รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] - บทที่ 1154 หลี่จิ่วเต้า ‘ผู้ฝึกตนคนนี้ไม่เลวแฮะ!’
- Home
- รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]
- บทที่ 1154 หลี่จิ่วเต้า ‘ผู้ฝึกตนคนนี้ไม่เลวแฮะ!’
บทที่ 1154 หลี่จิ่วเต้า ‘ผู้ฝึกตนคนนี้ไม่เลวแฮะ!’
…………….
บทที่ 1154 หลี่จิ่วเต้า ‘ผู้ฝึกตนคนนี้ไม่เลวแฮะ!’
เถ้าแก่หอน้ำชามีนามว่า…จวินอี อย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าผู้มาทีหลังอย่างหลี่จิ่วเต้าจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เขาสะกดพลังปราณทั้งหมดแล้วแต่หลี่จิ่วเต้ายังจับเขาได้!
‘จับได้ก็จับได้ หาได้น่าเกรงกลัวไม่ ถึงอย่างไรข้าก็มาเพื่อสู้อยู่แล้ว!’
เขาเอ่ยเสียงเย็นในใจ เตรียมพร้อมรับการต่อสู้
ความจริงหาได้เป็นเช่นนั้น
หลี่จิ่วเต้าเพียงแต่ออกจากบ้านมาเจอจวินอีพอดี เห็นว่าหน้าไม่คุ้นจึงคิดทักทายจวินอี เขาไม่รู้ว่าจวินอีคือผู้ฝึกตน ยิ่งไม่รู้ว่าจวินอีมาเพื่อเขา
‘เอ๋ คนใบ้หรือ’
หลี่จิ่วเต้าเห็นจวินอีไม่เอ่ยวาจา จึงอดนึกในใจไม่ได้
จากนั้น เขาใช้ภาษามือกับจวินอีด้วยความรู้สึกผิด บอกว่าเขาไม่ทราบว่าจวินอีพูดไม่ได้ ขอจวินอีอย่าถือโทษเขา
เย้ยหยันเขาว่าเป็นใบ้รึ?
จวินอีเดือดดาล เจ้าผู้มาทีหลังเดนตายคนนี้สามหาวเกินไปแล้ว บังอาจลองดีกับเขาเช่นนี้!
บอกตามตรง ชีวิตนี้เขายังไม่เคยถูกผู้ใดท้าทายเยี่ยงนี้มาก่อน!
เขาอดไม่ได้ต้องการลงมือ เห็น ๆ อยู่ว่าจะเรียกของวิเศษทรงพลังออกมา ทว่าท้ายที่สุดเขาก็อดกลั้นไว้ได้ ไม่ได้เรียกออกมา
หลี่จิ่วเต้ากล้าท้าทายเขาเช่นนี้ ย่อมต้องมีที่พึ่งพิง เขาควรระวังตัว ไม่ปล่อยให้หลี่จิ่วเต้ายั่วโทสะได้ง่าย ๆ!
บัดนี้ศึกใหญ่ใกล้ปะทุเต็มที เจ้าหินแก่ชั่วร้ายยังโผล่หัวออกมา เขาไม่ควรประมาท หากชะล่าใจอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่!
เจ้าหินแก่ชั่วช้าอำมหิตเกินไป ไม่แน่อาจย้อนกลับมาซุ่มตัวในที่ลับรอโอกาสลงมือ เขาไม่ระวังไม่ได้ ปล่อยให้เจ้าหินแก่ชั่วช้าสบโอกาสไม่ได้!
‘ทั้งใบ้ทั้งบอดหรือ’
หลี่จิ่วเต้าเห็นว่าใช้ภาษามือแล้วจวินอียังไม่ยอมเอ่ยวาจา จึงคิดในใจอย่างอดไม่ได้
“ขออภัย ข้าไม่รู้ว่าเจ้ามองไม่เห็น พูดไม่ได้ ขออภัยจริง ๆ!”
เขารัวคำขอโทษ รู้สึกผิดจากใจจริง
ไอ้เวรนี่!
จวินอีเดือดดาล เจ้าหลี่จิ่วเต้าเดนตาย ลองดีกับเขาไม่หยุดหรือ ก่อนนี้หาว่าเขาเป็นใบ้ บัดนี้หาว่าเขาตาบอด!
“เจ้าคิดทำอันใด!”
เขาบันดาลโทสะ ถลึงตาใส่หลี่จิ่วเต้าทันที เขาไม่โมโหบ้างหลี่จิ่วเต้าคงเห็นเขายอมคนกระมัง เห็นว่าจะทำอย่างไรกับเขาก็ได้หรือ?!
เอ๊ะ พูดได้และมองเห็นนี่!
ตอนนี้อย่าให้เอ่ยเลยว่าหลี่จิ่วเต้ากระดากและอึดอัดเพียงใด เขาคิดว่าจวินอีพูดไม่ได้และมองไม่เห็น ที่แท้เมื่อครู่จวินอีแค่เหม่อเท่านั้น!
“ขออภัย ๆ ข้าเพียงแต่เห็นเจ้าไม่คุ้นหน้าจึงอยากมาทักทายเท่านั้น!”
เขารีบขอโทษขอโพย กลายเป็นเรื่องเข้าใจผิดใหญ่โต แย่จริง ๆ
ทักทาย?
เหอะ มาเตือนเขากระมัง!
จวินอีแค่นยิ้มในใจ หลี่จิ่วเต้ามาถึงหาว่าเขาทั้งใบ้ทั้งบอด ลองดีกับเขาไม่หยุด นี่หรือทักทาย เห็น ๆ อยู่ว่าเป็นการเตือนว่าตนจับเขาได้แล้ว!
หลี่จิ่วเต้าเห็นจวินอีไม่เอ่ยวาจา คิดว่าจวินอีคงโกรธ
คิดแล้วคงใช่ ผู้ที่สมบูรณ์พร้อมถูกกล่าวหาว่าทั้งบอดทั้งใบ้ เป็นใครก็ต้องโกรธ!
คิดมาถึงนี่ เขาเอ่ยด้วยท่าทางจริงจัง “ครั้งนี้ต้องขออภัยจริง ๆ เพื่อแสดงความรู้สึกผิด ข้าขอเชิญท่านไปดื่มสุราในลานข้าสักจอกสองจอก ไม่ทราบว่าได้หรือไม่”
ไปดื่มสุราในลาน?
หลอกเขาไปฆ่าในลานสิท่า!
จิตสังหารพลุ่งพล่านในใจจวินอี ผู้มาทีหลังอย่างหลี่จิ่วเต้าผยองยิ่งนัก เขาโมโหจนแทบระเบิด ไม่เคยถูกหยามเกียรติปานนี้มาก่อน!
หากไม่ใช่ว่าคำนึงถึงเจ้าหินแก่ชั่วช้า อย่างไรเขาต้องสู้กับหลี่จิ่วเต้าให้รู้แล้วรู้รอด หั่นหลี่จิ่วเต้าเป็นชิ้น ๆ ทว่าใคร่ครวญแล้วกลัวจะถูกเจ้าหินแก่ชั่วช้าลอบทำร้าย จึงข่มโทสะในใจ ไม่ได้ลงมือ
“ไม่ต้อง!”
เขาแค่นเสียง สะบัดแขนเสื้อหายไปจากที่นี่ ออกจากเมืองชิงซาน
“ผู้ฝึกตนหรือ”
หลี่จิ่วเต้าผงะ คิดไม่ถึงนิดหน่อย
“มิน่าถึงรู้สึกไม่คุ้นหน้า ที่แท้ก็เป็นผู้ฝึกตนนี่เอง”
หลี่จิ่วเต้าถึงบางอ้อ
แล้วเขาก็เอ่ยอย่างทอดถอนใจว่า “แต่จะว่าไป ผู้ฝึกตนคนนี้ไม่เลวเลย หากเป็นผู้ฝึกตนอื่นถูกหาว่าทั้งใบ้ทั้งบอดคงบันดาลโทสะ ลงไม้ลงมือแล้ว เห็นได้ชัดว่าผู้ฝึกตนคนนี้มีความเป็นวิญญูชนกว่ามาก ขนาดนี้แล้วยังไม่ได้ลงมือ”
ชายหนุ่มคลี่ยิ้ม “เจอกันคราวหน้า อย่างไรต้องเชิญเขามาดื่มชาสักถ้วย เพื่อชดใช้ความผิดของข้าในคราวนี้”
เขาไปจากที่นี่ มุ่งหน้าไปยังบ้านหลิงอิน
ที่เขาออกมาก็เพื่อไปบ้านหลิงอิน หนนี้หลินอินจากบ้านกับเขาไปนาน เขากลัวมารดาของหลินอินเป็นห่วง จึงตั้งใจไปบอกมารดาหลิงอินว่าไม่ต้องกังวล หลิงอินสบายดี ไม่เพียงแต่ก้าวสู่เส้นทางฝึกตนแล้ว ทั้งยังได้ประมือกับสุดยอดผู้ฝึกตน มีพลังทำล้ายฟ้าดิน
…
ในอวกาศ ร่างของจวินอีปรากฏ
“อ๊ากกก โมโหเหลือเกิน!”
จวินอีเดือดดาล พลังปราณสยดสยองทะลักออกมาไม่หยุด เขาอาละวาดอยู่ในอวกาศเพื่อระบายความขุ่นเคือง ดวงดาวในจักรวาลต่างระเบิดแหลกลาญกลายเป็นจุณเพราะเขา!
ฟิ้ว!
เวลานั้นเอง ธนูดอกหนึ่งพุ่งออกมาโดยปราศจากวี่แวว ปรากฏอยู่ด้านจวินอีอย่างไร้สุ้มเสียง!
เสียงดังพรวด จวินอีถูกยิง เลือดสาดกระเซ็น ร่างกายแหลกเหลว เขาถูกลอบโจมตี มีศัตรูน่าครั่นคร้ามลงมือกับเขา!
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ธนูอีกหลายดอกวาดผ่านห้วงอวกาศ ปรากฏออกมาอีกคราเพื่อกำจัดวิญญาณของจวินอี ธนูทุกดอกล้วนแฝงไว้ด้วยพลังเกินจินตนาการ นี่คิดจะสังหารจวินอีให้สิ้นซาก!
จวินอีตอบโต้อย่างรวดเร็ว เรียกโล่โบราณออกมาทันทีเพื่อสกัดธนูเหล่านี้!
เขาสะท้านใจ แม้ว่าเมื่อครู่เขากำลังบันดาลโทสะ แต่ก็ไม่เคยชะล่าใจ ไม่เคยประมาท สุดท้ายกลับถูกธนูดอกหนึ่งยิงร่างแหลกเหลว!
เจ้าหินแก่ชั่วช้าหรือ
ไม่!
จวินอีปัดความคิดนั้นตกทันควัน เขาคุ้นเคยกับเจ้าหินแก่ชั่วช้าอย่างยิ่ง บนธนูเหล่านี้ไม่มีพลังปราณของหินแก่ชั่วช้า เป็นฝีมือสิ่งมีชีวิตตนอื่น!
สายตาของเขาเย็นเยียบ จิตสังหารพลุ่งพล่าน ศึกตัดสินสุดท้ายใกล้อุบัติ สิ่งมีชีวิตที่วิหารโบราณลึกลับส่งมาโผล่ออกมากันหมดแล้ว!
เห็นได้ชัดว่าเขากลายเป็นเหยื่อที่ถูกล่า!
“ฆ่า!”
จวินอีมีน้ำโหยิ่ง โมโหอกแทบระเบิด
ก่อนนี้เขาถูกผู้มาทีหลังอย่างหลี่จิ่วเต้าท้าทาย บัดนี้ถูกผู้อื่นล่าเป็นเหยื่อ เขาทนไม่ไหวจริง ๆ!
เสียงดังฟึ่บ เขาหลอมร่างใหม่ออกมาอย่างรวดเร็ว ทั้งยังชักดาบใหญ่เล่มหนึ่งออกจากกาย คลี่แผ่จิตสัมผัสกล้าแกร่งออกไปค้นหาพิกัดสิ่งมีชีวิตที่ล่าเขาอยู่!
สิ่งมีชีวิตที่ล่าเขาผู้นี้น่าประหวั่นพรั่นพรึงอย่างเห็นได้ชัด บัดนี้เขาคลี่แผ่จิตสัมผัสออกไปเต็มที่ยังไม่ไหว ไม่พบพิกัดสิ่งมีชีวิตที่ล่าเขา!
เสียงดังพรวด ธนูอีกดอกโผล่มาอย่างไร้วี่แวว เขาไหวตัวไม่ทัน ถูกธนูดอกนั้นปักเข้าที่หัว มันสมองข้นเหนียวผสมกับโลหิตอุ่นร้อนสาดกระเซ็น!
ไม่รอให้เขาได้ตอบโต้ ธนูอีกดอกปรากฏ ยิงทะลุวิญญาณของเขาจนระเบิด เลือดสาดกระจาย!
“ไป!”
จวินอียังไม่ตาย เขาใช้วิชาหลบหนีสะท้านโลกันตร์หนีไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว!
ผู้ที่ล่าเขาน่ากลัวเกินไป ขืนเขายังไม่ไปอาจถูกสังหารลง ณ ที่นี่!
ครั้นฝ่าทะลวงไปหลายระบบดวงดาว สุดท้ายก็พบว่ายังถูกเล็งเป็นเป้า ธนูดอกหนึ่งกำลังไล่ตามเขามา!
“บัดซบ!”
จวินอีสบถ อารมณ์หม่นหมองถึงขีดสุด นี่เขาถูกหมายหัวหรือ
น่าแค้นใจนัก!
“ไป!”
เขาไม่กล้าคิดมาก รีบฝ่าทะลวงไปตามระบบดวงดาวเพื่อหนีเอาชีวิตรอด!
…
ณ ที่ตั้งของวัดจิตรกรรมฝาผนัง
“ไม่อยู่แล้วหรือ”
ร่างหนึ่งปรากฏตัวที่นี่เพื่อล่าหินแก่ชั่วช้า สุดท้ายหลังเขามาที่นี่ ทั้งวัดจิตรกรรมฝาผนังกลับหายไป ที่แห่งนี้ว่างเปล่า
“เจ้าเล่ห์นัก!”
เขายิ้มเย็น หินแก่ชั่วช้าผู้นี้รอบคอบจริงเชียว หลังเขาสัมผัสได้ว่าหินแก่ชั่วช้าลงมือลบล้างพลังจวินอีก็บุกมาทันที กระนั้นยังช้าไป หินแก่ชั่วช้าหนีไปแล้ว!
“ไม่ต้องใจร้อน!”
…
ท่ามกลางอวกาศ สถานที่ลึกลับแห่งหนึ่ง วัดจิตรกรรมฝาผนังปรากฏออกมา
ภายในอุโบสถ ทรีไม่รับรู้เรื่องเหล่านี้ ไม่รู้ว่าวัดจิตรกรรมฝาผนังเปลี่ยนตำแหน่งแล้ว
นางกำลังขุดคุ้ยวัดจิตรกรรมฝาผนัง ดูว่าพอจะพบความลับลึกล้ำกว่านี้ของวัดจิตรกรรมฝาผนังจนช่วยให้นางแข็งแกร่งกว่านี้ได้หรือไม่
“มีจริงด้วย!”
ทรีมีสีหน้าเคร่งเครียด พบผนังพิเศษด้านหนึ่ง
ภายในวัดจิตรกรรมฝาผนังแห่งนี้ ผนังทุกด้านล้วนมีภาพวาด มีเพียงผนังนี้ที่ไม่มี บนนี้ว่างเปล่าเป็นเพียงกำแพงสีขาว!
ดึงความสนใจของนางไปทันที นางคลี่แผ่จิตสัมผัส ตรวจสอบกำแพงขาวนี้อย่างละเอียด ทันใดนั้น พลังหนึ่งซัดสาดจากกำแพง ดูดนางเข้าไป!
ภายในกำแพงเป็นมิติพิเศษแห่งหนึ่ง ซึ่งมีรูปปั้นไร้โฉมตั้งอยู่เช่นกัน ทันทีที่นางเข้ามา รูปปั้นไร้โฉมก็ลอยมาหานาง!
นางตกตะลึง ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น จู่ ๆ รูปปั้นไร้โฉมก็ปรี่มาหานาง ผสานเป็นหนึ่งกับนาง!
“เกิด…เกิดอันใดขึ้น?!”
ทรีมึนงงไปในบัดดล รูปปั้นไร้โฉมกลายเป็นร่างกายของนาง ผสมผสานกับนางอย่างสมบูรณ์!
นอกจากนี้ นางยังรับรู้ถึงพลังมหาศาล กล้าแกร่งกว่ารูปปั้นก่อนหน้านี้มากโข บัดนี้ พลังไร้ขอบเขตนี้กลายเป็นพลังของนาง!
“ขอบเขตอัครขั้นสิบหก!”
ทรีมีสีหน้าหวาดผวา อย่างไรก็เชื่อไม่ลงว่า นี่นางมีพลังระดับอัครขั้นสิบหกแล้วหรือ?!
นางตระหนก วัดจิตรกรรมฝาผนังน่าครั่นคร้ามปานนี้เชียวหรือ
รูปปั้นเดียวสามารถช่วยให้นางได้ครอบครองพลังระดับอัครขั้นสิบหกเชียวหรือ!
ต้องรู้ว่า เมื่อคราวนางทรงพลังที่สุดเพิ่งจะอยู่ในขอบเขตอัครขั้นเก้าเท่านั้น จ้าวแดนพิสุทธิ์ทั้งหลายอย่างหรูเยวียก็เพิ่งอยู่ในขอบเขตอัครขั้นเก้า ปิตาจารย์หลี่นั้นดุดันกว่า กระนั้นก็ไม่เหนือไปกว่าขอบเขตอัครขั้นสิบ
แน่นอนว่านี่เป็นเมื่อครั้งอดีต บัดนี้ปิตาจารย์หลี่แข็งแกร่งเพียงใด นางไม่อาจแน่ใจ!
ขอบเขตอัครขั้นสิบหกนั้นเป็นพลังที่นางไม่กล้าแม้แต่จะคิดเลยก่อนหน้านี้!
บัดนี้ นางกลับได้ครอบครองในชั่วพริบตา!
ทรีรู้สึกราวกับฝันไป ฝันโดยไม่อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง!
ขอบเขตอัครคือขอบเขตเหนือแกนนภา ส่วนที่ว่ามีกี่ขั้นนั้นนางไม่ทราบ นางเองก็ยังคลำทางอยู่ในขอบเขตอัคร!
ไม่ใช่เพียงนาง จ้าวแดนพิสุทธิ์ทั้งหลายอย่างหรูเยวียก็เช่นกัน
“วัดจิตรกรรมฝาผนังนี้มีภูมิหลังเช่นไรกันแน่!”
ทรีสะท้านใจเป็นหนักหนา ความสยดสยองของวัดจิตรกรรมฝาผนังสร้างความตะลึงให้นางอย่างแท้จริง!
ขณะเดียวกัน นางยังแตกตื่นเหลือแสน หลักแหลมอย่างนางรู้ดีว่าจู่ ๆ โชคคงไม่หล่นทับ นางอาจกลายเป็น…หมากไปแล้ว!
หมากของหินแก่ชั่วช้า!
นางจำได้ดีว่าจวินอี เถ้าแก่หอน้ำชาเอ่ยว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังนางก็คือหินแก่ชั่วช้า ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหินแก่ชั่วช้านั้นก็คือวัดจิตรกรรมฝาผนังแห่งนี้!
หินแก่ชั่วช้าเป็นเจ้าของวัดจิตรกรรมฝาผนังแห่งนี้!
“มองไม่ออกเลย นี่มันอะไรกัน ทั้งเถ้าแก่หอน้ำชาผู้น่าพรั่นพรึง ทั้งเจ้าของวัดจิตรกรรมฝาผนังอย่างหินแก่ชั่วช้า พวกเขามาจากที่ใด! มีตื้นลึกหนาบางอย่างไรกันแน่?!”
นางว้าวุ่นใจเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นจวินอีเถ้าแก่หอน้ำชา หรือเจ้าของวัดจิตรกรรมฝาผนังหินแก่ชั่วช้า นางก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน จู่ ๆ ทั้งสองก็โผล่ออกมา!
“หรือจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่วิหารโบราณลึกลับส่งมาก่อนเรา?!”
หัวใจของทรีเต้นไม่เป็นส่ำ ผุดความคาดเดานี้!
มิหนำซ้ำนางยังมองว่าที่นางคาดเดาเข้าใกล้ความเป็นจริงอย่างมาก นี่อาจเป็นความจริงก็ได้!
“หินแก่ชั่วช้าคิดใช้ข้าเป็นดาบของมันหรือ?!”
นางขมขื่นใจยิ่ง คาดเดาอีกคราว่านางอาจกลายเป็นดาบของหินแก่ชั่วช้าไปแล้ว หินแก่ชั่วช้าต้องการใช้นางจัดการสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ที่วิหารโบราณลึกลับส่งมา!
“เจ้าเล่ห์เพทุบายนัก!”
ทรีด่ากราดในใจ สีหน้าย่ำแย่ถึงขีดสุด
ที่จวินอี เถ้าแก่ร้านน้ำชาเอ่ยมานั้นไม่ผิดสักนิด หินแก่ชั่วช้าผู้นี้ใจคดยิ่งนัก เปลี่ยนนางเป็นดาบที่ใช้ต่อกรกับสิ่งมีชีวิตตนอื่น ส่วนตัวมันเองกลับเร้นกายอยู่ด้านหลัง!
“อ๊า!”
คิดมาถึงนี่ นางแทบบ้า อย่าให้เอ่ยเลยว่าทรมานใจเพียงใด
นางทะนงว่าตนนั้นฉลาด ที่แท้กลับถูกหินแก่ชั่วช้าหมายหัวไว้แต่แรก กลายเป็นดาบในหินแก่ชั่วช้า!
ใคร่ครวญดูแล้ว หินแก่ชั่วช้าคงหมายหัวมันตั้งแต่คราแรก หลอกล่อนางไปยังวัดจิตรกรรมฝาผนัง แล้วเปลี่ยนนางเป็นดาบ!
ทรีรู้สึกสิ้นหวัง คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าจุดจบของนางจะเป็นเช่นนี้ กลายเป็นหุ่นเชิด เป็นดาบในมือหินแก่ชั่วช้า ลงท้ายนางทำได้เพียงสนองหินแก่ชั่วช้า ส่วนตัวนางเองหาได้ประสบความสำเร็จอันใด!
“ข้าไม่มีทางปล่อยให้เจ้าสมปรารถนา!”
ทรีแผดเสียง แสดงจุดยืนของตนต่อหินแก่ชั่วช้า นางไม่ต้องการเป็นหุ่นเชิด ไม่ต้องการเป็นดาบในมือหินแก่ชั่วช้า
อนิจจา นางไม่ได้รับปฏิกิริยาตอบกลับ ทั่วทั้งวัดจิตรกรรมฝาผนังมีเพียงเสียงนางที่สะท้อนกึกก้อง
ทรีเจ็บใจเป็นที่สุด ระเบิดพลังในกายโจมตีวัดจิตรกรรมฝาผนังอย่างบ้าคลั่ง
ทว่าจู่ ๆ นางกลับพบว่าถูกส่งตัวออกไป วัดจิตรกรรมฝาผนังหายไปอย่างไร้ร่องรอย!
นี่หินแก่ชั่วช้าผลักนางออกมาเลยหรือ!
นางไม่อยากเป็นดาบของหินแก่ชั่วช้าก็ไม่ได้ หลังออกมาแล้วนางย่อมต้องถูกสิ่งมีชีวิตอื่นหมายหัว ถึงอย่างไรศึกตัดสินสุดท้ายกำลังจะมาแล้ว ท้ายที่สุดมีสิ่งมีชีวิตเพียงตนเดียวเท่านั้นที่อยู่รอด!
“อ๊า!!”
ทรีระบายโทสะในอวกาศอย่างบ้าคลั่ง ทลายจักรวาลไปผืนแล้วผืนเล่า นางเจ็บใจเหลือเกินที่จุดจบสุดท้ายเป็นเช่นนี้!
“หากยังไม่ตายย่อมมีความหวัง!”
ทว่าไม่นานทรีก็สงบสติ ตราบใดที่นางยังไม่ตาย ทุกอย่างล้วนมีความหวัง นางจักค้นหาโอกาสรอดในความสิ้นหวัง!
“หินแก่ชั่วช้าใช่หรือไม่ เจ้ารอก่อนเถิด ขอเพียงข้ายังไม่ตาย อย่างไรข้าต้องให้เจ้าได้ชดใช้อย่างแสนสาหัสแน่!”
ทรีเอ่ยด้วยสายตาเย็นเยียบ
ด้วยนิสัยใจคอนางไม่ใช่คนยอมแพ้ง่าย ๆ ต่อให้หนทางเบื้องหน้าเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง นางก็ต้องไปแย่งชิงดูสักครา!
…………….