รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] - บทที่ 1158 หลอมโอสถบำรุงชั้นยอด ซี เจ้าอย่าได้คิดไร้สาระ!
- Home
- รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]
- บทที่ 1158 หลอมโอสถบำรุงชั้นยอด ซี เจ้าอย่าได้คิดไร้สาระ!
บทที่ 1158 หลอมโอสถบำรุงชั้นยอด ซี เจ้าอย่าได้คิดไร้สาระ!
…………….
บทที่ 1158 หลอมโอสถบำรุงชั้นยอด ซี เจ้าอย่าได้คิดไร้สาระ!
บ้านถูกคนบุกเข้าไป หลี่จิ่วเต้าโกรธเป็นอย่างมาก เขาต้องการจะบุกบ้านเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์คืนด้วย
นี่ไม่ใช่การลงมืออย่างมุทะลุ ก่อนหน้านี้เขาส่งกระบี่ฉุนจวินไปยังแดนพิสุทธิ์จวินเทียนมาหนหนึ่ง รับรู้ว่าเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์ยังไม่กลับมา เขาจึงสามารถบุกบ้านของเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์ได้!
เขาบอกให้พวกต้นหลิวเตรียมพร้อมให้ดี วันรุ่งขึ้นจะเดินทางไปแดนพิสุทธิ์
วันรุ่งขึ้นมาถึงอย่างรวดเร็ว แสงอรุณสาดทอทั่วผืนดิน ประหนึ่งทองแตกกระจาย
จวินอีที่อยู่ในห้องก็ตื่นขึ้นมา
“บัดซบ!”
จวินอีที่เพิ่งตื่นพลันตื่นตกใจอย่างหนัก กระโจนลงจากเตียงทันที
“หลับหนึ่งตื่น ข้ามาถึงขั้นสิบเก้าขอบเขตอัครแล้ว?!”
สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความแปลกประหลาด รู้สึกว่าตนเองอาจยังไม่ตื่น ยังคงอยู่ในความฝัน
ไม่ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับผู้ใด ผู้นั้นก็คงไม่กล้าเชื่อได้ลง!
เพียงหลับไปตื่นหนึ่งพลังขอบเขตอัครกลับก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้น นี่มันไม่สมจริงเกินไปแล้ว!
“ความฝัน ต้องเป็นความฝันแน่!”
เขาเอ่ยครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่เชื่อว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง สิ่งนี้น่าเหลือเชื่อเกินไป พึงรู้ว่าหลังขอบเขคอัครไปแล้ว ไฉนเลยจะก้าวหน้าได้ง่ายดายเพียงนี้?
ไม่มีทางเป็นไปได้!
เขาตบหน้าตัวเองอย่างแรง นี่ต้องเป็นฝันแน่ ๆ!
“โอ้ย เจ็บ!”
ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวจากการตบ ฟันในปากกระเด็นหลุด ความเจ็บปวดสาหัสบอกเขาว่าทุกสิ่งไม่ใช่ความฝัน!
“เพียงนอนหลับหนึ่งตื่นก็ก้าวหน้าขึ้นไปอีกหนึ่งขั้นได้จริงหรือ?”
เขาถูกทำให้สั่นสะท้านอย่างมาก สุราและอาหารเมื่อวานพิเศษเหนือชั้นถึงเพียงนี้เชียวหรือ?!
ก่อนจะเริ่มกินดื่ม เขาสัมผัสได้ว่าสุราและอาหารเหล่านั้นไม่ธรรมดา ตระหนักได้ว่าหลังกินเข้าไปแล้ว เขาจะต้องก้าวหน้าขึ้นอย่างมากแน่นอน!
แต่เขาคาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าความก้าวหน้าครั้งใหญ่จะมากถึงเพียงนี้ พลังขอบเขตอัครถึงกับเพิ่มขึ้นมาหนึ่งขั้นโดยตรง!
นี่มันน่าอัศจรรย์สะท้านขวัญเกินไปแล้ว!
“คนผู้นี้วางแผนต่อกรกับวิหารโบราณลึกลับจริง ๆ!”
เขาเอ่ยด้วยตัวสั่นสะท้าน
ความคิดนี้ปรากฏขึ้นมาในใจเขาเมื่อวาน เพียงแต่ไม่แน่ใจ ทว่าในยามนี้เขามั่นใจ ไร้ข้อสงสัยอันใดอีกต่อไป
เพียงแค่หนึ่งมื้อสุราและอาหารก็ทำให้เขาก้าวหน้าได้หนึ่งขั้นเต็ม ๆ เช่นนั้นสิ่งมีชีวิตอื่นจะเป็นคู่ต่อกรกับหลี่จิ่วเต้าได้อย่างไร?
ไม่มีทางเป็นไปได้!
ความแข็งแกร่งของหลี่จิ่วเต้าจะต้องก้าวขึ้นไปถึงจุดที่ไม่อาจจินตนาการได้!
นอกเหนือจากต้องการต่อกรวิหารโบราณลึกลับ เขานึกอย่างอื่นไม่ออกจริง ๆ
“เกิดอันใด?”
หลี่จิ่วเต้าได้ยินเสียงอุทานของจวินอีจึงเดินเข้าไปในห้อง เมื่อเห็นใบหน้าบิดเบี้ยวของจวินอีและฟันที่อยู่บนพื้น เขาก็พลันตกตะลึง “ผู้ใดตีเจ้ากัน?”
จวินอียิ้มฝืน “ไม่มีคนตีข้า แต่ข้าตีตัวเองเพราะรู้สึกทุกอย่างไม่สมจริงเกินไป ประหนึ่งอยู่ในความฝัน ข้าจึงตบตัวเอง”
“ตบของเจ้ารุนแรงยิ่งหนัก!” หลี่จิ่วเต้าเอ่ยด้วยสีหน้าแปลกประหลาด
ทั้งใบหน้าบิดเบี้ยว ฟันร่วงหมด จวินอีช่างตบได้ดุดันนัก!
จากนั้นเขาก็แย้มยิ้มเอ่ยออกมา “ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ นับเป็นเรื่องปกติอย่างยิ่ง สุราและอาหารที่ข้านำมารับรองเมื่อวานไม่ใช่ของธรรมดา”
เขารู้แจ้งว่าเหตุใดจวินอีจึงรู้สึกประหนึ่งฝันไป ต้องเป็นเพราะผลประโยชน์จากสุราและอาหารเมื่อวานอย่างแน่นอน ระหว่างหลับจวินอีจึงได้รับความก้าวหน้า
นับเป็นเรื่องปกติยิ่ง
อย่างไรเสียสุราและอาหารเหล่านั้นล้วนไม่ธรรมดา หากจวินอีไม่พัฒนาเช่นนั้นจึงนับว่าแปลก
จวินอีรีบขอบคุณหลี่จิ่วเต้า
ไม่ว่าหลี่จิ่วเต้าต้องการทำสิ่งใด แต่หลี่จิ่วเต้าก็ยังคงปฏิบัติต่อเขาอย่างดีโดยไม่มีความจำเป็นต้องทำเช่นนั้น ไม่เพียงช่วยชีวิต ยังมอบความก้าวหน้าให้เขา นี่นับเป็นบุญคุณต้องทดแทน!
“ข้ายินดีติดตามท่าน ทำงานให้ท่านอย่างสุดแรง!”
เขาเอ่ยกับหลี่จิ่วเต้าอย่างจริงจัง
แม้ในมุมมองของเขา การต่อกรกับวิหารโบราณลึกลับไม่มีโอกาสชนะแต่อย่างใด ทว่าหากเขาคิดจะสู้จนสุดชีวิตให้กลายเป็นผู้แข็งแกร่งสุดในบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งหมดเองก็นับว่าไม่มีโอกาสโดยสิ้นเชิง
ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เขาสู้ตามหลี่จิ่วเต้าเข้าสมรภูมิเสียดีกว่า อย่างน้อยการตายของเขาก็ยังมีความหมาย
“ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้”
หลี่จิ่วเต้าพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่รับน้องชาย และก็ไม่อยากรับด้วย เจ้ากับข้านับว่าเป็นสหาย ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้”
จากนั้นเขาก็เอ่ยต่อ “เจ้าตื่นมาได้พอดี ไปทานข้าวเช้าเถิด หลังพวกเราทานเสร็จแล้วค่อยไปแดนพิสุทธิ์ บุกรังของเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์กัน”
กล่าวถึงตรงนี้ เขาก็หยุดครู่หนึ่งแล้วเอ่ยถามจวินอี “ข้าจะต่อกรกับเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์ เจ้ากลัวหรือไม่? หากกลัวก็แยกทางหลังทานอาหารเช้าเถิด ไม่จำเป็นต้องไปแดนพิสุทธิ์กับพวกข้า”
อะไรนะ?
จวินอีฟังแล้วตื่นตะลึง
ต่อกรกับจ้าวแดนพิสุทธิ์ เขากลัวหรือไม่?
กลัวก็บ้าแล้ว!
อย่าว่าแต่เขาที่ตอนนี้อยู่ขั้นสิบเก้าขอบเขตอัครเลย กระทั่งก่อนหน้านี้ที่เขายังอยู่ขั้นสิบแปดขอบเขตอัคร เขาคิดกวาดล้างเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์ เพียงแค่ยกมือขึ้นก็ทำได้อย่างง่ายดาย
เขาไม่เชื่อว่าผู้มาทีหลังเช่นเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์จะน่าสะพรึงกลัวเท่ากับหลี่จิ่วเต้า
อีกทั้งด้วยความแข็งแกร่งของหลี่จิ่วเต้า การกวาดล้างจ้าวแดนพิสุทธิ์ เพียงคิดก็ทำได้ไม่ใช่หรือ?
มีสิ่งใดต้องกลัวกัน…
เขาไม่เข้าใจ!
‘ประเดี๋ยวก่อน เขาไม่ได้ถามข้าว่ากลัวจ้าวแดนพิสุทธิ์หรือไม่ แต่ถามว่ากลัววิหารโบราณลึกลับหรือไม่!’
ดวงตาของเขาเปล่งประกายระหว่างคิดขึ้นมาในใจ คำพูดของหลี่จิ่วเต้าไม่ได้ถามว่าเขากลัวจ้าวแดนพิสุทธิ์หรือไม่ตามที่แสดงออกมาภายนอก แต่ถามว่าเขากลัววิหารโบราณลึกลับหรือไม่!
อย่างไรเสียเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์ก็ไม่มีสิ่งใดให้กลัว หลี่จิ่วเต้าจะถามเช่นนั้นออกมาได้อย่างไร
‘เขาไม่ต้องการพูดออกมาตรง ๆ หรือ? คิดดูแล้วน่าจะเป็นเช่นนั้น ไฉนจะสามารถเอ่ยออกมาโดยตรง วิหารโบราณลึกลับปรากฏขึ้นเมื่อใดก็ได้ หากเอ่ยโดยตรงง่ายยิ่งนักจะเกิดเรื่อง!’
เขาเอ่ยในใจ
หลังจากเข้าใจจุดนี้แล้ว เขาก็เอ่ยปาก “ไม่กลัว! ข้ายินดีจะติดตามท่านร่วมต่อสู้จนถึงท้ายที่สุด!”
“เจ้าต้องคิดให้ดี ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยประมือกับเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์มาก่อน ไม่รู้ว่าทรงพลังมากเพียงใด บางทีข้าเองอาจไม่ไหว ตามข้าไปยังแดนพิสุทธิ์ ยังนับว่าอันตรายอยู่บ้าง”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ย
เป็นเรื่องจริง หลี่จิ่วเต้ากล่าวถึงเรื่องวิหารโบราณลึกลับ!
หลังได้ยินหลี่จิ่วเต้าเอ่ย จวินอีก็ไม่สงสัยอีกต่อไป
หลี่จิ่วเต้ากล่าวว่าตนเองไม่เคยประมือกับเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์มาก่อน ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์ นี่จะเป็นไปได้อย่างไร เขารู้ดีว่าหลี่จิ่วเต้าเคยต่อสู้ครั้งใหญ่กับเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์!
เห็นได้ชัดเจนยิ่งว่าหลี่จิ่วเต้ากำลังเอ่ยถึงปัญหาวิหารโบราณลึกลับ ความหมายของหลี่จิ่วเต้าคือตนเองไม่เคยประมือกับวิหารโบราณลึกลับ ดังนั้นจึงไม่ทราบเบื้องลึกเบื้องหลังของวิหารโบราณลึกลับ!
คิดเช่นนี้แล้ว ทุกอย่างก็สมเหตุสมผล
“ข้าไม่กลัว!”
เขาเอ่ยอย่างแน่วแน่ แสร้งกล่าวถึงเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์ แอบซ่อนความนัยถึงวิหารโบราณลึกลับ “พวกเขาสมควรถูกโค่นล้มไปนานแล้ว เหตุใดจึงต้องทำทุกสิ่งตามคำพูดของพวกเขา? ไม่ พวกเขาไม่อาจทำเช่นนั้น จำเป็นต้องอาจหาญลุกขึ้นต่อต้าน!”
“ที่แท้เจ้าเองก็ชิงชังพวกเขามากเพียงนี้ ยอดเยี่ยม พวกเรามีเป้าหมายเดียวกัน สามารถร่วมมือกันเพื่อโค่นล้มพวกเขาลงมา!”
หลี่จิ่วเต้ากล่าวด้วยรอยยิ้ม เข้าใจว่าจวินอีเกลียดชังเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์
“เยี่ยม!”
จวินอีตอบรับอย่างตื่นเต้น
“ไปทานข้าวเช้าก่อนเถิด”
หลี่จิ่วเต้าแย้มยิ้ม เดินออกจากห้องพร้อมจวินอีไปทานอาหารเช้า
อาหารเช้าธรรมดาเป็นอย่างยิ่งเป็นเพียงข้าวต้มกับผักดอง ทว่ากินเข้าไปแล้วกลับไม่ธรรมดาโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแค่อร่อยเลิศรส ยังเปี่ยมด้วยสสารเหนือชั้นอันน่าอัศจรรย์ ทำให้จวินอีที่กินเข้าไปแล้วอดทอดถอนใจไม่ได้
นี่คือชีวิตของตัวตนผู้ยิ่งใหญ่หรือ? ช่าง ‘เรียบง่ายไร้อวดโอ้’ เสียจริง กระทั่งข้าวเช้าที่ไม่ธรรมดายังดูสามัญยิ่ง!
“ไปแดนพิสุทธิ์กันเถิด”
หลังอาหารเช้า หลี่จิ่วเต้ากล่าวด้วยรอยยิ้ม
เขาบอกลาบรรดาสิ่งมีชีวิตสตรีเพศ “ตอนนี้แดนพิสุทธิ์ยังไม่ปลอดภัย ไม่สะดวกยิ่งจะให้พวกเจ้าเข้าไป รอหลังจากกวาดล้างจ้าวแดนพิสุทธิแล้ว ค่อยพาพวกเจ้าเข้าไปฝึกฝน”
“ขอบคุณคุณชาย!”
“คุณชายต้องระวังตัวด้วย!”
สิ่งมีชีวิตสตรีเพศเหล่านั้นตอบรับก่อนแยกย้ายไปจากที่นี่
จักรพรรดินีหนานกงและหงส์โลหิตรัตติการไม่ได้อยู่ที่นี่ เมื่อวานยามหลี่จิ่วเต้ากล่าวว่ากำลังจะไปแดนพิสุทธิ์ เขาก็ตัดสินใจพาทั้งสองไปด้วย
อย่างไรเสียทั้งจักรพรรดินีหนานกงและหงส์โลหิตรัตติกาลก็ไม่เหมือนกับสิ่งมีชีวิตสตรีเพศเหล่านั้น แข็งแกร่งกว่ามาก
จากนั้นเขาเคลื่อนไหว ตรงเข้าสู่แดนพิสุทธิ์
พวกเขาทั้งหมดนั่งบนเรื่อกระดาษ ด้วยหนึ่งความคิดของหลี่จิ่วเต้า เรือกระดาษพลันขยายใหญ่โตมโหฬารอย่างถึงที่สุด ประหนึ่งนาวายักษ์ รองรับทุกคนได้อย่างง่ายดาย
‘ไม่รู้ว่าบรรพจารย์ฝูจะเคลื่อนไหวเช่นใด…’
ซีคิดในใจด้านบนเรือ
บุรุษตัวน้อยกำลังไปยังแดนพิสุทธิ์อันเป็นรังของเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์ นี่หมายความว่าบุรุษตัวน้อยกำลังจะเริ่มเปิดฉากการต่อสู้อย่างเป็นทางการกับเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์
สมบัติบรรพจารย์ฝูอยู่บนร่างบุรุษตัวน้อย บรรพจารย์ฝูย่อมต้องให้ความสนใจกับบุรุษตัวน้อยอย่างถึงที่สุด ซีอยากรู้อย่างยิ่งว่าบรรพจารย์ฝูจะเคลื่อนไหวเช่นไรหลังบุรุษตัวน้อยเปิดสงครามครั้งนี้ขึ้นอย่างเป็นทางการ
บรรพจารย์ฝูจะปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าแล้วเรียกคืนสมบัติทั้งหมดจากบุรุษตัวน้อย หรือจะโกรธบุรุษตัวน้อยเป็นอย่างมากที่นำมาซึ่งการที่ตัวตนของเขาถูกเปิดโปง?
นางกังวลเป็นอย่างมาก!
ขณะนั้นเอง จิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงวิ่งเข้ามาหาซีแล้วพูดขึ้น “พี่สาวซี คุณชายบอกว่าพี่สาวซีชอบสัตว์เล็กยิ่งนัก จึงให้ข้ามาอยู่ข้าง ๆ ข้าเองก็ชอบพี่สาวซีมาก ให้ข้าอยู่ในอ้อมแขนของพี่สาวซีได้หรือไม่?”
นางไม่ได้อยู่ในร่างมนุษย์ แต่กลับสู่ร่างจิ้งจอก
“ย่อมได้แน่นอน!”
ซีชื่นชอบจิ้งจอกสีแดงเพลิงตั้งแต่แรกเห็น นางอุ้มจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงเอาไว้ในอ้อมแขนด้วยรอยยิ้ม
หลี่จิ่วเต้าเห็นฉากนี้ก็พลันมองออกว่าจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงจงใจทำให้ซีมีความสุข หลังเห็นว่าก่อนหน้านี้ซีเต็มไปด้วยความกังวลอย่างชัดเจน
‘บางทีอาจไม่ใช่จิ้งจอกน้อยที่โตแล้ว แต่เป็นฝีมือของจิ้งจอกขาว?’
เขาเห็นจิ้งจอกขาวเต็มไปด้วยรอยยิ้มปีติ เขาคิดว่าบางทีอาจเป็นจิ้งจอกขาวที่บอกให้จิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงทำเช่นนี้
‘ไม่ว่าใครล้วนดีหมด’
เขาเอ่ยในใจด้วยรอยยิ้ม
เรือกระดาษทรงพลังอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เพียงอึดใจก็มาถึงแดนพิสุทธิ์ แม้ระหว่างแดนพิสุทธิ์กับแดนลับมีสิ่งขวางกั้น ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเรือกระดาษ สิ่งขวางกั้นเหล่านั้นล้วนไร้ค่า
“คุณชายผู้นั้นมาแล้ว!”
หลังเรือกระดาษปรากฏขึ้น เหล่าสมาชิกแดนพิสุทธิ์พลันสีหน้าแปรเปลี่ยน เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
พวกเขาจะไม่กลัวได้อย่างไร ครั้งสุดท้ายที่ต่อสู้กับหลี่จิ่วเต้า พวกเขาไม่เพียงพ่ายแพ้ในเงื้อมมือของหลี่จิ่วเต้า กระทั่งหยวนอู้ที่อยู่เหนือกว่าขึ้นไปยังถูกขจัดสิ้น
หลังจากนั้นหลี่จิ่วเต้าไม่สังหารแต่ปล่อยพวกเขาเอาไว้
แต่ด้วยเหตุนี้เองทำให้พวกเขาต้องวิตกกังวลหวาดกลัวอยู่ทุกวัน ก่อนหน้านี้ไม่นาน กระบี่ฉุนจวินมายังแดนพิสุทธิ์ด้วยโทสะ พลิกฟ้าทั่วทั้งแดนพิสุทธิ์ ส่งผลให้พวกเขายิ่งหวาดกลัวจนทนไม่ได้
คราวนี้หลี่จิ่วเต้ามาแดนพิสุทธิ์ด้วยตัวเอง นี่คือต้องการสังหารพวกเขาแล้วหรือ?
“นั่งรอพวกเขากลับมา!”
หลี่จิ่วเต้ายิ้มเย็นเยียบ รอคอยการกลับมาของจ้าวแดนพิสุทธิ์
เขาไม่ได้สังหารเหล่าสมาชิกแดนพิสุทธิ์ ยามนั้นเขาต้องการให้พวกลั่วสุ่ยมาสังหารเหล่าสมาชิกแดนพิสุทธิ์เหล่านี้เอง ให้พวกลั่วสุ่ยได้ใช้ฝึกฝนลับคม
ยามนี้ความคิดของเขายังไม่เปลี่ยนแปลง ยังต้องการเก็บเหล่าสมาชิกแดนพิสุทธิเอาไว้ให้พวกลั่วสุ่ยจัดการ
‘พวกลั่วสุ่ยเติบโตช้าไปบ้าง…’
เขาครุ่นคิด รู้สึกว่าพวกลั่วสุ่ยเติบโตได้ค่อนข้างช้า การฝึกฝนลับคมในแดนลับลำดับหกสิบแปด มีเพียงแค่ต้นหลิวเท่านั้นที่ทำสำเร็จ ส่วนพวกลั่วสุ่ยไม่มีเลย
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากพวกลั่วสุ่ยต้องการสังหารสมาชิกแดนพิสุทธิ์ ก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาเท่าใดจึงจะสำเร็จ
‘เรื่องอนาคตไร้ผู้สามารถคาดเดา เรื่องนอกเหนือความคาดหมายเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา…’
เขาคิดในใจ ‘ยังคงต้องทำให้พวกลั่วสุ่ยแข็งแกร่งมากสุดเท่าที่ทำได้!’
นี่เป็นเหตุผลที่ก่อนหน้านี้เขาให้พวกลั่วสุ่ยไปฝึกฝนลับคมในแดนลับลำดับหกสิบแปด เขาอยากให้พวกลั่วสุ่ยแข็งแกร่งขึ้นโดยไวที่สุด มีพลังเพียงพอเผชิญหน้ากับภัยอันตรายทั้งปวง
อย่างไรเสียทุกสิ่งเป็นอย่างที่เขาพูด อนาคตไม่อาจคาดเดาได้ เรื่องนอกเหนือความคาดหมายเกิดขึ้นได้ตลอดเลย มีเพียงแต่พวกลั่วสุ่ยต้องแข็งแกร่งเพียงพอจึงจะหลีกเลี่ยงเรื่องทั้งหมดได้
‘หลอมโอสถ! หลอมโอสถวิเศษเหนือชั้น!’
เขาตัดสินใจหลอมโอสถล้ำค่าให้ความแข็งแกร่งของพวกลั่วสุ่ยก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว!
ในมือของเขามีเตาหลอมโอสถอยู่ บรรพจารย์ฝูกล่าวว่านี่เป็นเตาวิเศษอันดับหนึ่งในใต้หล้า สามารถหลอมโอสถไร้เทียมทานได้
อีกทั้งในมือของเขายังมีสมุนไพรล้ำค่ามากมาย
สำหรับพลังที่จำเป็นต้องใช้ยามหลอมโอสถ เขาสามารถทดแทนด้วยสมบัติในมือได้
การหลอมโอสถช่วยฝึกฝน สำหรับเขาแล้วไม่ใช่ปัญหาใหญ่
สิ่งเดียวเขาไม่มีคือสูตรโอสถ!
‘รวบรวมสูตรโอสถ ข้าต้องการเข้าใจอย่างทะลุปรุโปรง หลอมโอสถยอดเยี่ยมสุดในใต้หล้า!’
เขาเอ่ยในใจ
แม้เขาจะเชี่ยวชาญทักษะการแพทย์ หลอมโอสถได้ แต่นั่นก็เป็นเพียงทักษะการแพทย์ของปุถุชน ไม่เคยสัมผัสการหลอมโอสถของผู้ฝึกตน เขาตัดสินใจรวบรวมสูตรโอสถ หมายมั่นเรียนรู้การหลอมโอสถของโลกผู้ฝึกตนให้ถ่องแท้ หลอมออกมาเป็นโอสถล้ำค่าที่สุดในโลก
หลังจากนั้นเขาก็เอ่ยกับซีว่าตนเองต้องการหลอมโอสถบำรุงขั้นสูงสุด
“หลอมโอสถบำรุงขึ้นสูงสุด?”
หลังจากซีได้ยิน นางก็มองหลี่จิ่วเต้าด้วยประกายตาลึกล้ำ “บุรุษตัวน้อยจำเป็นต้องบำรุงจริง ๆ…”
หลี่จิ่วเต้าได้ยินซีเอ่ยเช่นนี้แล้ว เขารู้ทันทีว่าซีเข้าใจผิดคิดว่าเขาต้องการหลอมโอสถบำรุงให้ตนเอง
“คิดอะไรอยู่! ร่างกายข้ายังต้องการบำรุงหรือ? อย่าคิดไร้สาระ ยาบำรุงไม่ใช่ให้ข้ากิน แต่ให้พวกเจ้ากิน”
เขาเอ่ยออกมา “ข้าเตรียมจะหลอมโอสถบำรุงขั้นสูงสุดให้ความแข็งแกร่งของพวกเจ้าก้าวหน้าขึ้นอย่างสะท้านฟ้าสะเทือนดิน!”
…………….