รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] - บทที่ 1156 พวกเราล้วนดูแคลนผู้มาทีหลัง แต่หลี่จิ่วเต้านั้นเป็นม้ามืด!
- Home
- รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]
- บทที่ 1156 พวกเราล้วนดูแคลนผู้มาทีหลัง แต่หลี่จิ่วเต้านั้นเป็นม้ามืด!
บทที่ 1156 พวกเราล้วนดูแคลนผู้มาทีหลัง แต่หลี่จิ่วเต้านั้นเป็นม้ามืด!
…………….
บทที่ 1156 พวกเราล้วนดูแคลนผู้มาทีหลัง แต่หลี่จิ่วเต้านั้นเป็นม้ามืด!
ทิวทัศน์บนยอดเขางดงามประหนึ่งภาพวาด จวินอีคิดว่าอย่างน้อยตายที่นี่ก็ดีกว่าตายที่อื่น
เขาหลับตาลง รอให้หลี่จิ่วเต้าสังหารเขา
ยามนี้แม้เขาคิดต่อต้านก็ไม่อาจทำได้ อาการบาดเจ็บร้ายแรงเกินไป ไม่อาจใช้พลังออกมาได้เลย
ตู้ม!
การโจมตีพุ่งเข้ามาอีกครั้ง สิ่งมีชีวิตที่ไล่ตามสังหารไม่คิดยอมแพ้ พลังอันไร้ที่สิ้นสุดแผ่กระจาย ทั่วทั้งแดนลับถูกพลิกกลับ ดาบใหญ่ฟันตัดขวางเข้ามา ความว่างเปล่า เวลา และกฎวิถีสวรรค์ต่างถูกตัดสิ้น น่าสะพรึงกลัวอย่างถึงที่สุด!
“จ้าวแดนพิสุทธิ์ผู้หนึ่งหรือ?”
ซีตื่นตกใจขวัญสะท้าน ขอบเขตนางสูงเป็นอย่างยิ่ง ยามนี้อยู่ถึงขั้นปลายขอบเขตแกนนภา ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับดาบใหญ่ที่ฟาดออกมา นางรู้สึกอย่างลึกซึ้งว่าตนเองตัวเล็กจ้อย ไม่อาจต่อกรได้ หากพลังของดาบใหญ่มาถึงตัว นางจะต้องตายลงในพริบตา!
ดาบที่น่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้ นางคิดถึงจ้าวแดนพิสุทธิ์ขึ้นมาทันที
“แข็งแกร่งถึงเพียงนี้!”
รูม่านตาสีเขียวของต้นหลิวในร่างคนหดลงอย่างรวดเร็ว
ภายในใจของมันสั่นสะท้านอย่างแรง ก่อนหน้านี้มันเคยแข็งแกร่งไร้เทียมทาน กวาดล้างศัตรูทั้งปวง แต่ช่วงหลังมันยิ่งไร้พลังขึ้นเรื่อย ๆ ศัตรูยิ่งน่ากลัวกว่าเดิมไม่หยุดจนมันไม่อาจตามทัน อย่าว่าแต่กวาดล้างศัตรูเลย กระทั่งต่อสู้ด้วยมันยังทำไม่ได้
ตัวอย่างเช่นดาบใหญ่ในตอนนี้ มันห่างไกลเกินจนไร้หนทางต่อกร ช่องว่างใหญ่เกินไปทำให้มันถูกจัดการได้ในพริบตา
“ข้าต้องการแข็งแกร่งยิ่งขึ้น!”
ดวงตาของมันวาวโรจน์ ปรารถนาจะแข็งแกร่งขึ้น ต้องการกวาดล้างศัตรูและปล่อยให้คุณชายนั่งจิบชาสบาย ๆ ได้อีกครั้งเหมือนเมื่อก่อน
ในตอนนี้ส่วนใหญ่เป็นคุณชายที่ลงมือจัดการศัตรู
พวกลั่วสุ่ยต่างรู้สึกเหมือนกับมัน
พวกเขาที่กำลังฝึกฝนในแดนลับเองก็เห็นดาบใหญ่ที่น่าสะพรึงกลัว ภายในใจเกิดความรู้สึกตัวเล็กน้อยไม่มีค่าอันใด ห่างไกลเกินกว่าจะรับมือกับดาบใหญ่ได้!
“อามิ…ต้าเต๋อฝอ ข้าต้าเต๋อฝอผู้ไร้เกศา เมื่อใดกันที่ข้าสามารถใช้มือเดียวบดขยี้ดาบใหญ่นั่นได้?”
ต้าเต๋อเอ่ยอย่างคับแค้น รู้สึกว่าตนเองอ่อนแอเกินไป
“พรุ่งนี้ เพียงวันพรุ่งนี้…”
ทันใดนั้นเองพลันมีเสียงหนึ่งดังเข้ามาในหูต้าเต๋อ ทำให้เขาสะดุ้งตกใจ
“บัดซบ อ้ายฉาน ไฉนจึงหลอกหลอนข้าไม่เลิก!”
ต้าเต๋อแทบร้องไห้ออกมาจริง ๆ
เขาพยายามทุกหนทางเพื่อสลัดอ้ายฉานออกไป แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สำเร็จ ถูกอ้ายฉานไล่ตามมาเหมือนเดิม
“เจ้าโล้นน้อยอย่าได้เอ่ยวาจาเลอะเทอะ ที่นี่คือบ้านของเจ้าหรือ? เจ้าฝึกฝนที่นี่ได้ แต่ข้าทำไม่ได้?”
อ้ายฉานตะโกนด้วยท่าทางน่ารัก
“งดงามนัก!”
เสียงดังขึ้นในเงามืด จู้จื่อเองก็ตามมาด้วย หลังจากมองท่าทางน่ารักของอ้ายฉานแล้วพลันอดพูดออกมาไม่ได้
“จู้จื่อตัวเหม็น เหตุใดเจ้าจึงตามข้าตลอด!”
อ้ายฉานเท้าเอวด้วยความโกรธ ถลึงตามองจู้จื่อ
“อ้ายฉานเจ้าอย่าได้เอ่ยวาจาเลอะเทอะ ที่นี่คือบ้านของเจ้าหรือ? เจ้าฝึกฝนที่นี่ได้ แต่ข้าทำไม่ได้?”
จู้จื่อเอ่ยอย่างชอบธรรม ใช้วาจาก่อนหน้านี้ของอ้ายฉานมาเป็นข้ออ้าง
“หาเรื่อง!”
อ้ายฉานโกรธกว่าเดิม ชกหมัดใส่จู้จื่อ
“อามิ…ต้าเต๋อฝอ หลากหลายแสงสีบนโลกาดึงดูดตาคน ข้าต้าเต๋อฝอควรหลีกหนีไปเสียก่อน!”
ต้าเต๋อแอบหนีไปทันที
…
ตู้ม!
ดาบใหญ่อันน่าสะพรึงกลัวฟันเข้ามา นำพาซึ่งพลังมหาศาลอันไม่อาจจินตนาการได้!
ทว่าเมื่อมันไปถึงตัวร่ม กลับไม่สามารถขยับได้ ถูกร่มหยุดเอาไว้
“เห็นคนไม่โกรธ จึงคิดว่าคนโกรธไม่เป็นหรือ?”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยด้วยสีหน้าเฉยเมย
“กระบี่มา!”
เขาเอ่ยเสียงดัง กระบี่ฉุนจวินทะยานเข้ามาอยู่ในมือของเขาในพริบตา
จากนั้นเขาพลันพุ่งออกจากร่มใหญ่ออกไปด้านหน้า ฟันกระบี่ตรงไปทางดาบใหญ่!
พริบตาเดียว แสงกระบี่นับร้อยล้านระเบิดออกมา เจตจำนงกระบี่สูงสุดกู่ร้อง ดาบใหญ่แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ทันที กระจัดกระจายไปทุกหนแห่ง
หลี่จิ่วเต้าถือกระบี่ฉุนจวินในมือยืนบนฟ้าสูง เสื้อผ้าสะบัดไหว ไม่ต้องกล่าวเลยว่าดูสูงส่งเพียงใด ประหนึ่งจ้าวกระบี่ไร้เทียมทาน สามารถกวาดล้างศัตรูทั้งปวงได้!
ร่างของเขาเปล่งประกายอย่างถึงที่สุด ส่องสะท้อนทั่วทั้งแดนลับ ทุกสรรพสิ่งเมื่ออยู่เบื้องหน้าของเขาหมองหม่นลง สิ่งมีชีวิตทั้งหมดต่างมองเห็นภาพร่างเงาอันไร้เทียมทานของเขา
“คุณชายไร้เทียมทาน!”
สถานที่แห่งหนึ่งในแดนลับ มัจฉาสัตมายามองไปทางร่างเงาไร้เทียมทานของหลี่จิ่วเต้าด้วยสายตาเปล่งประกายอย่างยิ่ง
“เมื่อใดข้าจะไร้เทียมทานเช่นนั้นบ้าง?!”
เขาอดกล่าวออกมาไม่ได้ ปรารถนาจะไร้เทียมทานเช่นนั้นบ้าง
เสียงตุบดังขึ้น เขาถูกชางเหยาใช้มือทุบหัวโดยแรง
“เจ้ายังคิดไร้เทียมทาน? เหอะ คิดอันใดอยู่! คุณชายให้เจ้าออกมาลับคม แต่เจ้าลับคมที่ใดกัน? เพียงแค่พบเจออันตราย เจ้าก็ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังข้าแล้ว ยังคิดอยากไร้เทียมทานอยู่อีกหรือ?!”
ชางเหยาถลึงตามองมัจฉาสัตมายา
คุณชายให้พวกเขาออกมาฝึกฝนในแดนลับ มัจฉาสัตมายานั้นดียิ่ง จนกระทั่งถึงตอนนี้ไม่ได้สู้สักสนาม เมื่อเกิดเรื่องขึ้นก็มาหลบอยู่ด้านหลังนาง ไม่ก็วิ่งหนีไปทันที!
“ไม่ใช่ ไม่ใช่ นี่คือเส้นทางที่ข้ากำลังฝึกฝน!”
มัจฉาสัตมายาเอ่ยแก้ “มองย้อนกลับไปแล้ว ยกเว้นเพียงช่วงเวลาที่ข้าได้รับความไร้เทียมทาน ปราบปรามได้ทั้งสมรภูมิ นอกจากนั้นเกิดแต่เรื่องนอกเหนือความคาดหมาย ประสบเคราะห์ครั้งใหญ่!”
“นี่ทำให้ข้าตระหนักได้ถึงวิถีของข้า!”
“ไร้เทียมทานมีหลายอย่าง ไม่ใช่เพียงแค่ปราบศัตรูทั้งหมดได้จึงเรียกได้ว่าไร้เทียมทาน!”
“ไม่ถูกสังหารตาย ไม่ว่าสถานการณ์ใดก็หลบหนีได้อย่างไร้อันตราย นี่นับเป็นอีกหนึ่งวิถีไร้เทียมทานเช่นกัน!”
มัจฉาสัตมายาเอ่ยอย่างจริงจังถึงที่สุด “ตอนนี้ข้าเกือบสัมผัสได้ถึงความลึกลับของวิถีไร้เทียมทานดังกล่าวแล้ว ข้าเชื่อว่าหากดำเนินต่อไปเช่นนั้นย่อมตระหนักรู้โดยสมบูรณ์ เริ่มชีวิตอันไร้เทียมทานของข้า!”
นี่คือ…ธาตุไฟเข้าแทรกใช่หรือไม่?
ชางเหยาปวดเศียรเวียนเกล้า!
…
อีกด้านหนึ่ง จวินอีรอแล้วกลับไม่ถูกสังหารดังที่คิดเอาไว้ จึงลืมตามองด้วยความรู้สึกสงสัยเต็มเปี่ยม เห็นหลี่จิ่วเต้ายืนอยู่เหนือยอดเมฆ
นี่มันอันใดกัน?
หลี่จิ่วเต้ากำลังปกป้องเขาหรือ?
‘คิดไร้สาระอันใด? เขาคงเกิดความรำคาญที่คนผู้นั้นโจมตีไม่หยุด จึงลงมือกับอีกฝ่าย’
เขาเอ่ยในใจไม่ให้ตนเองคิดไร้สาระ หลี่จิ่วเต้าจะปกป้องเขาได้อย่างไร? ไม่มีเหตุผลแม้แต่น้อย!
ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนี้กลับทำให้เขาเบิกตากว้าง
“ไปเถิด เจ้าไม่อาจแตะต้องเขาได้ ข้าปกป้องเขาแล้ว”
ภายใต้ผืนนภา หลี่จิ่วเต้ายืนบนยอดเมฆพร้อมกระบี่ฉุนจวิน เอ่ยประกาศออกมาว่าต้องการปกป้องจวินอี
จวินอีตกตะลึง หลี่จิ่วเต้าปกป้องเขาหรือ?
เพราะเหตุใดกัน?!
เขาไม่เข้าใจโดยสิ้นเชิง
“ปกป้องเขา? เจ้าอาศัยสิ่งใดปกป้องเขา? เป็นเพียงพระโพธิสัตว์ดินเหนียวข้ามแม่น้ำ กระทั่งตนเองยังเอาตัวไม่รอด!”
ภายในความมืดมีเสียงมืดมนดังออกมา “เจ้าเองก็ต้องตายเช่นกัน!”
เขาไม่เพียงหมายสังหารจวินอี แต่ยังคิดจัดการหลี่จิ่วเต้าด้วย เขารู้ว่าหลี่จิ่วเต้าคือผู้มาหลังสุดที่กระโดดโลดเต้นไปมา
เสียงสะเทือนเลือนลั่นดังขึ้น เขาลงมืออีกครั้ง ดวงดาราเต็มผืนนภาถูกเขาใช้งาน ดวงแล้วดวงเล่าตกลงมาจากฟากฟ้ากลายเป็นฝนดาวตกอย่างแท้จริงพุ่งเข้าใส่หลี่จิ่วเต้า
สีหน้าหลี่จิ่วเต้าสงบนิ่ง กระบี่ฉุนจวินในมือกวัดแกว่งใส่ฝนดวงดาว หนึ่งกระบี่วาดผ่าน ดาราจำนวนมากถูกทำลาย
“ตาย!”
เสียงในเงามืดตะโกนอย่างเย็นชา หอกยาวแดงชาดปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าพุ่งใส่หลี่จิ่วเต้า
เสียงเคร้งดังขึ้น ชายหนุ่มยกกระบี่ขึ้นสะกัดกั้นหอกยาวแดงชาดไว้!
ตอนนั้นเองหอกยาวแดงชาดที่ถูกหยุดเอาไว้พลันแยกออกเป็นหกหอก ข้ามผ่านกระบี่ฉุนจวินตรงหาหลี่จิ่วเต้า
น่าเสียดายที่ทุกสิ่งไร้ประโยชน์ กระบี่ฉุนจวินสาดประกายแสง พลังอันน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกทำลายหอกทั้งหกทิ้งไปในทันที!
“แข็งแกร่งเพียงนี้?!”
รูม่านตาของสิ่งมีชีวิตในความมืดหดแคบลง นึกไม่ถึงว่าผู้มาทีหลังอย่างหลี่จิ่วเต้าจะแข็งแกร่งเพียงนี้!
นี่เกินความคาดหมายของเขาจริง ๆ
ในมุมมองของเขา ผู้มาทีหลังเช่นหลี่จิ่วเต้านั้นไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก อย่างมากสุดก็ไม่เกินขั้นสิบขอบเขตอัคร แต่ดูจากตอนนี้แล้ว เขาประเมินหลี่จิ่วเต้าต่ำไปมาก!
ไม่จำเป็นต้องกล่าวสิ่งใด หอกยาวแดงชาดที่เขาเพิ่งส่งออกไปเมื่อครู่สามารถจัดการกับขอบเขตอัครขั้นสิบได้อย่างง่ายดาย ผลกลับถูกหลี่จิ่วเต้าทำลายอย่างไร้ความยากเย็น
“น่าสนใจ”
มุมปากเขายกเป็นรอยยิ้ม ดูเหมือนว่าผู้มาทีหลังจะไม่สามัญเหมือนที่เขาคิด ยังมีตัวตนเช่นนี้อยู่ด้วย
แต่ไม่เป็นไร ต่อให้ผู้มาทีหลังจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ช่าง
ต้องรู้ไว้ว่ากระทั่งจวินอียังไม่อาจเป็นคู่ต่อกรกับเขา ไม่ต้องกล่าวถึงผู้มาทีหลังอย่างหลี่จิ่วเต้าเลย
จวินอีเป็นถึงตัวตนระดับขอบเขตอัครขั้นสิบแปด!
“ตาย!”
เขาลงมืออีกครั้ง หนนี้จริงจังขึ้น นิมิตอันน่าสะพรึงกลัวปรากฏ ฟ้าดินส่งเสียงสะเทือนเลือนลั่นอย่างต่อเนื่อง พลังอันน่าสะพรึงกลัวควบแน่นกลายเป็นอสูรร้ายตัวแล้วตัวเล่าพุ่งหาหลี่จิ่วเต้า
อสูรร้ายเหล่านี้แต่ละตัวล้วนน่าหวาดกลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ จวินอีมองแล้วเกิดความอกสั่นขวัญแขวนทันที
ต่อให้เขายังอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อม เขาก็ไม่อาจจัดการอสูรร้ายเหล่านั้นได้
“ทำให้ข้าจริงจังขึ้นมาได้ ผู้มาทีหลังอย่างเจ้านับว่าไม่ธรรมดา แข็งแกร่งยิ่ง จงภูมิใจในตัวเองเสีย”
สิ่งมีชีวิตในความมืดเอ่ยอย่างไม่แยแส
ทว่าพริบตาต่อมา ใบหน้าของมันพลันแปรเปลี่ยนไปอย่างมาก ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นตะลึงเหลือจะเชื่อ
นี่มันอันใดกัน!
หลี่จิ่วเต้าดุดันเกินไปแล้ว กระบี่ในมือทำลายได้ทุกสรรพสิ่งอย่างแท้จริง เหล่าอสูรร้ายทั้งหมดต่างถูกสังหารโดยไม่มีข้อยกเว้นด้วยหนึ่งกระบี่ของหลี่จิ่วเต้า!
เพียงไม่ถึงอึดใจ อสูรร้ายทั้งหมดก็ถูกหลี่จิ่วเต้าสังหารเรียบร้อย!
จวินอีตกตะลึงพรึงเพริด มองหลี่จิ่วเต้าด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ผู้มาทีหลังเช่นหลี่จิ่วเต้า กลับเดินมาถึงขั้นนี้แล้วหรือ?!
เขาแทบไม่อาจเชื่อได้ลง หลี่จิ่วเต้าดูแล้วแข็งแกร่งกว่าเขามาก!
เกิดขึ้นได้อย่างไรกันแน่?
เขาไม่เข้าใจ
ต้องรู้ว่าเขาให้ความสนใจกับกลุ่มผู้มาทีหลังตลอดเวลา รับรู้สถานการณ์ของหลี่จิ่วเต้า รู้ว่าหลี่จิ่วเต้ากับเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์กำลังต่อสู้กัน
เขารู้ว่าหลี่จิ่วเต้าเคยพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์ ขณะเดียวกันก็รู้ว่าความแข็งแกร่งของหลี่จิ่วเต้ากับเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์เป็นเช่นใด
เหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์อยู่ขอบเขตอัครขั้นเก้า
หลี่จิ่วเต้าเองก็อยู่ขอบเขตอัครขั้นเก้าเช่นเดียวกัน ต่อให้แข็งแกร่งกว่าเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์ ใกล้ย่างเข้าขั้นสิบ แต่ก็ยังไม่ได้บรรลุขั้นสิบขอบเขตอัคร
ทว่าดูจากตอนนี้แล้ว พลังที่หลี่จิ่วเต้าสำแดงออกมายังเหนือกว่าขั้นสิบแปดขอบเขตอัครมาก!
หลี่จิ่วเต้าเก็บงำประกายเอาไว้ หรือได้รับความก้าวหน้าขึ้นมาในภายหลังจนไปถึงระดับที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้กัน?
‘ซ่อนคมเอาไว้ ไม่ใช่เป็นเพราะได้รับความก้าวหน้าในภายหลัง!’
เขาเอ่ยในใจ หลี่จิ่วเต้าจะต้องซ่อนคมเอาไว้แน่
อย่างไรเสียต่อให้หลี่จิ่วเต้าได้รับความก้าวหน้าในภายหลัง ก็ไม่มีทางที่หลี่จิ่วเต้าจะพัฒนาขึ้นได้รวดเร็วถึงเพียงนี้
“คนผู้นี้ไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง เก็บงำพลังที่แท้จริงมาโดยตลอด! เขาต้องรู้ว่ามีกลุ่มสิ่งมีชีวิตจำนวนมากถูกส่งเข้ามาก่อน จึงรอให้ศึกตัดสินครั้งสุดท้ายเปิดฉาก นำพา ‘ความประหลาดใจ’ มาให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมด!”
เขากัดฟันพูด
หลี่จิ่วเต้าครอบครองความแข็งแกร่งน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้เอาไว้ เห็นได้ชัดว่าสามารถจัดการกับเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์ได้อย่างง่ายดาย ทว่านอกจากเขาจะไม่ได้ทำเช่นนั้นแล้ว ยังจงใจสร้างฉากว่าตนพ่ายแพ้ หลี่จิ่วเต้าผู้นี้ล้ำลึกอย่างมาก ไม่ธรรมดาสักนิด!
เขาถอนหายใจ ยามอยู่เมืองชิงซาน หลี่จิ่วเต้าพบตัวเขาที่เก็บซ่อนลมหายใจเอาไว้ได้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลย ความแข็งแกร่งของหลี่จิ่วเต้านั้นเหนือกว่าเขามาก!
อีกด้านหนึ่ง ซีมองอย่างโง่งมโดยสมบูรณ์ ไม่คาดคิดว่ากระบี่ฉุนจวินในมือของหลี่จิ่วเต้าจะระเบิดพลังอันน่าหวาดหวั่นเช่นนี้ออกมาได้!
‘บรรพจารย์ฝูต้องแข็งแกร่งเพียงใด?!’
นางอดคิดขึ้นมาไม่ได้ นึกว่ากระบี่ฉุนจวินเป็นสิ่งที่บรรพจารย์ฝูมอบให้บุรุษตัวน้อย
“ควรไป…”
สิ่งมีชีวิตในความมืดถอยกลับไปอย่างเงียบงัน ความรู้สึกที่หลี่จิ่วเต้ามอบให้เขาล้ำลึกเกินหยั่งถึง เขาไม่มีความมั่นใจว่าตนเองสามารถสังหารหลี่จิ่วเต้าได้ จึงไม่ต้องการเปิดฉากสู้ตัดสินเป็นตายกับหลี่จิ่วเต้าที่นี่ มันไม่คุ้มค่าสักนิด
“มอบมาไม่มอบคืน นับว่าเสียมารยาท!”
หลี่จิ่วเต้าชูกระบี่ฉุนจวินไล่สังหารสิ่งมีชีวิตในความมืดที่ล่าถอยไป
บนร่างสิ่งมีชีวิตนั้นเปล่งประกายขึ้นมา หนึ่งฝ่ามือพุ่งเข้าใส่กระบี่ฉุนจวิน หมายทำลายกระบี่ฉุนจวินออกเป็นเสี่ยง ๆ!
แต่กระบี่ฉุนจวินกลับแทงทะลุฝ่ามือของเขาโดยตรง พุ่งเจาะเข้าร่างของเขา
เนื้อ กระดูก และโลหิตกระเซ็นไปทั่ว ทั้งร่างระเบิดออกทันที กลายเป็นกลุ่มหมอกเลือด!
เขายังไม่ตาย แต่ผวาไม่น้อย หนึ่งกระบี่นำมาซึ่งความเสียหายร้ายแรงแก่เขา บาดเจ็บไปจนถึงแก่นกำเนิด
“ไป!”
เขาไม่กล้าลังเล ใช้มหาวิชาเพื่อหลบหนีออกจากที่นี่ หายไปอย่างสมบูรณ์
“แข็งแกร่งเพียงนี้!”
จวินอีมองแล้วหนังศีรษะชาวาบ ความหนาวแล่นไล้ตามกระดูกสันหลัก ถูกความแข็งแกร่งของหลี่จิ่วเต้าสั่นสะเทือน
ขณะเดียวกัน ภายในใจเขาเกิดอารมณ์หลากหลายไร้ที่สิ้นสุด สิ่งมีชีวิตที่วิหารโบราณลึกลับส่งมา แต่ละคนล้วนแล้วไม่ธรรมดา น่าอัศจรรย์ไร้ที่เปรียบ ล้วนไม่อาจดูแคลนได้!
ผู้มาทีหลังเช่นหลี่จิ่วเต้า มาช้ากว่าใครในหมู่พวกเขา ภายใต้สถานการณ์ปกติ หลี่จิ่วเต้าจะต้องอ่อนกว่าพวกเขามาก
ผลที่ออกมากลับกลายเป็นหลี่จิ่วเต้ากลับดุร้ายอย่างถึงที่สุด กระทั่งไล่สังหารสิ่งมีชีวิตเช่นพวกเขาจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องรีบตะลีตะลานหนีไป!
“เฮ้อ พวกเราล้วนดูแคลนผู้มาทีหลัง เขาเป็นม้ามืดอย่างไม่ต้องสงสัย ในศึกตัดสินครั้งสุดท้าย เขาต้องนำพาความตื่นตะลึงมาให้กับสิ่งมีชีวิตทั้งหมด!”
จวินอีถอนหายใจ
ขณะเดียวกันก็หลับตาลงด้วยความสิ้นหวังอีกครั้ง หลี่จิ่วเต้าน่าสะพรึงกลัวเพียงนี้ เขายิ่งไม่มีหนทางรอดชีวิต เพียงแค่หลี่จิ่วเต้ายกมือก็สังหารเขาได้แล้ว
แม้หลี่จิ่วเต้าจะเอ่ยว่าปกป้องเขา แต่เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะปกป้องเขาจริง ๆ
เนื่องจากไม่มีเหตุผลโดยสมบูรณ์
สิ่งมีชีวิตเช่นพวกเขาล้วนเป็นศัตรู อย่างไรเสียก็มีเพียงผู้แข็งแกร่งสุดเพียงหนึ่งเดียวที่จะรอดพ้นจากความตาย
หลี่จิ่วเต้าไม่มีเหตุผลใดต้องปกป้องเขา และไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่สังหารเขา คราวนี้คงถึงที่ตายจริง ๆ แล้ว
…………….