ร้อยรักปักดวงใจ - ตอนที่ 566 งานมงคล (ปลาย)
อาจจะเป็นเพราะว่านับบัญชีได้แล้ว หรือเพราะว่าใกล้ถึงวันแต่งงานของสวีซื่อเจี่ยนแล้ว ฮูหยินสามเลยสงบลงไม่น้อย นางเริ่มเตรียมการงานแต่งของบุตรชายอย่างตั้งอกตั้งใจ
ทันทีที่ถึงเดือนเจ็ด ก็บอกให้สะใภ้กานเหล่าเฉวียนไปถามป้าซ่ง “…ไม่รู้ว่าบัญชีของร้านค้าเข้ามาที่ห้องซือฝังแล้วหรือยังเจ้าคะ” เตรียมเอ่ยปากขอเงินสามร้อยตำลึงจากส่วนกลาง
ป้าซ่งบอกให้สาวใช้ยกน้ำสมุนไพรเย็นๆ เข้ามาให้สะใภ้กานเหล่าเฉวียน นางยิ้มแล้วพูดว่า “ช่วงนี้ท่านโหวกำลังพาคุณชายน้อยสองนับบัญชีของห้องซือฝัง ข้าคิดว่ากลางเดือนเงินก็น่าจะเข้าในคลังแล้ว”
น้ำสมุนไพรส่งกลิ่นหอม เมื่อสะใภ้กานเหล่าเฉวียนรับมาแล้วก็ดมกลิ่น จากนั้นก็จิบเบาๆ “ไม่ได้ทานน้ำสมุนไพรที่อร่อยเช่นนี้มาหลายปีแล้ว สะระแหน่ ชะเอมและสายน้ำผึ้งใช่หรือไม่”
“ฮูหยินสองมอบให้ข้า” ป้าซ่งยิ้มแล้วพยักหน้า แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าฮูหยินสองไม่ได้ส่งน้ำสมุนไพรไปให้ที่ตรอกซานจิ่ง นางจึงรีบอธิบายราวกับวัวหายล้อมคอก “ฮูหยินสองพึ่งทำออกมาใหม่ ส่งไปให้เรือนของไท่ฮูหยิน เรือนของฮูหยินและเรือนของฮูหยินห้าอย่างละนิดละหน่อย บอกว่าส่งมาให้ชิม หากอร่อยก็จะทำเพิ่มอีก ฮูหยินจึงมอบให้พวกข้า ไม่กล้านำออกมาต้อนรับใคร แต่เจ้าเป็นแขกคนสำคัญจึงนำออกมาให้เจ้าลองชิม”
หากพวกเขาแยกออกไปอยู่ข้างนอกแล้ว แน่นอนว่าไม่สนิทสนมกันเหมือนเมื่อก่อน
สะใภ้กานเหล่าเฉวียนพูดอย่างอิจฉา “ทำงานในจวนช่างดีเสียจริงเจ้าค่ะ! ของที่ฮูหยินให้ยังดีกว่าของข้างนอกเสียอีก”
ป้าซ่งยิ้มแต่ก็ไม่พูดอะไร
สะใภ้กานเหล่าเฉวียนเห็นว่าเรือนของป้าซ่งอยู่ทางทิศใต้แล้วหันหน้าไปทางทิศเหนือ ช่างเย็นสบาย นางเลยไม่อยากรีบกลับไปตรอกซานจิ่ง จึงเอ่ยถามถึงสวีซื่อจุน “ทำไมหรือเจ้าคะ ตอนนี้ท่านโหวเริ่มสอนซื่อจื่อเรียนรู้การดูแลเรื่องในจวนแล้วหรือเจ้าคะ”
“คุณชายน้อยสี่ยังเด็ก ท่านโหวก็แค่พาเขาเปิดหูเปิดตา!” ป้าซ่งพูดด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือการเรียนหนังสือ”
ในขณะที่พวกนางกำลังพูดคุยกัน ก็มีสาวใช้วิ่งเข้ามารายงาน “ท่านป้าเจ้าคะ ฮูหยินเรียกท่านเจ้าค่ะ!”
ป้าซ่งรีบลุกขึ้นยืน “สะใภ้กานเหล่าเฉวียนนั่งพักก่อน ข้าไปประเดี๋ยวก็กลับมา”
สะใภ้กานเหล่าเฉวียนรีบพูด “ท่านไปเถิดเจ้าค่ะ!”
ป้าซ่งบอกสาวใช้ว่า “ต้อนรับสะใภ้กานเหล่าเฉวียนให้ดี” จากนั้นก็เดินตามสาวใช้คนนั้นไปที่เรือนของสืออีเหนียง
สืออีเหนียงนั่งอยู่บนเตียงเตาข้างหน้าต่าง สวมเสื้อผ้าไหมสีเขียวอ่อน พับแขนเสื้อขึ้นสองครั้ง เผยให้เห็นกำไลข้อมือหยกสีเขียวที่อยู่บนข้อมือที่ขาวผ่องราวกับหิมะ นางถือพัดที่ปักลายดอกโบตั๋นสีแดง กำลังพัดให้จิ่นเกอที่นอนกลางวันอยู่
“ประเดี๋ยวก็จะถึงเทศกาลวันสารทจีนแล้ว” นางพูดกับป้าซ่ง “ท่านไปที่วัดฉือหยวนแทนข้าเถิด”
ในช่วงนี้ของทุกปี สกุลสวีจะบริจาคเงินค่าน้ำมันและธูปเทียน อีกทั้งยังเชิญผู้ดูแลวัดฉือหยวนมาทำพิธีที่จวน
ป้าซ่งยิ้มแล้วขานรับ “เจ้าค่ะ” รับป้ายคู่ออกมาแล้วเดินออกไปจากลานข้างใน เดินออกไปเอาเงินค่าน้ำมันที่ห้องซือฝัง
ก็บังเอิญเจอเข้ากับสวีซื่อจุนที่กำลังพาหวังซู่ บ่าวรับใช้รีบเดินเข้าไปในลานข้างใน
ป้าซ่งยืนข้างกำแพง กุมมือก้มหน้าลงแล้วเอ่ยเรียก “คุณชายน้อยสี่เจ้าคะ”
เมื่อสวีซื่อจุนเห็นนางก็รีบพูดด้วยความดีใจ “ท่านแม่อยู่ที่เรือนหรือไม่”
“อยู่เจ้าคะ!” ป้าซ่งรู้สึกแปลกใจกับพฤติกรรมของเขา แต่นางก็พูดด้วยความเคารพ “ฮูหยินกำลังกล่อมคุณชายน้อยหกนอนกลางวัน”
สวีซื่อจุนพยักหน้า จากนั้นก็วิ่งเข้าไปในเรือนอย่างรวดเร็ว
“ท่านแม่ขอรับ!” เขานึกขึ้นมาว่าตัวเองอ้างว่าจะไปห้องชำระแล้วแอบหนีออกมา จะเสียเวลาไม่ได้แม้แต่เค่อเดียว ทันทีที่เห็นสืออีเหนียงเขาก็พูดอย่างตรงไปตรงมา “ปีนี้จวนเราจะปล่อยโคมลอยหรือไม่ ข้าทำโคมลอยดอกบัวสวยงามอย่างมาก ท่านแม่ช่วยบอกท่านพ่อทีว่าถึงตอนนั้นเราไปปล่อยโคมลอยที่ทะเลสาบปี้อีกันเถิดขอรับ!”
สืออีเหนียงเห็นเขาวิ่งมาเหงื่อออกเต็มตัว นางบอกให้สาวใช้นำผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้เขา จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดว่า “จะไปยากอะไร! ถึงตอนนั้นเราไปปล่อยโคมลอยกันเองก็ได้!”
สวีซื่อจุนหยิบผ้าเช็ดหน้าในมือของสาวใช้มาเช็ดหน้าตัวเองอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พูดว่า “ท่านแม่ขอรับ ท่านพ่อบอกว่าเมื่อถึงเทศกาลวันสารทจีน จะพาข้าไปร่วมพิธีถือศีลอดที่อารามเมฆขาว!”
“เจ้าไม่อยากไปหรือ” สืออีเหนียงพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าได้ยินท่านพ่อของเจ้าบอกว่า วันนั้น หวังอวิ่น บุตรชายของใต้เท้าหวังก็ไปด้วย เจ้าไม่ได้สนิทสนมกับเขาหรือ ถึงตอนนั้นพวกเจ้าจะได้เล่นด้วยกัน!”
สวีซื่อจุนได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าเศร้าโศก “แต่ข้าอยากปล่อยโคมลอยกับน้องห้า”
อยากโอ้อวดโคมลอยที่ตัวเองทำกระมัง!
สืออีเหนียงเม้มปากยิ้มแล้วพูดว่า “เช่นนั้นเรารอเจ้ากลับมาแล้วค่อยปล่อยโคมลอยดีหรือไม่!”
สวีซื่อจุนได้ยินดังนั้นก็ดีอกดีใจ กลับไปที่ห้องซือฝังอย่างร่าเริง
ป้าซ่งไปเอาเงินมาแล้ว นางพูดกับสืออีเหนียงเบาๆ “…ว่านต้าเสี่ยน ผู้ดูแลว่านให้บ่าวมาบอกท่านเจ้าค่ะ ตอนที่ท่านโหวนับบัญชีกับเถ้าแก่สองสามคน คุณชายน้อยสี่นั่งหาวอยู่ข้างๆ เถาต้าที่ดูแลกิจการเครื่องหนังนั้นเย่อหยิ่ง บอกให้สาวใช้ที่รับใช้อยู่ในห้องพาคุณชายน้อยสี่กลับไปนอนที่เรือน ตอนนั้นท่านโหวแค่บอกว่าคุณชายน้อยสี่ยังเด็กไม่รู้ความ แต่สีหน้าของเขากลับซีดเซียวเจ้าค่ะ “
สืออีเหนียงได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกอ่อนแรง
นางไม่ค่อยเข้าใจสวีซื่อจุน รู้สึกว่าเขาทำอะไรก็ไม่ค่อยใส่ใจสักเท่าไร
“ข้ารู้แล้ว!” สืออีเหนียงบอกให้ป้าซ่งออกไป คุณนายสามสกุลหวงก็มาพอดี
นางดื่มต้มถั่วเขียวเย็นๆ แล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เอาล่ะ ในที่สุดเรื่องแต่งงานครั้งนี้ก็จบลงด้วยดี ฮูหยินสามเชิญจงฉินปั๋วมาเป็นเจ้าภาพ ส่วนอีกฝ่ายเชิญใต้เท้าเวย ผู้บัญชาการกองปัญจทิศรักษานครมาเป็นเจ้าภาพ ข้าแค่รอไปรับนางกลับมาวันแต่งงานก็พอแล้ว”
“ลำบากพี่หญิงแล้วเจ้าค่ะ!” เรื่องราวจบลงด้วยดี สืออีเหนียงก็สบายใจ
เมื่อสินเดิมของสกุลจินส่งมายังตรอกซานจิ่งในวันที่สิบเก้าเดือนแปด ทุกคนต่างก็พากันตกใจ
ถึงแม้ว่าสินเดิมจะมีแค่หกสิบสี่หีบ แต่กลับจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย หีบที่บรรจุเสื้อผ้าหนักจนมือสองข้างก็ยกไม่ไหว
ฮูหยินสามรู้สึกว่าตัวเองมีหน้ามีตาขึ้นมาทันที พูดคุยกับใครก็เชิดหน้าขึ้นตลอด “…สกุลจินบอกแล้วว่า แม่นางจินมีพี่สะใภ้ ถึงอย่างไรก็ต้องเห็นแก่หน้าของพี่สะใภ้ ดังนั้นจึงนำสินเดิมที่เตรียมไว้ยัดเข้าไปในหกสิบสี่หีบนี้ จะว่าไปแล้ว สกุลของสะใภ้ข้าช่างเป็นสกุลที่จริงใจเสียจริง”
ทุกคนต่างเดินเข้ามาแสดงความยินดีกับฮูหยินสาม
ฮูหยินสามยิ่งรู้สึกมีหน้ามีตา
ป้ารับใช้ของฟังซื่อกัดฟันด้วยความโมโห “ฮูหยินไม่ไว้หน้าคุณนายน้อยใหญ่มากเกินไปแล้ว ใช้คนสกุลจินเย้ยหยันเรา ไม่ว่าข้าวของของนางจะเยอะแค่ไหน แต่มันมากกว่าสินเดิมของคุณนายน้อยใหญ่ของเราเสียที่ไหนกัน”
ฟังซื่อสะบัดมือให้นางเงียบเสียง “ต่อไปเรื่องเช่นนี้ยังต้องมีอีกมากมาย พวกเจ้าจำเอาไว้ ต่อไปหากเจอกับคุณนายน้อยสาม ต้องมีมารยาทกับนางเหมือนที่มีมารยาทต่อข้า ถ้าไม่อย่างนั้นก็อย่าหาว่าข้าใจร้าย”
ป้ารับใช้รู้ว่าฟังซื่อพูดจริงทำจริง นางตื่นตระหนก ก่อนจะขานรับ “เจ้าค่ะ” ด้วยความเคารพ
อีกฝั่งหนึ่ง ฮูหยินห้ากำลังปิดปากหาวแล้วถามสืออีเหนียง “วันนี้ท่านจะค้างคืนที่นี่หรือ ข้าอยากกลับไปเร็วหน่อย!”
ที่นี่เรื่องเยอะผู้คนเยอะ แล้วยังวุ่นวาย นางจึงไม่พาเซินเกอมาด้วย
“ที่นี่มีป้าซ่งคอยดูแล แล้วยังมีคนของฝ่ายรายงานคอยช่วยเหลือ ล้วนแต่เป็นคนที่มีความสามารถ” สืออีเหนียงยิ้มแล้วบอกให้จู๋เซียงเก็บป้ายคู่เอาไว้ “ข้าคิดถึงจิ่นเกออยากกลับไปดูเขา!”
“เช่นนั้นเรากลับไปด้วยกันเถิด!” ฮูหยินห้าหาวอีกครั้ง “หลินฮูหยินและคนอื่นๆ จะมาวันพรุ่งนี้ เราไม่ต้องต้อนรับใคร อยู่ที่นี่ก็ไม่มีอะไรทำ!”
สืออีเหนียงยิ้มแล้วพยักหน้า จากนั้นก็ไปขอตัวลาฮูหยินสามพร้อมกับฮูหยินห้า
ฮูหยินสามเล่นไพ่กับคนสกุลกานพลางพูดเรื่องสินเดิมของสกุลจิน “…มีที่ดินอยู่ที่ต้าซิ่งสามร้อยหมู่ บวกกับร้านค้าที่ถนนต้าตง ชาตินี้ก็คงไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารการกินแล้ว!” เมื่อได้ยินว่าพวกนางจะกลับตรอกเหอฮวาหลี่ ฮูหยินสามบอกให้ซิ่งเจียวช่วยดูไพ่ จากนั้นก็เดินออกไปส่งพวกนางหน้าประตู “ถึงแม้ว่าเรือนของข้าจะเล็ก แต่อย่างน้อยข้าก็อยู่ในจวนมาตั้งยี่สิบกว่าปี เรือนของข้าสะอาดสะอ้าน ต่อไปพวกเจ้าพาจิ่นเกอและเซินเกอมาด้วยเถิด” นางพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิที่พวกนางสองคนไม่พาลูกมาด้วย
“พรุ่งนี้เช้าจะพาเขามาด้วยเจ้าค่ะ” ฮูหยินห้ายิ้มแล้วตอบรับ จากนั้นก็ขึ้นรถม้าไปกับสืออีเหนียง
“โชคดีที่พี่สะใภ้สามย้ายออกมาอยู่ข้างนอก ไม่เช่นนั้น จวนของเราคงจะคึกคักน่าดู” นางเบะปาก “ยามเช้าตอนที่จัดห้องโถงแต่งงานพี่สะใภ้สี่สังเกตเห็นหรือไม่ พี่สะใภ้สามบอกว่าให้ใช้กระดาษสีแดงสด แต่คุณนายน้อยใหญ่กลับบอกว่าให้ใช้กระดาษสีทอง เรื่องแค่นี้ คุณชายสามถึงกับต้องออกมาไกล่เกลี่ย ถึงแม้ว่าจะใช้กระดาษสีแดงสดตามที่พี่สะใภ้สามบอก แต่เมื่อถึงตอนที่ยกสมุนไพรสดเข้ามา กลับใช้ชามกระเบื้องลายครามสีฟ้าขาวเหมือนที่คุณนายน้อยใหญ่บอก…” พูดถึงตรงนี้ นางก็ปิดปากยิ้ม “ข้าคิดว่า คุณชายสามคงจะคิดว่าซ้ายก็มีเหตุผล ขาวก็มีเหตุผล จึงตัดสินใจไม่ได้กระมัง แต่ว่า…พี่ใภ้สามและคุณชายสามเป็นสามีภรรยากัน คุณนายน้อยใหญ่ของเราสามารถพูดให้พ่อสามีฟังได้ เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าคุณนายน้อยใหญ่ของเราไม่ธรรมดากัน”
ตอนแรกสืออีเหนียงยังกังวลว่าหากฮูหยินสามและคุณชายสามอยู่ที่จวนไม่ทำอะไร ฮูหยินสามจะใช้ความเป็นแม่สามีของตัวเองข่มเหงฟังซื่อ ทำให้ฟังซื่อลำบาก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ฟังซื่อก็เป็นคนเฉลียวฉลาดมากเหมือนกัน
“เช่นนั้นก็เพราะว่าทั้งสองคนพูดมีเหตุผล” นางพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าคิดว่าคุณนายน้อยใหญ่คนนี้ของเราไม่เลวเลยทีเดียว เป็นคนฉลาด!”
ฮูหยินห้านึกถึงของขวัญวันเกิดของเซินเกอที่ฟังซื่อส่งหนังสือโบราณมาให้เหมือนที่พูดไว้ นางก็หัวเราะ “อืม ข้าก็คิดเช่นนี้เจ้าค่ะ!”
พวกนางสองคนหันมามองหน้ากันแล้วยิ้มให้กัน
*****
ข้ามถาดเงินถาดทอง กราบไหว้ท้องฟ้าและพื้นดิน เข้าห้องหอ วันต่อมาก็พบปะสกุลญาติ
อาจจะเป็นเพราะว่าได้รับบทเรียนจากครั้งก่อน ครั้งนี้ฮูหยินสามแต่งตัวเรียบง่าย เมื่อเทียบกับฟังซื่อแล้ว ของขวัญที่ฮูหยินสามให้จินซื่อไม่มีปิ่นหงส์ แต่มีสร้อยคอทอง ถือว่าเสมอกันแล้ว สืออีเหนียงกับฮูหยินห้ากลับให้ของขวัญจินซื่อเหมือนกับที่ให้ฟังซื่อครั้งก่อน คุณนายสามคนของหนานจิงไม่ได้มาร่วมงาน แค่ให้ผู้ดูแลหญิงคนสนิทนำเงินของขวัญและของขวัญมาให้ ญาติผู้ใหญ่ของสกุลกาน ตั้งแต่เมื่อวานที่คู่บ่าวสาวเข้าเรือนหอแล้วก็อ้างว่ามีธุระแล้วขอตัวลาออกไป เมื่อเทียบกับงานแต่งของสวีซื่อฉิน งานแต่งของสวีซื่อเจี่ยนดูเรียบง่ายกว่ามาก
จินซื่อที่พึ่งจะแต่งเข้ามาไม่รู้เรื่องพวกนี้ นางแค่รู้สึกว่าสกุลสวีร่ำรวยเหมือนที่ท่านแม่บอกจริงๆ ของขวัญของท่านอาสะใภ้ทั้งสองคนดูมีราคา เห็นได้ชัดว่าพวกนางพึงพอใจตนอยู่ไม่น้อย
เมื่อคารวะทุกคนเสร็จเรียบร้อยแล้ว จินซื่อไม่ได้ทานข้าวเที่ยง ฮูหยินสามพานางไปก้มหัวให้ไท่ฮูหยินที่ตรอกเหอฮวาหลี่กับฮูหยินห้า
ไท่ฮูหยินมองดูจินซื่อที่ดวงตายังเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา นางก็พอใจเป็นอย่างมาก พูดคุยกับนางตั้งนาน เมื่อกลับมาที่ตรอกซานจิ่ง ใบหน้าของจินซื่อก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ฮูหยินสามเห็นลูกสะใภ้ของตัวเองไร้เดียงสาแบบนี้ นางก็พอใจ
เด็กน้อยชักจูงได้ง่าย ถึงตอนนั้นตนพูดก็อะไรก็คือเช่นนั้น
เมื่อสวีซื่อเจี่ยนพาจินซื่อกลับมาจากการไปเยี่ยมสกุลเดิมแล้ว จินซื่อก็คารวะญาติผู้ใหญ่เช้าเย็น เริ่มใช้ชีวิตเป็นลูกสะใภ้สกุลสวี ส่วนทางฝั่งตรอกเหอฮวาหลี่นั้นกำลังรอฟังผลการสอบศิลปะการต่อสู้ของเซ่าจ้งหรานอย่างตื่นเต้น