รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] - บทที่ 1096 หลี่จิ่วเต้า ‘มัจฉาสัตมายา เจ้ายังต้องฝึกฝนอีกมาก!’
- Home
- รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]
- บทที่ 1096 หลี่จิ่วเต้า ‘มัจฉาสัตมายา เจ้ายังต้องฝึกฝนอีกมาก!’
บทที่ 1096 หลี่จิ่วเต้า ‘มัจฉาสัตมายา เจ้ายังต้องฝึกฝนอีกมาก!’
……….
บทที่ 1096 หลี่จิ่วเต้า ‘มัจฉาสัตมายา เจ้ายังต้องฝึกฝนอีกมาก!’
จั่วเหยียนรู้สึกอิจฉาอีกแล้ว จะไม่ให้อิจฉาได้อย่างไร มู่อวี่ได้รับการปรนนิบัติดียิ่งนัก เขาไม่กล้าแม้แต่จะฝันถึง!
“ไปเถิด ขึ้นเรือ ไปกันให้หมดนี่แหละ”
หลี่จิ่วเต้ายิ้มน้อย ๆ รับรองมู่อวี่ และไม่ลืมคนข้างกายของตน
ผู้ที่ติดตามเขามาก้าวสู่เส้นทางฝึกตนกันหมดแล้ว หากได้กินเลือดเนื้อของอสูรทรงพลัง ย่อมได้รับผลประโยชน์มหาศาลเช่นกัน
“ได้เลยคุณชาย!”
ลั่วสุ่ยตอบรับคนแรก คืนกลับร่างแมวกระโดดเข้าอ้อมกอดหลี่จิ่วเต้า
ในระหว่างนั้น นางยังมองจ้องมู่อวี่ด้วยท่าทางระแวง ราวกับเตือนมู่อวี่ไม่ให้หมายตาคุณชาย
มู่อวี่เห็นสายตาลั่วสุ่ยแล้วกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ลั่วสุ่ยก็น่ารักเหลือเกิน นางหาได้คิดเช่นนั้นกับหลี่จิ่วเต้าเสียหน่อย
“ข้าก็มาแล้วคุณชาย!”
“ข้าด้วย!”
เซี่ยเหยียนและหลิงอินไม่ยอมแพ้เช่นกัน ต่างจำแลงเป็นแมวกระโดดเข้าไปในอ้อมกอดหลี่จิ่วเต้า
ขณะเดียวกัน พวกนางต่างมองจ้องมู่อวี่ด้วยท่าทางระแวง คล้ายว่าเตือนมู่อวี่ไม่ให้มีใจเป็นอื่นเช่นกัน
มู่อวี่ยิ่งกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตลกกับความน่ารักของพวกลั่วสุ่ย
“ไม่เหลือที่ให้ข้าแล้ว…”
จิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงเบะปาก มองหลี่จิ่วเต้าด้วยท่าทางน้อยใจพลางเอ่ย
นางไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงแต่คิดถึงความรู้สึกที่ได้อยู่ในอ้อมกอดหลี่จิ่วเต้า ทว่าน่าเสียดาย เพราะไม่เหลือที่แล้ว
“มาเถิดเสี่ยวหง มีที่อยู่”
“ผู้ใดว่าไม่มีที่ของเจ้า ย่อมมีที่ของเจ้าเสมอ!”
“เจ้ามาสิ!”
พวกลั่วสุ่ยเอ็นดูจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงเป็นอย่างมาก เห็นท่าทางเช่นนี้ของจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงจึงกระเถิบที่ให้ทันที บอกให้เข้ามา
“ได้เลยพี่หญิงทั้งหลาย!”
จิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงคลี่ยิ้ม กระโจนเข้าไปในอ้อมกอดหลี่จิ่วเต้า ระหว่างที่กระโจน ร่างมนุษย์ของนางก็กลับคืนสู่ร่างจิ้งจอกดังเดิม ศีรษะจิ้งจอกของมันถูไถอ้อมกอดชายหนุ่มไม่หยุด
“อ้อมกอดคุณชายสบายที่สุดแล้ว!”
จิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุขที่ล้นปรี่
นี่…ช่วยนึกถึงความรู้สึกของเขาบ้างได้หรือไม่!
หลี่จิ่วเต้าคิดในใจอย่างเหนื่อยอ่อน เป็นบุรุษช่างเหนื่อยเหลือเกิน ยังดีที่เขาสุขภาพแข็งแรง หากไม่แข็งแรงไม่แน่ว่าจะอุ้มพวกลั่วสุ่ยไหว
อ้อมกอดคุณชายน่าหลงใหลเพียงนั้นเชียวหรือ ดี…ขนาดนั้นเลยรึ
จิ้งจอกขาวในมาดพี่สาวแสนเท่อยู่ในเสื้อสีดำ ถุงน่องตาข่ายสีดำ เท้าสวมรองเท้าส้นสูง ดวงตาจ้องอ้อมกอดหลี่จิ่วเต้าเขม็ง อยากลองสัมผัสความรู้สึกที่ถูกหลี่จิ่วเต้ากอดบ้าง
จวบจนบัดนี้ นางยังไม่เคยถูกหลี่จิ่วเต้ากอดมาก่อน
แน่นอนว่านางไม่เหลือความระแวงในใจอีกแล้ว และไม่ได้เย็นชาอย่างเก่า แต่นางยังข้ามด่านในใจตนเองไม่ได้ ด้วยนิสัยของนางไม่ยอมให้นางปริปากขออ้อมกอดจากหลี่จิ่วเต้าอย่างจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิง
“เอาเถิด มาสิ เพิ่มเจ้ามาสักคนคงไม่หนักหนาไปกว่านี้แล้ว”
หลี่จิ่วเต้าสังเกตเห็นจิ้งจอกขาวจึงเรียกนาง
เมื่อได้ยินวาจาของเขา จิ้งจอกขาวเกิดอาการลังเลนิดหน่อย กอปรกับกระดากอยู่ไม่น้อย ทว่าท้ายที่สุดนางก็คืนกลับร่างเดิม กระโดดเข้าไปในอ้อมกอดของหลี่จิ่วเต้า
“พี่หญิงไป๋ อ้อมกอดคุณชายสุดยอดใช่หรือไม่! ข้าบอกท่านนานแล้วว่าอ้อมกอดของคุณชายคือสถานที่ที่ดีที่สุด ไม่มีที่ใดเทียบได้อีกแล้ว!”
จิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงบอกจิ้งจอกขาว
“อืม…”
ใบหน้าจิ้งจอกขาวแดงก่ำ ตอบกลับเสียงแผ่วเบา
อ้อมกอดคุณชายสบายและอบอุ่นอย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังได้กลิ่นบุรุษเพศเข้มข้นของคุณชาย เพียงเสี้ยวลมหายใจนางก็ถลำลึก!
มาตอนนี้ ในที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดอ้อมกอดของคุณชายถึงได้รับความนิยมล้นหลาม!
“มาสิ อ้อมกอดของข้ามีไว้ให้เจ้า!”
อีกด้าน มัจฉาสัตมายากางแขนบอกกับชางเหยา
หารู้ไม่ว่าลมหายใจต่อมาเขาก็ต้องกินแห้ว ถูกชางเหยาเคาะศีรษะหนึ่งที
“ผิดแล้ว อ้อมกอดของข้าต่างหากที่มีไว้ให้เจ้าเสมอ!”
ชางเหยาช่างองอาจมาดเท่ ดึงมัจฉาสัตมายาเข้ามาในอ้อมกอดของนาง จนมัจฉาสัตมายานึกอยากร่ำไห้ เมื่อใดเขาจะองอาจได้บ้าง เปลี่ยนชางเหยาเป็นนกน้อยอ่อนหวาน!
“อามิ…ข้าต้าเต๋อฝอ อ้ายฉานเจ้ามองอะไร! อย่าบอกนะว่าเจ้าอยากให้ข้ากอดเจ้า! ข้าต้าเต๋อฝอปราศจากกิเลสตัณหา มิเข้าใกล้สตรีเพศ!”
ต้าเต๋อเห็นอ้ายฉานมองมาจึงเอ่ยขึ้นอย่างขึงขัง
บัดนี้พวกเขาต่างมีอายุไม่น้อยกันแล้ว บรรลุนิติภาวะ อายุยี่สิบกว่ากันถ้วนหน้า
อ้ายฉานแค้นจนกัดฟันกรอด หวดหมัดใส่หน้าต้าเต๋อ จนใบหน้าอีกฝ่ายฟกช้ำดำเขียว
บอกตามตรง จากที่ได้อยู่ด้วยกันมาหลายปี นางมีใจให้ต้าเต๋อแล้วจริง ๆ และเมื่อครู่ก็อยากให้ต้าเต๋อกอดนางจริง ๆ
“อ้ายฉานไม่ต้องโมโห อ้อมกอดของข้ามีไว้เพื่อเจ้าเสมอ”
จู้จื่อที่อยู่อีกด้านเอ่ยขึ้น ดูก็รู้ว่าเขาชอบอ้ายฉานมาก
“ไสหัวไป!”
อ้ายฉานถลึงตาใส่จู้จื่ออย่างขุ่นเคือง “กอดอะไร ข้าไม่ต้องการอ้อมกอดจากใครทั้งนั้น!”
“พี่หลิว บรรยากาศมาถึงขั้นนี้แล้ว ท่านกอดข้าบ้างดีหรือไม่”
เวลานั้น ก้อนหินเห็นทุกคนตระกองกอดกัน จึงเอ่ยกับต้นหลิว
“ข้ากอดกับผีเจ้าน่ะสิ!”
ต้นหลิวเดือดดาล กระชากก้อนหินขึ้นมาซ้อมอย่างหนัก เจ้าก้อนหินเส็งเคร็งแกว่งเท้าหาเสี้ยน มาวุ่นวายอะไร ผู้ชายสองคนมากอดอะไรเล่า น่าคลื่นไส้!
เมื่อพวกหลี่จิ่วเต้าขึ้นไปบนเรือเซียวเหยา เรือก็แล่นออกไปประดุจลำแสง วาดผ่านอวกาศอย่างรวดเร็ว
ไม่นานนักพวกเขาก็ออกจากดินแดนเก่า เข้าไปยังดินแดนใหม่
จากดินแดนเก่าไปยังดินแดนใหม่ต้องผ่านเส้นทางนั้น แล้ววนเวียนต่อไปอีกหลายชั้น ทว่าเรือเซียวเหยาไม่จำเป็นต้องผ่านขั้นตอนเหล่านั้น มันไม่ได้แล่นผ่านเส้นทางนั้นเลย
ด่านนับคณาที่ปรมาจารย์ดินแดนใหม่ตั้งเพื่อดินแดนเก่าไม่ส่งผลใด ๆ เมื่ออยู่ต่อหน้ามัน มันสามารถทะลุผ่านได้โดยไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด ราวกับมันไม่เคยปรากฏตัวที่นี่
เรือเซียวเหยาไม่ได้หยุดยั้งในดินแดนใหม่ ทะลวงผ่านไปในเสี้ยวลมหายใจ สิ่งมีชีวิตดินแดนใหม่ไม่ทันรู้สึกด้วยซ้ำ
เพียงครู่เดียว เรือเซียวเหยาก็มายังสถานที่ลับซึ่งมู่อวี่บอกไว้
พวกเขาลงจากเรือเซียวเหยา
“นี่เรา…ถึงแล้วหรือ?!”
มู่อวี่กวาดมองรอบ ๆ แน่ใจว่าที่นี่คือสถานที่ลับที่นางเคยมา พลันสะท้อนใจอย่างอดไม่ได้
นับแต่ขึ้นเรือเซียวเหยาจนเดินทางมาถึงที่นี่ ใช้เวลาไปไม่กี่อึดใจเท่านั้น ที่สำคัญ แดนลับแห่งนี้ยังถูกพลังยิ่งใหญ่ของพี่ชายตัดขาด แม้แต่นางยังไม่รู้จักทาง เรือเซียวเหยากลับมาถึงได้อย่างรวดเร็ว ช่างน่าตกใจจริง ๆ!
‘เขาอาจแข็งแกร่งกว่าพี่ชายจริง ๆ ก็ได้!’
ความคิดนี้ผุดขึ้นในใจมู่อวี่อีกครั้ง นางเริ่มแน่ใจมากขึ้นว่าหลี่จิ่วเต้าแข็งแกร่งกว่าพี่ชาย
สิ่งแวดล้อมในสถานที่นี้ไม่ได้เปลี่ยนไปจากครั้งที่นางมาคราวก่อน สสารฝึกฝนระดับสูงไหลเวียนอยู่เต็มไปหมด พืชพรรณทุกต้นล้วนไม่ธรรมดา น่าทึ่งเหลือแสน เป็นถึงโอสถวิเศษสะท้านโลกันตร์!
“ระวัง พืชพรรณที่นี่ใช่ว่าธรรมดา แต่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง โจมตีได้รุนแรงน่าสะพรึงกลัว!”
มู่อวี่เอ่ยเตือนอยู่ข้าง ๆ
ครานั้น นางถูกโจมตีทันทีที่เข้ามา เป็นการโจมตีจากวัชพืชซึ่งไม่โดดเด่นสักนิด!
วัชพืชต้นนั้นน่าสยดสยองเป็นหนักหนา สำแดงเคล็ดวิชากระบี่สูงส่งออกมาได้ สามารถจำแลงเป็นกระบี่ยาวน่าพรั่นพรึง ครานั้นนางเกือบถูกสังหารในกระบี่เดียวแล้ว
‘ที่นี่ที่ไหน’
อีกด้าน จั่วเหยียนสะท้านใจอย่างยิ่งยวด
เขาเป็นถึงปรมาจารย์ดินแดนใหม่ คุ้นเคยกับดินแดนใหม่เป็นอย่างดี แต่เขากลับไม่รู้เรื่องที่นี่เลย ก่อนหน้านี้อย่าว่าแต่มาที่นี่เลย ไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำ!
ใช่แล้ว ไม่ใช่แค่เขาที่ไม่รู้ว่ามีที่นี่อยู่ ปรมาจารย์ดินแดนใหม่ตนอื่นก็เช่นกัน ไม่รู้ว่ามีที่นี่อยู่กันหมด
ในอดีต หลังปิตาจารย์หลี่ตัดขาดการเชื่อมต่อระหว่างสถานที่ลับเหล่านี้และดินแดนใหม่แล้ว ถึงนำทัพสิ่งมีชีวิตดินแดนเก่ามายังดินแดนใหม่
นอกจากมู่อวี่ที่ปิตาจารย์หลี่พามาล่วงหน้าเคยเข้าไปยังสถานที่ลับนี้ สิ่งมีชีวิตอื่นไม่เคยเข้ามาเลย
“น่ากลัวเพียงนั้นเชียวหรือ ข้าไม่เชื่อ!”
มัจฉาสัตมายากังขาในคำกล่าวของมู่อวี่ เขาไม่รู้สึกถึงภยันตรายใด ๆ สักนิด พืชพรรณเบื้องหน้าหาได้อันตรายในสายตาเขา
พลันเขาก้าวไปตรงดอกไม้ประหลาดสีสันฉูดฉาดดอกหนึ่ง เอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ดอกไม้งดงามเช่นนี้ ไฉนเลยจะมีอันตรายเล่า ชางเหยา ข้าเด็ดลงมาให้เจ้าทัดสักดอกหนึ่ง หากเจ้าได้ทัดจะต้องชวนมองมากแน่ ๆ!”
เอ่ยจบเขาก็ยื่นมือไปเด็ด
หารู้ไม่ ดอกไม้ประหลาดนี้สยดสยองดั่งมู่อวี่ว่า ประกายพิเศษบางอย่างส่องออกจากใบของมัน ฟาดฟันเข้าใส่มัจฉาสัตมายา
“บังอาจ!”
มัจฉาสัตมายาแผดเสียง หาได้เกรงกลัวไม่ “เป็นเพียงดอกไม้ อย่าได้สามหาว พี่มัจฉาจะกำราบเจ้าเอง!”
เขามั่นใจมาก ไม่ได้หวาดหวั่นต่อการโจมตีของดอกไม้ประหลาดดอกนี้
หลัก ๆ เพราะเขาติดตามอยู่ข้างกายคุณชายเสมอ กินดื่มแต่ของดี ๆ ขอบเขตพลังจึงบรรลุได้ว่องไว
เขาในยามนี้อยู่ในขอบเขตคลุมฟ้าแล้ว จึงไม่เชื่อว่าด้วยพลังระดับคลุมฟ้าของเขาจะจัดการดอกไม้เล็ก ๆ เช่นนี้ไม่ได้
‘ก่อนหน้านี้ข้าไม่อาจยืนได้ด้วยตัวตนเดียว ยามไปไหนมาไหนไม่อาจวางมาดไร้เทียมทานได้อย่างพวกพี่หลิว ทว่าบัดนี้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ข้าหาใช่มัจฉาสัตมายาในอดีตแล้ว!’
เขาคิดในใจ ‘มาเลย ได้เวลาข้า มัจฉาสัตมายาไปสู่ความเรืองรองแล้ว! เริ่มจากเจ้าเลยแล้วกัน ข้าจะสำแดงความสามารถในการรับหน้าปัญหา เผยให้เห็นถึงความไร้เทียมทาน!’
‘ข้าไม่ยอมให้ตัวเองพ่ายแพ้อีกแล้ว!’
เขาลงมือทันที พลังกล้าแกร่งพวยพุ่งโถมไปข้างหน้า!
ทว่าลมหายใจต่อมาเขาก็ต้องอึ้งงัน!
ใบไม้ที่ตวัดมาหาเขาน่าพรั่นพรึงเป็นที่สุด พลังที่เขาระเบิดออกไปถูกใบไม้นี้ลบล้างในพริบตา!
เห็นได้ชัดว่าดอกไม้ประหลาดต้นนี้มีกำลังรบเหนือชั้นกว่าเขามาก เขากับดอกไม้ประหลาดนี้ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน!
“คุณชายช่วยข้าด้วย!”
เขาทรุดนั่งกับพื้น ร้องขอความช่วยเหลือจากคุณชาย
หากใบไม้นี้ฟาดฟันลงมาบนตัวเขา ไม่สงสัยเลยว่าจะต้องถูกสังหารในเสี้ยวลมหายใจ ตายอย่างสนิท!
เสียงดังชิ้ง หลี่จิ่วเต้าลงมือ กระบี่ฉุนจวินลอยออกไป ตัดดอกไม้ประหลาดนี้ร่วงในพริบตา ลบล้างพลังทั้งหมดของดอกไม้ประหลาดนี้
ดอกไม้ประหลาดนี้น่ากลัวอย่างแท้จริง มีกำลังรบระดับแสวงวิถีวรรณะหนึ่ง ทว่าน่าเสียดาย เมื่อเผชิญกับหลี่จิ่วเต้าผู้คุมกระบี่ด้วยตนเอง มันไม่อาจต้านทานได้เลย!
“เสี่ยวชี ดูท่าเจ้ายังต้องฝึกอีกมาก”
หลี่จิ่วเต้าหันมองมัจฉาสัตมายาพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
บนพื้น แต่เดิมมัจฉาสัตมายาก็กระอักกระอ่วนมากอยู่แล้ว หลังได้ยินถ้อยคำของคุณชายก็ยิ่งอึดอัดเข้าไปใหญ่!
อะไรกัน!
เหตุใดพอเป็นเขาถึงดวงกุดเช่นนี้!
มองดูแต่ละคนข้างกายคุณชาย มีผู้ใดไม่ไร้เทียมทานยามออกโรงบ้าง แล้วเขาเล่า ไม่เคยมีสักครั้งที่ออกโรงด้วยมาดไร้เทียมทาน!
……….