นิยาย ราชาเหนือราชั้น ตอนที่ 144 : ข้าจะจดจําสิ่งนี้ไว้!
ไม้เริ่มเผาไหม้ โดยปกติ เพลิงต้องใช้ เวลาในการลาม แต่ด้วยแรงลมได้พัดกระหน่ําเข้าไปยังตําแหน่งของถ้ํา ทําให้ ไฟลุกลามไปอย่างรวดเร็วทุกสิ่งล้วนเป็นแผนการของเซี่ยงเส้าหยุนไฟเริ่ม ลุกลามไปตามผงหินจุดเพลิงและไม้ที่เมื่อไฟเริ่มลุกลามมากขึ้น เซี่ยงเส้าหยุนจึงเริ่มเข้าไปใกล้กองเพลิง
สําหรับศพขนทมิฬ พวกมันเผยใบห น้าหวาดกลัวและเริ่มล่าถอย เหมือนจะหวาดกลัวต่อทะเลเพลิงอย่างรุนแรงบางตนไม่อาจถอยได้ทันและถูกไฟคลอกด้วยขนบาวสีดําปกคลุมไปทั้งร่างกายจึงทําให้ไฟลุกลามทั่วทั้งร่างอย่างรวดเร็ว
เหล่าศพขนทมิฬที่ถูกไฟแผดเผาได้ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา พวกมันพยายามวิ่งหนีกลับไปยังถ้ําแต่ด้วยไฟที่ลุกลามและเผาพวกมันอย่างรวดเร็วช่างเป็นภาพชวนขบขันสําหรับเซี่ยงเส้าหยุน แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเด็กหนุ่มดีใจที่แผนการปราบความสําเร็จด้วยดี
ตงลื่อวิ่งมาหาเขา และถาม “เจ้าเป็นอะไรไหม?”
“เจ้าเกือบทําทุกอย่างพินาศ!” เซี่ยงเส้าหยุนบ่น
“ขะ ขอโทษ!” ตงลื่อโน้มศีรษะ
“ลืมมันไปเสีย มองเหล่าศัตรูของเจ้าสลัดความกลัวออกไปจากจิตใจแล้วเจ้าจะไม่กลัวพวกมันอีก” เซี่ยงเส้าหยุนโบกมือ
ด้วยไม่ทราบว่าตงลื่อจะเข้าใจสิ่งที่พยายามจะกล่าวแต่ก็พยักหน้าซ้ําไปซ้ํามาไฟยังคงลุกลามอย่างรุนแรงและกองไม้ตรงปากถ้ํากําลังลุกไหม้ในสุดตงจอก็เข้าใจว่าทําไมเซี่ยงเส้หยุนต้องรอคอยเวลาจึงจะเริ่มทําตามแผนด้วยจ้องมองไปที่เซี่ยงเส้าหยุนด้วยแววตาเป็นประกาย
“บ้าฉิบ!” เซี่ยงเส้าหยุนร้องเสียงดัง
นั่นทําให้ตงงื่อตกใจ และกล่าวถาม“อะไร?”
“นิกายหุบเขาทมิฬอาจจะได้รับประโยชน์จากกองไฟนี่ข้าเชื่อว่าพวกเขาจะมาในไม่ช้า”เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวขณะหรี่ตา
“เอ๊ะ นี่เจ้าไม่ใช่ศิษย์ของนิกายหุบเขาทมิฬหรอกเหรอ?” ตงลื่อถามหลังจากลังเลเล็กน้อย
“แล้วข้าเคยอ้างตัวว่าเป็นศิษย์ของนิกายหุบเขาทมิฬหรืออย่างไร?”เซี่ยงเส้าหยุนถาม
“เจ้าโกหกข้า!” ตงลื่อชี้ไปที่หน้าของเซี่ยงเส้าหยุนด้วยความโกรธ
“เจ้าแค่คิดไปเองคนเดียว ข้าไม่เคยกล่าวว่าตนเองเป็นศิษย์ของนิกาย หุบเขาทมิฬแล้วจะหาว่าข้าโกหกได้อย่างไรเล่า?” เซี่ยงเส้าหยุนไม่ใส่ใจที่ตงงื่อได้รู้ความจริง
“ตะ แต่ ทําไมเจ้าไม่บอกความจริงเล่า?” ตงลื่อถาม ยังคงไม่พอใจ
“ข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเจ้า แล้วจะให้ข้าเล่าความจริงต่อเจ้าน่ะหรือ?” เซี่ยงเส้าหยุนสวนกลับด้วยทําสิ่งใดไม่ถูกเพราะคําถามที่โง่เขลา
ด้วยพบว่าเด็กที่อยู่ตรงหน้าช่างโง่เขลานัก และยังสงสัยว่ามาจากตระกูลใดตงลื่อกําลังจะกล่าบางสิ่งแต่กลับได้ยินเสียงคํารามจากถ้ําในที่สุดไฟก็ได้ลุกลามเข้าไปในถ้ําด้วยเพราะวัตถุไวไฟด้านใน ไฟจึงเริ่มลุกลามอีกครั้งศพขนทมิฬจํานวนมากถูกไฟแผดเผาและวิ่ง หนีออกมาพวกมันไปได้ไม่ไกลก่อนจะมอดไหม้หลังจากออกมาจากถ้ํา
“แผนของเจ้านี่ได้ผลดีจริงเชียว!” ตงจ่อตะโกนอย่างตื่นเต้น
“รอที่นี่ ข้าจะไปเอาน้ํา” เซี่ยงเส้าหยุนเมินคําพูดและวิ่งไปยังทิศทางหนึ่งเพื่อ
หาน้ํา แต่แน่นอน ตงชื่อไม่ต้องการอยู่เพียงลําพังเขาจึงตามติดเซี่ยงเส้าหยุนไปด้วยในตอนที่หาไม้เมื่อครู่เซี่ยงเส้าหยุนได้ไปพบกับหนองน้ําใกล้เคียงแม้จะไม่ได้มีน้ํามากนักแต่ก็ใช้ได้ในตอนนี้
“น้ําแค่นี้จะเอาไปทําอะไรได้? มันจะเพียงพอในการดับไฟหรือ?” ตงลื่อถาม
เซียงเส้าหยุนกลอกตา “ทําไมเจ้าถึงโง่เพียงนี้? ใครบอกเจ้ากันว่าข้าจะเอาไปดับไฟ?”
“เช่นนั้นแล้วเจ้าจะทําอะไร?” ตงจื่อถามอย่างอ่อนโยนหลังจากแน่ใจว่าไม่พบสิ่งปกติในหนองน้ําเรี่ยงเส้าหยุนจึง กระโดดลงไป
“นั่นมันสกปรกนะ!” ตงจอบ่นขณะเอามือบีบจมูก
“เจ้าก็ต้องลงมาเช่นกัน” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าว
“ไม่มีทาง!”ตงลื่อก้าวถอยหลัง
เซี่ยงเส้าหยุนคลายขึ้นมาจากหนองน้ําและกล่าวอย่างจริงจัง “เจ้าไม่เคยได้ยินหรือไงหากทําตัวให้เปียกจะสามารถูกันไฟได้ในระดับหนึ่ง?”
ตงจื่อไม่ใช่คนโง่เขลา เขาเพียงไร้เดียงสาเกินไปและเชื่องช้าเล็กน้อยด้วยก่อนหน้านี้ได้รับการปกป้องมากเกินไปด้วยคําแนะนําของเซี่ยงเส้าหยุน เขาจึงเข้าใจในสิ่งที่เซี่ยงเส้าหยุนพยายามจะทํา
“ตะ แต่…น้ํานี่มันช่างน่ารังเกียจ!” ตงจ่อทักท้วงอย่างอ่อนโยน
เซียงเส้หยุนจะไม่กล่าวซ้ํา เขากระโดดเตะที่หลังของตงจื่อ ทําให้เขาตกลงไปในหนอนน้ํา
“เจ้าคนหยาบคาย!” ตงจื่อตะโกนเสียงดังด้วยความโกรธเกรี้ยวเมื่อพบว่าตนเองเปรอะเปื้อนไปด้วยโคลน
“ตัดเรื่องไร้สาระออกไป หาผ้าเปียกมาพันรอบใบหน้าเมื่อเสร็จแล้วตามข้าไปที่ถ้ํา” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าว
เมื่อเห็นว่าเซี่ยงเส้าหยุนจริงจังเพียงใดตงลื่อจึงหยุดเถียงและทําตามที่กล่าวก่อนจะคลานขึ้นมาจากหนองน้ํา
“ข้าจะจําสิ่งนี้ไว้”ตงจอบ่นอุบด้วยความโกรธ
เมื่อนึกถึงในตอนที่เซี่ยงเส้าหยุนเตะตนเองเมื่อครู่เขาจึงเกิดความคิดอยากเอาชนะเซี่ยงเส้าหยุน
เซี่ยงเส้าหยุนไม่สนใจการแสดงออกของตงจื่อและรีบไปยังถ้ํา ด้วยทราบว่าสมาชิกของนิกายหุบเขาทมิฬจะมาถึงในไม่ช้าเขาจึงต้องสํารวจถ้ําเสียก่อนเขาสวมชุดเกราะราชาที่ตงลื่อมอบให้ก่อนหน้าและกล่าว “คิดให้ดีก่อนจะเข้าไปมันอันตรายมากหากเจ้ากลัวก็จงรออยู่ด้านนอก”
“บ้าฉิบ เราจะต้องเก็บเกี่ยวสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้โดยไม่เผชิญกับภยันตรายได้อย่างแน่นอน” ตงจอกล่าวเขาหยุดครูหนึ่งก่อนจะกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว “ข้าจะไปด้วย!”
“ตกลง เข้าไปกันเลย” เซี่ยงเส้าหยุนพยักหน้าขณะยกกระบี่ราชันผ่าเมฆา
กระบี่ราชันผ่าเมฆาได้ฟื้นตัวแล้วรอยแตกได้ปิดตัวลงใบมีดดูสะอาดและเงางามกว่าเดิมมากมีเพียงส่วนเล็กบนใบมีดเท่านั้นที่ยังคงเหมือนเดิมเมื่อตงจื่อได้เห็นเขากล่าว“อาวุธของเจ้าเสียหาย นักยังจะใช้มันอยู่อีกหรือ?จะให้ข้ามอบอาวุธใหม่ด้วยไหม?”
“ไม่ล่ะ ขอบใจไปกันเถอะ”เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวจากนั้นเขาเอาเศษผ้าเปียก พันรอบใบหน้าและพุ่งตัวเข้าไปด้านใน
“เหอะ ไอ้คนเนรคุณวันหนึ่งเจ้าจะได้เรียนรู้ที่จะกล่าวคําขอบคุณของคุณหญ
อาจารย์!” ตงจอบ่นในใจก่อนจะรีบพุ่ง ตัวเข้าไปด้านในถ้ําเช่นกัน
ไฟไม่ได้ลุกไหม้ภายในถ้ํามากนักแต่
ภายในถ้ํายังคงมีควันหนาทึบ และอากาศหายใจอันน้อยนิด แม้แต่สายตาที่พิเศษกว่าผู้อื่นเซียงเส้าหยุนจึงสามารถมองเห็นภายในถ้ําได้แต่สําหรับตงจื่อเขากลายเป็นคนจาบอดไปโดยปริยายควันทําให้น้ําตาของเขาไหลไม่หยุดความรู้สึกไม่สบายทําให้อยากออกไปจากที่นี่ในทันที
“ปิดตาด้วยสิ่งนี้ เจ้าจะรู้สึกดีขึ้น” เซี่ยงเส้าหยุนมอบเศษผ้าเปียกให้แก่ตงจื่อ
ผ้าที่เกือบจะโปร่งแสง ดังนั้นเมื่อนํามันมาปิดตาจึงไม่กระทบต่อการมองเห็นตงลื่อรับเอาผ้ามาปิดตาหัวใจเต้นระรัวเมื่อนึกถึงความห่วงใยที่เซี่ยงเส้าหยุนแสดงให้เห็น
MANGA DISCUSSION