รู้ตัวอีกทีก็เกิดใหม่เป็น โชตะไปซะแล้ว NC 25+ - ตอนที่ 8
ตอนที่ 8 ถลำลึก
ตรงเบื้องหน้าของผมก็คือ ห้องห้องโถงขนาดใหญ่ ที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์มากมาย หรือกระทั่งอาวุธโบราณอย่างดาบหรือหอก ถึงรูปร่างของมันจะแปลกๆ ก็เถอะ ผมได้เดินเข้าไปดูพวกมัน ด้วยแววตาเป็นประกาย ก่อนจะยื่นมือไปจับดาบเล่มหนึ่งขึ้นมาดู
“ห..หนักเหมือนกันแฮะ นี่มันของจริงสินะ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ไม่คิดเลยนะว่าชีวิตนี้ จะได้จับของพวกนี้” ผมดูมันดูสักพักหนึ่งก่อนจะปล่อยมันลงและใช้ไฟฉายส่อง เพื่อมองดูไปรอบๆ ห้อง
นอกจากอาวุธพวกนี้แล้ว ยังมีีของบางชิ้นอย่างที่ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไรอยู่อีกด้วย และสิ่งที่มีอยู่มากที่สุดในห้องนี้คงจะเป็นกล่องไม้ ที่วางอยู่บนชั้นวาง 3-4 ชั้นเรียงต่อกัน โชดดีที่มันไม่ได้อยู่สูงเกินไป ทำให้ผมพอจะเอื้อมหยิบมันลงมาได้อยู่
ผมเดินที่ชั้นวางของก่อนจะสุ่มหยิบกล่องมาหนึ่งกล่อง และเปิดมันขึ้นมาดู
“นี่มัน.. หนังสือเหรอ?”
สิ่งที่อยู่ในกล่องก็คือหนังสือเก่าๆ เล่มหนึ่ง ปกมันทำด้วยกระดาษหนาน้ำตาลเข้มตรงกลางปกถูกเขียนด้วยหมึกสีดำ
“วิชาหักกระดูก งั้นเหรอ..” ผมอ่านชื่อหนังสือด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
“อืมม… ทำไมชื่อหนังสือมันน่ากลัวจังฟะ ไม่สิๆ มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดก็ได้ บางทีมันอาจจะเป็นหนังสือเอาไว้รักษากระดูกก็ได้แต่ตั้งชื่อให้น่ากลัวไปงั้นแหละ คิดว่านะ” ผมพยายามคิดบวก
แต่ทั้งถ้าสังเกตดีๆ ที่หน้าปกหนังสือจะมีรอยเลือดจางๆ ติดอยู่ ผมมองไปที่รอยเลือดนั้นด้วยความรู้สึกหวั่นๆ ก่อนจะเปิดหนังสือขึ้นมาดู
ในหนังสือนั้น มันบอกเล่าถึงเทคนิคการหักกระดูกมนุษย์มากมายไม่ว่าจะ แขน ขา ข้อต่อ ซี่โครง คอ วิธีที่ดีที่สุดในการฆ่า จุดไหนที่ทำให้ศัตรูตายช้าหรือตายไว เคลื่อนไหวช้าหรือเคลื่อนไหวไม่ได้ วิธีฝึกเพื่อบรรลุเทคนิคเหล่านั้น ยิ่งเปิดอ่านไปเท่าไหร่ก็ยิ่งเจอสิ่งที่น่ากลัวมากขึ้นเท่านัั้น มันบอกไปไปถึงวิธีที่โจมตีจุดไหนจะทำให้ศัตรูทรมานมากที่สุดอีกด้วย
“บ้าอะไรวะเนี่ย!!” ผมตะโกนลั่นก่อนจะโยนหนังสือลงพื้น
“นี่มันหนังสือวิชาฆ่าคนนี่หว่า ทำไมศาลเจ้าถึงต้องเก็บของพวกนี้ไว้ด้วย ไม่ว่าจะอาวุธหรือของพวกนี้..” ผมทำสีหน้าไม่เข้าใจ
“เอ๋.. ของพวกนี้อย่างงั้นเหรอ อย่าบอกนะว่า.. ทั้งหมดนี่!!” ผมทำหน้าตกใจก่อน จะหันไปดูกล่องเก็บของมากมายที่อยู่บนชั้นวาง
“ไม่จริงมั้ง” ผมพูดด้วยสีหน้าเหงื่อตก ก่อนจะหยิบกล่องอื่นที่อยู่ใกล้ๆ ขึ้นมาเปิดดูในนั้นเป็นหนังสือเหมือนกัน
“วิชาทำลายเส้นเลือด”
“อืมม..” ผมไม่เสียเวลาเปิดมันดู ก่อนจะหยิบกล่องใหม่ขึ้นมาเปิดดู
“เทคนิคการใช้เข็มพิษ”
ผมวางมันก่อนจะไปเปิดกล่องขึ้นมาดู แต่ยิ่งผมเปิดดูหนังสือที่อยู่ในกล่องมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งเจอแต่ความดำมืดเท่านั้น
“เทคนิคการทรมาน”
“วิชาลบตัวตน”
“เทคนิคการวางยา”
“วิธีสร้างยาพิษ”
“เทคนิคการลอบสังหาร”
“วิชาดาบสะบั้นคอ”
“เทคนิคการใช้คุไน”
“วิชาก้าวย่างไร้เสียง”
“วิธีปรุงอาหารด้วยเนื้อมนุษย์
…
..
.
ผ่านไปสักพักรอบๆ ตัวผมก็เต็มไปด้วยกล่องที่กระจัดกะจาย กับหนังสือที่วางอยู่เต็มพื้น
“อืม..อันนี้มัน..ไอ้นั้นสินะ” ผมพูดออกมาอย่างเหนื่อยๆ
ห้องลับที่เอาไว้เก็บอาวุธต่างๆ หรือวิชาในตระกูลที่เห็นในหนังบ่อยๆ แต่ดูเหมือนที่นี่จะยกระดับขึ้นไปอีกขั้น โดยเก็บไว้เฉพาะของต้องห้ามหรือวิชานอกรีตต่างๆ ต่อให้เป็นสมัยก่อนก็เถอะ ของหรือวิชาพวกนี้ก็ยังถูกมองว่าอันตราย หรือนอกรีตอยู่ดี
ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าศาลเจ้าจะเก็บของพวกนี้ไว้ทำไม เป็นผมเผาทิ้งไปตั้งนานแล้ว ไม่เก็บไว้ให้เหนื่อยหรอก
ผมมองไปรอบๆ ด้วยท่าทางเหนื่อยใจ
ก็ไม่ใช่ว่าไม่สนใจของพวกนี้หรอกนะ ต้องบอกว่าผมค่อนข้างที่จะสนใจของพวกนี้ โดยเฉพาะพวกวิชาหรือทักษะที่อยู่ในกล่อง การที่สามารถใช้เทคนิคหรือวิชาพวกลอบสังหารเหมือนในหนังได้ มันเป็นอะไรที่โคตรเท่เลย ทำให้เป็นความฝันของใครหลายๆ คน หนึ่งในนั้นก็รวมถึงผมด้วย
แต่ติดที่ว่าที่นี้เป็นโลกจริงนี่สิ ไม่ใช่ในหนัง
“จะให้ฉันฝึกไปเป็นนักฆ่าหรือไงกัน!!” ผมตะโกนออกมาอย่างปวดหัว
“เฮ้อ..”
(ใจเย็นก่อนตัวฉัน ใช่ว่าฉันฝึกไปแล้วจะต้องเอาไปฆ่าใครสักหน่อย ในโลกนี้มีคำพูดที่ว่า วิชาไม่ได้ฆ่าใครแต่คือผู้ใช้ต่างหาก เพราะงั้นไม่เห็นต้องซีเรียสไปเลย) ผมพยายามคิดในแง่ดี
(แถมวิชาพวกนี้ถ้าใช้ดีๆ น่าจะเอาไปโชว์สาวได้อีกด้วย อืมใช่แล้ว เพราะงั้นฝึกไปก็ไม่เห็นจะเป็นไร) หลังจากคิดได้ไม่นาน ผมก็หาข้ออ้างในการฝึกวิชานอกรีตพวกนี้ได้สำเร็จ
ในขณะที่กำลังภูมิใจกับความสำเร็จของตัวเอง ที่หาทางออกของเรื่องนี้ได้ สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นกล่องใบหนึ่ง ที่แตกต่างจากกล่องใบอื่น ในขณะที่กล่องใบอื่น มีสีน้ำตาลหรือสีดำ แต่กล่องใบนี้กลับมีสีเขียวมรกตซะอย่างนั้น
ผมเดินหามันด้วยความสนใจ ไม่นานผมก็มายืนอยู่ตรงหน้ามัน
“นี้มันกลิ่นสมุนไพรงั้นเหรอ?” ผมยื่นหน้าไปที่กล่องขนาดดมกลิ่นของมัน
กล่องตรงหน้าผมมีขนาดค่อนข้างใหญ่ หากเทียบกับกล่องใบอื่น ผมมองมันสักพักก่อนจะเปิดดูข้างใน ปรากฏว่า ข้างในก็เป็นหนังสือเหมือนกัน มันมีลักษณะค่อนข้างใหญ่กว่าหนังสือเล่มอื่น มีปกสีเขียวเข้มปล่อยความรู้สึกคล้ายๆ กับตำราหรือหนังสือโบราณออกมา ผมมองดูมัน ก่อนจะอ่านชื่อหนังสือออกมา..
“มาหาตำราพฤกษศาสตร์”
“ว้าว ดูท่าจะเจอของดีแฮะ” ผมออกมาอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะยกมันขึ้นมาดู
เพราะหนังสือค่อนข้างใหญ่และหนัก ทำให้ผมถือมือเดียวค่อนข้างลำบาก ผมเลยต้องถือสองมือ เพราะมันหนักผมจึงเอามันไปวางไว้บนพื้น และเริ่มเปิดมันอ่าน
เนื้อหาข้างในกล่าวถึง พืชและสมุนไพรมากมาย ประโยชน์ของมัน ข้อเสีย สถานที่พบ วิธีเก็บรักษา นอกจากสมุนไพรแล้ว ยังมีพวกชิ้นส่วนของสัตว์หรือแร่ที่สามารถเอามาทำยา หรือประโยชน์ได้อีกด้วย แต่นอกเหนือจากนี้แล้ว ในหนังสือส่วนใหญ่จะกล่าวถึงวิธีทำหรือปรุงยาซะมากกว่า
มันมีตั้งแต่ยารักษาอาการปวดเมื่อยตามตัว ไปถึงยาที่กินแล้วสามารถทำให้มนุษย์ก้าวข้ามขีดจำกัดของร่างกายภายในช่วงเวลาสั้นๆ ได้เลย อย่างพละกำลังเพิ่มขึ้น 2-3 เท่าได้ มองเห็นในที่มืดได้ หรือทำให้สามารถมองเห็นภาพได้ช้าลง
แต่ว่าผลสะท้อนหลังจากกินยาพวกนี้ก็แรงไม่ใช่เล่นเหมือนกัน อย่างทำให้ขยับร่างกายไม่ได้ เป็นอาทิตย์ๆ หรือทำให้เกิดอาการเจ็บปวดทรมานอย่างรุนแรง
ที่เลวร้ายที่สุดที่เจอก็คือ ทำให้ตาบอดหรือเสียชีวิตได้เลยทีเดียว ยิ่งอ่านมากเท่าไหร่ก็เจอยาแปลกๆ หรือที่ไม่เคยได้ยินรู้จักมากขึ้นเท่านั้น อย่างยาพิษที่กินแล้วจะไม่ส่งผลอะไร จนกระทั่งเป้าหมายกินของอะไรบางอย่างเข้าไป พิษถึงจะทำงานอาจจะเป็น ไก่ หมู วัว หรืออะไรก็ได้ที่ผู้ทำยาต้องการ
ผมอ่านไปเรื่อยๆ เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงผมก็ไปเจอกับอะไรบางอย่าง ที่ทำให้ผมไม่สามารถละสายตาจากมันได้
“ไอ้นี่มัน!!!” ผมพูดออกมาด้วย แววตาเปล่งประกาย
つづく