รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] - บทที่ 65 ข้าช่างฉลาดนัก ผู้อาวุโสอ้างว่าตนคือมนุษย์ - บทที่ 66 ท่านเซียนคาดเดาทุกอย่างดั่งสวรรค์ควบคุมทุกสรรพสิ่ง!
- Home
- รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]
- บทที่ 65 ข้าช่างฉลาดนัก ผู้อาวุโสอ้างว่าตนคือมนุษย์ - บทที่ 66 ท่านเซียนคาดเดาทุกอย่างดั่งสวรรค์ควบคุมทุกสรรพสิ่ง!
บทที่ 65 ข้าช่างฉลาดนัก ผู้อาวุโสอ้างว่าตนคือมนุษย์
“ท่านผู้เฒ่า เจ้าพักผ่อนที่บ้านข้าก่อน แล้วค่อยจัดเรียงความคิดเสียใหม่”
หลี่จิ่วเต้ากล่าวกับชายชราด้วยรอยยิ้ม
“อื้ม”
ชายชราเมิ่งจีพยักหน้าถี่ยิบ เขาจะทำตามที่ท่านเซียนพูดทุกอย่าง
หลี่จิ่วเต้าพาชายชราเมิ่งจีไปที่ลานบ้าน ก่อนจะเริ่มจัดห้องให้
ครั้งที่แล้วที่เขาช่วยลวี่เหลียง นี่ก็คือห้องพักเดียวกัน
ยามนี้ ชายหนุ่มเอากระชอนช้อนปลาลงไปไว้ในตู้
“เจ้าปลาพวกนี้อึดเสียจริง”
หลี่จิ่วเต้าถอนหายใจ
ตะกร้าปลานี้ไม่มีน้ำสักหยดเดียว แต่พวกมันกลับไม่โรยราไร้เรี่ยวแรง ซ้ำยังมีชีวิตอยู่ปกติด้วย
หากเอาปลาธรรมดาอย่างอื่นมาแทน ระหว่างทางคงจะขาดน้ำตายไปนานแล้ว
‘ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ ดูข้าสิ ๆ!’
ในตู้ปลา มัจฉาสัตมายากระโดดโลดเต้นร้องตะโกนเพื่อพยายามดึงดูดความสนใจของหลี่จิ่วเต้า แต่กลับไม่สามารถส่งเสียงใด ๆ ได้เลย
หลี่จิ่วเต้าเห็นมัจฉาสัตมายาขยับไปมา กระนั้นก็ไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก ครู่เดียวเขาก็กลับหลังหันจากไป
“เฮ้อ เขาน่าสงสารไม่น้อย แถมสติสตังก็ไม่ค่อยดี…ข้าอดช่วยไว้ไม่ได้น่ะ”
ชายหนุ่มเดินมากล่าวอธิบายกับหลิงอินว่าเหตุใดถึงพาชายชรากลับมาด้วย
แต่เขาไม่ได้กล่าวลงรายละเอียด และไม่ได้เอ่ยว่าชายชราเป็นคนบ้า เขาเพียงต้องการช่วยชายชรารักษาอาการบ้าก็เท่านั้น
หากพูดว่าเป็นคนบ้า… คงรู้สึกกระดากปากและคิดว่าตนมารยาทไม่ดีเอาเสียเลย อีกทั้งมันจะแย่ยิ่งกว่าเดิมหากชายชรามาได้ยินเข้า
ดังนั้นเขาจำต้องมีวาทศิลป์!
ทว่ามีหรือที่หลิงอินจะไม่เห็นอาการบ้าของชายชรา ต่อให้ไม่ได้อธิบายอย่างละเอียดก็น่าจะเข้าใจในคำกล่าวเมื่อครู่
ชายหนุ่มคิดเช่นนั้น
“ท่านช่างใจดีเหลือเกิน!”
หลิงอินไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ นางแค่รู้สึกว่าชายชราเมิ่งจีโชคดียิ่ง ส่วนผู้อาวุโสคงต้องการชี้นำแสงสว่างให้ก็เท่านั้น
เด็กสาวเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด และรู้ว่าเขาจะช่วยชายชรารักษาอาการบ้า
“ฮ่าฮ่า”
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะเบา ๆ เขาไม่ใช่ผู้วิเศษวิโสอะไร แค่ยามนี้ได้พบเจอคนตกทุกข์ได้ยาก หากช่วยได้ เขาก็จะช่วย!
วันเวลาผ่านไปหลายวัน
แสงสว่างเจิดจ้ายังคงส่องแสงรำไรราวกับเสาที่เชื่อมท้องฟ้าและโลก ทำให้มองเห็นแดนบูรพาทิศทั้งหมดได้อย่างชัดเจน
“นี่คือเซียนบนโลกมนุษย์!”
ชายชราเมิ่งจีอารมณ์ดีมาก หลังจากพบเจอไปไม่กี่วัน เขาก็มีความเข้าใจเล็กน้อยเกี่ยวกับท่านเซียนผู้นี้
ท่านเซียนเดินท่องโลกหล้าในฐานะมนุษย์ เขาอ้างว่าเป็นมนุษย์ทุกหนแห่งราวกับว่ากำลังขัดเกลาจิตใจในโลกมนุษย์นี้
“โชคดีที่ข้าหัวไว!”
ชายชรามีความสุขจนแทบล้นออกมาจากอก
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หลี่จิ่วเต้ามักจะคุยกับเขาเกี่ยวกับการแสวงหาโชคชะตาและไม่มีสิ่งใดบังคับฝืนใจกันได้ ปุถุชนไม่จำเป็นต้องแย่กว่าผู้ฝึกตน หรือแม้แต่ปุถุชนก็ยังมีความสุขสบายและพอใจในตนเองมากกว่าเซียน
เขาเข้าใจว่าเซียนกำลังสอนประสบการณ์ต่าง ๆ นานาให้เขา!
“ท่านเซียนกำลังขัดเกลาหัวใจในโลกมนุษย์นี้ แสดงให้เห็นว่าโลกมนุษย์มีความสำคัญเพียงใดในการขัดเกลาจิตใจ!”
หลังจากที่เข้าใจ เมิ่งจีก็ไม่เคยพูดถึงอะไรที่เกี่ยวกับการฝึกฝนเลย เช่นเดียวกับท่านเซียน เขาเรียกตัวเองว่ามนุษย์ ทำความเข้าใจโลกมนุษย์ยิ่งขึ้นและทำให้จิตใจสงบลง
“ข้าฉลาดนัก!”
เขาหัวเราะกับตัวเอง
หลังจากที่เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องการฝึกฝนและเรียกตัวเองว่ามนุษย์ ชายชราก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงความพึงพอใจในสายตาของท่านเซียนที่มองมา
เขาเข้าใจความหมายของสิ่งที่ท่านเซียนเอ่ยกับเขาแล้ว!
“ผู้เฒ่าเมิ่งจี เจ้าโชคดียิ่งนัก…”
ลั่วสุ่ยเดินมาข้าง ๆ ชายชราและเริ่มพูดคุย
ชายชราเมิ่งจีรู้สึกหวาดกลัว นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินแมวขาวตัวน้อยพูด!
‘แมวที่เลี้ยงโดยท่านเซียนจะเป็นแมวธรรมดาได้อย่างไร ต่อให้เป็นแมวธรรมดา มันก็กินมัจฉาจากอาณาจักรเก้าตอนบนไปแล้ว ปัดโธ่ แน่นอนว่ามันกลายเป็นแมวพิเศษไปแล้ว…!’
เขาตอบสนองอย่างรวดเร็วและคิดไปเองว่า…นี่ข้าตื่นตระหนกเกินจริงไปหรือเปล่า?
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาค่อย ๆ จำปลาที่ท่านเซียนจับขึ้นมาได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นมัจฉาแห่งอาณาจักรเก้าตอนบน!
เขาเห็นกับตาตัวเองว่า ท่านเซียนตุ๋นมัจฉาทรงพลังเหล่านี้ให้แมวขาวตัวน้อยกิน
มันจะพูดได้ก็ไม่แปลก…
“ข้าไม่ดีเท่าเจ้าหรอกที่ได้กินมัจฉาจากอาณาจักรเก้าตอนบนทุกวัน!”
ชายชราเมิ่งจีมองแมวขาวตัวน้อยด้วยความชื่นชมระคนอิจฉา
กินมัจฉาจากอาณาจักรเก้าตอนบนทุกวัน… ขนาดจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ยังไม่ทำเช่นนี้เลย
จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ของโลกนี้ไร้ค่านักต่อหน้ามัจฉาแห่งอาณาจักรเก้าตอนบน นับประสาอะไรกับการกิน แค่ป้องกันตัวยังทำได้ยากเลย
“ฮ่า ๆ ท่านไม่รู้จักข้าหรือไร ข้าเคยไปเยี่ยมเยียนท่านกับท่านพ่อมาก่อน”
ลั่วสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม นางสังเกตว่าชายชราเมิ่งจีจำนางไม่ได้
“เยี่ยมเยียนข้า?”
ผู้ฟังชะงักงันไป เหตุใดถึงจำไม่ได้กัน
แม้ว่าลั่วสุ่ยจะดูเหมือนแมวขาวตัวน้อย ๆ แต่เขาสัมผัสได้ถึงพลังของพยัคฆ์อันแข็งแกร่งจากลั่วสุ่ย ร่างกายของลั่วสุ่ยเป็นพยัคฆ์ขาว!
เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่คิดไม่ออกว่าเคยมีพยัคฆ์ขาวมาหา…
“พ่อของข้าคือราชันวิฬาร์หิมะสวรรค์”
ลั่วสุ่ยหัวเราะเบา ๆ สายเลือดของนางดีขึ้นและกลายเป็นพยัคฆ์ขาวบริสุทธิ์อย่างแท้จริง มันเป็นเรื่องปกติที่ชายชราเมิ่งจีจะจำไม่ได้
“เป็นเจ้านี่เอง!”
แล้วชายชราเมิ่งจีก็จำได้ในที่สุด
ราชันวิฬาร์หิมะสวรรค์ ผู้แข็งแกร่งอันดับต้น ๆ ของภาคกลาง ย่อมเป็นเรื่องปกติที่เขาจะรู้สึกประทับใจในตัวอีกฝ่าย
เวลานั้น ราชันวิฬาร์หิมะสวรรค์พาบุตรสาวมาเยี่ยมเยือน โดยบอกว่าบุตรสาวคนนี้จะปกครองเผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์ในอนาคต และในอนาคตจะมีประโยชน์กับเขาอย่างแน่นอนจึงพามาที่นี่เพื่อให้รู้จักกันก่อน
ลั่วสุ่ยตรงหน้าคือแมวขาวตัวน้อยในตอนนั้น…
“ร่ำลือกันว่าเผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์มีสายเลือดของพยัคฆ์ขาว หนึ่งในอสูรร้ายบรรพกาลทั้งสิบ ตอนนี้ดูเหมือนว่าข่าวลือนั้นจะเป็นจริงสินะ เจ้าวิวัฒนาการเป็นพยัคฆ์ขาวแล้ว!”
เขายิ่งอิจฉาเจ้าเด็กคนนี้มากกว่าเดิม
อสูรร้ายบรรพกาลทั้งสิบนับว่าน่ากลัวยิ่งนัก ลั่วสุ่ยได้พัฒนาเป็นพยัคฆ์ขาวแล้ว หากไม่มีอุบัติเหตุในอนาคต ลั่วสุ่ยจะกลายเป็นอสูรร้ายในโลกนี้อย่างแน่นอน นางสามารถกระทั่งกวาดล้างสวรรค์ทั้งเก้าหรือสิบแห่งได้ แล้วยังสามารถกลายเป็นตัวตนไร้เทียมทานในโลกหล้าด้วย!
“เป็นความโชคดีบนความโชคร้าย!”
ลั่วสุ่ยกล่าวด้วยอารมณ์
หากไม่ใช่เพราะเหตุการณ์ในเผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์ นางคงไม่ได้หนีมายังแดนบูรพาทิศพร้อมกับบิดา และได้พบกับผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่เป็นแน่ เฮ้อ~ ไม่อยากจะคิดว่าจะพัฒนาเป็นพยัคฆ์ขาวได้อย่างไร
มันแทบเป็นไปไม่ได้เลย!
“ด้วยสัญชาตญาณการต่อสู้อันลุกโชน นี่เป็นสถานการณ์เป็นตายไม่ผิดแน่ ข้าสงสัยเหลือเกินว่าพ่อของเจ้าซึ่งเป็นราชันจะลุกขึ้นมาในสถานการณ์โหดร้ายนั้นได้อย่างไร และกลับไปยังภาคกลางเพื่อแก้แค้นเผ่าอสรพิษโซ่แดงอย่างไร ทว่า…ตอนนี้ข้าเข้าใจทุกอย่างแล้ว”
ชายชราเมิ่งจียิ้มและคิดอะไรบางอย่างออก
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าท่านพ่อกลับไปภาคกลาง?”
ลั่วสุ่ยหน้าเปลี่ยนสี
พ่อของนางยังไม่เปิดเผยเรื่องนี้เลย แล้วชายชราเมิ่งจีรู้ได้อย่างไร…
“ไม่ใช่แค่ข้าที่รู้ แต่เผ่าอสรพิษโซ่แดงก็รู้ และกำลังรอให้พ่อของเจ้าปรากฏตัวอยู่”
สิ่งที่ชายชราเมิ่งจีเอ่ยทำให้สีหน้าของลั่วสุ่ยเปลี่ยนไปอีกครั้ง
“ว่ากระไรนะ!”
ลั่วสุ่ยไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นเช่นนี้!
นางนึกว่าเผ่าอสรพิษโซ่แดงไม่รู้ พ่อของนางและเหล่าสหายจะทำลายเผ่าอสรพิษโซ่แดง แต่ผู้ใดจะรู้ว่าเผ่าอสรพิษโซ่แดงรู้เรื่องนี้แล้ว และกำลังวางแผนรับมืออยู่!
หากเป็นเช่นนี้… พ่อของนางคงเรียกว่าโชคร้ายแล้ว!
___________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
บทที่ 66 ท่านเซียนคาดเดาทุกอย่างดั่งสวรรค์ควบคุมทุกสรรพสิ่ง!
“เจ้ากังวลกระไรอยู่”
ชายชราเมิ่งจีมองมาด้วยแววตาแปลกพิลึก
ปกติแล้วหลังจากรู้เรื่องนี้ เขาเองก็คิดว่าราชันวิฬาร์หิมะสวรรค์ช่างโชคร้ายนัก
เนื่องจากเท่าที่รู้มา ราชันวิฬาร์หิมะสวรรค์ไม่รู้ว่าเผ่าอสรพิษโซ่แดงวางแผนไว้แล้ว เมื่อราชันวิฬาร์หิมะสวรรค์ปรากฏตัว เรียกได้ว่าเขาถูกผูกติดกับความวอดวายทั้งปวงแล้ว
ทว่าตอนนี้รู้ว่าลั่วสุ่ยกำลังติดตามท่านเซียนอยู่ อืม… เห็นทีคนที่โชคร้ายที่สุดคงไม่แคล้วเผ่าอสรพิษโซ่แดง!
นั่นท่านเซียนเชียวนะ ลั่วสุ่ยกับราชันวิฬาร์หิมะสวรรค์ได้รับประโยชน์อย่างแน่นอนจากการติดตามท่านเซียน ทีนี้การจัดการกับเผ่าอสรพิษโซ่แดงไม่เรียกว่าง่ายหรอกหรือ
แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่เป็นอย่างที่เขาคิด…
หลังจากที่ลั่วสุ่ยได้ยินข่าว ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความกังวล
“ข้าจะไม่กังวลได้อย่างไร เผ่าอสรพิษโซ่แดงกำลังรอให้ท่านพ่อของข้าปรากฏตัวอยู่นะ!”
เจ้าแมวขาวกระวนกระวายยิ่ง
“ท่านเซียนไม่ได้มอบอะไรให้หรือขอให้พ่อเจ้ากลับไปแก้แค้นหรือ?”
ชายชราเมิ่งจีเอ่ยถาม
เขานึกว่าท่านเซียนจะมอบสมบัติบางอย่างให้ราชันวิฬาร์หิมะสวรรค์ และนำมันกลับไปเพื่อหาทางแก้แค้นเผ่าอสรพิษโซ่แดงเสียอีก
“ไม่เลย”
ลั่วสุ่ยส่ายหัวและบอกว่าเกิดอะไรขึ้น
ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่เพียงมอบข้าวต้มกับนางหนึ่งชามเพื่อช่วยบิดารักษาบาดแผล ส่วนสิ่งอื่น… เขาไม่ได้ให้ไว้
หากได้รับ นางคงไม่ต้องกังวลมากนัก
“ท่านพ่อเคยบอกว่าข้าวต้มเป็นของขวัญแสดงน้ำใจ น้ำใจที่มอบให้ควรหยุดอยู่ตรงนี้ และการแก้แค้นต้องพึ่งพาตัวเอง…”
ขณะนั้น นางเกลี้ยกล่อมบิดาไม่ให้กลับภาคกลาง หรือก็คือให้รออีกสักระยะก่อนถึงจะกลับได้
สิ่งที่คิดในตอนนั้นคือ คงจะได้อะไรมากมายจากการติดตามผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ แล้วแบ่งปันผลประโยชน์เหล่านี้กับบิดาซึ่งจะทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น จากนั้นนางจะกลับตามไป
แต่ท่านพ่อกล่าวว่ามันเป็นไปไม่ได้
ยามผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่มอบข้าวต้มเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ บิดาขอให้ชายหนุ่มรับนางเป็นสัตว์เลี้ยง ซึ่งหมายความว่าท่านพ่อสามารถแก้แค้นด้วยตัวเองโดยไม่ต้องกังวลใด ๆ
“ท่านพ่อบอกว่าเขามีสหายมากมายที่ไว้ใจได้ และสามารถทำลายเผ่าอสรพิษโซ่แดงพร้อมกับสหายเหล่านี้ได้”
ด้วยเหตุนี้ นางจึงโล่งใจที่พ่อของนางกลับไปภาคกลาง
ใครจะรู้… ว่าเขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้!
“อย่างไรเสีย พ่อของเจ้าก็ผ่านประสบการณ์มามากมายนัก ลองคิดให้รอบด้านสิ!”
ชายชราเมิ่งจีกล่าว “พ่อของเจ้าพูดถูก ไม่มีอะไรผิดเลยสักนิดเดียว ท่านเซียนยอดเยี่ยมยิ่งนัก หากต้องการล้างแค้นให้จริง เขาย่อมสามารถทำลายเผ่าอสรพิษโซ่แดงได้ในความคิดเดียว แต่ก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น เขามอบเพียงข้าวต้มเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บเท่านั้น ท่านเซียนต้องการให้พ่อของเจ้าแก้แค้นด้วยตัวเองจริง ๆ!”
เขากล่าวต่อ “ด้วยวิธีนี้ เพื่อแก้แค้นด้วยน้ำมือของตัวเอง เขาจะไม่เสียใจใด ๆ …ท่านเซียนกำลังนึกถึงเจ้าด้วย!”
ชายชรากล่าวต่อด้วยสีหน้าแปลก ๆ ว่า “เจ้าโชคดีนักที่ได้พบกับท่านเซียนมากคุณธรรมเช่นนี้ ใครเล่าจะนึกถึงเจ้าเช่นนี้กัน!”
ท่านเซียนนั้นเหนือธรรมชาติ เขานึกถึงลั่วสุ่ยและราชันวิฬาร์หิมะสวรรค์เช่นนี้ได้ แสดงว่าทั้งสองช่างโชคดีนัก!
“ข้ารู้ดีถึงความเมตตาของผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ ทว่า… ยามนี้ข้าควรทำเช่นไรดี!”
ลั่วสุ่ยเข้าใจเจตนาของผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ และพ่อของนางก็แจ้งให้ทราบชัดเจนแล้วในตอนนั้น
“ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดท่านเซียนถึงพาข้ากลับมาตอนนี้!”
ชายชราเมิ่งจีคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วน และย่อมต้องการเข้าใจทุกอย่าง
ก่อนหน้านี้เขาแสร้งทำเป็นใหญ่ต่อหน้าท่านเซียน กระนั้นอีกฝ่ายยังพาเขากลับมาบ้านเพื่อชี้ให้เห็นถึงประสบการณ์มากมาย จนป่านนี้ยังสงสัยว่าเหตุใดท่านเซียนถึงดีกับเขานัก…
เวลานี้เขาเข้าใจแล้ว!
“ท่านเซียนรู้ว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับพ่อของเจ้า!”
ชายชราเมิ่งจีเอ่ยอย่างจริงจัง “ท่านเซียนต้องการให้พ่อของเจ้าแก้แค้นด้วยตัวเอง แต่เขาดันทำพลาด…”
ผู้ฝึกตนจำนวนนับไม่ถ้วน แม้แต่กลุ่มเผ่าอสูรที่อยู่ภาคกลางยังต้องขอพึ่งพาความช่วยเหลือจากนิกายลับสวรรค์
นิกายลับสวรรค์ใช้ทักษะการอนุมานเพื่อช่วยให้ผู้ฝึกตนเหล่านี้ และกลุ่มเผ่าอสูรผ่านวิกฤติครั้งแล้วครั้งเล่า
สิ่งนี้ทำให้พวกเขาสร้างกรรมดีมากมายกับนิกายลับสวรรค์
ด้วยความสัมพันธ์อันดีเหล่านี้ อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาเป็นผู้รอบรู้ที่สุด และรู้ทุกอย่างที่อยู่ในภาคกลาง
ครั้งนี้ราชันวิฬาร์หิมะสวรรค์กลับมายังภาคกลางอย่างลับ ๆ และพวกเขาก็รู้ได้ทันที
ว่าเผ่าอสรพิษโซ่แดงวางแผนที่จะทำให้ราชันวิฬาร์หิมะสวรรค์ปรากฏตัว!
“สหายของพ่อเจ้าไว้ใจได้ แต่เรื่องนี้ใหญ่เกินไปเสียจริงจนรั่วไหลไปถึงหูของเผ่าอสรพิษโซ่แดง”
ชายชราเมิ่งจีกล่าว “เผ่าอสรพิษโซ่แดงเป็นปรปักษ์กับพ่อเจ้ามานานแล้ว ในกลุ่มสหายพ่อเจ้า… มีหนอนบ่อนไส้จากเผ่าอสรพิษโซ่แดง…”
ในตอนแรก เมื่อเผ่าอสรพิษโซ่แดงจัดการกับราชันวิฬาร์หิมะสวรรค์ ทุกอย่างจึงถูกจัดวางอย่างแม่นยำ และมีการจัดแจงสายลับในกลุ่มสหายของราชันวิฬาร์หิมะสวรรค์ล่วงหน้า
หลังจากเหตุการณ์นั้น เผ่าอสรพิษโซ่แดงไม่ได้ถอดสายลับเหล่านั้นออก และตอนนี้สายลับเหล่านั้นก็มีประโยชน์ในการบอกให้เผ่าอสรพิษโซ่แดงรู้ว่า ราชันวิฬาร์หิมะสวรรค์ยังไม่ตายและกำลังกลับไปยังภาคกลาง
“ท่านเซียนมีจิตใจดี เขาคงไม่อยากให้พ่อของเจ้าตายอย่างอนาถ จึงพาข้ากลับบ้าน…”
ชายชราเมิ่งจีกล่าว ในที่สุดก็นึกถึงเหตุผลที่ท่านเซียนพาเขากลับมาที่แห่งนี้ได้
“ท่านเซียนเป็นดั่งสวรรค์ที่ควบคุมทุกสรรพสิ่ง ครั้งนี้เขาไม่ได้พาเจ้าออกไปเพื่อต้องการให้ข้าไขข้อกระจ่างให้เจ้า และยังรู้ว่าบิดาของเจ้าคงไม่มาหาในช่วงระยะนี้ ดังนั้นอย่าตื่นตระหนกไป จงมอบประสบการณ์แห่งเต๋าให้ข้าเผื่อมันจะช่วยได้บ้าง…”
ชายชราเมิ่งจีอารมณ์ดีมาก… ท่านเซียนก็คือท่านเซียน ทุกอย่างเป็นไปตามคาด!
“ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ถึงไม่พาข้าออกไป ตามปกติแล้วจะพาข้าออกไปด้วย…”
ลั่วสุ่ยตระหนักได้ทันที
ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่พาแค่หลิงอินไป ตามปกติเขามักพานางไปที่นั่นด้วย แต่คราวนี้กลับไม่พาไป
“ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่…”
ลั่วสุ่ยรู้สึกซาบซึ้งจนน้ำตาคลอเบ้า ผู้อาวุโสใจดีกับนางมาก!
ชายชราเมิ่งจีหยิบแผ่นคาถาออกมาและท่องสักสองสามคำ จากนั้นแผ่นคาถาก็เผาไหม้กลายเป็นถ่าน แล้วลำแสงก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
“นี่คือยันต์ส่งเสียง ข้าบันทึกทุกอย่างในยันต์ส่งเสียงแล้ว เจ้านิกายจะได้รับข้อมูลนี้ ข้าขอให้เจ้านิกายช่วยราชันวิฬาร์หิมะสวรรค์ให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้”
ชายชราเมิ่งจีกล่าว
ในแง่ความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว นิกายลับสวรรค์ไม่ได้แข็งแกร่งปานแดนศักดิ์สิทธิ์เพียงนั้น
เผ่าอสรพิษโซ่แดงมีพลังมหาศาล และแข็งแกร่งหรืออ่อนแอกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เพียงเท่านั้น หากนิกายลับสวรรค์ต้องการเผชิญหน้ากับเผ่าอสรพิษโซ่แดงจริง โอกาสในการชนะก็ไม่สูงนัก
อย่างไรก็ตาม นิกายลับสวรรค์มีเส้นสายมากเกินไปในภาคกลาง และผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนต่างโปรดปรานนิกายลับสวรรค์
ตราบใดที่นิกายลับสวรรค์ยกแขนขึ้น ขุมพลังเหล่านี้จะตอบสนอง
ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่า นิกายลับสวรรค์เป็นกองกำลังที่ไม่ควรได้รับการยั่วยุมากที่สุดในเหยียนโจว!
“ขอบคุณ ขอบคุณท่าน!”
ลั่วสุ่ยรู้สึกขอบคุณไม่รู้จบ
นางรู้ว่านิกายลับสวรรค์น่าทึ่งเพียงใด และหากนิกายลับสวรรค์ลงมือ พ่อของนางจะไม่เป็นอะไรมากนัก
“ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก นี่คือการกระทำของท่านเซียนทั้งนั้น!”
ชายชราเมิ่งจีกล่าว