ราชาซากศพ - บทที่ 508 จินหยูแย่แล้ว
บทที่ 508
จินหยูแย่แล้ว
เมื่อเห็นการกระทำของหลินเว่ย เจียงเทียนหยูไม่สนใจ ตอนนี้ความสนใจของเขาอยู่ที่การควบคุมพลังปราณที่ทรงพลังในร่างกายของเขา และระบายออกกับร่างของจินหยู
“ ตู้ย!” ต่อมาเจียงเทียนหยูถูกห่อหุ้มร่างด้วยสีแดง และผสมกับรัศมีสีม่วง เขารีบวิ่งไปหาจินหยู ด้วยดาบสีม่วงในมือของเขา
“ ฮึบ … !” จากนั้นจินหยูปล่อยพลังแรงโน้มถ่วงไปยังร่างของเจียงเทียนหยู เขาพลันรู้สึกได้ถึงร่างกายที่หนักหน่วง และไม่ได้เตรียมตัวป้องกันใด ทำให้ร่างกายของตนเองนั้น ควบคุมไม่ได้อยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นดีขึ้น
เขาก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า จินหยูปลดปล่อยแรงโน้มถ่วงที่มีระดับสูงกว่าเดิมมาก
” ไป เจียงเทียนหยูระเบิดพลังหนักหน่วงและมุ่งหน้าไปที่จินหยู
“ ตูม!” เจียงเทียนหยูถือดาบ และออกแรงดันแผ่นหินอย่างต่อเนื่อง
“ ดูสิว่าจะรับได้ไหม” จินหยูเพิ่มพลังของตนเองกดดันร่างของเจียงเทียนหยู ราวกับว่ามีใครทาบทับอยู่บนร่างกายของเขา ซึ่งพลังนี้หยุดร่างของเจียงเทียนหยู จนกระทั่งเขาแทบจะคุกเข่าลงบนพื้น
“ เป็นไปได้อย่างไร ทำไมความเข้าในพลังกฎแห่งสวรรค์และโลกของข้า ไม่สามารถเอาชนะพลังของเจ้าได้?” เจียงเทียนหยูใช้มือยันพื้นด้วยมือข้างเดียว เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่จินหยูที่อยู่ไม่ไกล และถามด้วยความไม่เชื่อ
“ คำถามของเจ้าช่างโง่เขลา พลังกฎของสวรรค์และโลก ที่เราเข้าใจนั้น ระดับมันต่างกัน แต่ความเข้าใจในกฎแห่งสวรรค์และโลกที่เจ้าเข้าใจมันเป็นเพียงผิวเผิน กุญแจสำคัญ คือ ร่างกายและการฝึกฝนแต่เจ้านั้นใช้ตัวช่วยจึงไม่ได้ช่วยอะไร ”
เสียงของจินหยูดังออกมาจากแผ่นหินใหญ่ อย่างไรก็ตามเสียงของจินหยูลดลง เจียงเทียนหลางก็เงยหน้าขึ้น จากนั้นก็เพิ่มพลังของตน เขาบินไปที่ด้านบนของแผ่นหินและใช้ดาบทุบลงยังแผ่นหิน: “แล้วอย่างไร ออกไปจากที่นี่ซะ ”
“กึก” เห็นได้ชัดว่าจินหยู ไม่ได้คาดหวังว่า เจียงเทียนหยูจะฉวยโอกาส ใช้ดาบแทงลงแผ่นหินอย่างรุนแรง ปัจจุบันเจียงเทียนหยูยังคงไม่หยุดมือจากการทุบแผ่นหิน เขาฟันลงแผ่นหินอีกครั้ง ในตำแหน่งเดียวที่เขาทุบลงไป
“ กึก … !” จินหยูที่แข็งแกร่ง แม้ว่าจะถูกโจมตีและต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วน แผ่นหินที่แข็งแกร่งมากยังคงถูกกระทบจากพลังของเจียงเทียนหยู
แผ่นหินตกลงมายังพื้น ทันทีแผ่นหินตกลงมาอย่างแรง เจียงเทียนหยูกระโดดขึ้นมาเหนือแผ่นดิน และใช้ดาบในมือ แทงลงไปยังตำแหน่งเดิมอีกครั้งอย่างรุนแรง
“ กึก … ” พลังของเจียงหยูยังคงกระหน่ำแทงอย่างต่อเนื่อง ลงบนแผ่นหิน ปรากฏรอยแตกร้าวขนาดเล็ก และค่อยปริไปยังพื้นที่แห่งอื่น ๆ กระจายตัวไปทั่ว
จินหยูถูกทุบตีอย่างรุนแรง และรู้ตัวว่า ไม่สามารถต้านทานได้ไหว ร่างของเขากำลังจะถูกตัดออกโดยเจียงเทียนหยู เขาโกรธจัดและพูดด้วยความโกรธ: “ ไอ้ลูกหมา! กล้าทำร้ายบิดา
เมื่อได้ยินคำพูดของจินหยู การเคลื่อนไหวของมือของเจียงเทียนหยูไม่ได้หยุดมือลงเลย แต่ปากของเขาเย้ยและพูดว่า: “ต้องการมีชีวิตอยู่หรือไม่ ยอมมาเป็นจิตวิญญาณของดาบ คังเหลยของข้าซะ ”
“ เปรี๊ยะ!” เสียงที่คมชัดดังขึ้น จากนั้นร่างของ เจียงเทียนหยูรู้สึกเบา ๆ จากนั้นก็เห็นว่าแผ่นหินจำนวนหนึ่งกำลังบินขึ้นจากพื้น ในขณะที่ส่วนหนึ่งของมันยังอยู่เบื้องล่างของ ฝ่าเท้าของเขา
เมื่อแผ่นหินชิ้นหนึ่งขึ้นไปในอากาศ มันก็หมอบลง ราวกับยอมแพ้ เห็นได้ชัดว่าแผ่นหินยอมสูญเสียร่างของมัน ส่วนหนึ่งจนเหลือเพียง หนึ่งในห้าของพื้นที่ทั้งหมด
เห็นได้ชัดว่าเจียงเทียนหยูไม่ได้คาดหวังว่าจินหยูจะละทิ้งพื้นที่ร่างกายส่วนใหญ่ของเขาทิ้งไป เพื่อหลบหนี ทำให้เขาไม่สามารถโจมตีได้เต็มที่
เจียงเทียนหยุมองไปที่จินหยู และข่มขู่เขากลางอากาศว่า “เลือกที่จะตัดแขนขาตนเอง เพื่อเอาชีวิตรอดหรือ? ในฐานะที่เป็นจิตวิญญาณ เจ้ามีความกล้าหาญมากกว่าผู้ฝึกตนมนุษย์เสียอีก สิ่งที่เจ้าทำจะทำให้ลดพลังลงไปอย่างมากข้าแนะนำให้เจ้าหยุดเสียเถอะ และมาติดตามข้ามากกว่าขยะพรรค์นี้ ”
” ไร้สาระ! ข้าแค่สะเพร่า ข้าจะบอกว่า ต่อไปนี้ เจ้าจะไม่โชคดีขนาดนี้” เมื่อได้ยินคำพูดของเจียงเทียนหยู จินหยูโกรธมาก จากนั้นแผ่นหินที่มีขนาดหนึ่งในห้าของร่างเดิม ปรากฏแผ่นหินจำนวนนับไม่ถ้วน แยกออกจากร่างของจินหยู และขนาดของเม็ดหินก็เพิ่มขึ้นจากนั้นพุ่งไปที่ร่างของเจียงเทียนหยู
“ สวบสาบ … !” เมื่อมองไปที่เม็ดหินจำนวนมากที่กำลังพุ่งมาหาเขา เจียงเทียนหยูยังคงโบกดาบยาวของเขา พลังปราณสีแดงอมม่วงบินไปเพื่อพบกับแผ่นหินที่แยกออกมาจากร่างของจินหยู
“ เป๊ะ… … !”ดาบพลังปราณตัดเข้าไปในแผ่นหินทันที อาจเป็นเพราะร่างกายของจินหยูไม่สมบูรณ์ และการฝึกฝนของเจียงเทียนหยูได้รับเลื่อนระดับมากเกินไป ซึ่งก่อนหน้านี้ดาบคังเหลยในมือของเขา
ซึ่งมีพลังเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ ปัง … !” จากนั้นเจียงเทียนหยูโบกสะบัดดาบไปเรื่อย ๆ เพื่อกำจัดแผ่นหินที่พุ่งเข้ามาไม่หยุดหย่อน เมื่อเห็นเช่นนี้ หลินเว่ยก็อยากจะร้องบอกจินหยู แต่เกรงว่าจะรบกวนอีกฝ่าย เขาทำได้เพียงทนดูเฉยๆ
ส่วนใหญ่ผู้คนจะสนใจการต่อสู้ระหว่างเจียงเทียนหยูและจินหยู แต่บางคนก็ค้นพบว่า สถานการณ์ของหลินเว่ยนั้นแปลกประหลาด และสงสัยว่าหลินเว่ยกำลังทำอะไรอยู่? กำลังเตรียมไพ่ตายหรือไม่? หรือเลื่อนระดับการฝึกฝน?
การมองเห็นได้ชัดเจนว่าหลินเว่ยไม่ได้ฝึกฝน หรือเพื่อพลังการฝึกฝน เพราะการทำเช่นนั้นจะไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น
ในตอนนี้หลินเว่ย ได้เข้าสู่โลกต่างดาวที่เขาเชื่อมต่ออยู่ สิ่งที่หลินเว่ยต้องทำคือการทำสัญญาสัตว์อัญเชิญที่เหมาะสมอีกครั้ง เพื่อที่เขาจะได้ช่วยเหลือจินหยู เขากำลังมองหาสัตว์อสูรขั้นทองนิลที่เหนือกว่าระดับสาม
ซึ่งไม่ได้เป็นภัยคุกคาม ต่อเจียงเทียนหยู แต่อย่างน้อยก็สามารถรบกวนความสนใจของคู่ต่อสู้ และการสื่อสารกับจินหยูได้
ทันทีที่หลินเว่ยเข้าสู่โลกต่างดาว ผึ้งโลหิตก็รู้สึกถึง หลินเว่ยทันที และผึ้งโลหิตจำนวนมากก็บินไปรอบ ๆหลินเว่ย ผึ้งโลหิตในโลกนี้ สามารถผสานเข้ากับโลกนี้ได้อย่างสมบูรณ์และช่วยให้พวกมันเพิ่มการฝึกฝนได้อย่างช้าๆ
ในตอนนี้พลังของมัน มาถึงขั้นทองขาว แต่การต่อสู้ของมันก็ไม่สูงมากนัก โชคดีที่ผึ้งโลหิต มีองครักษ์ขั้นทองขาวจำนวนมากและสามารถวางใจในความปลอดภัยได้ ไม่เช่นนั้นหลินเว่ยจะไม่สามารถสู้กับเหล่าเสือหิมะเหล่านั้นได้อย่างแน่นอน
“ นายท่าน! รอข้าสักครู่
” ไม่! ข้าจะไม่อยู่ที่นี่นานเกินไป เจ้าปล่อยให้ผึ้งโลหิตที่อยู่ใกล้ที่สุด ค้นหาสัตว์อสูรขั้นทองนิลใกล้ ๆ ช่วยข้าดูว่า พอมีสัตว์อสูรในช่วงแรกของขั้นทองนิลหรือไม่ ข้ามีความจำเป็นเร่งด่วน”
เมื่อพูดจบ ผึ้งโลหิตจึงตอบรับหลินเว่ยทันที
“ ทราบแล้วนายท่าน!” หลังจากนั้นผึ้งโลหิตรอบๆตัวหลินเว่ย ก็บินจากไป ราวกับว่าพวกเขาได้รับคำสั่งบางอย่าง
จากนั้นไม่นาน มีผึ้งโลหิตสามสี่ร้อยตัวส่งข้อมูลของสัตว์อสูรที่ผึ้งโลหิตพบมาให้หลินเว่ย
หลินเว่ยใช้เวลาหนึ่งนาทีในการเข้าสู่โลกที่แปลกประหลาดนี้โชคดีที่ความเร็วของเวลาผ่านไปในโลกที่แปลกประหลาด ต่างจากโลกที่เขาอยู่ เวลาในโลกนี้เร็วกว่าโลกภายนอกประมาณ100 เท่า
กล่าวคือหนึ่งร้อยนาที หากเดินทางเข้ามาในโลกแห่งนี้ เทียบเท่ากับหนึ่งนาทีในโลกปัจจุบัน
หลินเว่ยไม่สนใจเรื่องนี้ แต่ในเวลานี้ สิ่งที่เขาขาดที่สุดคือเวลา เห็นได้ชัดว่าความเร็วที่แตกต่างกันคือสิ่งที่เขาต้องการ
ไม่กี่นาทีต่อมา เมื่อเขาเห็นว่า ผึ้งโลหิตพบ สัตว์อสูรขั้นทองนิลระดับสามกลับมา หลินเว่ยไม่รีรออีกต่อไป เขาติดตามผึ้งโลหิตไปทันที
ไม่กี่นาทีต่อมา ผึ้งโลหิตที่นำทางเขามา ก็หยุดลงทีละตัว ในเวลาเดียวกันหลินเว่ยก็เห็น หมีดำยักษ์ตนหนึ่ง