รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] - บทที่ 1104 หลี่จิ่วเต้า ‘เอาล่ะ พวกเจ้าเคี่ยวกรำตนเองให้ดี!’
- Home
- รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]
- บทที่ 1104 หลี่จิ่วเต้า ‘เอาล่ะ พวกเจ้าเคี่ยวกรำตนเองให้ดี!’
บทที่ 1104 หลี่จิ่วเต้า ‘เอาล่ะ พวกเจ้าเคี่ยวกรำตนเองให้ดี!’
……….
บทที่ 1104 หลี่จิ่วเต้า ‘เอาล่ะ พวกเจ้าเคี่ยวกรำตนเองให้ดี!’
บรรพมังกรเก้ากรงเล็บผู้อยู่ขอบเขตปัจฉิมขั้นสูงสุดประกอบด้วยฝีมือปลายจวักของหลี่จิ่วเต้า เนื้อมังกรหม้อนี้สะท้านโลกันตร์ยิ่งกว่าโอสถวิเศษสูงส่งอีก!
หลังเหล่าสตรีกินเนื้อมังกรเข้าไปคำหนึ่งก็ได้รับผลประโยชน์มหาศาล ขอบเขตแต่ละคนล้วนบรรลุอย่างก้าวกระโดด!
“ขอบคุณ…คุณชาย!”
“ขอบคุณ!”
พวกนางพากันโขกศีรษะคำนับขอบคุณหลี่จิ่วเต้า หลี่จิ่วเต้าไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตพวกนางไว้ ซ้ำยังให้พวกนางไดกินเนื้อมังกรสะท้านโลกันตร์เช่นนี้ พวกนางซาบซึ้งเหลือแสน น้ำตาร่วงพรูอย่างหยุดไม่อยู่
“ไม่ต้องถึงขั้นนั้น!”
หลี่จิ่วเต้ารีบประคองสตรีเหล่านี้ขึ้น บอกพวกนางว่าไม่ต้องคุกเข่าคำนับเขาอีก
ส่วนเรื่องอื่นเขาไม่ได้คิดมาก ยกความดีความชอบให้ความอัศจรรย์ของตัวเนื้อมังกรเอง
เขายังรู้สึกว่าหากปล่อยสตรีเหล่านี้ไปอาจเป็นอันตราย มีโอกาสถูกเจ้าพวกที่มาจากแดนพิสุทธิ์สืบเสาะจนถึงตัว
“พวกเจ้าติดตามอยู่ข้างกายข้าไปก่อนแล้วกัน”
เขาบอกกับสตรีทั้งหลาย
“ขอบคุณ!”
สตรีเหล่านี้รู้ว่าหลี่จิ่วเต้าหวังดีกับพวกนาง พวกนางยิ่งซึ้งใจเข้าไปใหญ่
ผู้ยิ่งใหญ่สูงส่งระดับหลี่จิ่วเต้าใส่ใจพวกนางถึงเพียงนี้ ชั่วขณะนั้น พวกนางไม่อาจสรรหาถ้อยคำใดมาเอื้อนเอ่ย
ถึงอย่างไร สิ่งมีชีวิตอย่างพวกนางต้อยต่ำเสียยิ่งกว่ามดปลวกเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ยิ่งใหญ่สูงส่งอย่างหลี่จิ่วเต้า
“พวกเจ้ากินของดีไปตั้งมาก ได้ประโยชน์ไปตั้งมาย คงยกระดับพลังขึ้นมหาศาลกระมัง”
หลี่จิ่วเต้าหันมองพวกลั่วสุ่ย “เอาอย่างนี้ ข้าตั้งเป้าหมายให้พวกเจ้า ต้องกำจัดสมาชิกแดนพิสุทธิ์เหล่านั้นให้ได้”
หากเขาออกโรงจัดการบรรดาสมาชิกแดนพิสุทธิ์ย่อมไม่ใช่เรื่องใหญ่
ทว่าเขาไม่อยากลงมือ เพราะอยากให้พวกลั่วสุ่ยลงมือมากกว่า
พวกลั่วสุ่ยต่างก้าวสู่เส้นทางฝึกตนแล้ว การต่อสู้กับสมาชิกแดนพิสุทธิ์ย่อมเป็นการเคี่ยวกรำพวกลั่วสุ่ยในตัว ช่วยให้พวกเขาแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
เขาต้องการให้พวกลั่วสุ่ยเก่งกาจกว่านี้
นอกจากนี้ เขาอยากอยู่เพียงเบื้องหลัง เป็นไพ่ตายสุดท้าย ดูว่าบรรดาจ้าวแดนพิสุทธิ์ทรงพลังปานใด มีฝีมือขนาดไหน แล้วค่อยลงมือในช่วงเวลาคับขัน
“ได้!”
“ไม่มีปัญหา!”
พวกลั่วสุ่ยต่างรับปากอย่างมาดมั่น
พวกเขาได้เห็นแล้วว่าสมาชิกแดนพิสุทธิ์ทั้งหลายน่าครั่นคร้ามเพียงใด แต่พวกเขาก็ยังมั่นใจว่าสามารถจัดการสมาชิกแดนพิสุทธิ์
แน่นอน ความมั่นใจของพวกเขาล้วนมาจากคุณชาย
หากไม่ได้คุณชาย พวกเขาไม่มีทางมั่นใจขนาดนี้ ยามนี้เหล่าสมาชิกแดนพิสุทธิ์เหนือกว่าพวกเขามากนัก อยู่ในระดับไม่อาจเอื้อม ขอบเขตสูงเกินไป
“ดี ถือเป็นการฝึกซ้อมก่อนสงคราม แดนลับแห่งนี้ไม่เลว เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตทรงพลัง พวกเจ้าไปเถิด ขัดเกลาตนเองให้มากในแดนลับนี้ แข็งแกร่งให้มากกว่านี้”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยยิ้ม ๆ
เขารู้จักพวกลั่วสุ่ยดี แม้ยามนี้จะยังไม่ใช่คู่มือของสมาชิกแดนพิสุทธิ์ แต่เขาก็หวังให้พวกลั่วสุ่ยทรงพลังขึ้นด้วยแดนลับแห่งนี้แล้วค่อยไปต่อกรกับสมาชิกแดนพิสุทธิ์
เขาแน่ใจว่าหลังพวกลั่วสุ่ยเคี่ยวกรำฝึกฝนในแดนลับแห่งนี้แล้ว สุดท้ายต้องจัดการพวกสมาชิกแดนพิสุทธิ์ได้แน่นอน
เพราะอย่างที่บอกไว้ก่อนหน้า พวกลั่วสุ่ยได้กินของดีมานับคณา รับประโยชน์ไปมหาศาลยามอยู่ข้างกายเขา
ผักผลไม้ที่ปลูกด้วยดินวิเศษซึ่งแลกมาจากบรรพจารย์ฝู พวกลั่วสุ่ยกินเป็นของว่าง แล้วจะไม่ให้แข็งแกร่งได้อย่างไรเล่า สิ่งที่ขาดในตอนนี้มีเพียงเวลาเท่านั้น
จากนั้น เขานำถั่วออกมากำหนึ่ง แจกจ่ายให้พวกลั่วสุ่ยคนละเม็ด
“นี่คือถั่วรักษาชีวิต หลังเรียกออกมาจะรักษาชีวิตพวกเจ้าได้ ทว่าคุณชายหวังว่าหลังพวกเจ้ากลับมา ถั่วในมือจะยังอยู่”
ถั่วเหล่านี้แลกมาจากบรรพจารย์ฝูทั้งหมด บรรพจารย์ฝูเคยกล่าวว่าถั่วเหล่านี้ยามโปรยออกไปจะงอกเงยเป็นพลทหาร เปี่ยมด้วยพลังไร้เทียมทาน
เขาเคยทดลองมาแล้ว มันเป็นตามที่ว่า หลังโปรยถั่วเม็ดหนึ่งลงพื้นพลันเกิดเป็นพลทหารสวรรค์ ฟาดฟันศัตรูได้ทั้งปวง
หากปล่อยให้พวกลั่วสุ่ยจากไปทั้งอย่างนี้ เคี่ยวกรำฝึกฝนตนเองไปทั่วแดนลับลงท้ายเขาก็ไม่สบายใจ กลัวจะเกิดเรื่องขึ้น
ถึงอย่างไร ในแดนลับแห่งนี้ก็มีสิ่งมีชีวิตน่าพรั่นพรึงมากเกินไป เขาไม่ได้อยู่ข้างกายพวกลั่วสุ่ย พวกลั่วสุ่ยจำต้องมีพลังคอยปกป้องตนเอง
มู่อวี่ก็ด้วย นางมองถั่วเขียวธรรมดาในมือด้วยความสงสัย
ถั่วเม็ดนี้ช่วยรักษาชีวิตได้จริงหรือ
ในสายตาของนาง ถั่วเม็ดนี้แสนดาษดื่น ปราศจากพลังใด ๆ ไม่ต่างจากถั่วเขียวทั่วไป จนนางอดกังขาไม่ได้
ทว่าเพียงไม่นานนางก็หมดความสงสัย
ของที่ผ่านมือหลี่จิ่วเต้าแล้ว ไม่ว่าธรรมดาสามัญเพียงใดก็ไม่อาจสบประมาท แฝงไว้ด้วยพลังเกินจินตนาการ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางพบเจอเรื่องเช่นนี้
‘การฝึกซ้อมก่อนสงครามใหญ่…’
นางพึมพำในใจ ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดหลี่จิ่วเต้าถึงพานางมายังแดนลับนี้
อย่างที่คาด หลี่จิ่วเต้าไม่ได้แค่ต้องการจับบรรพมังกรเก้ากรงเล็บให้นางกินเท่านั้น แต่ต้องการพานางมาที่นี่เพื่อประจักษ์ถึงความสยดสยองของสมาชิกแดนพิสุทธิ์ ให้นางเข้าใจว่าศัตรูที่พวกเขาต้องเผชิญเป็นเช่นไร!
ขณะเดียวกัน หลี่จิ่วเต้าต้องการให้นาง รวมถึงผู้ติดตามข้างกายได้ขัดเกลาตนเองในแดนลับนี้ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อรับศึกใหญ่อย่างแท้จริงที่กำลังมาเยือน!
‘สงครามใหญ่อย่างแท้จริงอุบัติเมื่อใดย่อมต้องน่าครั่นคร้ามเหลือแสน สมาชิกแดนพิสุทธิ์เหล่านั้นหาใช่ตัวปัญหา ศัตรูที่แท้จริงคือจ้าวแดนพิสุทธิ์เหล่านั้นต่างหาก…’
นางตระหนักถึงเรื่องนี้ดี ขณะเดียวกัน หัวใจเต็มไปด้วยความหวัง
รอจนสงครามใหญ่อันแท้จริงอุบัติ พี่ชายจะหวนคืนมาอย่างองค์ราชันได้หรือไม่
นางรู้สึกว่าถึงเวลานั้น พี่ชายต้องกลับมาแน่นอน!
‘พี่ชายเคยบอกข้าว่านี่เป็นเคราะห์กรรมที่พี่ชายจำเป็นต้องผ่านไปให้ได้ หนีไม่ได้ หลีกไม่พ้น บ่งบอกแล้วว่าพี่ชายเห็นทุกอย่างไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว! ข้าไม่เชื่อว่าพี่ชายไม่ได้เตรียมการเผื่อไว้ ภายหน้าจักต้องฟื้นคืนกลับมา มุ่งหน้าไปยังสมรภูมิสุดท้ายนี้แน่นอน!’
นางคิดในใจ
จากนั้นพวกเขาพากันไปจากที่นี่ เตรียมตัวฝึกฝนเคี่ยวกรำไปตามพื้นที่ต่าง ๆ ในแดนลับ
“จำไว้ คุณชายบอกให้พวกเรายึดการสังหารสมาชิกแดนพิสุทธิ์เหล่านั้นเป็นเป้าหมาย! หมายความว่าอย่างไร ความหมายชัดเจนแจ่มแจ้ง คุณชายหวังให้พวกเราฆ่าสมาชิกแดนพิสุทธิ์ด้วยกำลังตนเอง!”
ต้นหลิวกล่าว
“หาไม่แล้ว คุณชายคงไม่บอกให้พวกเราขัดเกลาตนเองในแดนลับแห่งนี้ คงประทานของวิเศษแก่เราที่สามารถสังหารสมาชิกแดนพิสุทธิ์เหล่านั้นได้ทันทีแล้ว”
มันกล่าวต่อ “เพราะอย่างนั้น ข้าหวังว่าพวกเราทุกคนจะพากเพียรฝึกฝนอยู่ในแดนลับแห่งนี้ด้วยกำลังตนเอง แข็งแกร่งขึ้นจนสามารถต่อสู้กับสมาชิกแดนพิสุทธิ์เหล่านั้นได้ด้วยกำลังตนเอง”
“ขณะเดียวกัน ข้าอยากให้ทุกคนสงบเงียบไม่เอิกเกริก อย่าให้สมาชิกแดนพิสุทธิ์หมายหัวเอาได้!”
มันเอ่ย “ถึงอย่างไรคุณชายก็ได้กล่าวไว้แล้วว่า ยามพวกเรากลับมาท่านหวังให้ถั่วรักษาชีวิตยังอยู่ในมือเรา หากถูกสมาชิกแดนพิสุทธิ์หมายหัวเข้าละก็ ไม่แน่ว่าถั่วรักษาชีวิตจะยังอยู่ในมือต่อไปหรือไม่”
“เข้าใจแล้ว!”
มัจฉาสัตมายาตอบรับตนแรกเสียงดังฟังชัด “วางใจได้ ต่อให้ข้าตายก็จะไม่ทำให้คุณชายผิดหวัง! ถั่วรักษาชีวิตเม็ดนี้ ต่อให้ตายข้าก็ไม่ยอมใช้!”
“ดี ประเสริฐ ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”
บัดนี้ก้อนหินอยู่ในร่างมนุษย์ ก้าวเข้าไปอยู่ข้างกายมัจฉาสัตมายายิ้ม ๆ ตบบ่ามันพลางเอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่สู้เจ้ายกถั่วรักษาชีวิตให้ข้าแล้วกัน ถึงอย่างไรเจ้าก็เอ่ยแล้วว่าต่อให้ตายก็จะไม่ใช้ถั่วรักษาชีวิต”
“หา?!”
มัจฉาสัตมายาอึ้งงันในบัดดล
แม้เขาจะเอ่ยเช่นนั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความตามนั้นเสียหน่อย!
มีถั่วรักษาชีวิตติดตัวแต่ไม่ใช้ ต่างจากไม่มีถั่วรักษาชีวิตติดตัวมากนัก!
“เป็นอันใดไป เจ้าประกาศเสียแน่วแน่ว่าให้ตายก็ไม่ใช้ พอให้เจ้ายกถั่วรักษาชีวิตให้ข้าเจ้ากลับไม่ยอมหรือ”
ก้อนหินถอนหายใจ “หากเป็นเช่นนี้ ข้าว่าเจ้าเก็บถั่วรักษาชีวิตไว้ไม่อยู่หรอก สุดท้ายก็ต้องใช้ถั่วรักษาชีวิตอยู่ดี”
มัจฉาสัตมายากัดฟัน ตัดสินใจได้ในที่สุด ยื่นถั่วรักษาชีวิตให้ก้อนหินพลางเอ่ย “ได้ เช่นนั้นข้าขอมอบถั่วรักษาชีวิตให้พี่หินเก็บเพื่อแสดงถึงเจตจำนงของข้า!”
“เช่นนี้ถึงจะถูก! มีเพียงเช่นนี้เจ้าถึงสามารถสลัดความกังวลทิ้ง และแข็งแกร่งยิ่งขึ้น!”
ก้อนหินคลี่ยิ้ม รีบเก็บถั่วรักษาชีวิตที่มัจฉาสัตมายายื่นให้มัน
“ใช้ได้ คราวนี้ข้าก็เก็บถั่วรักษาชีวิตของข้าไว้ได้แล้ว”
มันเอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้
อะไรนะ?!
หลังมัจฉาสัตมายาได้ยินดังนั้นก็หน้าเสียทันที
บัดซบ!
ก้อนหินไร้จรรยาบรรณสิ้นดี!
ที่ริบถั่วรักษาชีวิตของเขาไปก็เพื่อเป็นหลักประกันว่าถั่วรักษาชีวิตของตัวเองจะไม่ถูกใช้?!
“ท่านคืนถั่วรักษาชีวิตของข้ามานะ!”
เขาไม่ยอม รีบร้องเอาถั่วรักษาชีวิตของเขาคืนจากก้อนหิน
“เจ้าทำอะไร!”
ก้อนหินถลึงตาใส่มัจฉาสัตมายา ตะโกนใส่ว่า “เจ้าบอกเองไม่ใช่หรือว่าเพื่อแสดงเจตจำนง เจ้าจึงยกถั่วรักษาชีวิตของเจ้าให้ข้าเก็บไม่ใช่หรือ เหตุใดบัดนี้ต้องขอคืนด้วย!”
“ข้ากลัวสุดท้ายท่านจะใช้ถั่วรักษาชีวิตของข้าไปแทน!”
มัจฉาสัตมายาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“เหลวไหล!”
ก้อนหินรีบปฏิเสธ “เจ้าเห็นพี่หินของเจ้าเป็นอย่างไร! พี่หินของเจ้าไฉนเลยจะทำเช่นนั้น ถึงเวลาย่อมต้องคืนถั่วรักษาชีวิตของเจ้าให้เจ้า!”
“เมื่อครู่ท่านเพิ่งเอ่ยว่าคราวนี้ก็เก็บถั่วรักษาชีวิตของท่านไว้ได้แล้ว!”
มัจฉาสัตมายาเอ่ยเสียงเคียดแค้น
“หา ข้าพูดหรือ”
ก้อนหินสีหน้าเปลี่ยนไปมหันต์ ด่ากราดออกมาว่า “บ้าเอ๊ย ไยข้าถึงลำพองใจจนลืมตัว เผลอบอกความในใจออกไปเล่า!”
“ท่านคืนข้ามาเดี๋ยวนี้นะ!”
เห็นดังนั้น มัจฉาสัตมายาพุ่งเข้าใส่ก้อนหิน หมายจะแย่งถั่วรักษาชีวิตของเขาคืนมา
ขืนเก็บไว้กับก้อนหิน ถั่วรักษาชีวิตของเขาคงไม่ได้กลับคืนมาอีกจริง ๆ!
“อย่าหาเรื่องสิ พี่หินหยอกเจ้าเล่น ข้าไม่ทำเรื่องไร้คุณธรรมเช่นนั้นหรอก! เจ้าสบายใจได้เลย! ท้ายที่สุดพี่หินต้องคืนถั่วรักษาชีวิตให้เจ้าแน่!”
ก้อนหินเอ่ยด้วยท่าทางขึงขัง ให้ตายอย่างไรก็ไม่ยอมคืนถั่วรักษาชีวิตให้มัจฉาสัตมายา
“ข้าไม่เชื่อ!”
มัจฉาสัตมายาไม่ยอมเชื่อ เก็บถั่วรักษาชีวิตไว้ในมือมันเองดีกว่า!
“ก้อนหิน ดูสภาพไม่เอาไหนของเจ้าสิ ใช้อุบายกับพี่น้องตัวเองเชียวหรือ!”
ต้นหลิวต่อว่า จากนั้น ก้านหลิวพุ่งออกมาเกี่ยวก้อนหินขึ้นมาแล้วซ้อมอย่างหนัก สั่งให้ก้อนหินคืนถั่วรักษาชีวิตให้มัจฉาสัตมายา
“ข้าว่าเจ้าต่างหากที่แน่วแน่ไม่พอ! เอาเถิด ถั่วรักษาชีวิตเม็ดนั้นบนตัวเจ้าให้ข้าเก็บไว้แทนแล้วกัน”
ต้นหลิวริบถั่วรักษาชีวิตของก้อนหินมาเก็บไว้เอง
“คงไม่ใช่กระมัง!”
ก้อนหินร้องไห้ออกมาทันที
อะไรกัน!
มันหลอกเอาถั่วรักษาชีวิตของมัจฉาสัตมายามาไม่ได้ไม่พอ ยังต้องเสียถั่วรักษาชีวิตของตัวเองอีกต่างหาก อย่าให้เอ่ยเลยว่ามันเศร้าใจเพียงใด!
หากรู้อย่างนี้แต่แรก อย่างไรมันก็คงไม่ทำเช่นนั้น!
……….