ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 7 นาโรคา
ตอนที่ 7 นาโรคา
หลังออกจากร้านเหล้าคร่ำครึ ลูเมี่ยนยืนบนถนนดินอัด สองจิตสองใจว่าต้องไปที่ใด
แสงอาทิตย์สาดลงมา นำพาสัมผัสของความเย็น
ทันใดนั้น แรมงด์·เคร็กก์เดินเข้ามาใกล้จากด้านข้าง
“เจอตัวสักที”
“มีอะไร?” ลูเมี่ยนกลับมาสำรวมแล้วถามเจาะจง
แรมงด์ทำหน้าประหลาดใจ
“นายลืมไปแล้ว? วันนี้พวกเรามีนัดไปหาคนเฒ่าคนแก่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับปู่ของฉันไง เพื่อถามถึงตำนานจอมเวทนั่น”
ลูเมี่ยนเลื่อนมือขึ้นมาจับหัว ใบหน้าบิดเบี้ยวราวกับเจ็บปวด
“จริงหรือ? ทำไมฉันจำอะไรไม่ได้เลย…แน่ใจนะว่านายไม่ได้เห็นภาพหลอน?”
แรมงด์ทั้งอึ้งทั้งกลัว เตรียมระลึกชาติอย่างละเอียดเพื่อสำรวจว่าเหตุการณ์เมื่อวาน เป็นเพียงเรื่องเพ้อฝันของตนหรือไม่ แต่ทันใดนั้นก็เห็นรอยยิ้มบนหน้าลูเมี่ยน
“ไอ้เวร! แกล้งกันอีกแล้ว!” แรมงด์สบถด่าอย่างอดไม่ได้
“คำสบถของนายไม่ทรงพลังเอาเสียเลย” ลูเมี่ยนถอนหายใจ “เอวายังสบถเก่งกว่าอีก”
เอวา·ลีซิแยร์ หญิงงามแห่งหมู่บ้านกอร์ตู ปัจจุบันรู้จักกันในนาม ‘สาวเลี้ยงห่าน’
บิดาของเธอ กิโยม·ลีซิแยร์ เป็นช่างทำรองเท้าผู้ช่ำชองการใช้หนังจากคนเลี้ยงแกะ และค่อนข้างดังในละแวกหมู่บ้าน
“เอวา…” แรมงด์เปลี่ยนสีหน้า
แล้วหันมามองลูเมี่ยน
“เอวาเป็นเพื่อนของเรา…ใช่ไหม?”
“ใช่” ลูเมี่ยนตอบพลางยิ้ม
ทั้งสามคน รวมถึงกิโยมบ้านแบรี และลูกพี่ลูกน้องของเอวา อเซมา·ลีซิแยร์ ถูกพบเห็นว่าตอนเด็กๆ เล่นด้วยกันบ่อย
“ทำไมไม่ชวนเอวาร่วมวงสืบความจริงของตำนานด้วยกันล่ะ?” แรมงด์เสนอ “นายก็รู้นี่ พ่อของเธอชอบบ่นว่า ‘ทำไมฝ่ายหญิงต้องเสียสินสอดเวลาแต่งงานด้วยนะ? ครอบครัวดีๆ มากมายต้องพังเพราะธรรมเนียมนี้’ ซึ่งนั่นทำให้เอวาเครียดมาตลอด หากเธอได้ส่วนแบ่งจากขุมทรัพย์หรือรางวัลจากโบสถ์ก็คงจะสบายใจขึ้น”
“ฉันได้ยินมาจากเจ้าบ้านหลายๆ หลังในหมู่บ้าน รวมถึงพวกนักบวช ทุกคนต่างก็แสดงความเห็นไปในทางเดียวกัน พวกเขาอยากให้พี่น้องของตัวเองยังอยู่ที่บ้านเดิมแม้จะแต่งงานแล้ว แทนการแยกตัวออกไปสร้างครอบครัว จนสมบัติบางส่วนของตระกูลถูกเบียดเบียน” ลูเมี่ยนเหลือบมองแรมงด์พลางยิ้ม แล้วกล่าวอย่างเป็นกันเอง “เป็นเหตุผลว่าทำไมหลายๆ ครอบครัวถึงเลือกที่จะส่งลูกสักคนไปเป็นคนเลี้ยงแกะ…โอกาสออกเรือนมีน้อยมาก แถมยังดูแลตัวเองด้วยรายได้ที่มั่นคง”
สีหน้าแรมงด์ยิ่งหมองคล้ำ
เขาไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้มาก่อน
นี่คือเหตุผลที่แรมงด์ชอบไปไหนมาไหนกับลูเมี่ยน แม้คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านจะบอกว่าลูเมี่ยนนิสัยไม่ดี ชอบโกหก ชอบแกล้งคน แต่ก็มีความรู้กว้างขวางกว่าใครในรุ่นราวคราวเดียวกัน แตกต่างจากแรมงด์ที่รู้น้อย ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมาย ทำได้เพียงเดินตามเส้นทางที่ครอบครัวกำหนด
ตาสว่างได้สักที…ลูเมี่ยนคิดในใจ พลางตบบทสนทนากลับเข้าราง
“วันนี้คงไม่ทันแล้วล่ะ…สิ่งที่เราทำได้คือรีบๆ ซักถามคนเฒ่าให้มากที่สุด แล้วพรุ่งนี้ค่อยไปชวนเอวา หืม…จะชวนกิโยมน้อยกับอเซมาด้วยก็ได้นะ นอกเหนือจากของรางวัล นี่ยังเป็นกิจกรรมที่ช่วยพัฒนาทักษะพวกเรา”
“จะชวนกิโยมน้อยกับอเซมาด้วย?” แรมงด์ดูลังเล
ยิ่งมีคนหารมาก ส่วนแบ่งก็ยิ่งลดลง
และเหนือสิ่งอื่นใด แรมงด์จะเสียโอกาสในการสร้างความประทับใจให้เอวา
ลูเมี่ยนมองเพื่อนซี้ด้วยแววตาสงสารเจือเมตตา
เด็กน้อยเอ๋ย…คิดจริงหรือว่าเอวาจะชายตามองนาย? เธอเป็นพวกคิ้วสูง เล็งแต่จะแต่งกับตระกูลดีๆ แถมยังแอบมีใจให้กับ ‘คนนิสัยไม่ดี’ อย่างฉัน แต่ฝืนเก็บงำอารมณ์ไว้อยู่…
ในเขตดาลีแอช วลี ‘คิ้วสูง’ หมายถึงการตั้งมาตรฐานไว้สูง มักไม่เลือกคนธรรมดามาเป็นคู่ครอง
“พี่ของฉันพูดอยู่บ่อยๆ ว่า ‘ยิ่งคนมากก็ยิ่งดี’” ลูเมี่ยนอธิบายเรียบง่าย “แล้วเราต้องไปหาคนเฒ่าคนไหนก่อน?”
“นายไม่ได้ไปสืบมา?” แรมงด์ถามด้วยอาการประหลาดใจ
เมื่อวานมีเรื่อง ‘ไพ่ไม้’ เข้ามา ใครจะมัวออกไปสืบ…ลูเมี่ยนยิ้ม
“แน่นอนว่าสืบมาแล้ว ฉันแค่อยากทดสอบฝีมือในการรวบรวมข้อมูลของนาย”
แรมงด์ไม่กังขา
“มีคนเฒ่าเก้าคนในหมู่บ้านที่อายุไล่เลี่ยหรือแก่กว่าปู่ของฉัน เริ่มจากคุณ…”
หญิงหก ชายสาม…ผู้หญิงมีแนวโน้มจะอายุยืนกว่าสินะ…ลูเมี่ยนเงียบฟัง ครุ่นคิดสักพักแล้วจึงกล่าว
“เราไม่จำเป็นต้องไปหาสองคนสุดท้าย พวกเขาเป็นคนนอกหมู่บ้านที่แต่งเข้ามา”
“เอาเป็น…เริ่มจากนาโรคาก่อนก็แล้วกัน เธออายุมากกว่าใคร ช่วงที่เกิดตำนานจอมเวทคงโตเป็นสาวแล้ว”
นาโรคาไม่ใช่ชื่อจริง แต่เป็นนามเรียกเพื่อให้เกียรติ
ในแคว้นไรสตัน สตรีจากตระกูลใหญ่ที่ออกเรือน หรือสตรีที่เป็นเจ้าบ้านตัวจริงของครอบครัว จะถูกยกยอเกียรติด้วยคำว่า ‘คุณนาย’ ซึ่งในทางปฏิบัติคือการเติมสระ ‘อา’ ต่อท้ายชื่อเพื่อเน้นย้ำถึงสตรีเพศ และเติม ‘นา’ ที่แปลว่า ‘คุณนาย’ หรือ ‘นายหญิง’ ไว้ข้างหน้า
อย่างเช่นคุณนายปัวริส เธอใช้ ‘นา’ กับ ‘อา’ ไม่ได้เพราะตระกูลถดถอยจากยุครุ่งเรืองนานแล้ว อีกทั้งเวลาอยู่กับครอบครัวก็ต้องเชื่อฟังสามีอย่างบีโอส ผู้เป็นเจ้าหน้าที่ปกครองท้องถิ่น จึงถูกเรียกนำหน้าด้วยคำว่า ‘คุณนาย’ เพียงอย่างเดียว
สามีของนาโรคาด่วนจากไปเร็ว เธอจึงต้องรับผิดชอบครอบครัวตามลำพัง กระทั่งยามที่ลูกชายสองคนโตขึ้น ออกเรือน มีลูก จนนาโรคาแก่เฒ่า เธอก็ยังต้องกุมบังเหียนการเงินของครอบครัว
กรณีนี้ถือว่าพบเห็นได้ยากในหมู่บ้านกอร์ตู ซึ่งเกือบทุกบ้านจะมีบุรุษเป็นเจ้าบ้าน หากครอบครัวใดไม่มีพ่อ เมื่อลูกชายโตเป็นผู้ใหญ่ ส่วนมากจะขึ้นมาดูแลครอบครัวแทนมารดา
“ตกลง” แรมงด์ไม่มีคำถาม
หลังจากผ่านบ้านหลายหลัง ลูเมี่ยนเห็นหญิงชราสี่คนกำลังนั่งอยู่หน้าบ้านสองชั้น อาบแดดพลางพูดคุยออกอรรถรส
ระหว่างนั้น แต่ละคนที่นั่งชิดกัน คอยหาจับเหาให้กันและกัน
เป็นความบันเทิงรูปแบบหนึ่งในย่านชนบทของสาธารณรัฐอินทิส และยังถูกมองว่าเป็นการมอบความรัก ช่วยให้ความสัมพันธ์แนบแน่นยิ่งขึ้น
เขากลัวว่าภารกิจค้นหาความจริงของตำนานจะล่วงรู้ไปถึงหูใครหลายคน
“รออีกนิด” ลูเมี่ยนผงกหัวขึงขัง
เด็กหนุ่มทราบดี ข่าวลือต่างๆ นานาในหมู่บ้านล้วนแพร่กระจายจากการจับกลุ่มทำนองนี้
ผ่านไปสักพัก หญิงชราอีกสามคนทยอยกลับไปทำงานบ้านของตัวเอง
“อรุณสวัสดิ์ นาโรคา” ลูเมี่ยนเข้าไปใกล้โดยไม่รีรอ
ผมบางๆ ของนาโรคาหงอกขาวหมดแล้ว แววตาขุ่นมัว สวมกระโปรงยาวผ้าหยาบสีเข้ม ผิวพรรณตามมือคล้ายหุ้มด้วยหนังไก่ ใบหน้าตกกระตามประสาคนแก่
“โอลัวร์จะออกมาร่วมสังสรรค์เมื่อไรล่ะ? คนในหมู่บ้านคิดถึงเธอนะ” นาโรคาถามด้วยรอยยิ้มสดใส ตามองลูเมี่ยน
โดยเฉพาะผู้ชายใช่ไหมล่ะ? ลูเมี่ยนตีมึนเข้าสู่ภาวะ ‘คุณมีคำพูดของคุณ ฉันมีคำพูดของฉัน’ พร้อมกับถามด้วยสีหน้าใคร่รู้
“นาโรคาเคยเห็นจอมเวทตัวเป็นๆ จริงหรือ? คนที่ว่ากันว่า…ถ้าไม่ใช้วัวเก้าตัวก็จะลากโลงศพไม่ได้น่ะ”
สีหน้านาโรคาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ใครเป็นคนเล่าให้พวกเธอฟัง?”
“ปู่ของเขาเข้าฝันมาบอกเมื่อคืน” ลูเมี่ยนเริ่มปั้นน้ำเป็นตัว
นาโรคาตะลึง
“วิญญาณกลับบ้านได้จริงๆ หรือ…”
“พ่อของฉันบอกว่า ปู่ชอบเล่าให้ฟังบ่อยๆ สมัยยังมีชีวิตอยู่” แรมงด์พูดแทรก รู้สึกไม่สบายใจที่ลูเมี่ยนโกหกหญิงชรา
นาโรคาทำหน้าผิดหวังเล็กๆ แล้วเงียบไป สักพักจึงค่อยกล่าว
“ก่อนที่ชายคนนั้นจะตาย ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นจอมเวท เขาทำตัวปกติมาก”
เหมือนกับที่พวกคุณไม่รู้ว่าโอลัวร์เป็นจอมเวท…ลูเมี่ยนคิดกับตัวเอง
“จนกระทั่งวันดีคืนดี เขาเสียชีวิต และนกฮูกตัวนั้นบินเข้ามา…” นาโรคาย้อนความหลัง
สิ่งที่เธอเล่าถัดมา ตรงกับในตำนานเกือบทั้งหมด
ลูเมี่ยนถามจี้
“จอมเวทคนนั้นอาศัยอยู่ที่ไหน”
นาโรคาเหล่มอง
“…ที่ที่เธอกับโอลัวร์อาศัยอยู่ตอนนี้ไง”
“หลังจากจอมเวทถูกฝัง นักบวชในเวลานั้นพาคนไปรื้อค้นของมีค่าในบ้านจอมเวท จากนั้นก็เผาบ้านทิ้ง…ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ที่นั่นราวๆ ยี่สิบสามสิบปี เรื่องราวค่อยๆ ซาลงจนกระทั่งถูกลืม ภายหลังโอลัวร์ก็มาซื้อที่ตรงนั้นแล้วสร้างบ้าน”
บ้านของเรา? ลูเมี่ยนถึงกับผวา
เป็นคำตอบที่ผิดคาดอย่างมาก!
ทันใดนั้น เขาไตร่ตรองถึงคำถามที่ตนเคยละเลย
ด้วยความสามารถในการหาเงินและพลังวิเศษที่ปกปิดไว้ เหตุใดโอลัวร์ถึงเลือกตั้งรกรากที่หมู่บ้านแถบชนบทอย่างกอร์ตู?
สถานที่อย่างบีกอร์ที่เป็นเมืองหลวงแคว้น หรือศูนย์กลางสิ่งทออย่างซูสิต หรือแม้กระทั่งกรุงทรีอาร์ ล้วนเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า ต่อให้เจาะจงว่าต้องมีสภาพแวดล้อมดีและอากาศสะอาด ก็ยังมีหลายเขตในมหานครเหล่านั้นให้เลือกสรร
โอลัวร์เคยบอกว่าถ้าคิดจะซ่อนตัว จุดที่ดีที่สุดคือเมืองใหญ่…ท่ามกลางความคิดที่ผสมผสมปนเป ลูเมี่ยนฝืนข่มใจให้สงบ
วันนี้เขาเพิ่งจะได้ทราบว่า ที่ดินที่โอลัวร์ซื้อมาสร้างบ้าง ครั้งหนึ่งเคยเป็นของจอมเวท…
“แล้วจอมเวทถูกฝังที่ไหน?” แรมงด์ที่ยืนข้างๆ ถามอย่างอดไม่ได้
ความหวังในการล่าขุมทรัพย์จากบ้านจอมเวทพังทลายไปแล้ว โอกาสสุดท้ายคือการรื้อค้นซากศพ
นาโรคาเล่าพลางยิ้ม
“เรื่องใหญ่ขนาดนี้…นักบวชต้องตื่นตัวอยู่แล้ว”
“หลังจากทุกคนใช้วัวเก้าตัวลากโลงศพไปยังสุสานติดกับโบสถ์ นักบวชทำพิธีปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย เผาศพจนเหลือแต่ขี้เถ้า แล้วจึงขุดหลุมฝัง”
“อย่างนี้นี่เอง…” แรมงด์ไม่อาจเก็บซ่อนความผิดหวัง
“ถามเรื่องพวกนี้ไปทำไม…คิดจะทำอะไร?” นาโรคาเพ่งพินิจสักพักก่อนจะถาม
ลูเมี่ยนยิ้ม เล่าความจริงที่ฟังดูเหมือนเรื่องโกหก
“พวกเรากำลังตามหาขุมทรัพย์ของจอมเวท”
“คนหนุ่มไม่ควรเอาแต่เพ้อฝันนะ” นาโรคาตักเตือน
“รับทราบ!” ลูเมี่ยนทำตัวประหนึ่งอยู่ในโอวาท
เขากับแรมงด์กล่าวอำลานาโรคา แล้วเดินกลับลานจัตุรัส
“เปล่าประโยชน์…ลูเมี่ยน มันจบแล้ว” หลังจากเดินอ้อมบ้านหลังหนึ่ง แรมงด์เน้นย้ำด้วยน้ำเสียงหดหู่
“นั่นสินะ สิ่งที่ควรเผาก็ถูกเผาไปแล้ว และสิ่งที่ควรขโมย ก็ถูกขโมยไปหลายสิบปีแล้ว” ลูเมี่ยนผงกหัวเป็นนัยเห็นด้วย
เขาไม่ได้ผิดหวังนัก เนื่องจากยังมีอีกหนึ่งโอกาสในความฝัน
แรมงด์คล้อยตาม
“ใช่ ในตำนานนั่น มีแค่นกฮูกที่ไม่ถูกทำลาย”
“นกฮูก…” ลูเมี่ยนทำตาลุกวาว พร้อมกับหันไปมองภูเขาด้านนอกหมู่บ้าน
แรมงด์ที่เริ่มตัวสั่น กล่าวเสริม
“แต่ผ่านมาก็นานแล้ว มันคงตายไปแล้วล่ะ”
เขาหวาดกลัวนกฮูกจากก้นบึ้ง เพราะมันคือสิ่งมีชีวิตชั่วร้าย
ทางภาคใต้ของอินทิส นกฮูก นกไนติงเกล และอีกา ล้วนถูกมองว่าเป็นลางร้าย ความชั่วร้าย และบริวารของปีศาจ คนส่วนใหญ่เชื่อว่าพวกมันจ้องจะพรากดวงวิญญาณมนุษย์ หรือไม่ก็นำพาเคราะห์กรรมมาให้
……………………………………….