ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 99 แขก
ตอนที่ 99 แขก
ในชั่วพริบตาเดียว ความตึงเครียดเอ่อล้นทั่วจิตใจลูเมี่ยน
เด็กหนุ่มหันกลับมาที่เตียง หยิบปรอทเสื่อมทรามด้วยมือซ้ายที่พันผ้าสีขาว
ต่อมา เขาหยิบปืนลูกซอง เดินไปยังริมหน้าต่างห้องนอนท่ามกลางเสียง ‘ติ๊ริงริง’ แล้วชะโงกมองลงไปตรงประตูหน้าอย่างระมัดระวัง
ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น!
หัวใจของลูเมี่ยนราวกับจะหยุดเต้น
เขาเตรียมเปิดเนตรวิญญาณเพื่อดูให้แน่ใจ
เนื่องจากเมื่ออยู่บนดินแดนความฝัน ถ้าเข้าฌานแล้วคงสภาพเอาไว้สักพัก เขาจะได้ยินเสียงอันบ้าคลั่งและน่ากลัว จนร่างกายส่งสัญญาณของภาวะคลุ้มคลั่ง ทำให้การเปิดเนตรวิญญาณเป็นไปอย่างยากลำบากและล่าช้า ต้องใช้เวลาดำเนินการครู่ใหญ่
แต่แม้จะเปิดเนตรวิญญาณแล้ว ก็ยังไม่พบว่ามีใครยืนอยู่หน้าประตูบ้าน
ทว่า เสียงกระดิ่งยังคงดังระงม
ท่ามกลางกระแสความคิดอันชุลมุนวุ่นวาย เขาพิจารณาอย่างจริงจังว่าควรกลับไปนอนบนเตียงเพื่อให้หลุดออกจากความฝันดีไหม
แต่เมื่อตระหนักว่าอันตรายเข้ามาใกล้แล้ว ซึ่งอีกฝ่ายอาจบุกเข้ามาในบ้านได้ทุกเมื่อ เด็กหนุ่มสงสัยว่ากระทั่งการกลับสู่โลกความจริง ก็อาจไม่ช่วยให้รอดพ้นจากการโจมตีที่จะตามมา
“มีความเป็นไปได้สองทาง…”
“ถ้าคนที่ดึงกระดิ่งบ้านสามารถเข้ามาข้างในได้ เราไปนอนก็เหมือนกับยอมให้อีกฝ่ายทำร้ายฟรีๆ”
“แต่ถ้ามันเข้ามาไม่ได้ ขอแค่เราไม่ถูกล้างสมองให้เปิดประตูเอง ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”
“ยังไงก็ควรลงไปดูข้างล่างก่อน…”
ลูเมี่ยนรีบคิดไวทำไว
เด็กหนุ่มเหน็บปรอทเสื่อมทรามกลับไปตรงเอว มือข้างหนึ่งถือขวาน อีกข้างถือลูกซอง ก้าวออกจากห้องนอนด้วยความระแวดระวัง บรรจงย่ำเท้าลงบันได
ตรงโต๊ะกินข้าวสำหรับหกที่นั่ง ฝั่งตรงข้ามกับทางขึ้นบันได มาดามลึกลับที่ลูเมี่ยนเฝ้ารอกำลังนั่งอยู่
สุภาพสตรีสวมแจ็กเกตสั้นสีขาว ตรงคอเสื้อติดโบชิ้นใหญ่ ท่อนล่างเป็นกางเกงขายาวทรงหลวมสีเทามุก ภาพรวมมอบความรู้สึกเบาสบายผสมประณีตในแบบที่ไม่เหมือนใคร
เธอกำลังจิบเครื่องดื่มสีทองอ่อน ข้างมือมีหมวกสีดำทรงต่ำวางอยู่
ลูเมี่ยนรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก เดินเข้าหามาดามลึกลับเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลนัยน์ตาสีฟ้า
เด็กหนุ่มวางลูกซองกับขวานลง ดึงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามมานั่งและเริ่มถามไถ่
“คุณเข้ามาได้ด้วยหรือ…”
มาดามวางแก้วไวน์ในมือลง ยิ้มบางเฉียบ
“แล้วเธอคิดว่าวัตถุดิบพวกนั้น ไปอยู่ในห้องนอนได้ด้วยวิธีใดล่ะ”
เมื่อสุภาพสตรีเริ่มพูด เสียงกระดิ่งก็เริ่มซาลง
ลูเมี่ยนมองไปทางประตู เอ่ยปากซักถามอย่างไม่เข้าใจ
“ในเมื่อเข้ามาแล้ว ทำไมยังต้องสั่นกระดิ่ง?”
มาดามยิ้ม
“มันเป็นมารยาทน่ะ”
มารยาทที่เกือบทำให้คนเขาหัวใจวายตาย? ลูเมี่ยนแค่กล้าคิดในใจเท่านั้น
เขาเปลี่ยนเรื่องคุย
“ฉันได้วัตถุดิบวิเศษของนักวางเพลิงมา… อา… คิดว่าเป็นนักวางเพลิงนะ”
มาดามผงกหัวแผ่วเบา
“ฉันรู้แล้วล่ะ นั่นคือเหตุผลที่มาหา”
“คุณช่วยแยกตะกอนพลัง ‘นักยั่วยุ’ ออกจากตะกอนพลัง ‘นักวางเพลิง’ แล้วมอบสูตรโอสถให้ฉันได้ไหม?” ลูเมี่ยนถามพลางข่มความตื่นเต้นที่กำลังพลุ่งพล่าน “ว่าจะไปหาที่ร้านเหล้าคร่ำครึอยู่พอดี”
เกี่ยวกับค่าตอบแทนที่ต้องจ่าย เขาไม่สนใจอีกแล้ว
มาดามพูดยิ้มๆ
“ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของหมู่บ้านกอร์ตู นอกบ้านล้วนเต็มไปด้วยอันตราย ฉันจึงเป็นฝ่ายมาหาด้วยตัวเอง”
“สำหรับสิ่งที่เธอไหว้วาน แน่นอนว่าฉันทำได้ แค่ครั้งนี้จะไม่ฟรีอีกแล้ว”
ลูเมี่ยนสังเกตเห็นอารมณ์ที่ยากจะบรรยายในแววตาของมาดามอีกครั้ง ขณะเดียวกัน คำว่า ‘ไม่ฟรีอีกแล้ว’ กลับทำให้เขายิ่งโล่งใจ
สิ่งที่น่ากลัวที่สุด คือสิ่งที่ไม่รู้
“ฉันต้องจ่ายด้วยอะไร” เด็กหนุ่มถามอย่างไม่อ้ำอึ้ง
มาดามตอบด้วยน้ำเสียงสงบ
“ตะกอนพลัง ‘นักวางเพลิง’ กับ ‘นักล่า’ ที่ถูกแยกออกมา พวกมันจะเป็นของฉัน”
แค่นี้เอง? ลูเมี่ยนประหลาดใจ
เขาไม่คิดด้วยซ้ำว่านี่คือค่าตอบแทน เพราะคงอีกพักใหญ่กว่าตนจะได้ใช้ตะกอนพลังของนักวางเพลิง
มาดามกล่าวต่อไป
“รวมกับความช่วยเหลือที่เคยมอบให้ก่อนหน้านี้ทั้งหมด ถ้าเธอยังมีอนาคตอยู่ ต้องมาช่วยงานฉันหนึ่งเรื่อง”
ลูเมี่ยนพบว่าอารมณ์ในแววตามาดามที่เขาไม่เข้าใจ ทวีความโดดเด่นขึ้นจากเดิม
เด็กหนุ่มถามทีเล่นทีจริง
“แล้วถ้าฉันไม่มีอนาคตล่ะ?”
มาดามอมยิ้ม
“การลงทุนมาพร้อมกับความเสี่ยงอยู่แล้ว… พี่สาวของเธอที่ซื้อหุ้นโดยใช้พลังทำนาย สุดท้ายแล้วก็ยังมีได้มีเสีย”
“คุณอยากให้ฉันทำอะไร” ลูเมี่ยนถามอย่างไม่อ้ำอึ้ง
มาดามถอนหายใจเบา
“ไว้รอดมาได้แล้วจะบอก”
“เอาล่ะ นำตะกอนพลังที่เธอได้มาให้ฉัน”
ลูเมี่ยนรีบลุกขึ้นยืน เดินตรงไปทางบันได
ก่อนจะถึงปากบันได เขาพยายามควบคุมฝีก้าวให้ไม่เร็วไม่ช้า จนกระทั่งมาดามคนนั้นมองไม่เห็น จึงค่อยเร่งความเร็วซอยเท้าขึ้นบันได
ผ่านไปไม่นาน ลูเมี่ยนกลับลงมายังชั้นล่างพร้อมกับถุงผ้าใส่ตะกอนพลังนักวางเพลิง แล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะกินข้าว
มาดามยกแก้วอีกครั้ง จิบเครื่องดื่มสีทองอ่อน
“ในแก้วคือ?” ลูเมี่ยนถาม
มาดามอธิบายง่ายๆ
“ไวน์ที่ช่วยให้เจริญอาหาร มาจากทรีอาร์ ชื่อของมันคือ ‘โปคานัวร์’ ทำจากขิง อบเชย ลูกจันทร์ และกานพลูที่แช่ในไวน์หวานเป็นเวลานาน รสชาติดีมาก”
ลูเมี่ยนชวนคุยเพื่อตีสนิทเท่านั้น จึงมิได้ถามต่อ เพียงเปิดถุงผ้าและขุดเอาหัวใจที่กำลังลุกไหม้ออกมาจากดิน
ความร้อนระอุจากมันทำให้ฝ่ามือเริ่มอุ่น เด็กหนุ่มทนกับความเจ็บปวดที่ไม่รุนแรงนัก โน้มตัวไปข้างหน้า ยื่นตะกอนพลังให้กับมาดามฝั่งตรงข้าม
มาดามเหยียดฝ่ามือซ้ายออกมา ทันใดนั้น ‘หัวใจ’ ก็ลอยขึ้น
เธอมองลูเมี่ยนพลางหัวเราะเสียงเบา
“หลังจากนี้ ในการเก็บรักษาตะกอนพลัง จงจำไว้ว่าต้องหมั่นเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้มันเป็นระยะ ของพวกนี้ถ้าสัมผัสกับวัตถุอื่นเป็นเวลานาน อาจผสานเข้ากับวัตถุพวกนั้นเป็นการถาวร กลายเป็นสมบัติวิเศษที่จำเป็นต้องถูกปิดผนึก”
งั้นหรือ… ลูเมี่ยนถามต่อ
“กี่วันควรเปลี่ยนหนึ่งครั้ง?”
“ปกติก็สองสามวัน” มาดามตอบอย่างเป็นกันเอง “แต่ก็อาจเกิดเหตุไม่คาดฝันได้เช่นกัน ทางที่ดีคือหมั่นเปลี่ยนสภาพแวดล้อมทุกยี่สิบสี่ชั่วโมง ถ้าค้นพบวิธีปิดผนึกและเก็บรักษาที่เหมาะสม ก็อาจไม่ต้องเปลี่ยนสภาพแวดล้อมนานหลายเดือนหรือหลายปี นอกจากนี้ ถ้าเธอนำตะกอนพลังไปปรุงเป็นโอสถแล้ว ต้องรีบดื่มให้เร็วที่สุด เพราะของเหลวพวกนั้นผสานกับขวดได้ง่ายมาก”
ขณะพูด คล้ายกับมีแสงวาบสว่างขึ้นจากร่างสุภาพสตรี
หัวใจที่กำลังลุกไหม้ พลันกลายเป็นฝูงหิ่งห้อยสีแดงจำนวนมาก
‘หิ่งห้อย’ บินร่อนไปมา วนเวียนเป็นวงกลม ก่อนจะผสานเข้าด้วยกันกลายเป็นสามสิ่ง
ก้อนสีแดงเข้มที่ดูยืดหยุ่นและมีลวดลาย; หัวใจที่กำลังลุกไหม้ ซึ่งเล็กลงกว่าเดิม มีรูน้อยกว่าเดิม; ก้อนหินสีดำเข้มที่ดูเหมือนมีของเหลวไหลผ่านพื้นผิว ส่งกลิ่นเหม็นฉุนรุนแรง
มาดามคนนั้นเพียงใช้มือขวาแตะอย่างทะนุถนอมลงบนสามสิ่งดังกล่าว ก็ทำให้สองในสามอันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย บอกไม่ได้ว่าย้ายไปอยู่ที่ใด
บนโต๊ะอาหารเหลือเพียงก้อนหินสีดำขนาดเท่ากำปั้นเด็ก
“นี่คือตะกอนพลังของนักยั่วยุ?” ลูเมี่ยนถามอย่างคาดหวัง
มาดามหยิบกระดาษโน้ตกับปากกาทรงอ้วนที่มีปลอกสีเงินออกมา เร่งมือเขียนสูตรโอสถ ขณะเดียวกันก็มอบคำเตือน
“เธอยังขาดปัญญาด้านศาสตร์เร้นลับอยู่มาก หลังจากฆ่าสัตว์ประหลาดนั่น กลับหยิบฉวยมาเพียงตะกอนพลัง…”
“สิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติทำนองนี้มักมีพลังวิญญาณเข้มข้น อวัยวะหลายส่วนสามารถนำมาทำเป็นยันต์ ยาสมุนไพร หรือเป็นส่วนประกอบของเวทมนตร์และพิธีกรรมต่างๆ … ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ เลือดของมันก็เป็นหนึ่งในวัตถุดิบเสริมสำหรับปรุงโอสถนักวางเพลิง”
“แม้ว่าตามสูตรแล้ว โอสถนักวางเพลิงจะต้องใช้เลือดของซาลามันเดอร์อัคคี แต่ก็ใช้เลือดของสัตว์ประหลาดตัวนั้นได้เช่นกัน ในทางเทคนิคแล้วไม่แตกต่าง หรืออาจให้ผลดียิ่งกว่า”
ลูเมี่ยนยิ่งฟังยิ่งรู้สึกเสียดาย
แม้นิยายกึ่งผจญภัยของโอลัวร์จะมีเรื่องราวเกี่ยวกับการล่าสัตว์ประหลาดเพื่อเอาอวัยวะส่วนต่างๆ แต่เขากลับไม่เคยนำเรื่องนี้มาเชื่อมโยงกับความจริง ปักใจเชื่อว่าสิ่งมีค่าเดียวในตัวสัตว์ประหลาดไฟคือตะกอนพลัง
และถ้าจะย้อนกลับไปเอาเลือดตอนนี้ มันก็แห้งสนิทไปแล้ว!
มาดามมิได้สนใจท่าทีของเด็กหนุ่ม เพียงฉีกกระดาษโน้ตแผ่นบนสุดออก แล้วปล่อยให้มันลอยไปหาลูเมี่ยนอย่างอ่อนโยน
เด็กหนุ่มรับมันไว้ รีบก้มหน้าอ่านชุดเนื้อหา
“สูตรโอสถนักยั่วยุ:
“วัตถุดิบหลัก: ตะกอนพลังนักยั่วยุหนึ่งก้อน;
“วัตถุดิบเสริม: เหล้ากลั่น 50 มิลลิลิตร, สารสกัดดอกสายน้ำผึ้ง 10 หยด, ผงเถาองุ่น 5 กรัม, ผงแหนแดง 10 กรัม;
“วิธีใช้: ดื่มโดยตรง”
หลังจากอ่านจบ ลูเมี่ยนถามด้วยความสงสัยเล็กๆ
“ไม่เห็นมีวัตถุดิบวิญญาณเลย…”
เหมือนกับเลือดของซาลามันเดอร์อัคคี
มาดามยิ้ม
“โอสถแต่ละชนิดมีความต้องการต่างกัน โอสถของเธอเน้นไปที่ความหมายในทางศาสตร์เร้นลับ”
“เช่น แหนแดงหมายถึง ‘ได้รับอิทธิพลจากคำพูดของผู้อื่นได้ง่าย’ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับแก่นแท้ของนักยั่วยุ”
ความถนัดของ ‘นักยั่วยุ’ คือการทำให้อีกฝ่ายได้รับอิทธิพลจากคำพูดของเรา? ลูเมี่ยนเก็บกระดาษโน้ตไว้ พลางขบคิดว่าต้องไปหาวัตถุดิบเสริมเหล่านี้จากที่ใด
เหล้ากลั่นมีอยู่ในบ้าน เพราะโอลัวร์ชอบใส่ในอาหารบางจาน; เถาองุ่นกับแหนแดงมีอยู่ทั่วไปในดาลีแอช แต่อาจต้องเสี่ยงออกจากบ้าน; ดอกสายน้ำผึ้งต้องลองถามโอลัวร์ ว่ามีอยู่ในวัตถุดิบสำหรับใช้เวทมนตร์หรือไม่…
เมื่อลูเมี่ยนเงยหน้าอีกครั้ง มาดามฝั่งตรงข้าม พร้อมด้วยหมวกสีดำและไวน์ ‘โปคานัวร์’ ได้อันตรธานหายไปแล้ว
อีกฝ่ายออกไปตอนไหน อย่างไร เด็กหนุ่มตอบไม่ได้เลย
เขายังไม่ได้ปิดเนตรวิญญาณด้วยซ้ำ
ฟู่ว! ลูเมี่ยนถอนหายใจ เดินตัวปลิวกลับชั้นสองพร้อมด้วยตะกอนพลังนักยั่วยุและสูตรโอสถ ในใจยินดีปรีดาปนคาดหวัง
จากนั้นก็เข้าห้องนอน
เด็กหนุ่มรีบเอนกายลงบนเตียง ตั้งใจจะกลับโลกความจริงเพื่อสอบถามโอลัวร์ โดยหวังว่าจะหาวัตถุดิบเสริมได้ครบในคืนนี้เลย
เขาไม่มัวเสียเวลาปิดเนตรวิญญาณ เพราะมันจะหยุดทำงานเองหลังจากผล็อยหลับไป
…………
กลางดึกสงัดที่ไม่มีแสงใดแทรกซึมเข้ามา ลูเมี่ยนเลิกเปลือกตา หันหน้าไปหาโอลัวร์ด้านข้าง
เขาตื่นเต้นอยากบอกพี่สาวว่าตนได้รับสูตรโอสถนักยั่วยุมาแล้ว
เกือบจะในเวลาเดียวกัน เด็กหนุ่มเห็นริมฝีปากของโอลัวร์เผยอเล็กน้อย
ร่างอันพร่ามัวกึ่งโปร่งใสคลานออกจากปากของเธอ
สัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายกิ้งก่า!
ดวงตาลูเมี่ยนแข็งค้างในทันที และเมื่อสัตว์ประหลาดกิ้งก่าโปร่งใสเริ่มมองไปรอบตัว เด็กหนุ่มแสร้งหลับตาตามสัญชาตญาณ
‘กิ้งก่า’ มองกวาดได้รวดเร็วยิ่ง พริบตาเดียวก็คลานออกจากปากโอลัวร์ ออกไปจากห้อง
ลูเมี่ยนลืมตาขึ้นอีกครั้ง จ้องมองพี่สาวของตนด้วยอาการงุนงง
ใบหน้าของโอลัวร์ถูกคลุมด้วยความหมองหม่น จนดูพร่าเลือน
ปากของเธอปิดกลับไป กลายเป็นนอนหลับสนิท
ลูเมี่ยนเอาแต่จดจ้องโดยไม่กระดุกกระดิก ราวกับได้กลายเป็นรูปปั้น
ท่ามกลางยามรัตติกาลอันดำมืด หัวใจของเด็กหนุ่มกำลังไถลลงสู่ห้วงลึก
……………………………………………………..