รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] - บทที่ 1151 วิหารโบราณลึกลับกำลังมา ศึกตัดสินครั้งสุดท้ายกำลังเปิดฉาก!
- Home
- รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]
- บทที่ 1151 วิหารโบราณลึกลับกำลังมา ศึกตัดสินครั้งสุดท้ายกำลังเปิดฉาก!
บทที่ 1151 วิหารโบราณลึกลับกำลังมา ศึกตัดสินครั้งสุดท้ายกำลังเปิดฉาก!
……….
บทที่ 1151 วิหารโบราณลึกลับกำลังมา ศึกตัดสินครั้งสุดท้ายกำลังเปิดฉาก!
ภาพลักษณ์สตรีงามอันใดกัน? ล้วนหายไปหมดแล้ว!
ซีกินผลไม้คำโตราวกับกำลังทานสิ่งที่อร่อยสุดในโลก อร่อยมากเสียจนไม่อาจหยุดได้!
นางอดทอดถอนใจไม่ได้ ผลไม้เหล่านี้ปลูกขึ้นมาเช่นใดกัน อร่อยเกินไปแล้ว!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผลไม้เหล่านี้ยังมีพลังมหาศาลยิ่งกว่าโอสถวิเศษใด ๆ ทำให้ทุกด้านของนางพัฒนาอย่างบ้าคลั่ง!
นางรู้สึกว่าหากยังพัฒนาเช่นนี้ต่อไป นางสามารถก้าวขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของโลกได้ด้วยการกินผลไม้ หากเงาหมายเลข 34 อันใดนั้นมาอีกครั้ง นางก็ใช้เพียงหนึ่งฝ่ามือสังหารได้อย่างง่ายดาย
เต่าชราที่อยู่อีกทางน้ำลายไหลออกมาเต็มพื้น นี่คือบุรุษตัวน้อยของซีหรือ? ทรงพลังเกินไปแล้ว! ผลไม้ที่หยิบออกมาตามใจชอบน่าอัศจรรย์ถึงเพียงนั้น!
“เจ้าเองก็กินบ้างเถิด”
หลี่จิ่วเต้าเห็นท่าทางตะกละของเต่าชรา จึงได้มอบผลไม้ส่วนหนึ่งให้เต่าชรา
“ขอบคุณ ขอบคุณ!”
เต่าชราขอบคุณครั้งแล้วครั้งเล่า ประคองแล้วเริ่มกินผลไม้อย่างบ้าคลั่ง
หลังจากกัดผลไม้คำแรกเข้าไป มันก็แทบร้องไห้ออกมา อร่อยเกินไปแล้ว ตั้งแต่เกิดมามันไม่เคยกินผลไม้ที่อร่อยเท่านี้มาก่อน!
ขณะเดียวกันร่างเต่าของมันพลันเรืองแสง ขอบเขตทุกด้านทะยานขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะกล่าวว่าผลไม้หนึ่งคำเทียบเท่าได้กับการฝึกฝนนับหมื่นปี
หลังเวลาล่วงผ่าน กลิ่นของเนื้อตุ๋นหอมขึ้นเรื่อย ๆ หลังเนื้อตุ๋นได้ที่ดีแล้ว หลี่จิ่วเต้าจึงนำมาจัดเตรียมบนโต๊ะ ขณะนั้นเองซีพลันหลั่งน้ำตาทันที
“ข้า…ข้าอิ่มแล้ว!”
ซีร้องไห้
นางไม่เพียงอิ่มธรรมดา แต่ยังอิ่มอย่างถึงที่สุด ท้องของนางแน่นไปหมด กินเพิ่มไม่ได้แม้แต่คำเดียว
นี่เป็นเรื่องน่าขบขันเกินไปแล้ว นางคิดว่าตนเองอยู่ถึงขอบเขตแกนนภา แต่กลับอิ่มมากเกินไปเพราะกินผลไม้ หากเรื่องราวเหล่านี้แพร่กระจายออกไป แม้จะตีให้ตายคนอื่นก็ยังไม่อาจเชื่อได้ลง
ทว่าความจริงก็เป็นเช่นนั้น นางอิ่มเกินไปจริง อิ่มจนอิ่มมากกว่านี้ไม่ได้ อย่าว่าแต่กินเนื้อเลย กระทั่งน้ำสักจิบยังกลืนไม่ลงแล้ว
“ข้า…ข้าเองก็ด้วย!”
เต่าชราเองก็ร้องไห้ มันน่าเวทนายิ่งกว่า ผลไม้ยังไม่ทันหมด กินกล้วยไปเพียงลูกเดียว มันก็อิ่มแปล้เสียแล้ว
เนื้อตุ๋นแสนหอมบนโต๊ะ มันทำได้แต่เพียงมองดู ตอนนี้มันไม่อาจกินสิ่งใดลงไปได้แล้ว!
‘ได้แต่มองดูเนื้อ!’
ซีคับข้องใจนัก เห็นได้ชัดว่าอยากกินเนื้ออย่างถึงที่สุด แต่ท้องของนางกลับบอกว่ากินไม่ไหวแล้ว ความรู้สึกเช่นนี้ชวนอึดอัดใจเกินไป
“ก่อนหน้านี้ข้าเตือนเจ้าเล้ว”
หลี่จิ่วเต้าอดหัวเราะไม่ได้ “แต่ไม่เป็นไร ข้ามียาช่วยย่อยอยู่ หลังจากดื่มเจ้าก็กินเนื้อได้แล้ว”
นี่คือยาที่เขาทำขึ้นมาเอง มีสรรพคุณช่วยย่อยอาหารได้ดีเยี่ยม เขารินแบ่งให้ซีกับเต่าชราดื่ม
ซีกับเต่าชราต่างเต็มไปด้วยความสงสัย ยาย่อยอาหารของหลี่จิ่วเต้าได้ผลจริงหรือ?
พวกเขาไม่เพียงแต่กินจนอิ่มเต็มท้องธรรมดาเท่านั้น แต่เพราะพลังอันไพศาลน่าอัศจรรย์ด้านในผลไม้ทำให้แม้พวกเขาจะไม่อิ่มท้อง แต่ก็กินต่อไม่ได้แล้ว
หากไม่ได้เป็นเช่นนั้น ต่อให้พวกเขากินมากเท่าใดก็ไม่อาจอิ่มท้องได้ ท้องของพวกเขาใหญ่มโหฬารอย่างแท้จริง กลืนกินได้ทุกสรรพสิ่ง!
ทว่าพวกเขาก็ยังดื่มยาย่อยอาหาร หลังจากที่ดื่มลงไปแล้ว ดวงตาของพวกเขาพลันเบิกกว้างทันที
ยาย่อยอาหารอัศจรรย์ยิ่ง ช่วยย่อยอาหารได้อย่างแท้จริง หลังจากดื่มยาลงไปแล้ว ท้องของพวกเขาหายแน่นในพริบตา ไม่รู้สึกอิ่มแน่นอีกต่อไป พลังภายในร่างก็ถูกหลอมรวมเข้ากับพวกเขาด้วยความรวดเร็ว กลายเป็นพลังที่แท้จริงของพวกเขาเอง!
สิ่งนี้ทำให้พวกเขาตะลึงงัน!
หากพวกเขาต้องการทำให้พลังภายในร่างกลายเป็นของตนเองโดยแท้จริง พวกเขาจำเป็นต้องใช้เวลาฝึกฝนนานแสนนานเพื่อหลอมกลั่น ต่อให้จะเป็นตัวซีเองก็ตาม
เนื่องจากพลังในผลไม้ที่พวกเขากินเข้าไปนั้นมหาศาลมากเกินไป!
แต่หลังจากดื่มยาย่อยอาหารไปหนึ่งถ้วย พลังทั้งหมดเหล่านั้นพลันหลอมรวมกลายเป็นพลังที่แท้จริงของตนเอง โดยไม่จำเป็นต้องหลอมกลั่น!
นี่น่าอัศจรรย์ไม่อาจคาดถึงได้จริง ๆ!
พริบตาต่อมา แสงเรืองรองพลันเปล่งประกายเจิดจ้าจากร่างของพวกเขา เต่าชราประสบความสำเร็จในการทะลวงขอบเขตอย่างต่อเนื่อง พุ่งขึ้นไปถึงขอบเขตแสวงวิถี!
ซีเองก็ได้รับความก้าวหน้า ขึ้นไปถึงขอบเขตแกนนภาขั้นกลาง!
นี่ทำให้นางไม่อยากจะเชื่อ อย่างไรเสียขอบเขตเช่นแกนนภาก็สูงเกินไป การเลื่อนขึ้นไปยังขั้นกลางนั้นยากยิ่งกว่าสิ่งใด ต่อให้ตรากตรำฝึกฝนนับแสนปีก็ยังไปไม่ถึง!
แต่นางกลับก้าวไปถึงในพริบตา!
นี่มันยาท้าทายสวรรค์อันใดกัน!
นางอดมองไปทางหลี่จิ่วเต้าแล้วเอ่ยถามไม่ได้ “นี่ก็เป็นยาที่บรรพจารย์ฝูให้เจ้าด้วยหรือ?”
“ไม่ใช่”
หลี่จิ่วเต้าส่ายหัว “นี่เป็นยาที่ข้าปรุงขึ้นเอง แต่ส่วนผสมของยาทั้งหมดปลูกขึ้นจากดินล้ำค่า”
ที่แท้เป็นเช่นนี้!
แม้ไม่ใช่ยาสำเร็จที่บรรพจารย์ฝูมอบให้ แต่วัตถุดิบทั้งหมดก็ถูกปลูกจากดินล้ำค่าที่บรรพจารย์ฝูมอบให้ นี่ไม่แตกต่างอันใดจากยาสำเร็จที่บรรพจารย์ฝูมอบให้
ซีเอ่ยในใจ
เมื่อไม่อิ่มแน่น นางก็กินเนื้อได้แล้ว นางขอให้หลี่จิ่วเต้าเตรียมยาย่อยอาหารไว้ให้อีกหลายชาม ป้องกันไม่ให้นางกินเนื้อจนอิ่มเกินไป!
มื้อนี้สร้างความพึงพอใจให้ซีอย่างมาก นางกินเข้าไปไม่น้อย แน่นอนว่ายาย่อยอาหารมีส่วนช่วยเหลืออย่างมาก ระหว่างมื้ออาหารนางดื่มยาย่อยอาหารไปหลายชาม
หากไม่มียาย่อยอาหาร นางย่อมไม่อาจกินได้มากเพียงนี้ พลังด้านในเนื้อตุ๋นนั้นมากยิ่งกว่าด้านในผลไม้
ท้องฟ้าเปลี่ยนสี กินเสร็จดวงดาวก็แขวนอยู่สูงขึ้นไปบนฟ้าเรียบร้อย หลี่จิ่วเตาพาซีกลับไปในห้อง
“อีกแล้ว?! ยังไม่เพียงพอหรือ?”
ซีอดเอ่ยไม่ได้ หลี่จิ่วเต้าอยากจะมีช่วงเวลาแห่งความสุขกับนางอีกครั้ง
“เพียงพอได้อย่างไร! ไม่มีวันพอ!”
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะ เริ่มช่วงเวลาแห่งความสุขกับซีใหม่
…
เหนือจักรวาลดวงดารา ในสถานที่พิเศษแห่งหนึ่ง ปรากฏร่างหนึ่งนั่งขัดสมาธิ
ไม่รู้ว่าเขาไร้การเคลื่อนไหวมานานเพียงใดแล้ว ทั่วทั้งร่างปกคลุมด้วยฝุ่นหนา ดวงตาสองข้างปิดลง นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น มีดาบใหญ่ปักอยู่เบื้องหน้า
ทันใดนั้นเอง ดวงตาของเขาเปิดกว้างขึ้น ฝุ่นบนร่างทั้งหมดปลิดปลิวออกไป
“ศึกตัดสินครั้งสุดท้ายกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!”
เขาส่งเสียงทุ้มต่ำ ดวงตาล้ำลึกอย่างถึงที่สุด ประหนึ่งทุกสรรพสิ่งล้วนอยู่ในสายตาของเขา น่าสะพรึงกลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้!
เขารู้สึกในใจ วิหารโบราณลึกลับกำลังมาแล้ว นี่หมายความว่าศึกตัดสินครั้งสุดท้ายกำลังจะเปิดฉาก
“สิ่งมีชีวิตกลุ่มสุดท้ายที่ถูกส่งมา ช่างโลดเต้นอย่างเบิกบานนัก”
ใช่แล้ว เขาเองก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่วิหารโบราณลึกลับส่งมาก่อนหน้าปิตาจารย์หลี่ พวกหรูเยวีย และทรี
แน่นอนว่าไม่ได้มีเขาเพียงผู้เดียว แต่มีเป็นกลุ่ม
อีกทั้งเท่าที่เขารู้ ก่อนหน้ากลุ่มของเขา ยังมีอีกหลายกลุ่มที่ถูกส่งมาด้วย
“หากไม่มีตัวอย่างนองเลือดให้เห็นมาก่อน การที่พวกเขากระโดดโลดเต้นไปมาเช่นนี้ ย่อมตายจนไม่อาจตายได้อีกไปนานแล้ว!”
เขารำพึง ส่วนพวกเขาที่เอ่ยถึงก็คือปิตาจารย์หลี่ ทรี และพวกหรูเยวีย คนเหล่านั้นเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ถูกส่งเข้ามา ซึ่งเขาก็ให้ความสนใจมาโดยตลอด
ไม่อาจกล่าวได้ว่ามีเพียงเขาที่ให้ความสนใจ แต่สิ่งมีชีวิตอื่นก็ให้ความสนใจมาตลอดเช่นเดียวกัน
เพียงแต่ไร้สิ่งมีชีวิตใดปรากฏกายเพื่อจัดการกับสิ่งมีชีวิตกลุ่มสุดท้ายที่ถูกส่งเข้ามา
สาเหตุเป็นเพราะตัวอย่างนองเลือดที่เขากล่าวถึง
วิหารโบราณลึกลับกำลังเลี้ยงดูกู่ และพวกเขาทั้งหมดก็คือกู่ จำเป็นต้องตัดสินว่าผู้ใดแข็งแกร่งที่สุด ส่วนผู้แพ้มีเพียงแค่หนทางตาย
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ สิ่งมีชีวิตที่ถูกส่งเข้ามาต่างล้วนถูกกำหนดให้เป็นศัตรูกัน ทั้งยังเป็นศัตรูชนิดไม่ตายไม่เลิกรา!
ดังนั้นพวกเขาแต่ละคนต่างล้วนระมัดระวังตัวอีกฝ่าย เก็บตัวซุ่มซ่อนอย่างลึกล้ำ ไม่มีผู้ใดกล้าออกไปกระโดดโลดเต้นภายนอก กลัวว่าจะถูกสิ่งมีชีวิตอื่นพบเข้าแล้วทำลายล้างสิ้น
แน่นอน ย่อมมีผู้ที่ไม่รู้จักสถานการณ์
ตัวอย่างมีจากสิ่งมีชีวิตในกลุ่มเขาที่ถูกส่งมา คนผู้นั้นไม่รู้จักสถานการณ์ ไม่ได้เก็บซ่อนตัวให้ดี แต่ออกไปกระโดดโลดเต้นภายนอก ถูกสังหารสิ้นอย่างน่าเวทนา
พวกเขายังรู้ด้วยว่าก่อนหน้าพวกเขามีกลุ่มสิ่งชีวิตจำนวนมาก
เหตุผลที่พวกปิตาจารย์หลี่อันเป็นกลุ่มสุดท้ายนั้นยังคงรอดจนถึงตอนนี้ ไม่เคยถูกสิ่งมีชีวิตให้เปิดฉากโจมตีใส่มาก่อน ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะการสังหารก่อนหน้านี้ร้ายแรงเกินไป!
สิ่งมีชีวิตที่ออกมากระโดดโลดเต้นภายนอกต่างตกเป็นเป้าหมายของสิ่งมีชีวิตอื่น ถูกสังหารตายอย่างน่าเวทนา
นี่ทำให้พวกเขากริ่งเกรง ไม่กล้าลงมือโดยง่าย แม้สิ่งมีชีวิตกลุ่มสุดท้ายจะถูกส่งเข้ามา พวกเขาก็ยังไม่กล้าลงมือเคลื่อนไหว กลัวเป็นการดึงดูดความสนใจของสิ่งมีชีวิตที่ซ่อนตัวอยู่
“สิ่งมีชีวิตกลุ่มสุดท้ายไม่รู้ความจริง ไม่รู้ว่าศึกตัดสินครั้งสุดท้ายน่าสะพรึงกลัวเพียงใด ตลอดมาล้วนแต่กระโดดโลดเต้นภายนอก ช่างน่าโศกศัลย์เวทนานัก”
เขาส่ายหัวกล่าวขึ้นมา
สิ่งมีชีวิตกลุ่มสุดท้ายเข้าใจว่าในการตัดสินมีเพียงแค่พวกเขาเท่านั้น หารู้ไม่ว่าความจริงไม่เป็นเช่นนั้นเลย ศีกตัดสินครั้งสุดท้ายเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตจำนวนมากที่เข้าร่วม
กล่าวว่าสิ่งมีชีวิตกลุ่มสุดท้ายไม่มีคุณสมบัติในการเข้าร่วมศึกตัดสินสุดท้ายก็ไม่เกินเลยเสียด้วยซ้ำ
เนื่องจากสิ่งมีชีวิตกลุ่มสุดท้ายกระโดดโลดเต้นมาโดยตลอด จึงตกเป็นเป้าหมายของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่นานแล้ว เมื่อศึกตัดสินสุดท้ายปะทุขึ้น สิ่งมีชีวิตกลุ่มสุดท้ายจะต้องถูกจัดการออกไปเป็นกลุ่มแรกอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
“สหาย ใกล้ได้เวลาที่เจ้ากับข้าจะต่อสู้เคียงข้างกันอีกครั้ง!”
เขาดึงดาบที่ปักอยู่เบื้องหน้าออกมาใช้มือลูบไล้
…
ขณะเดียวกัน สิ่งมีชีวิตที่ซ่อนตัวอยู่ต่างก็ได้รับข้อมูลการมาของวิหารโบราณลึกลับ พวกเขาทั้งหมดเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ครั้งสุดท้าย
“วิหารโบราณลึกลับต้องการทำสิ่งใด? หลังกลายเป็นผู้แข็งแกร่งสุดแล้วต้องเผชิญหน้ากับอะไรอีก?”
ในหมู่พวกเขา สิ่งมีชีวิตตนหนึ่งรำพึงด้วยเสียงลุ่มลึก
สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่ถูกวิหารโบราณลึกลับส่งมาล้วนเป็นตัวเอกของโลก ต่างมีโชควาสนา น่าอัศจรรย์อย่างถึงที่สุด แต่ละคนเติบโตขึ้นไปสู่จุดสูงสุดได้
ทว่าวิหารโบราณลึกลับไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย ต้องการเพียงผู้แข็งแกร่งที่สุด คนอื่นที่พ่ายแพ้ล้วนลูกสังหารสิ้น
เหตุใดจึงต้องให้พวกเขาตัดสินผู้แข็งแกร่งที่สุด?
เจตนารมณ์ของวิหารโบราณลึกลับคือสิ่งใดกัน?!
เขาไม่เข้าใจแม้แต่น้อย
วิหารโบราณลึกลับนั้นลึกลับเกินไปแล้ว!
…
“จะมาแล้ว?!”
พวกหรูเยวียเองก็สัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของวิหารโบราณลึกลับ สีหน้าของพวกเขาเริ่มวิตกกังวลขึ้นมา
พลังทั้งในและนอกกระดานของปิตาจารย์หลี่ยังไม่ถูกพวกเขากวาดล้างสักอย่าง!
หากศึกตัดสินสุดท้ายเริ่มต้นขึ้นในสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาไม่มีความมั่นใจเลย!
“หวังว่าทรีจะทำสำเร็จนะ!”
หรูเยวียทอดถอนใจ
นางฝากความหวังเอาไว้ที่ทรี เนื่องจากทางพวกเขาไม่อาจทำสิ่งใดได้ พลังในกระดานปิตาจารย์หลี่ยากเกินกว่าจะรับมือ พวกเขาไม่ประสบความสำเร็จในการล้อมปราบปราม
ยามนี้วิหารโบราณลึกลับกำลังมาแล้ว มีความเป็นไปได้อย่างมากที่พวกเขาไม่อาจทำลายพลังในกระดานของปิตาจารย์หลี่ได้ก่อนศึกตัดสินครั้งสุดท้าย
หากทรีกวาดล้างพลังนอกกระดานของปิตาจารย์หลี่ได้ก็ดี แต่หากทรีทำไม่ได้ เช่นนั้นพวกเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับปิตาจารย์หลี่ที่หลอมรวมพลังทั้งภายในและนอกกระดาน
ถึงตอนนั้นแล้ว ปิตาจารย์หลี่จะต้องน่าสะพรึงกลัวอย่างถึงที่สุด มีโอกาสอย่างมากที่พวกเขาไม่อาจเป็นคู่มือของอีกฝ่ายได้
…
ภายในจักรวาลดวงดารา ทรีกำลังเร่งเดินทาง
ทันใดนั้นเอง นางพลันเกิดความรู้สึกในใจจนต้องหยุดลง
“วิหารโบราณลึกลับกำลังมา!”
สีหน้าของนางจริงจัง ไม่คาดคิดมาก่อนว่าวิหารโบราณลึกลับจะมาในเวลานี้!
นี่นับเป็นสถานการณ์เลวร้ายยิ่งสำหรับนางอย่างไม่ต้องสงสัย
อย่างไรเสีย ตอนนี้นางก็เหลือเพียงพลังวิญญาณเท่านั้น อ่อนแอที่สุดในสามฝ่าย
อีกทั้งหากต้องการฟื้นฟูตัวเองกลับมา ก็จำต้องใช้เวลานาน
แต่ตอนนี้วิหารโบราณลึกลับกำลังมา ศึกตัดสินครั้งสุดท้ายใกล้จะปะทุขึ้น นางไม่มีเวลาอีกแล้ว!
“ไป!”
นางกัดฟันเร่งความเร็ว พยายามไปวัดจิตรกรรมฝาผนังโดยไวที่สุด
ยามนี้ความหวังทั้งหมดของนางอยู่ที่วัดจิตรกรรมฝาผนัง มีเพียงวัดจิตรกรรมฝาผนังเท่านั้นที่ช่วยให้นางพลิกกลับมาได้!
นางเร่งความเร็วอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายก็มาถึงวัดจิตรกรรมฝาผนัง
ที่ตั้งของวัดจิตรกรรมฝาผนังพิเศษเป็นอย่างยิ่ง ไม่อาจมาถึงได้โดยง่าย ไม่เช่นนั้นนางคงมาถึงตั้งนานแล้ว
ถึงแม้นางจะเหลือเพียงพลังวิญญาณ แต่ก็ยังแข็งแกร่งมาก การสังหารสิ่งมีชีวิตขอบเขตแกนนภาเป็นเรื่องง่ายดาย คิดรีบก็สามารถไปถึงสถานที่ใดก็ได้ในชั่วอึดใจ
ทว่าระหว่างทางไปถึงวัดจิตรกรรมฝาผนังเต็มไปด้วยอุปสรรคมากมาย ดังนั้นนางจึงมาถึงเอาป่านนี้
วัดจิตรกรรมฝาผนังใหญ่โตมโหฬารตั้งอยู่กลางอากาศ เปล่งประกายพร่างพราวเป็นพิเศษ ลมหายใจผ่านกาลเวลามาอย่างโชกโชนยิ่ง นี่คือวัดโบราณที่ดำรงอยู่มานานเกินกว่าที่ผู้ใดจะล่วงรู้
ทรีสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามสงบสติอารมณ์ลง พร่ำเตือนตนเองในใจว่าอย่าได้คิดมากเกินไป อย่าได้พะวักพะวนมากทุกสิ่ง ปล่อยให้ดำเนินไปตามธรรมชาติ หากวัดจิตรกรรมฝาผนังช่วยนางพลิกกลับคืนมาได้ก็แล้วไป หากช่วยไม่ได้ แม้นางจากออกไปก็ทำสิ่งใดไม่ได้
“ไป!”
หลังอารมณ์สงบดีแล้ว ทรีก้าวเดินออกไปด้านหน้าตรงไปยังวัดจิตรกรรมฝาหนัง
ประตูวัดจิตรกรรมฝาหนังเปิดอยู่ตลอดเวล ไม่เคยปิดมาโดยตลอด ครั้งก่อนที่นางมาหรือจะเป็นครั้งนี้ก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
บนกำแพงหินภายในและภายนอกวัดล้วนถูกแกะสลักเป็นภาพจิตรกรรม ทั้งหมดล้วนน่าอัศจรรย์จนทรีอดทอดถอนใจไม่ได้
ภาพจิตรกรรมฝาผนังเหล่านี้ล้วนอยู่นอกเหนือความรู้ความเข้าใจของนาง ต่อให้เป็นนางที่อยู่ในสภาวะสูงสุด ทุกครั้งที่มองจิตรกรรมฝาผนังเหล่านี้ ภายในใจของนางอดเกิดความรู้สึกไร้พลังขึ้นมาไม่ได้
ต่อหน้าจิตรกรรมฝาผนัง นางไม่อาจนับเป็นสิ่งใดได้เลย ห่างไกลเกินไป ไม่ว่าจะเป็นจินตกรรมฝาผนังชิ้นใดในวัดก็สังหารนางได้อย่างง่ายดาย
……….