ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 69 เขา?
ตอนที่ 69 เขา?
เมื่อเผชิญหน้ากับความเอาใจใส่ของพี่สาว ลูเมี่ยนส่ายหัว
“ฉันปลอดภัย…”
เด็กหนุ่มมองไปรอบๆ ก่อนจะพูด “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”
เมื่อเข้าใกล้เตา เขาเริ่มเล่ากระบวนการสำรวจของตนกับพวกไรอัน แล้วบอกกับที่สาวว่า หากคุณนายปัวริสมาหาเรื่องในภายหลัง ให้ยอมจำนนโดยไม่ลังเล และหักหลังคนต่างถิ่นทั้งสามทันที
คำนึงจากการเผชิญหน้าและปรากฏการณ์ต่างๆ ที่ได้เห็นในปราสาท ลูเมี่ยนไม่เชื่อว่าตนสองพี่น้องจะร่วมมือกันเอาชนะคุณนายปัวริสได้ กระทั่ง ‘หมอตำแย’ ก็คงไม่ไหว
โอลัวร์เงียบฟังจนจบ แล้วอดหัวเราะไม่ได้
“มีเหตุผล… แผนรับมือของนายดีที่สุดแล้วจริงๆ แต่ฉันกลับรู้สึกแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก… ยังกับได้กลายเป็นตัวร้ายในนิยาย แถมยังไม่ใช่ตัวหลัก แต่เป็นแค่ตัวประกอบที่ดูมีเสน่ห์”
“สิ่งสำคัญคือผลลัพธ์” ลูเมี่ยนเน้นย้ำกับพี่สาว “ก็อย่างที่พี่พูด เราต้องอดทนต่อความอัปยศอดสูต่างๆ ต้องแบกความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่… ต้องรักษาร่างกายและชีวิตที่มีประโยชน์เอาไว้ รอวันเฉิดฉายในอนาคต”
“…” โอลัวร์เลื่อนมือขึ้นมาจับหน้าผากอย่างอดไม่ได้ “ฉันสอนเรื่องแปลกๆ ให้นายมากไปไหมนะ…”
“ใช่” ลูเมี่ยนพยักหน้าอย่าง ‘ซื่อตรง’
โอลัวร์กลอกตามองบน
“ก็ได้ เข้าใจแล้ว เราจะไม่สู้กับคุณนายปัวริสหากไม่จนตรอกจริงๆ …”
“เมื่อสักครู่ คุณนายปัวริสคงตระหนักถึงสัญญาณเตือนภัย จึงอยากรีบร้อนกลับ… ฉันก็ไม่ได้ขวางไว้หรอก แค่แสดงท่าทีไม่เต็มใจนิดหน่อย และชวนคุยอีกเกือบหนึ่งนาที”
“เอาล่ะ… เล่ารายละเอียดการสำรวจให้ฟังหน่อยสิ”
หญิงสาวเดินไปทางโต๊ะอาหาร นั่งลงด้วยท่าทีพร้อมฟัง พลางคอยสอดส่องสถานการณ์รอบข้าง เผื่อว่าคุณนายปัวริสจะมาถามคาดคั้นด้วยความโกรธ
ลูเมี่ยนดึงเก้าอี้อีกฝั่งของโต๊ะอาหารออกมา นั่งลงแล้วเล่าผลลัพธ์การสำรวจ รวมถึงกระบวนการต่อสู้อย่างละเอียดครบถ้วน
ขณะนั่งฟัง สีหน้าของโอลัวร์เริ่มเปลี่ยนไปในทิศทางแปลกประหลาด และแปลกมากขึ้นเรื่อยๆ
“พี่เป็นอะไร?” ลูเมี่ยนสังเกตเห็นความผิดปกติของพี่สาว
โอลัวร์คิดอยู่นานสองนาน แล้วถามกลับด้วยสีหน้าแปลกๆ นั้น
“มีรูปถ่ายของผู้ชายคนหนึ่งอยู่ในห้องนอนคุณนายปัวริส… ชายคนนั้นดูเหมือนกับเธอมาก อาจเป็นได้ทั้งพี่ชายหรือน้องชาย…?”
“ใช่ พวกคนต่างถิ่นบอกว่าอาจเป็นสมาชิกตระกูลโร้คฟอร์ที่หายตัวไป ชื่อว่าพูลิต” ลูเมี่ยนถ่ายทอดถ้อยคำของพวกไรอัน รวมถึง ‘ลัทธิแดนดี้’ และความเกลื่อนกลาดของลูกนอกสมรส
ปิดท้ายด้วยการสรุปว่า “จากการสืบสวนของพวกคนต่างถิ่น ตระกูลโร้คฟอร์ไม่มีคนชื่อปัวริส”
โอลัวร์พยักหน้าเบาๆ พร้อมกับถอนหายใจ
“ฉันคิดว่า… ฉันได้ข้อสรุปแล้วล่ะ”
สีหน้าแปลกๆ ของพี่สาวยังไม่หายไป มีแต่จะเด่นชัดยิ่งขึ้น
“ข้อสรุป?” ลูเมี่ยนยังดูสับสน
โอลัวร์เหล่มองน้องชายแล้วพูด
“บางที คุณนายปัวริสคงเป็น ‘พูลิต’ ที่หายตัวไปนั่นแหละ”
“หา?” ลูเมี่ยนตกใจ “แต่คนหนึ่งเป็นผู้ชาย อีกคนเป็นหญิง… แถมคุณนายปัวริสยังคลอดลูกมาแล้วสองคน!”
“นายเป็นกับตาหรือว่าเธอคลอดเอง? คนอุ้มท้องอาจเป็นเจ้าหน้าที่ปกครองก็ได้” โอลัวร์โต้แย้งด้วยรอยยิ้ม “หรือต่อให้คุณนายปัวริสคลอดเองจริงๆ แต่ก็ยืนยันอะไรไม่ได้ ในโลกของศาสตร์เร้นลับ ทุกสิ่งล้วนเป็นไปได้เสมอ อย่าลืมสิ ผู้ชายอย่างลูอิส·ลุนด์ยังคลอดลูกได้เลย นับประสาอะไรกับเรื่องที่พูลิตกลายเป็นหญิง”
“ในทางทฤษฎีก็ใช่ แต่…” ลูเมี่ยนยังคงไม่อยากยอมรับ
โอลัวร์ยิ้มยียวน
“เหตุผลที่ฉันได้ข้อสรุปแบบนี้ และเหตุผลที่คนต่างถิ่นนึกไม่ถึง ก็เพราะฉันเคยได้ยินมา… ไม่สิ เคยเห็นมากับตัว”
“นายยังจำได้ไหม เส้นทางนักล่าใกล้เคียงกับเส้นทางอะไร?”
“นักลอบสังหาร” ลูเมี่ยนตอบโดยไม่ลังเล
เขาเคยหลงใหลชื่อดังกล่าว ซึ่งฟังดูดีกว่า ‘นักล่า’ เป็นไหนๆ
“ในองค์กรของเรา เอ่อ… สมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิกน่ะ มีชายคนหนึ่งชื่นชอบและอยากเป็น ‘นักลอบสังหาร’ มาก จึงเลือกเส้นทางนี้” โอลัวร์พูดด้วยสีหน้าแฝงเลศนัย “ในเวลาถัดมา ในงานเลี้ยงรวมตัวของพวกเรา เขาทำหน้าลำบากใจปนเสียใจ โดยบอกกับเราว่าโอสถลำดับ 7 ของเส้นทางนักลอบสังหารมีชื่อว่า ‘แม่มด’”
“แม่มด?” ทันทีที่ได้ยินชื่อโอสถ ลูเมี่ยนพอจะคาดเดาเรื่องราวถัดไปได้
“ถูกต้อง แม่มด… ในโลกของศาสตร์เร้นลับ ‘จอมเวท’ กับ ‘แม่มด’ คือสองสิ่งที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง นายมักจะเรียกปนกันตลอด บางครั้งก็เรียกฉันว่าแม่มด ซึ่งนั่นทำให้ฉันยี้” โอลัวร์ถือโอกาสมอบบทเรียน “ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การดื่มโอสถ ‘แม่มด’ จะทำให้ผู้วิเศษกลายเป็นแม่มดตัวจริง ต้องสวมบทบาทเป็นแม่มด และร่างกายก็จะเปลี่ยนเป็นผู้หญิงเต็มตัว”
ฟู่ว… ลูเมี่ยนสูดลมหายใจยาว พลางกล่าวขอบคุณสวรรค์ที่ตะกอนพลังชิ้นแรกที่ตนพบเป็นของเส้นทางนักล่า
หากได้รับตะกอนพลังของ ‘นักลอบสังหาร’ ด้วยความกระเหี้ยนกระหือรืออยากเป็นผู้วิเศษในเวลานั้น มีโอกาสสูงที่เขาจะเดินไปบนเส้นทางที่ไม่มีวันหวนกลับ
“แล้วยังไงต่อ… เขาได้ดื่มมันไหม?” เด็กหนุ่มถามอย่างอดไม่ได้
โอลัวร์ตอบยิ้มๆ
“เขาสองจิตสองใจอยู่นานมาก ใจหนึ่งก็ไม่อยากเป็นผู้หญิง แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากค้างเติ่งอยู่แค่ลำดับ 8… จนกระทั่งมีคนแนะนำว่า ‘ชีวิตมันสั้น ทำไมไม่ลองดูสักหน่อยล่ะ’”
“ในงานเลี้ยงครั้งถัดมา ฉันได้พบเขาอีกครั้ง ไม่สิ ตอนนั้นกลายเป็น ‘เธอ’ ไปแล้ว เป็นผู้หญิงที่สวยและมีเสน่ห์มาก”
“…” ลูเมี่ยนพูดไม่ออก
โอลัวร์มองน้องชายด้วยรอยยิ้ม
“ในอนาคต เมื่อนายไปถึงลำดับ 5 หากทำยังไงก็หาตะกอนพลังของโอสถลำดับ 4 เส้นทางนักล่าไม่ได้จริงๆ นายสามารถพิจารณาลำดับ 4 ของเส้นทาง ‘แม่มด’ ได้ด้วย… ใช่แล้ว เส้นทางนักลอบสังหารยังมีอีกชื่อหนึ่งว่า เส้นทางแม่มด…”
เธอทำเหมือนกำลังรับชมเรื่องสนุก โดยไม่สนใจความร้ายแรงของสถานการณ์ปัจจุบัน
“แม่มด…” ลูเมี่ยนพบว่าชื่อโอสถ ‘นักลอบสังหาร’ เป็นการล่อลวงที่ชวนให้สับสน
โลกของศาสตร์เร้นลับช่างอันตรายเหลือเกิน!
เด็กหนุ่มรีบดึงกลับประเด็นหลัก
“คุณนายปัวริสอาจจะเป็น ‘เสือผู้หญิงพูลิต’ จริงๆ”
ถ้าแม้แต่ ‘นักลอบสังหาร’ ยังกลายเป็น ‘แม่มด’ ได้ เส้นทางที่ทำให้ผู้ชายคลอดลูกได้ ก็น่าจะเปลี่ยนเพศเป็นผู้หญิงได้เช่นกัน
โอลัวร์ผงกศีรษะรับ ตามองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความระแวง
“ฉันสงสัยว่าคุณนายปัวริสเพิ่งกลายเป็นผู้หญิงเมื่อไปถึงในบางลำดับ ทำให้ต้องออกจากตระกูลโร้คฟอร์ เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้คนของทางการตรวจพบความผิดปกติ… อา… อ้างอิงจากคำพูดของมาดามลึกลับ พรที่ได้รับจากเทพก็สามารถนับลำดับได้เช่นกัน…”
“เส้นทางที่ผิดปกติของเธอ คงมีอำนาจด้านการเจริญพันธุ์ ควบคุมชีวิตและวิญญาณคนตาย”
‘ควบคุมชีวิตและวิญญาณคนตาย’ คือสิ่งที่เธออนุมานได้จากรายละเอียดการต่อสู้ระหว่างลูเมี่ยนและพวกไรอัน กับ ‘หมอตำแย’
สิ่งนี้ยังสอดคล้องกับพฤติกรรมของ ‘คุณนายราตรี’ ในโลกอีกฝั่ง ซึ่งไม่เพียงจะดูเหมือนคุณนายปัวริส แต่ยังรายล้อมด้วยวิญญาณคนตาย
พูดถึงตรงนี้ โอลัวร์ ‘หืม’ ออกมาหนึ่งคำ
“มีอะไร?” ลูเมี่ยนถามอย่างสนใจ
อย่าบอกนะว่าพี่สาวนึกถึงอะไรน่ากลัวๆ ได้อีก?
โอลัวร์ขมวดคิ้ว มองหน้าน้องชายสักพักแล้วพูด
“ระหว่างดื่มชามื้อบ่าย คุณนายปัวริสพูดขึ้นมาว่า ความรักคือสิ่งที่ยากจะเข้าใจ เธออยากให้ใครสักคนตายเพราะอีกฝ่ายก่อความผิด แต่พอทางนั้นกำลังจะตายจริงๆ เธอกลับใจอ่อนและเป็นฝ่ายเข้าไปช่วยชีวิต โดยไม่ยอมเล่าความจริงให้อีกฝ่ายฟัง”
“ตอนนั้นฉันไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร แล้วก็ไม่ได้ใส่ใจด้วย… แต่พอลองมานึกดู ประโยคนั้นอาจแฝงความนัยเอาไว้”
ลูเมี่ยนฟังแล้วก็งง
“เธอช่วยชีวิตคน? ช่วยใครไว้ตอนไหน…”
เด็กหนุ่มชะงักคำพูดกลางคัน พลางมองหน้าโอลัวร์
สองพี่น้องพร้อมใจกันนึกถึงเหตุการณ์ใน ‘โลกอีกฝั่ง’ ที่ ‘คุณนายราตรี’ ลากฝูงวิญญาณคนตายออกไป ซึ่งโดยอ้อมแล้วเป็นการช่วยชีวิตพวกตน
“แต่มันเกิดขึ้นในวัฏจักรก่อนหน้า…” ลูเมี่ยนอยากโต้แย้ง แต่ก็หาเหตุผลมาหักล้างไม่ได้
เขากับโอลัวร์มองหน้ากัน และพบว่าแววตาของทั้งคู่ ต่างก็แฝงไว้ด้วยความตื่นตระหนกตกใจ
หากคุณนายปัวริสหมายถึงเหตุการณ์นั้นจริง เท่ากับว่าเธอสามารถรักษาความทรงจำข้ามวัฏจักรได้ หรืออย่างน้อยก็บางส่วน!
“บ้าน่า…” โอลัวร์กระซิบกระซาบ “ช่างมันเถอะ ให้ถือว่าเป็นเรื่องจริงไปก่อน การประเมินศัตรูไว้สูงกว่าความจริง อย่างน้อยก็ดีกว่าประมาท”
ลูเมี่ยนเห็นด้วย จากนั้นก็นึกถึงบางสิ่ง
“โอลัวร์ เอ่อ พี่… ถ้าคุณนายปัวริสเคยเป็นชายจริงๆ คนที่เขาแอบรักก็คือพี่ใช่ไหม?”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดจนเขาอยากฆ่าให้ตาย… นายต่างหากที่ไปแอบดูลูอิส·ลุนด์คลอดลูก คนที่คุณนายปัวริสแอบรักก็คือนาย” โอลัวร์รีบโต้แย้ง
ลูเมี่ยนตอบตามจิตใต้สำนึก
“เธออาจจะคิดว่าพี่เป็นคนสั่งฉันก็ได้…”
“ฉันแทบไม่เคยติดต่อกับคุณนายปัวริสเลย อย่างมากก็แค่พาคนต่างถิ่นเข้าไปในห้องตอนที่เธอมีอะไรกับหลวงพ่อ… ส่วนพี่คุยกับเธอเรื่องวรรณกรรมกับแฟชั่นอยู่บ่อยๆ แถมยังไปยืมม้าน้อยมาขี่เป็นประจำ”
“หา…?” โอลัวร์ทำเสียงสูง ท่าทีค่อนไปทางรังเกียจ “แล้วเธอจะแนะนำผู้ชายให้ฉันทำไม? นายเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรือว่าผู้ชายพวกนั้นห่วยแตกสุดๆ”
ลูเมี่ยนคิดอยู่สักพัก แล้วจึงตอบ
“บางที เธออาจใช้วิธีนี้เพื่อทำให้พี่หมดความสนใจในตัวผู้ชาย แล้วค่อยๆ ล่อลวงเข้าหาตัวเอง…”
“นายไปเอาความคิดเพี้ยนๆ แบบนี้มาจากไหน?” โอลัวร์น้องชายด้วยสีหน้าไม่พอใจ
ลูเมี่ยนไม่เพียงจะมีเหตุผล แต่ยังตอบอย่างฉะฉาน
“นิยายของพี่ไง…”
“พี่เคยเขียนอะไรที่คล้ายๆ กันในนิยายสักเรื่อง”
“จริงหรือ…” โอลัวร์จมอยู่กับความคิด
สักพักก็มองออกไปนอกหน้าต่างแล้วพูด
“นี่ก็ผ่านมานานแล้ว… คุณนายปัวริสยังไม่มาหาเรา และวัฏจักรก็ยังไม่เริ่มใหม่…”
“บางที เธอคงไม่อยากฆ่าพวกคนต่างถิ่น เพราะการฆ่าเจ้าหน้าที่สืบสวนจากทางการ อาจสร้างปัญหาใหญ่ทีหลัง” ลูเมี่ยนลองคาดเดา “และเธอไม่รู้ว่าฉันมีเอี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย ก็เลยไม่พาลมาสงสัยพี่”
พยานเพียงคนเดียวได้ตายไปแล้ว นอกจากนั้นก็ไม่มีใครเห็นเขาอีก
โอลัวร์ผงกหัวรับ พลางจิกกัดตัวเอง
“การรอคอยในวันนี้ ทำเอาฉันไม่มีกะจิตกะใจจะเตรียมมื้อเย็นเลย”
ทันใดนั้น ลูเมี่ยนนึกอะไรบางอย่างได้
“ฉันลองกลับไปที่ปราสาทดีไหม…”
“คนร้ายคิดจะย้อนกลับไปที่จุดเกิดเหตุ?” โอลัวร์หัวเราะ
เด็กหนุ่มพยักหน้า
“ฉันอยากไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นที่ปราสาทบ้าง ยังไงเสีย คุณนายปัวริสก็คงไม่สงสัยฉัน”
“แล้วอีกอย่าง… ฉันยังไม่ได้เก็บดอกทิวลิปมาเลย คงต้องใช้ข้ออ้างว่าพี่อยากเอามาทำน้ำหอม”
มองจากภายนอก โอลัวร์กับคุณนายปัวริสสนิทสนมกันดี พฤติกรรมของลูเมี่ยนจึงไม่ก่อให้เกิดปัญหา
โอลัวร์อยู่คิดสักพักจึงค่อยตอบ
“จะลองดูก็ได้… แต่ตอนนี้รออีกนิด เรายังไม่แน่ใจว่าคุณนายปัวริสจะไม่มาถามคาดคั้น”
“แล้วก็ ถ้านายไม่กลับมาภายในครึ่งชั่วโมง ฉันจะเดินไปที่ริมหมู่บ้านเพื่อกระตุ้นให้วัฏจักรเริ่มต้นใหม่”
“ตกลง” ลูเมี่ยนขานรับ
…
เมื่อเด็กหนุ่มย้อนกลับมาที่ปราสาทเจ้าหน้าที่ปกครอง พระอาทิตย์ถูกภูเขาบดบังไปเรียบร้อยแล้ว ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆสีแดง
ลูเมี่ยนเดินผ่านสวนจนมาถึงหน้าประตูหลัก แล้วพูดกับคนรับใช้ชายที่ยืนเฝ้าอยู่
“โอลัวร์พี่สาวของฉันอยากทำน้ำหอม จึงอยากทราบว่าจะขอดอกทิวลิปจากคุณนายปัวริสได้ไหม”
คนรับใช้ชายที่สวมเสื้อสีแดง กางเกงขายาวสีขาว ตอบกลับมาตามระเบียบ
“จะไปถามคุณนายให้”
เขารีบเข้าไปในปราสาท และไม่นานก็กลับออกมา
“คุณนายบอกว่า เดินไปเด็ดที่สวนได้เลย”
เธอไม่สงสัยเราจริงหรือ… แถมยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลูเมี่ยนไม่พยายามเข้าไปในปราสาท เพียงเดินเข้าไปในสวนเพื่อมองหาดอกทิวลิป
เมื่อเห็นดอกไม้ เขาก็เห็นสาวใช้คนหนึ่ง กำลังตัดแต่งกิ่งอยู่ในร่มเงา
ขณะเดินผ่าน ลูเมี่ยนแอบเหล่สาวใช้ผ่านๆ
ทันใดนั้น ดวงตาของเด็กหนุ่มพลันแข็งทื่อ
สาวใช้คนดังกล่าวอายุรุ่นราวคราวสี่สิบ ผมสีน้ำตาล นัยน์ตาสีน้ำตาล ใบหน้าสะสวยปราศจากริ้วรอย เหมือนกับ ‘หมอตำแย’ ที่ต่อสู้กับพวกวาเลนไทน์จนถูกไรอันฆ่าทุกกระเบียดนิ้ว!
ณ ตอนนี้ เธอกำลังยืนอยู่ข้างลูเมี่ยนไม่ผิดแน่ ใบหน้าถูกฉาบด้วยเงาดำจากดอกไม้และต้นไม้
……………………………………………………..