ราชาโลกเบื้องหลัง - ตอนที่ 12
หลังจากที่ถูกบังคับใช้แรงงานเยี่ยงทาสนานหลายชั่วโมง ฉันถูกปล่อยตัวออกมาอีกทีก็เกือบ5โมงเย็นแล้ว เวลานี้โรงเรียนคงจะเลิกกันแล้ว
โชคดีที่เมื่อถึงตอนเที่ยงแก้วให้เวลาฉันได้พักกินข้าวบ้าง ร่างกายที่อ่อนแอของฉันพักผ่อนไม่เพียงพอแถมยังถูกบังคับใช้แรงงานอีก แค่ยังยืนอยู่ได้ก็ดีใจแล้ว
ถ้าให้อธิบายถึงฝีมือการทำอาหารของแก้วนั้นก็ไม่ได้เเย่เลย จัดว่าอร่อยมากด้วยซ้ำ สำหรับเธอการทำอาหารให้รสชาติห่วยนั้นยังยากกว่าการทำให้อร่อยซะอีก
เเต่ไม่รู้ทำไมขณะที่ฉันกำลังกินอาหารฝีมือเธอ เธอถึงเอาเเต่จ้องหน้าฉัน เเละพอฉันเปิดปากชมออกไปว่าอร่อย เธอก็ถอนหายใจออกมา…
“ ฉันนึกว่านายจะเป็นอะไรไปซะอีก แต่ดูเหมือน‘เห็ด’ที่เผลอหยิบใส่ไปจะทำอะไรนายไม่ได้แล้วนะ ”
“ ห้ะ? ”
“ ค่อยโล่งหน่อยที่นายยังไม่เป็นอะไร ”
“ เมื่อกี้เธอว่าาาางาาาายน้าาาา— ”
ตึง!
“ ม—เมฆ!? นายเป็นอะไรไปน่ะ?! นี่! ตื่นขึ้นมาก่อนสิ! นี่! ”
ฉันแพ้เห็ดน่ะ…
และวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ฉันได้สัมผัสกับคำว่า ‘คนที่อันตรายที่สุดก็คือคนใกล้ตัว’ แต่สุดท้ายฉันก็รอดชีวิตออกมาได้ในสภาพครบ32ส่วน ขืนอยู่นานกว่านี้อาจจะหายไปสัก4-5ส่วนก็ได้ อันตรายจริงๆ…
“ กลับมา— ”
“ —ทำไมกลับมาช้าจังคะพี่! นี่มันนานมากเลยนะ! เกือบจะ10ชั่วโมงเลย! 10ชั่วโมง! ”
“ …ขอโทษครับ ”
“ ดีมากค่ะที่ขอโทษ หนูโกรธมากเลยนะคะที่นอกจากพี่จะไม่ยอมอธิบายอะไรแล้วยังกลับมาช้าอีก อย่างน้อยก็ช่วยโทรมาบอกกันหน่อยก็ยังดี ”
เมื่อกลับมาถึงบ้านฉันก็โดนฟ้าเทศนาให้ฟังซะยกใหญ่ เพราะมีอะไรหลายๆอย่างให้คิดเต็มไปหมดเลยลืมเรื่องฟ้าไปสนิทเลย
“ นี่วันนี้ฟ้าไม่ได้ไปโรงเรียนด้วยเหรอ? ”
“ หือ…ใช่ค่ะ หนูจะทิ้งพี่แก้วแล้วไปคนเดียวได้ยังไงกันละคะ ”
“ อืม~ก็นั่นสินะครับ คงทิ้งผมได้สินะครับ~ ”
นอกจากฟ้าแล้วคุณพ่อเองก็เดินตามหลังออกมาด้วยเเละจ้องมองมาที่ฉันด้วยความสงสัย
ฉันก็คิดไว้อยู่เเล้วล่ะ เเต่เพราะฟ้ายังอยู่ด้วยฉันจึงยังไม่สามารถอธิบายอะไรได้มากนักในตอนนี้
ถ้าจำไม่ผิดดูเหมือนว่าวันนี้จะเป็นวันหยุดของคุณพ่อพอดี นิสัยส่วนตัวของคุณพ่อคือไม่ค่อยชอบออกไปข้างนอกบ้านสักเท่าไรในวันหยุดยกเว้นจะไปกับคุณแม่
“ เอ่อ…พี่คะ…เเล้วพี่เเก้วล่ะคะ? ”
“ อื้ม ยังสบายดีครบ32ส่วน…ไม่สิ อย่างเธอน่าจะมีสัก64ส่วนละมั้ง?…ช่างเหอะ เธอเเค่หลับลึกเหมือนทุกครั้งนั่นเเหละ ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกนะ ”
“ งั้นเหรอคะ… ”
ฉันลูบหัวฟ้าด้วยความเอ็นดูพร้อมกับมองไปทางคุณพ่อและคุณพ่อพยักหน้ากลับมาเหมือนเข้าใจ…
( หืม? )
ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณพ่อถึงพยักหน้ากลับมา ฉันแค่มองหน้าตามปกติก็เท่านั้นเอง?
หลังจากที่ฟ้ารู้สึกหายห่วงและตัดสินใจกลับขึ้นห้องไป ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ต้องเคลียร์กับคนที่ดูมีปัญหาสุดแล้ว
“ เอาล่ะ อธิบายมาซะดีๆว่าเกิดอะไรขึ้น คงไม่ได้ฝากน้องมาบอกพ่อเพราะแค่อยากหยุดเรียนเฉยๆหรอกนะ… ”
คุณพ่อได้แสดงท่าทีเคร่งครึมออกมาซึ่งขัดแย้งกับนิสัยปกติอย่างมาก สายตาที่จ้องมองมาเหมือนต้องการจะขู่ว่า ‘ถ้าไม่ยอมบอกจะหักเงินค่าขนมแน่’
ฉันเริ่มเล่าให้คุณพ่อฟังตั้งแต่เปิดประตูเข้าไปเจอคนโรคจิตนอนสลบเต็มทางเดิน และฉันได้แจ้งตำรวจให้เข้ามาจัดการคนพวกนั้นทั้งหมด หลังจากให้ปากคำกับตำรวจเสร็จ ฉันก็ต้องมาช่วยเก็บกวาดข้าวของที่เสียหายเป็นเพื่อนกับแก้วด้วย
แน่นอนว่าทั้งหมดคือเรื่องโกหก ฉันไม่มีทางเล่าความจริงไปหรอกว่าคนพวกนั้นตายหมดแล้วและจะไม่มีวันเล่าเรื่องที่ยัยแก้วละเมอจับฉันกดลงเตียงเด็ดขาด
“ เพราะงี้เองสินะ ถึงว่าทำไมวันนี้ตอนเดินไปจ่ายตลาดกับฝนถึงได้ยินเสียงไซเรนบ่อยผิดปกติ…เอาล่ะ ลูกไปพักผ่อนเถอะ ”
( เชื่อด้วยแฮะ… )
คุณพ่อเองก็พอจะรู้เรื่องพละกำลังอันมหาศาลของแก้วเหมือนกัน เพราะงั้นเลยค่อนข้างสมเหตุสมผลที่แก้วจะสามารถซัดพวกโรคจิตได้หมดด้วยตัวคนเดียว
ฉันกลับขึ้นห้องมาในสภาพที่โทรมเหมือนศพเดินได้ ร่างกายซูบผอม ใต้ตาดำคล้ำ แขนขาเมื่อยล้า ถึงสภาพของฉันจะเป็นเเบบนี้ เเต่ก็นับว่าดีกว่าแต่ก่อนมาก
ในตอนนั้นฉันต้องนั่งรถเข็นตลอดเวลา ขยับร่างกายไม่ได้ดั่งใจนึก ไม่สามารถสื่อสารกับใครได้นอกจากอ่านหนังสือที่ไม่เข้าใจเนื้อหาด้านใน ทั้งหมดที่เป็นเเบบนั้นก็เพราะฉันได้รับ[ร่างไร้พร]ติดตัวมาตั้งแต่เกิดราวกับคำสาป
[ร่างไร้พร]คือร่างกายของผู้ที่โชคร้ายที่สุดในโลก เพียงแค่เกิดมาก็สามารถเรียกได้เต็มปากว่ามันคือการตายทั้งเป็น ทั้งชีวิตจะเจอแต่เรื่องแย่ๆไร้เหตุผล ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่พยายามสู้ชีวิต แต่เพราะพวกเขาไม่สามารถกระทั่งลุกขึ้นมาสู้ได้เลยต่างหาก มันคือโศกนาฎกรรมที่ไม่มีใครต้องการให้เกิดกับตัวเอง
ร่างกายของฉันกับเเก้วนั้นเหมือนเกิดมาตรงข้ามกันทุกอย่าง แก้วที่เหมือนได้รับความรักจากพระเจ้าให้มีความสมบูรณ์เเบบในทุกด้าน ส่วนของฉันละก็คงจะโดนเกลียดขี้หน้าเข้าเต็มเปาล่ะมั้งนะถึงทำกันได้ขนาดนี้…
เเละการที่ฉันผู้มี[ร่างไร้พร]ได้มาอยู่เคียงข้างแก้วผู้มี[ร่างของนักบุญ]ก็เปรียบเสมือนกับคำเยาะเย้ยจากพระเจ้าเลยเนอะ อืม…เเต่ฉันก็ไม่ได้รังเกียจหรอกนะ
“ คิดซะว่าได้มีข้ออ้างหยุดเรียนหนึ่งวันละกัน…แต่ทำไมรู้สึกว่ามันเหนื่อยกว่าไปโรงเรียนซะอีกนะ? ”
ช่วงนี้ฉันมักได้นอนไม่เต็มอิ่ม อย่างเมื่อคืนก็แทบไม่ได้นอนเลยด้วยซ้ำ แถมพอเช้ามาฉันก็ยังถูกใช้งานราวกับเป็นทาสอีก
ฉันรู้ว่าการนอนไม่เพียงพอทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย ตอนนี้เองก็รู้สึกปวดหัวนิดหน่อยด้วย และพอยิ่งคิดเรื่องพวกนี้มันก็ยิ่งปวดเข้าไปใหญ่ ฉันเลิกใช้ความคิดและพยายามข่มตาหลับ…
ติ๊งๆๆๆๆ!
เสียงการแจ้งเตือนน่ารำคาญดังมาจากสมาร์ทโฟนของฉันไม่หยุดจนฉันต้องฝืนลุกขึ้นมาดู ท้องฟ้าในตอนนี้เองมืดแล้วด้วย
[[ มีข้อความที่ยังไม่ได้อ่าน 99+ ]]
[[ มีสายโทรเข้าที่ไม่ได้รับ 99+ ]]
“ ทำไมยัยบ้านั่นถึงติดต่อมาเยอะขนาดนี้กันฟะเนี่ย!? ”
ฉันกลืนน้ำลายก่อนจะตัดสินใจกดโทรกลับไป
และเมื่ออีกฝ่ายรับสายก็พลันด่ากลับมาอย่างดุร้ายทันที เป็นความรู้สึกที่เข้าใจได้ว่าทำไมเป็นแบบนี้ ก็คุณเธอเล่นโทรมาเป็นร้อยสายแต่ฉันก็ดันไม่ได้รับเลยสักสาย
[[ ทำไมนายถึงไม่รับสายกันยะ! นายรู้ไหมว่ามันเสียเวลาเเค่ไหนที่ต้องโทรหานายเนี่ย! ]]
“ จ้าๆ เเล้วเธอมีอะไรถึงได้โทรมาเหมือนคนบ้าแบบนี้? ”
[[ …ช่วยออกมาหาฉันหน่อย… ]]
หูฉันฝาดรึเปล่านะ ท้องฟ้ามืดขนาดนี้ยังจะให้ออกไปอีก
“ โทษทีนะ แต่เพื่อความแน่ใจช่วยพูดอีกครั้งนึงหน่อยได้ไหม? ”
[[ ก็…บอก…ว่า…ช่วย…ออก…มา…หา…ฉัน…หน่อยไง! ไอ้โง่! ]]
แล้วทำไมต้องตะโกนใส่กันด้วยเนี่ย?!
“ เดี๋ยวก่อนๆ?! ทำไมฉันถึงต้องออกไปด้วยล่ะ? ”
[[ มาเจอกันที่สะพานทองเเล้วฉันจะอธิบายให้ฟังเอง เพราะงั้นหยุดถามเเล้วออกมาได้เเล้วน่า! ]]
เธอจะไม่ให้ฉันได้พักเลยรึไงนะ? ถึงวันนี้จะโชคดีได้หยุดเรียน แต่ถึงยังไงพรุ่งนี้ก็ต้องไปโรงเรียนอยู่ดี แต่ทว่ากระทั่งเวลาพักผ่อนยังไม่มีแบบนี้ พรุ่งนี้ฉันได้ตายคาโต๊ะเรียนแน่…
“ เเล้วถ้าฉันไม่ไปล่ะ? ”
[[ เรื่องเเค่นั้นก็ง่ายๆ ฉันจะไปบอกกับฟ้าว่านายพยายามลักหลับฉัน เเค่นี้นายก็จะเป็นไอ้โรคจิตในสายตาของน้องสาวนายแล้วไงล่ะ! ]]
“ ไม่ใช่เฟ้ย! ในตอนนั้นคือฉันต่างหากที่เป็นฝ่ายถูกกระทำ! ”
ถึงฉันจะรู้ว่ายังไงเธอก็ไม่บอกฟ้าแน่นนอน แต่ถ้าเกิดเธอเอาไปบอกฟ้าจริงๆ ฉันก็คงได้กลายเป็นคนโรคจิตในสายตาของฟ้าแน่ ฉันไม่ได้อยากถูกน้องสาวของตัวเองมองด้วยสายตารังเกียจแบบนั้นหรอกนะ…ไม่สิ บางทีอาจจะดีก็ได้
[[ นี่นายกำลังจะบอกว่าผู้หญิงบอบบางและใสซื่อเเบบฉันพยายามลักหลับนายงั้นเหรอ… ]]
“ บอบบาง? อย่างเธอนี่กล้าเรียกตัวเองว่าบอบบางได้เต็มปากเหร— ”
[[ —นายจะพูดอะไรน่ะ นี่อยากโดนซัดเหรอ? ]]
“ เปล่าครับคุณผู้หญิง…เชิญคุณพูดต่อเลย ”
ด้วยพลังหมัดเอาจริงของผู้มี[ร่างของนักบุญ]คงจะสามารถส่งฉันไปโลกใหม่ได้แน่…
[[ ยังไงนายก็ต้องออกมาหาฉันอยู่ดี เพราะถ้านายไม่มาหาฉันภายในครึ่งชั่วโมงฉันจะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องฟ้าเเน่ จะบอกพี่เค้าและคุณยายด้วย! ]]
“ นี่เธอเป็นเด็กประถมรึยังไงฟะ?! ”
เฮ้อ~ฉันถึงกับต้องยกธงขาวให้กับเธอคนนี้เลยจริงๆ ความดื้อด้านของเธอนี่มันเหนือกว่าฉันซะอีก
เเต่ก่อนที่เธอจะวางสายไปฉันก็ได้ยินคำพูดพิลึกๆดังออกมา…
[[ ตอนนั้นไม่ใช่ความฝันเหรอ…ชิ รู้งี้น่าจะใส่แรงไปมากกว่านี้อีก ]]
เธอพูดถึงเรื่องอะไรกันนะ…แต่รู้สึกขนลุกยังไงชอบกลแฮะ?
ฉันทำใจสักพักก่อนจะลุกจากเตียงและลงไปชั้นล่าง พอมาคิดดูดีๆวันนี้ทั้งวันยังไม่ได้เจอหน้าคุณแม่เลยนี่หน่า ก็นะ วันนี้มีแต่เรื่องน่าปวดหัวจนไม่ได้คิดถึงอย่างอื่นเลย…
“ เอ๊ะ? แม่ยังไม่นอนอีกเหรอ? ”
และเหมือนเรื่องบังเอิญเกิดขึ้น ฉันที่ลงบรรไดมาก็พบกับคุณแม่ทันที…แต่ทำไมถึงทำหน้าบึ้งตึงแบบนั้นล่ะ?
“ เเม่ยังไม่ค่อยง่วงนอนน่ะ เเต่ลูกมีอะไรจะบอกเเม่ไหม… ”
“ หืม??? ”