ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 437 ตบหน้าเช่นนี้รู้สึกสาแก่ใจหรือไม่
ด้านนอกของซากกำแพงอวิ๋นเมิ่ง ปกคลุมไปด้วยความเงียบสงบ
ผู้คนนับพัน ต่างกำลังนั่งสมาธิ เพื่อต้องการอะไรบางอย่าง
เพียงแค่ ในส่วนที่ใกล้กับกำแพงส่วนแตกหักที่สุดนั้น กลับมีพื้นที่ว่างเปล่าผืนหนึ่ง มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ได้ตำแหน่งที่ดีที่สุดไป
สมควรตาย! เหตุใดถึงไม่รับรู้ถึงอะไรเลย หรือว่านี่จะไม่ใช่เทียนเจียวผู้เป็นอัจฉริยะหรือ เฟิ่งเทียนที่ปิดตาสนิทอยู่ เผยสีหน้าที่น่ากลัวออกมา
เขายิ่งรีบเร่ง ก็จะยิ่งไม่รู้สึกถึงอะไรเลย
ทันใดนั้น ก็มีเสียงดัง ฟิ้ว ออกมาอีกครั้ง ทำให้เขาต้องลืมตาขึ้นมอง ครั้งนี้เขาเห็นอย่างชัดเจนว่าคนที่ถูกดูดเข้าไปยังซากกำแพงนั้นเป็นจ้าหนุ่มที่เคยเถียงกับเขามาก่อนจริงๆ
เด็กนั่นก็เข้าไปเช่นกันหรือ เฟิ่งเทียนเกลียดเขาเสียจริง
หลังจากนั้น ไม่รอให้เขาได้ทันคิดมากก็มีเงาร่างอีกร่างหนึ่งถูกดูดเข้าไปในกำแพง และคนๆ นี้ก็เป็นคนที่เขารู้จักเช่นกัน “มู่ชิงเหยียน…”
“หึ! มู่ชิงเหยียนจะถูกดูดเข้าไปในกำแพงได้อย่างไรกัน” เฟิ่งเซียนกล่าวอย่างอิจฉา นางสิถึงจะเป็นศิษย์หญิงที่มีพรสวรรค์มากที่สุดของเขาเฟิ่งอู่ซาน มู่ชิงเหยียนนับว่าจะเป็นอะไรได้เล่า
หญิงสาวที่นางเกลียดที่สุด รับรู้ถึงความลับแห่งซากกำแพงอวิ๋นเมิ่งก่อนนางอย่างนั้นหรือ นางไม่เชื่อหรอก!
“มีปีศาจร้ายเปิดทางจริงๆ ด้วย ช่างสะดวกเสียจริง! ฮ่าๆๆๆ โอกาสของข้าใกล้จะถึงแล้ว!” ในฝูงชนมีคนหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
ทุกคนลืมตาขึ้น และเห็นภาพที่เขากำลังถูกดูดเข้าไปในกำแพงพอดี
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นกำลังใจให้กับคนที่เหลือได้มากแค่ไหน ตอนนี้มีคนถูกดูดเข้าไปแล้วทั้งหมดสี่คน และไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นคนที่ถูกดูดเข้าไปเป็นรายต่อไปหรือไม่
โอกาสรึ หึ! ไม่ว่าพวกเจ้าจะได้รับอะไรข้างใน ก็ต้องเป็นของข้า! สีหน้าเฟิ่งเทียนดูไม่ดีนัก
คนอื่นๆ เข้าไปกันหมดแล้ว เหลือเพียงเขาที่ถูกยอมรับว่าเป็นที่หนึ่งแห่งเขาเฟิ่งอู่ซานที่ยังอยู่ด้านนอก นี่ทำให้เขาเสียหน้าจริงๆ
“ฮ่าๆๆๆ! ข้าไปก่อนไม่รอแล้วนะ!”
มีอีกคนที่ถูกดูดเข้าไปในกำแพงอีกแล้ว
ใบหน้าอันสวยงามของเฟิ่งเซียนเริ่มบิดตัว ในใจนางกำลังอิจฉาอย่างรุนแรง เดินไปยังหน้ากำแพงแล้วใช้มือทั้งสองทุบตีกำแพง
“เข้าไปอย่างไรกันแน่แล้วเหตุใดข้าถึงเข้าไปไม่ได้!”
น่าเสียดายที่ไม่ว่านางจะทุบตีอย่างไร กำแพงก็ยังคงเหมือนเดิม ไม่ได้ปล่อยให้นางเข้าไปเพียงเพราะนางทุบตีหรอก
นางทำเช่นนี้มันช่างน่าอายเสียจริง
เฟิ่งเทียนลากตัวนางกลับมา “เจ้าสร้างปัญหาพอหรือยัง”
“ข้าไม่ได้สร้างปัญหาอะไรเสียหน่อย!” เฟิ่งเซียนโกรธ นางมองไปยังเฟิ่งเทียนที่สีหน้ามืดครึ้มและกล่าวอย่างร้อนใจว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านน่าจะสามารถเข้าไปได้สิ! ท่านเป็นถึงเทียนเจียวอันดับหนึ่งแห่งเขาเฟิ่งอู่ซาน ไม่มีเหตุผลที่ท่านจะเข้าไปไม่ได้!”
เฟิ่งเทียนหงุดหงิดในใจอยู่แล้ว พอเฟิ่งเซียนมาพูดเช่นนี้ก็ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่
เขาเองก็อยากรู้เช่นกันว่าคนอื่นเข้าไปได้อย่างไรกัน เพราะเหตุใดเขาที่เป็นเทียนเจียวอันดับหนึ่งคนนี้ถึงเข้าไปไม่ได้!
ณ ตอนนี้ หากไม่ใช่ว่ามีคนอยู่เยอะ เขาก็คงจะทุบกำแพงนี้ออก แล้วดูว่าความลับด้านในมันคืออะไรกัน
“หุบปาก!” เฟิ่งเทียนตะโกนใส่เฟิ่งเซียน
ในช่วงที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ก็มีอีกคนถูกดูดเข้าไปในกำแพงอีก
ผลลัพธ์นี้ ช่างน่าปวดใจเสียจริง!
วันนี้กำแพงอวิ๋นเมิ่งเป็นบ้าไปแล้วอย่างนั้นหรือ เหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในวันนี้กลับเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ฉิบ…!
เฟิ่งเทียนอดไม่ได้ที่จะพูดคำหยาบออกมาในใจ
ความสามารถของเขาต่ำเกินไปรึ แน่นอนว่าคำตอบคือไม่ การที่เป็นถึงศิษย์อันดับหนึ่งแห่งเขาเฟิ่งอู่ซาน ความสามารถจะต่ำได้อย่างไรกัน เพียงแต่ว่า เฟิ่งเทียนเป็นคนที่คิดถึงประโยชน์มากเกินไป กังวลเรื่องได้เสียมากเกิน จิตใจไม่แน่วแน่ แล้วเช่นนี้จะรับรู้ถึงความลับของซากกำแพงอวิ๋นเมิ่งนี้ได้อย่างไรกัน
…
ด้านในกำแพง เจียงหลีได้ออกจากเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อแล้ว สีหน้าของนางไม่สู้ดีนัก
ทีแรกคิดว่าหลังจากที่เสี่ยวหมีเจี้ยจื่อได้เพิ่มระดับแล้ว จะสามารถให้ประโยชน์แก่นางมาก แต่สุดท้ายกลับ…
“เอาล่ะ เสี่ยวหมีเจี้ยจื่อเป็นเพียงสนามฝึกแห่งหนึ่ง หากอยากจะได้สิ่งที่ดีนั้น ก็ต้องทะลุผ่านเพื่อแลกมา” หลังจากออกจากเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อ เจียงหลีก็สงบลง
เพียงแต่ว่า นางต้องตกใจอีกครั้งแล้วในตอนนี้ เพราะมีสิ่งที่อยู่หน้านาง ดูเหมือนจะเป็นกระจกบานหนึ่ง…
ไม่สิ… นี่ไม่ใช่กระจกสะท้อนเงา เพราะข้างในมิใช่ตัวเอง แต่เป็นด้านนอกของกำแพง
นอกจากนี้ ภาพบนแท่นก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่นางได้ถูกดูดเข้าไปแล้วทั้งหมด นางเห็นเฟิ่งเซียนกำลังดุด่าหลังจากที่นางได้ชนเข้ากับเฟิ่งเซียน เห็นคำพูดที่เฟิ่งเทียนพูดออกมา และเห็นการปกป้องของกงเสวี่ยฮวาทั้งยังได้ยินคำพูดต่ำต้อยของเฟิ่งเทียนและเฟิ่งเซียน พวกเขาคิดจะเลือกคนจากเขาเฟิ่งอู่ซานอย่างนั้นรึ
“จู่โจมรึ ใช้วิธีสกปรกเข้ามาในกำแพงหรือ” สีหน้าเจียงหลีเริ่มตลก
นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองนั้นเข้ามาได้อย่างไรและที่แห่งที่เป็นที่ไหนกัน อีกอย่างทั้งๆ ที่นางรู้สึกว่าตัวเองได้อยู่ในกำแพงนี้มานานแสนนานแล้ว แต่ทำไมถึงได้เห็นภาพหลังจากที่นางถูกดูดเข้าไปในกำแพงกันล่ะ
“ข้าไม่ใช่คนดีอะไรหรอกนะ!” เจียงหลียิ้มอย่างเศร้าโศก
เมื่อมองภาพใน ‘กระจก’ แล้ว เจียงหลีก็ยื่นมือออกไป สะกิดตรงหัวของกงเสวี่ยฮวาเบาๆ ทันใดนั้น ‘กระจก’ นั้นเหมือนดั่งน้ำกระเพื่อม เมื่อนิ้วของนางออกจากกระจก ภาพของกงเสวี่ยฮวาก็หายไป
!
เจียงหลีสงสัยเล็กน้อย
เมื่อกี้นี้นางทำอะไรลงไป ไม่รอให้นางคิดออก สีหน้าของเฟิ่งเทียนก็ให้คำตอบแก่นาง
น่าสนใจ เจียงหลียิ้มอย่างขี้เล่น ครั้งนี้ นางเอานิ้วมือไปแตะบนตัวของมู่ชิงเหยียน จากนั้นมู่ชิง
เหยียนก็หายไปจริงๆ
ได้ยินบทสนทนาระหว่างเฟิ่งเทียนและเฟิ่งเซียนแล้วนั้น เจียงหลีก็แตะคนอีกไม่กี่คนเพิ่ม
แต่ทว่า คนที่ถูกนางแตะนั้น ดูเหมือนพวกเขาถูกดูดเข้ามาแล้ว แต่ในความจริงแล้ว กลับไม่ได้ปรากฏอยู่ต่อหน้านางเลย
เจียงหลีไม่รู้ว่าคนที่หายไปเหล่านั้น จะพบเจอกับเรื่องที่นางเคยพบเจอมาหรือไม่
แต่ถ้าหากมีโอกาสก็จะไม่ตายในนี้อย่างแน่นอน
ในกระจก สีหน้าของเฟิ่งเทียนและเฟิ่งเซียนเริ่มแย่ลง ในขณะที่เฟิ่งเซียนกำลังทุบตีกำแพงอยู่นั้น เจียงหลีได้เห็นสีหน้าอิจฉาบนใบหน้าของนางอย่างชัดเจน
“เขาเฟิ่งอู่ซาน เป็นกลุ่มอำนาจที่ใครก็ทำใจชอบไม่ลงเลยจริงๆ!” เจียงหลีหัวเราะเบาๆ
นางมิได้ดูดคนเข้ามาต่อ แต่อยากจะรู้ว่าเฟิ่งเทียนและเฟิ่งเซียนจะทำอย่างไรต่อไป
บนแท่นนอกกำแพง เฟิ่งเทียนมองคนที่นั่งสมาธิอยู่ด้วยสายตาเย็นชา ในใจยังโกรธอยู่ ตอนนี้เขารู้สึกว่าคนพวกนั้นกำลังมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
แม้กระทั่งเฟิ่งเซียนที่รักและเคารพเขามาโดยตลอด ยังสงสัยในความสามารถของเขา
“ไม่ใช่ว่า กำแพงอวิ๋นเมิ่งเป็นมาตรฐานของเทียนเจียวหรอกหรือ เหตุใดศิษย์พี่ของเราถึงรับรู้ไม่ถึงกันล่ะ”
“นี่…อาจเป็นเพราะยังไม่ถึงโอกาสสินะ”
“แล้วผู้ที่ถูกดูดเข้าไป จะอธิบายอย่างไรล่ะ”
“ชู่ว ไม่ต้องพูดแล้ว ไม่เห็นรึไงว่าสายตาของศิษย์พี่ใหญ่อยากจะฆ่าคนแล้วน่ะ!”
“……”
“หุบปากให้หมด! ใครพูดมากอีก ข้าจะฆ่ามันซะ!” บทสนทนามิได้หลุดจากหูของเฟิ่งเทียน เขาหันหน้าและมองลูกน้องของตัวเองด้วยสายตาเย็นชา
คนของเขาเฟิ่งอู่ซาน เงียบกริบกันทุกคน
เฟิ่งเซียนมิได้ปลอบใจต่อและสายตาที่มองเฟิ่งเทียนนั้นทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด
“ถึงแม้ข้าจะเข้าไปไม่ได้ก็อาจเป็นเพราะข้าไม่มีวาสนาต่อซากกำแพงอวิ๋นเมิ่ง แล้วจะมาว่าข้าไม่ใช่เทียนเจียวได้อย่างไร อีกทั้งนี่ก็เป็นเพียงซากกำแพงปรักหักพัง! แล้วจะมาตัดสินความสามารถของคนๆ หนึ่งได้อย่างไร” เฟิ่งเทียนกัดฟันกล่าว
หลังจากที่เขาพูดจบ คนบนแท่นนอกจากคนที่มาจากเขาเฟิ่งอู่ซานก็ถูกดูดเข้าไปทั้งหมดเสียงดัง ฟิ้วๆๆ…