ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 93 เซ่นสังเวยก่อนเวลา
- Home
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 93 เซ่นสังเวยก่อนเวลา
ตอนที่ 93 เซ่นสังเวยก่อนเวลา
จ้องมองคอกแกะที่หลงเหลือเพียงกองหญ้าแห้งและเม็ดมูลแกะ ไรอันพูดพลางขมวดคิ้ว
“แท่นบูชาใต้ดินถูกซ่อมเสร็จแล้ว?”
เขาสงสัยว่าแกะสามตัวคงถูกพาไปบูชายัญแล้ว
“ในหมู่สาวกเทพมารพวกนั้น บางคนคงจะมีความสามารถพิเศษ” วาเลนไทน์ตอบด้วยใบหน้ารังเกียจ
เมื่อได้ฟังบทสนทนา ลูเมี่ยนพลันนึกถึงเสียง ‘แมะ’ เบาๆ ที่ได้ยินเมื่อคืน
หรือว่าจะเป็นเสียงขณะที่หนึ่งในสามแกะถูกสังเวย? ด้วยความสงสัย เขาเล่าข้อสันนิษฐานของตนให้ไรอันกับวาเลนไทน์ฟัง
“คงไม่ใช่” ไรอันส่ายหน้า “โบสถ์อยู่ห่างจากบ้านของเธอหลายร้อยเมตร มิหนำซ้ำ แท่นบูชาก็ยังอยู่ใต้ดิน”
ความหมายของเขาก็คือ ไม่ว่านักล่าจะหูดีแค่ไหน ก็ไม่มีทางได้ยินเสียงจากใต้โบสถ์
ลูเมี่ยนก็เห็นด้วย แต่นั่นไม่ได้อธิบายเหตุผลที่เขาได้ยินเสียงแกะร้อง และไม่ใช่แค่นั้น ในช่วงเวลาดังกล่าว เขายังสัมผัสถึงความร้อนรุ่มบนหน้าอก รวมถึงการกระตุ้นครึ่งเดียวของสัญลักษณ์หนามดำ
นี่ไม่ใช่ของปลอมแน่!
หน้าอกร้อนรุ่ม… สมองของลูเมี่ยนเริ่มประมวลผล นึกทบทวนสิ่งที่มาดามลึกลับเคยพูดไว้
สวดวิงวอนถึงตัวเอง… หลักแห่งความใกล้ชิด…
เมื่อเชื่อมโยงสองสิ่งนี้เข้ากับพิธีกรรมขอพลัง ‘นักเต้น’ ซึ่งก็มีสัญลักษณ์หนามดำปรากฏบนหน้าอกเช่นกัน เด็กหนุ่มผุดข้อสันนิษฐานใหม่
เขาได้ยินเสียงแกะร้องระหว่างพิธีกรรมสังเวย ผ่านการเชื่อมโยงทางศาสตร์เร้นลับ!
สรุปก็คือ ระหว่างที่พวกหลวงพ่อประกอบพิธีกรรม สวดวิงวอนถึงองค์ซ่อนเร้น ด้วยอำนาจของ ‘หลักแห่งความใกล้ชิด’ พิธีกรรมของพวกมันได้มุ่งเป้ามายังการปนเปื้อนบนตัวลูเมี่ยน ส่งผลให้สัญลักษณ์หนามดำถูกกระตุ้นครึ่งหนึ่ง จนเขาได้ยินเสียงร้องแผ่วเบาของแกะจากไกลๆ
แต่เนื่องจากเด็กหนุ่มมิได้ตอบรับ ซ้ำยังไม่รู้วิธีทำ ประกอบกับการปนเปื้อนถูกผนึกไว้โดยเจ้าของรอยประทับสีดำอมเขียว สุดท้ายแล้ว พิธีกรรมของพวกหลวงพ่อก็ ‘เชื่อมโยง’ เข้ากับองค์ซ่อนเร้นนั่นสำเร็จ
เมื่อพิธีกรรมจบลง ความร้อนรุ่มบนหน้าอกลูเมี่ยนก็ซาลงตาม
เมื่อคืนไม่ได้มีพลังล่องหนอันน่าสะพรึงกลัวบุกรุกเข้ามาในห้องนอนโอลัวร์ เพียงแต่ความผิดปกติในตัวเราถูกกระตุ้นเพราะพิธีกรรมของพวกหลวงพ่อ… ลูเมี่ยนเริ่มเข้าใจต้นสายปลายเหตุในระดับหนึ่ง
ระหว่างนี้ ไรอันตักเตือนพวกพ้อง
“ดูเหมือนว่าการสำรวจใต้โบสถ์ของพวกเรา จะทำให้พวกหลวงพ่อตระหนักถึงวิกฤติ จนต้องรีบซ่อมแซมแท่นบูชาเพื่อรับพลังก่อนกำหนด…”
“นับแต่นี้ไป เราต้องยิ่งรัดกุมให้มาก ต่อให้ยังไม่ถึงเทศกาลมหาพรต ก็ห้ามชะล่าใจว่าจะปลอดภัย”
“หากมิใช่เพราะกลัวการเริ่มต้นใหม่ ฉันคงจัดการพวกมันไปนานแล้ว!” วาเลนไทน์กล่าวด้วยน้ำเสียงชิงชัง
จากนั้น เขาพึมพำ
“พวกเราเลิกเรียกสาวกเทพมารนั่นว่าหลวงพ่อได้ไหม? มันไม่คู่ควร!”
แล้วทำไมคนที่ไม่คู่ควรถึงได้เป็นอธิการโบสถ์? ลูเมี่ยนไม่กล้าพูดในสิ่งที่คิด
คราวนี้มิใช่เพราะกลัว แต่เพราะอยากรักษาภาพพจน์ที่ดีกับวาเลนไทน์ เผื่อว่าในอนาคตอาจต้องโน้มน้าวให้สาวกเดนตายรายนี้ทำอะไรบางอย่าง เช่นการขอให้ฆ่าตัวตายเพื่อยืนยันกลไกของวัฏจักร
ไรอันพยักหน้า
“รีบไปหาคุณนายปัวริสกันเถอะ จากนั้นจะได้เติมน้ำกับอาหาร หมกตัวอยู่ในบ้าน และไม่ออกไปข้างนอกถ้าไม่จำเป็น”
ไม่มีใครพูดอะไรต่อ พวกลูเมี่ยนออกจากบ้านคนเลี้ยงแกะปิแยร์ มุ่งหน้าไปยังปราสาทบนเนินเขา
ผ่านสวนดอกไม้หลากหลายสีสัน สามหน่อมาถึงประตูหน้าที่เปิดอ้าไว้กึ่งหนึ่ง ซึ่งมีคนรับใช้ชายสวมเสื้อนอกสีแดง กางเกงขายาวสีขาวยืนเฝ้าอยู่
“พวกเรามีเรื่องด่วนอยากคุยกับคุณนายปัวริส”
“รอสักครู่” คนรับใช้ชายเหล่มองไรอันกับวาเลนไทน์ ก่อนจะรีบหันหลังและเดินหายไปจากหน้าประตู
ผ่านไปครู่หนึ่ง ‘หมอตำแย’ ในชุดกระโปรงสีเทาอ่อนเดินออกมาต้อนรับ
ใบหน้าของเธอดูหมองคล้ำกว่าคราวก่อน แววตาไร้อารมณ์จนชวนให้ขนลุก
หากมิใช่เพราะลูเมี่ยนแจ้งกับไรอันและวาเลนไทน์ไว้ก่อนแล้ว ว่าหมอตำแยคนนั้นยังไม่ ‘ตาย’ ป่านนี้พวกเขาคงรักษาสีหน้าเอาไว้ไม่ได้
การที่คนตายเปลี่ยนเป็นซอมบี้ มิใช่เรื่องแปลกประหลาดนักสำหรับพวกเขา เนื่องจาก ‘ข้ารับใช้สุริยัน’ ต้องคลุกคลีกับงานประเภทนี้อยู่แล้ว วาเลนไทน์เคยชำระล้างสิ่งมีชีวิตเทือกนี้ไม่ใช่แค่หลายสิบ แต่เป็นหลักร้อยตัว ทว่า กับมนุษย์ที่ถูกบดเป็นเศษเนื้อแล้วยังกลับคืนร่างเดิมได้ ซ้ำยังดูเหมือน ‘คนเป็น’ มากกว่าซากศพ คือสิ่งที่อยู่นอกเหนือความเข้าใจของพวกเขา
หมอตำแยเอ่ยปาก กล่าวเสียงเรียบไม่มีต่ำสูง
“คุณนายไม่อยากพบหน้าพวกคุณ เชิญกลับไปเถิด”
“พวกเรามีเรื่องสำคัญจริงๆ” ลูเมี่ยนยังคงยืนกราน ถามจี้เข้าประเด็น “คุณนายปัวริสไม่กลัวบ้างหรือ ว่าสิ่งที่อยู่ใต้ดินอาจทำให้แผนการของเธอพัง?”
ด้วยเสียงเดิม หมอตำแยตอบ
“คุณนายแจ้งว่า เรื่องนี้ไม่ส่งผลใดกับคุณนาย”
ได้ฟังคำตอบ ลูเมี่ยนรู้สึกคล้ายกับมีสายลมเย็นพัดผ่าน
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง คงยากแล้วที่พวกตนจะได้รับความช่วยเหลือจากคุณนายปัวริสผู้แข็งแกร่ง
ลูเมี่ยนยังคงยิ้ม ไม่เผยท่าทีผิดหวังหรือหดหู่ เพียงกล่าวกับหมอตำแย
“แต่พวกเราอาจสำรวจสุสานนั่นก็ได้”
ความนัยของเขาชัดแจ้ง: ระหว่างการสำรวจ อุบัติเหตุภายในนั้นอาจทำให้วัฏจักรเริ่มต้นใหม่ก็ได้
หมอตำแยยังคงไม่เปลี่ยนสีหน้า แววตายังทื่อเหมือนท่อนไม้
“พวกคุณจะลองดูก็ได้ แต่ผลลัพธ์จะมีเพียงความผิดหวัง”
หมายความว่ายังไง? ลูเมี่ยนยังไม่เข้าใจเจตนาของคุณนายปัวริส
เธอกำลังจะสื่อว่า พวกเราสามารถสำรวจได้ตามใจชอบ และเธอจะคอยช่วยเหลือในยามวิกฤติเหมือนเดิม แต่ผลการสำรวจจะมีค่าเท่ากับคว้าน้ำเหลว? ยิ่งคิดลูเมี่ยนก็ยิ่งเชื่อว่าตนคาดเดาไปผิดทาง ไม่อย่างนั้น อีกฝ่ายคงไม่ส่งหมอตำแยออกมาเพื่อปฏิเสธการขอเข้าพบ
ก่อนที่ลูเมี่ยนจะได้ใคร่ครวญถึงความเป็นไปได้อื่น ไรอันถามหลังจากไตร่ตรอง
“คุณนายปัวริสกำลังบอกใบ้ว่า… สิ่งที่อยู่ในสุสานสามารถควบคุมเราได้ง่ายดาย จนทำให้การสืบสวนของเราไม่ไปกระตุ้นวัฏจักร?”
“ถูกต้อง” หมอตำแยพยักหน้าเชื่องช้า หันหลังกลับและเดินเข้าไปในส่วนลึกของปราสาท
เป้าหมายถัดไปของพวกเขาคือร้านเหล้าคร่ำครึ สถานที่สำหรับซื้อวัตถุดิบกับถังไวน์ถูกๆ
ไวน์—ของเหลวที่เสียยากกว่าน้ำเปล่า ยิ่งถ้าเป็นตัวที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ต่ำ ก็สามารถใช้ดับกระหายได้ไม่ต่างกัน
เดินเข้าไปในร้านเหล้า ลูเมี่ยนกวาดตาไปรอบๆ แต่ก็ไม่พบมาดามลึกลับ
ด้วยความผิดหวังเบาๆ เด็กหนุ่มเดินไปทางเคาน์เตอร์บาร์ ไล่รายการสินค้าที่อยากซื้อกับเจ้าของร้าน—มอริส·เบเนต์
ระหว่างที่ไรอันกับวาเลนไทน์เข้าไปยกถังไวน์ ลูเมี่ยนหรี่เสียงถาม
“มาดามคนนั้นไปไหน”
มอริส·เบเนต์ส่ายหน้า
“ฉันไม่รู้ เธออาจจะอยู่ในห้อง หรือสักแห่งในหมู่บ้าน หรืออาจเข้าเมืองดาลีแอช… เธอจ่ายค่าห้องถึงวันที่ 9 แล้ว อยากจะไปไหนก็เรื่องของเธอเลย”
วันที่ 9? คืนที่สิบสอง? ลูเมี่ยนครุ่นคิด
ตามการคำนวณของเขากับโอลัวร์ วันที่ 9 เมษายนคือ ‘คืนที่สิบสอง’
หรือในทางกลับกัน วันที่ 29 มีนาคมคือวันแรกของวัฏจักร
และถ้าพวกไรอันไม่บังเอิญเข้าหมู่บ้านในวันแรกของวัฏจักรสักรอบพอดี นั่นจะหมายความว่า ทันทีที่มีคนนอกเข้ามาในเขตหมู่บ้าน วัฏจักรจะเริ่มต้นใหม่ ย้อนกลับไปสู่วันที่ 29 มีนาคมอีกครั้ง
“อ๊า…” ลูเมี่ยนตบหน้าผากตัวเองหนึ่งแปะ แล้วกล่าวกับมอริส·เบเนต์ “ฉันรู้สึกไม่ค่อยดี ขอยืมใช้ห้องน้ำหน่อย แล้วก็ฝากบอกให้พวกเขารอฉันก่อนนะ”
มอริส·เบเนต์มองด้วยสายตาทำนอง ‘คราวนี้จะมาไม้ไหนอีก?’
“อย่ามาก่อเรื่องในนี้นะ!” เขาเตือน
นี่ก็เป็นข้อเสียของ ‘ชื่อเสีย’ สินะ… ลูเมี่ยนหัวเราะคิกคัก พูดปลอบใจอีกฝ่าย
“ไม่ต้องห่วง ฉันแค่ใช้ห้องน้ำจริงๆ!”
พูดจบ เขาตรงไปยังบันไดทันที
เป้าหมายของเด็กหนุ่มคือห้องน้ำอย่างที่พูด แต่เป็นห้องน้ำชั้นสอง
มอริส·เบเนต์มองดูลูเมี่ยนลับตาไป พลางพึมพำอย่างเหนื่อยหน่าย
“ฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว ไอ้เด็กเวรนี่ก็ติดสัดเหมือนกันสินะ…”
เสียงของเขาดังพอที่จะไปถึงหูลูเมี่ยน
เมื่อขึ้นมายังชั้นสอง เด็กหนุ่มหยุดยืนหน้าห้องมาดามลึกลับ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เขาเคาะประตู
ไม่มีการตอบรับ
เมื่อเห็นว่าไม่มีป้าย ‘ห้ามรบกวน’ แขวนไว้บนลูกบิด ลูเมี่ยนเคาะใหม่ด้วยเสียงที่ดังขึ้นเรื่อยๆ
น่าเสียดาย ทำอย่างไรก็ไม่มีการตอบรับ
หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก ลูเมี่ยนหยิบเศษลวดออกมางัดแงะรูกุญแจ
ประตูเปิดออกพร้อมกับเสียงเสียดสี เผยให้เห็นห้องว่างๆ ด้านใน
เตียงถูกเก็บอย่างดี ราวกับไม่มีใครใช้งานมานานแล้ว
ลูเมี่ยนถอนหายใจเงียบงัน ไม่มีความคิดที่จะบุกเข้าไป เพียงปิดประตูกลับไปจนสนิท
…
ในช่วงบ่าย อาศัยข้ออ้างที่ต้องการเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ด้วยการเรียนภาษาเฮอร์มิสโบราณ สองพี่น้องหมกตัวอยู่ในห้องนอนของโอลัวร์
ลูเมี่ยนหรี่เสียงลง ถ่ายทอดเรื่องสำคัญๆ ระหว่างสำรวจดินแดนความฝันเมื่อคืนให้พี่สาวฟัง ปิดท้ายด้วยการถามว่า
“พี่อยากจะเสริมอะไรไหม เกี่ยวกับการล่าสัตว์ประหลาดน่ะ”
แม้จะเตรียมตัวพร้อมสรรพ ซ้ำยังมีพลังของ ‘ปรอทเสื่อมทราม’ และ ‘ล่องหน’ แต่เขากลับยังไม่มั่นใจว่าจะล่าสัตว์ประหลาดไฟสำเร็จ
อีกฝ่ายคือลำดับเชิงคุณภาพของเส้นทางนักล่าเชียวนะ!
โอลัวร์ยิ้ม
“นายรอบคอบดีแล้ว เรื่องเดียวที่ฉันจะเสริมก็คือ…”
หญิงสาวยกกำปั้นขึ้นมาเขย่าเบาๆ
“เล่นมันเลย!”
“…” ลูเมี่ยนไม่อยากเชื่อว่าพี่สาวจะมามุกนี้ ในเวลาแบบนี้
แต่นั่นช่วยบรรเทาความตึงเครียดได้ชะงักงัน
โอลัวร์เสริมต่อทันที
“ที่เหลือก็เป็นพวกคำให้กำลังใจเชยๆ ทำนองว่า…”
“จงรอบคอบ จงระวังตัวให้มาก”
เธอถอนหายใจ
“น่าเสียดายที่มาดามลึกลับไม่อยู่ ที่จริงฉันสามารถสร้างยันต์ง่ายๆ ได้ด้วยเข็มกลัดซื่อตรง”
“นั่นสินะ” ลูเมี่ยนเห็นด้วย แต่ไม่ได้ท้อแท้หรือถอดใจ
…
ตกดึก ราวๆ 21:50 นาฬิกา ลูเมี่ยนออกจากห้องนอนโอลัวร์เพื่อเดินไปห้องน้ำ
เขาคิดจะปลดทุกข์ให้เรียบร้อยก่อนเริ่มต้นเฝ้ายาม
ท่ามกลางแสงจันทร์สีแดงเข้ม บรรยากาศในห้องน้ำค่อนข้างมืดสลัว มองเห็นเพียงโถส้วมกับรอบๆ
ลูเมี่ยนเข้าไปใกล้โถส้วม ปลดเข็มขัดกางเกง
ทันใดนั้น เงาบนกำแพงด้านหลังเด็กหนุ่มเริ่มกระดุกกระดิก ก่อตัวกลายเป็นร่างคนกำลังเงื้อขวานขึ้นสูง!
……………………………………………………..