ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 96 ผู้ล่าและผู้ถูกล่า
- Home
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 96 ผู้ล่าและผู้ถูกล่า
ตอนที่ 96 ผู้ล่าและผู้ถูกล่า
สัตว์ประหลาดไฟกระหน่ำยิงลูกไฟใส่ลูเมี่ยนขณะวิ่งไล่ สร้างหลุมพรุนบนพื้นพร้อมกับทำให้เด็กหนุ่มปลิวกระเด็น
เศษไม้จำนวนมากตามซากปรักหักพังเริ่มติดไฟ สร้างเปลวเพลิงสั่นไหวทุกหัวระแหง
ลูเมี่ยนกัดฟันทนต่อความเจ็บปวดอันยากจะอธิบาย ไม่สนใจจะดับไฟที่ลุกไหม้ตามเสื้อผ้า หลายครั้งถูกคลื่นกระแทกของแรงระเบิดซัดจนล้ม แต่ก็ลุกยืนใหม่ได้ตลอด สลับกับวิ่งเต็มฝีเท้าเพื่อมุ่งหน้าไปยังจุดหมาย ซิกแซกซ้ายขวา บ้างก็ตีโค้ง บ้างก็ตรงดิ่ง โดยไม่มีรูปแบบตายตัว
โชคดีที่จุดหมายอยู่ไม่ห่างมาก ระหว่างที่รู้สึกเหมือนใกล้จะกระอักเลือด รู้สึกเหมือนร่างกายกำลังจะแตกเป็นสี่ส่วน ซากอาคารหลังหนึ่งก็เข้ามาในการมองเห็น
บึ้ม!
หลังจากลูเมี่ยนบังคับร่างกายให้หมุนตัวหลบลูกไฟ กลุ่มก้อนพลังงานสีแดงก็ระเบิดขึ้นไม่ไกลจากตรงหน้า สร้างคลื่นกระแทกอันหนักหน่วงผสมผสานกับสะเก็ดไฟ
ลูเมี่ยนปล่อยตัวไปแรงโน้มถ่วง ไม่ฝืนปะทะกับแรงกระแทก ถือโอกาสม้วนกลิ้งเข้าไปในซากบ้านตรงหน้าที่ยังพังถล่มไม่สมบูรณ์
สัตว์ประหลาดไฟหยุดเดิน ไม่รีบร้อนไล่เข้าไปในสถานที่ซึ่งอาจมีกับดักมรณะ
มันมองลูเมี่ยนที่ม้วนกลิ้งอยู่ในบ้าน พลางสร้างอีกาเพลิงสีแดงขึ้นมารอบตัว
อีกาเพลิงเหล่านี้ส่งเสียงร้องก่อนจะเริ่มโบยบิน ครึ่งหนึ่งโจมตีใส่จุดค้ำน้ำหนักบนตัวอาคาร อีกครึ่งยิงดักล้อมลูเมี่ยนทุกทิศทาง
คล้ายกับพวกมันสามารถล็อกเป้าได้ ไม่มีตัวใดแตกแถวหลุดกลุ่ม ไม่หยุดปรับเส้นทางตามตำแหน่งของลูเมี่ยน
ในการมองเห็นของสัตว์ประหลาดไฟ ศัตรูของมันกำลังถูกระดมยิง จนป่านนี้ศพน่าจะไหม้เกรียมไปแล้ว
ฝูงอีกาเพลิงหลบหลีกได้ยากลำบากยิ่ง แตกต่างจากการขว้างลูกไฟธรรมดาอย่างมาก!
ทันใดนั้น ร่างของลูเมี่ยนหายไปจากการมองเห็นของสัตว์ประหลาดไฟ
เด็กหนุ่มกลิ้งเข้าไปในห้องใต้ดินที่ยังมีสภาพค่อนข้างดี
ปัง!
ลูเมี่ยนรีบร้อนปิดประตูไม้หน้าทางเข้าห้องใต้ดิน พลางอาศัยแรงส่งเพื่อกลิ้งไปด้านข้าง
บึ้ม!
ประตูไม้หนักๆ ระเบิดกระจาย เศษไม้ลุกไหม้อย่างร้อนแรง
บึ้มบึ้ม!
อีกาเพลิงที่เหลืออีกครึ่งซัดใส่เป้าหมายตามแผนการ เปลี่ยนให้ซากบ้านที่ใกล้พังรอมร่อ ถล่มลงมาอย่างสมบูรณ์
หิน ไม้ ฝุ่น และเศษซากอื่นๆ ผสมปนเป ร่วงหล่นลงมาเบื้องล่าง ฝังห้องใต้ดินไว้อย่างแน่นหนา
ลูเมี่ยนหลบไปอยู่ตรงมุมห้องใต้ดินนานแล้ว อาศัยกองดินในห้องกับการตีลังกาอย่างคล่องแคล่วเพื่อดับไฟบนตัว
แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังได้รับบาดเจ็บอยู่หลายแห่ง แรงระเบิดที่ได้รับอย่างต่อเนื่องทำให้รู้สึกเหมือนเครื่องในเคลื่อนไปจากตำแหน่ง หากไม่รีบรักษาทันทีอาจไม่รอดไปถึงวันถัดไป
ประสิทธิภาพในการโจมตี รวมถึงศักยภาพในการระเบิดของสัตว์ประหลาดไฟ ดูแล้วน่าจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าไรอันที่ยังไม่ได้ใช้พายุแสง!
เดิมทีลูเมี่ยนก็คิดจะใช้พลัง ‘ล่องหน’ เพื่อหลบหนีสัตว์ประหลาดเข้ามาในห้องใต้ดินแห่งนี้ ต่อด้วยการเต้นบวงสรวงพิศวง แง่หนึ่งเพื่อกระตุ้นสัญลักษณ์หนามดำบนหน้าอกไว้ข่มขวัญศัตรู รอให้การแลกเปลี่ยนชะตากรรมของปรอทเสื่อมทรามจบลงอย่างสบายใจ ทว่า สะเก็ดไฟที่ติดอยู่ตามเสื้อผ้าทำให้เขาไม่อาจเข้าสู่สถานะล่องหน ส่งผลให้ถูกไล่ล่าจนเกือบต้องทิ้งชีวิตกลางทาง
ความโล่งใจเดียวของลูเมี่ยนในตอนนี้ก็คือ ตนยังมีแผนสำรองในกรณีที่สลัดการไล่ล่าของสัตว์ประหลาดไฟไม่หลุด รวมถึงกรณีที่จิตใจขาดความสงบ จนไม่สามารถเต้นบวงสรวง
ทีแรกก็ยังคิดไว้ว่า จะหาทางทำให้ซากบ้านหลังนี้ถล่มลงมา ปิดตายห้องใต้ดินเพื่อยื้อเวลา แต่คาดไม่ถึงว่าสัตว์ประหลาดไฟจะช่วยจัดการให้เสร็จสรรพ
ฟู่ว… ลูเมี่ยนถอนหายใจ นั่งลงขัดสมาธิ
เด็กหนุ่มหยิบขวดน้ำหอมอำพันเทาของโอลัวร์ออกมาคลายเกลียวฝา วางไว้บนพื้นด้านหน้า
ณ ด้านนอกของซากอาคารที่พังถล่ม สัตว์ประหลาดไฟพยายามมองทะลุฝุ่นควันอันคละคลุ้ง หวังค้นหาร่องรอยของศัตรู
มันเชื่อว่ามนุษย์เจ้าเล่ห์ไม่มีทางถูกฝังทั้งเป็นง่ายดายขนาดนั้น
พิจารณาจากกับดักที่อีกฝ่ายวางไว้ รวมถึงความคุ้นเคยกับซากปรักหักพัง ชัดเจนว่าต้องมีทางหนีทีไล่เตรียมไว้สักแห่งแน่!
กระบวนการคิดของสัตว์ประหลาดไฟมิได้ซับซ้อน อาศัยสัญชาตญาณ ‘นักล่า’ เดินอ้อมไปทางด้านหลังของซากอาคารที่พังถล่ม
มันบรรจงค้นหาไปทีละจุด ใช้เวลาไม่นานก็พบหลุมลึกที่ลาดเอียงลงไป
ช่องโพรงดังกล่าวถูกเศษซากอาคารที่ถล่มลงมากลบไว้ แต่ยังเหลือช่องว่างระหว่างเสาโครงสร้าง ยากต่อการพบเห็น ซ้ำยังอยู่ในตำแหน่งที่ค่อนข้างซ่อนเร้น
สัตว์ประหลาดไฟยกมือขวาขึ้น สร้างลูกไฟสีขาวขนาดเท่ากำปั้นเหนือฝ่ามือ
มันก้าวใหญ่ไปข้างหน้า ขว้างลูกไฟด้วยแขวนขวาโดยเล็งไปยังช่องโพรงดังกล่าว
ลูกไฟพุ่งเป็นระยะทางไม่ไกล ผ่านเข้าไปในห้องใต้ดิน ชนเข้ากับผนังฝั่งตรงข้าม
บึ้ม!
แรงระเบิดทำเอาสะเทือนไปทั้งห้อง แต่คลื่นกระแทกแผ่ไปไม่ถึงลูเมี่ยนที่หลบอยู่อีกมุมหนึ่งอย่างชาญฉลาด สิ่งที่ล้มลงมีเพียงขวดน้ำหอมอำพันสีเทาตรงหน้า
ของเหลวไหลจ๊อกๆ ออกจากขวดที่ไม่ได้ปิดฝา กลิ่นหอมหวานอ่อนๆ กลายเป็นฉุนเข้มในพริบตา
ลูเมี่ยนยังคงหลับตาตลอดทั้งกระบวนการ นั่งนิ่งพิงกำแพงด้วยสมาธิอันแรงกล้า
เขากำลังเข้าฌาน!
เด็กหนุ่มกำลังวาดภาพพระอาทิตย์สีแดงในหัว พลางรักษาภาพนั้นไว้หลายวินาที
ไม่นานลูเมี่ยนก็ได้ยินเสียงอันน่าพรั่นพรึง ซึ่งราวกับดังมาจากไกลอนันต์แต่ก็ใกล้ข้างหู
ตามใบหน้า หลังมือ และลำคอ เส้นเลือดใหญ่สีเขียวอมฟ้าปูดโปนขึ้นเด่นชัด ไม่นานก็กลายเป็นสีแดงเข้มดุจดังเปลวเพลิง
ในเวลาเดียวกัน ตุ่มเม็ดกลมสีเงินเข้มทยอยผุดขึ้นทีละจุดบนผิวหนัง
ลูเมี่ยนอ้าปากแต่ร้องไม่ออก ร่างกายล้มตึงพร้อมกับขดตัวงอเป็นกุ้งทันที
ปรอทเสื่อมทรามหลุดออกจากมือซ้าย แต่มันไม่กล้าทำอะไรต่อ ไม่กล้ากระเด้งเข้าหาใบหน้าหรือมือขวาที่ปราศจากชั้นผ้าปกคลุม เพื่อเปลี่ยนให้เด็กหนุ่มกลายเป็น ‘คนถือมีด’ ผ่านการสัมผัสโดยตรง
มันเอาแต่สั่นไหวอยู่ที่เดิม สั่นไหวอย่างรุนแรง
ด้านนอกห้องใต้ดิน ข้างทางเข้าช่องโพรงที่ลูเมี่ยนขุดเตรียมไว้ล่วงหน้า สัตว์ประหลาดไฟที่กำลังสร้างลูกไฟพลันแน่นิ่งไป
มันเองก็สั่นไหวอย่างมิอาจยับยั้งเช่นกัน
ผ่านไปไม่กี่นาที สัตว์ประหลาดไฟวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่ง ล้มเลิกการล่าเหยื่อ
ลูเมี่ยนจมอยู่ในความมืดที่เต็มไปด้วยแสงเปลวไฟไหววูบวาบ จิตใจเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานแสนสาหัส กระหน่ำซ้ำเติมด้วยความคิดชั่วร้าย
ตอนนี้เขารู้สึกว่าการตายอาจมีความสุขยิ่งกว่า รู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างในห้วงลึกของจิตใจกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ก่อร่างสร้างตัวขึ้นตามลำดับ
คล้ายกับมันคือเงาที่ประกอบจาก ‘สิ่งลบ’ ทั้งปวง ผสานเข้ากับเจตจำนงบางอย่าง ซึ่งหากมันกลายร่างมนุษย์เมื่อใด ก็สามารถแทนที่เจ้าของเดิมได้อย่างสมบูรณ์
ท่ามกลางความมืดลึกที่มองไม่เห็นก้นบึ้ง ท่ามกลางสิ้นหวังและทุกข์ทรมาน ลูเมี่ยนได้กลิ่นหอมลอยโชย
กลิ่นอันหอมหวาน และสดชื่น
กลิ่นของโอลัวร์ กลิ่นที่อยู่รอบตัวเขาเสมอมา
โอลัวร์… พี่… ลูเมี่ยนเริ่มรวบรวมสติ คล้ายกับว่าเขาได้ยินเสียงเพลงเบาสบายที่ข้างหู
“เราต้องรอด!”
“วัฏจักรยังไม่ยุติสักหน่อย!”
“…”
ความคิดมากมายคืนกลับมาในพริบตา ในที่สุดลูเมี่ยนก็เอาชนะความมืดมิดและทุกข์ระทมอันล้ำลึกในจิตใจ พร้อมกับเลิกเปลือกตาขึ้น
สิ่งแรกที่เห็นคือขวดน้ำหอมอำพันสีเทาที่หกเต็มพื้น
หกตอนไหน? ลูเมี่ยนยื่นมือขวาออกไปอย่างปวดใจ
เขาเพียงอยากเลียนแบบโอลัวร์ด้วยการใช้กลิ่นหอม ‘ต่อสู้’ กับภาวะคลุ้มคลั่ง เป็นการพึ่งพากลิ่นหอมที่กระจายอยู่รอบตัวเพื่อดึงเอาสติสตังกลับมา แต่ของเหลวในขวดกลับหกออกไปเกือบหมด
วินาทีถัดมา เด็กหนุ่มสัมผัสได้ว่าร่างกายตนกำลังสั่น ซ้ำยังเห็นรอยไหม้เกรียมกับคราบเลือดบนหลังมือ รวมถึงตุ่มกลมสีเงินเข้มที่ยังเลือนหายไปไม่หมด
โดยไม่ต้องให้ใครบอก ลูเมี่ยนเองก็ ‘ได้กลิ่น’ ความผิดปกติอันน่าขนลุกบนร่างกายตน
หากตอนนี้ได้เจอกับวาเลนไทน์ เขาไม่ต้องแสดงอะไรให้อีกฝ่ายเห็น ก็คงถูกทางนั้นอัญเชิญแสงศักดิ์สิทธิ์ลงมา ‘ชำระล้าง’ ทุกอณูกาย
ลูเมี่ยนยกขวดน้ำหอมอำพันสีเทาที่เหลือไม่ถึงครึ่ง ปิดฝาแล้วเก็บเข้าไป
เขาหยิบปรอทเสื่อมทรามที่ยังคงสั่นไหวรุนแรงขึ้นมา พลางไถ่ถามมันด้วยภาษาเฮอร์มิส
“การแลกเปลี่ยนชะตากรรมเสร็จสิ้นหรือยัง”
ปรอทเสื่อมทรามขยับไปมาทันที บ่งบอกว่ายังไม่เสร็จ
ลูเมี่ยนพลันโล่งใจ
เขากลัวว่าเมื่อตนได้สติ ชะตากรรมอาจแลกเปลี่ยนเสร็จไปแล้ว จนสถานะ ‘ยอมจำนนต่อสัญลักษณ์หนามสีดำ’ อาจดำรงอยู่แค่หนึ่งนาที
ถ้าเป็นแบบนั้น หากเขาตามหาสัตว์ประหลาดไฟไม่ทัน ความเจ็บปวดและทนทุกข์ที่เพิ่งประสบพบเจอก็จะกลายเป็นหมันทันที
หายใจเข้า หายใจออก… ลูเมี่ยนพยายามฟื้นตัวจากสภาพอันย่ำแย่ รวบรวมกำลังวังชาเพื่อปีนออกจากห้องใต้ดินผ่านทางที่ขุดเตรียมเอาไว้
ทุกครั้งที่เคลื่อนไหว อาการเจ็บตามบาดแผลน้อยใหญ่คอยแล่นพล่าน จนแม้แต่คนที่ทนเจ็บเก่งอย่างเขายังต้องปวดแสบปวดร้อน
ออกจากห้องใต้ดินแล้ว ลูเมี่ยนเริ่มค้นหารอยเท้าของสัตว์ประหลาดไฟ พลางคร่ำครวญกับตัวเอง
“การเข้าฌานด้วยร่างกายที่มีสภาพย่ำแย่ ไม่ต่างอะไรกับพาตัวเองไปหาความตาย…”
“คงเพราะหลังจากเรากลายเป็น ‘นักล่า’ ก็ไม่เคยเข้าฌานในความฝันอีกเลย… ที่ยังพอรอดจากภาวะคลุ้มคลั่งได้ ก็ต้องยกความดีความชอบให้น้ำหอมอำพันสีเทา… ถ้าก่อนหน้านี้เคยทำอะไรที่คล้ายกันมาสักสองสามครั้ง ร่างกายคงส่งสัญญาณการกลายพันธุ์ล่วงหน้า จนตอนนี้ได้กลายเป็นสัตว์ประหลาดไปแล้ว…”
“หลังจากนี้ไปอีกพักใหญ่ ถ้าไม่อยากตาย ก็ไม่ควรทำซ้ำอีก…”
เด็กหนุ่มเลือกเข้าฌานเพื่อกระตุ้นสัญลักษณ์บนหน้าอกแบบสมบูรณ์ แทนเต้นบวงสรวงเพื่อกระตุ้นเพียงครึ่งเดียว เนื่องจากสถานการณ์กำลังบีบคั้น ไม่มีเวลามากพอให้เต้นจนจบ
อาศัยการเข้าฌาน เขาสามารถใช้เวลาเพียงห้าถึงหกวินาทีเพื่อขับไล่สัตว์ประหลาดไฟ ในขณะที่การเต้นบวงสรวงต้องใช้เวลาขั้นต่ำสามสิบวินาที และนั่นคือกรณีที่ลูเมี่ยนชำนาญการเต้นแล้ว
ในแผนการล่าของเขา นี่คือทางเลือกสุดท้าย: หากวิธีที่เหลือไม่สามารถหลบหนีจากสัตว์ประหลาดไฟ ก็จำใจต้องเข้าฌานเพื่อกระตุ้นสัญลักษณ์เต็มพิกัด
เพียงแต่ลูเมี่ยนไม่คิดว่าตนจะบาดเจ็บหนักตั้งแต่เริ่ม จนเกือบจะคลุ้มคลั่งระหว่างการเข้าฌานและกลายเป็นสัตว์ประหลาด
ไม่นานนัก เด็กหนุ่มพบรอยเท้าที่สัตว์ประหลาดไฟทิ้งไว้ จึงรวบรวมเรี่ยวแรงไล่ตามไป
ผ่านไปไม่กี่นาที เขาสังเกตเห็นว่ารอยเท้าเริ่มสดใหม่ จึงชะลอการเดินลง
ต่อมา ปรอทเสื่อมทรามก็เริ่มสั่น แจ้งให้ลูเมี่ยนทราบว่าการแลกเปลี่ยนชะตากรรมสิ้นสุดลงแล้ว
เขาไม่มัวลังเลอีกต่อไป ชักขวานสีดำออกจากหลัง ไล่ตามรอยเท้าสัตว์ประหลาดไฟไปข้างหน้า
ไม่ถึงยี่สิบวินาที เด็กหนุ่มมองเห็นเหยื่อ เจ้าของร่างกายดำเกรียมที่มีเปลวไฟลุกไหม้
มันกำลังหมอบคลานอยู่ในมุมหนึ่งซึ่งล้อมรอบด้วยก้อนหิน สั่นสะท้านด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง
ลูเมี่ยนวิ่งเข้าไปพลางโยนปรอทเสื่อมทรามทิ้ง จับขวานเงื้อสูงด้วยสองมือ พร้อมกับเค้นแรงทั้งหมดเพื่อสับลงไป
ท่ามกลางเสียงทื่ออันหนักแน่น สัตว์ประหลาดไฟที่มิได้สู้กลับ ถูกบั่นเศียรจนกระเด็นออกจากบ่า
เลือดสดพุ่งกระฉูดทันที กลายเป็นเปลวไฟสีแดงร้อนแรงลุกท่วมพื้น
ตุ้บ! ลูเมี่ยนยืนไม่ไหวอีกต่อไป ล้มพับนั่งไปกับพื้นพร้อมกับขวาน
……………………………………………………..