุดอยู่ที่หน้าคฤหาสน์สุดหรูหลังหนึ่ง เหยียนสือเซี่ยเปิดประตูเตรียมจะลงจากรถทว่าถูกถังอี้คว้าข้อมือไว้ก่อน “คุณจะไปแล้วเหรอ? ไม่ใช่ว่าคุณอยากรู้อะไรหรอกเหรอ? ถ้าคุณช่วยประคองผมเข้าไปผมจะบอกในสิ่งที่คุณอยากรู้ให้ฟัง”
มือที่ออกแรงจับข้อมือของเธอไว้ถือโอกาสคว้าไปที่บ่าของเธอ ริมฝีปากสีชมพูกระตุกยิ้มอย่างมีเลศนัย ผู้หญิงเหมือนเสื้อผ้าที่พอเก่าแล้วก็หาใหม่ได้ พี่น้องเปรียบเหมือนมือเท้าที่ต่อให้เจ็บก็จะติดอยู่กับตัวตลอดไป เขาเดินมือเปล่าเท้าเปล่าบนถนนได้ก็จริง แต่ยังไงเขาก็เปลือยกายไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?
“กับคนหยาบคายอย่างคุณ ฉันไม่อยากรู้อะไรทั้งนั้น” มือใหญ่ที่วางอยู่บนไหล่ดูเหมือนจะลุกเป็นไฟแต่สลัดอย่างไรก็สลัดไม่ออก แถมริมฝีปากของเธอยังถูกปลายนิ้วของเขากดทาบไว้อีก
“ปากไม่ตรงกับใจ ถ้าคุณช่วยพยุงผมเข้าไป ผมจะบอกในสิ่งที่คุณอยากรู้”
คิ้วของเหยียนสือเซี่ยขมวดมุ่น หลังจากชั่งน้ำหนักอยู่นานว่าจะรับขอเสนอดีหรือไม่เธอก็ตีมือที่จับบ่าของเธอไว้แน่น “ไปก็ไป! ฉันเตือนคุณไว้เลยนะว่าอย่าคิดจะทำอะไรแผลงๆ ไม่อย่างนั้นเราได้เห็นดีกันแน่!”
ถ้าหมอนี่อาศัยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์มาคุกคามเธอจริงๆ ละก็ เธอจะทำร้ายเขาเป็นการโต้ตอบแน่
ดูเหมือนถังอี้จะไม่ได้ยินคำขู่ของเธอ เขาปล่อยมือก่อนจะลงจากรถด้วยตัวเอง
เมื่อประตูคฤหาสน์เปิดออกเหยียนสือเซี่ยจึงช่วยพยุงเขาเข้าไปตามหน้าที่ ด้วยความเป็นทนายทำให้เธอได้เข้านอกออกในที่พักของผู้อื่นบ่อยๆ แต่ต้องบอกเลยว่าคฤหาสน์ของถังอี้นั้นหรูหราจริงๆ แต่ก็เหมือนคนอื่นๆ ที่ข้างนอกสุกใส แต่ข้างในเป็นโพรง
“ฉันมาส่งคุณแล้ว บอกมาสักทีว่ามีคนอื่นมาช่วยจิ่งเหยียนไว้ใช่ไหม?”
หลังจากการจับกุมหลินเฟยเอ๋อร์จนกระทั่งเธอเสียชีวิต ดูเหมือนเฉินเป่ยชวนจะหายสาบสูญไปเลยอย่างไรอย่างนั้น แม้จะบอกว่ากำลังทำธุระอยู่ที่ต่างประเทศแต่มันก็ดูไม่ค่อยสมเหตุสมผล และท่าทางลังเลเหมือนกำลังปกปิดอะไรบางอย่างของถังอี้วันนี้ก็ยิ่งทำให้เธอสงสัย
ถ้าเฉินเป่ยชวนเป็นคนช่วยชีวิตเอาไว้ อะไรหลายๆ อย่างก็จะลงตัว
“คุณอยากจะให้ใช่หรือไม่ใช่ล่ะ”
ชายหนุ่มที่เมื่อครู่นี้ยังเมาอยู่ดูเหมือนจะสร่างเมาขึ้นมาทันที แววตาของเขาแฝงไปด้วยความเด็ดขาดจริงจัง เฉียวชูเฉี่ยนคือความหายนะในชีวิตของเป่ยชวนอย่างแน่แท้ เขาจึงยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อเธอครั้งแล้วครั้งเล่า
“เกี่ยวอะไรกับฉัน ตกลงว่าคุณจะบอกหรือไม่บอก!”
เขาพยายามชวนเธอนอกเรื่องอีกแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะอยากรู้ให้แน่ว่าใครเป็นคนช่วยจิ่งเหยียน ให้ตายเธอก็ไม่เข้ามากับเขา
“เป่ยชวนเป็นคนช่วยไว้ ตอนนี้เขายังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ผิวหนังถูกทำลายด้วยความเย็นสี่องศาจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด!”
เขาพูดพลางชูนิ้วขึ้นมาสี่นิ้ว วันนั้นตอนที่อยู่โรงพยาบาลเขากลัวมากๆ ถ้าเกิดหลินผิงไปช่วยช้ากว่านั้นอีกนิดเดียวเป่ยชวนคงไม่มีโอกาสตื่นขึ้นมาใช้ชีวิตอีกครั้ง
ด้วยเหตุนี้ถังอี้จึงไม่อยากให้เขากับเฉียวชูเฉี่ยนเข้าใจผิดกันแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ
“เป็นเขาจริงๆ”
เหยียนสือเซี่ยพึมพำเบาๆ แววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ มิน่าเล่าเฉินเป่ยชวนจึงอยู่ต่างประเทศและไม่ยอมกลับมาแม้ว่าจะเกิดเรื่องขึ้นมากมายแถมยังไม่มีข่าวคราวใดๆ เลย
แท้จริงแล้วเป็นเขานี่เองที่พยายามช่วยจิ่งเหยียนไว้อย่างสุดชีวิตจนตัวเองต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล
“แต่ในงานแต่งเขาดูเหมือน…”
ตอนที่เฉี่ยนเฉียนเข้าไปขอความช่วยเหลือ สีหน้าของเขาดูเฉยเมยราวกับว่าเรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา เป็นไปได้อย่างไร…
“มีความเข้าใจผิดเกิดขึ้นมากมายระหว่างพวกเขา แม้ว่าคนสองคนจะรักกันแต่บางอย่างก็แก้ไขไม่ได้เพราะความเข้าใจผิด นอกจากนี้เป่ยชวนยังเป็นคนเย็นชาทั้งยังทะนงตน ทุกคนในซั่นเป่ยต่างรู้ว่าเฉียวชูเฉี่ยนนอกใจเขา แล้วแบบนี้คุณจะยังอยากให้เขารีบออกไปช่วยเธอต่อหน้าทุกคนในงานงั้นเหรอ?”
เรื่องศักดิ์ศรีของผู้ชายผู้หญิงอย่างเธอไม่เข้าใจหรอก
“เฉี่ยนเฉียนไม่เคยนอกใจเขา”