ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 60 นักเต้น
ตอนที่ 60 นักเต้น
ลูเมี่ยนไม่รีบร้อนตามหาสามคนต่างถิ่นอย่างไรอัน ลีอา และวาเลนไทน์ แต่ตรงไปยังโรงเหล้าคร่ำครึ หวังจะลองเสี่ยงโชคดู
หากมาดามลึกลับคนนั้นปรากฏตัว เขามีคำถามในหัวมากมาย!
ถึงอย่างไร ตอนนี้พวกตนได้รับของขวัญล่วงหน้ามาแล้ว ในอนาคตต้อง ‘จ่ายค่าตอบแทน’ อย่างเลี่ยงไม่ได้ จึงควรทำตามที่โอลัวร์ออก ถือโอกาสนี้ตักตวงผลประโยชน์ให้มากที่สุด
เพียงเข้าไปในโรงเหล้าคร่ำครึ ตาของลูเมี่ยนก็กะพริบวาวทันที
มาดามลึกลับนั่งอยู่ตรงมุมเก่งของตัวเอง เบื้องหน้าคืออัปแซ็งต์สีเขียวมรกตสองแก้ว
สองแก้ว? เธอรู้ว่าเราจะมา? ลูเมี่ยนเดินเข้าไปหา ยิ้มแล้วก็ทักทาย
“อรุณสวัสดิ์”
วันนี้มาดามมาในเสื้อเชิ้ตสตรีสีขาว ปกเสื้อและรอบคอปักลวดลายดอกไม้และเถาวัลย์ เข้าคู่กับกระโปรงสีเบจสบายๆ ยาวคลุมข้อเท้า มือข้างหนึ่งถือหมวกเบเรต์สตรีสีชมพูอ่อน
ลูเมี่ยนได้รับอิทธิพลจากนิตยสารต่างๆ ของพี่สาว จึงทราบว่านี่คือกระแสนิยมล่าสุดในทรีอาร์
มาดามเงยหน้ามองพร้อมกับพูด
“ใครว่าล่ะ สายแล้วต่างหาก”
แต่มันเช้าสำหรับคุณไม่ใช่หรือไง? ลูเมี่ยนแอบจิกกัด
ได้พบกับมาดามลึกลับ จิตใจเด็กหนุ่มสงบขึ้นมาทันที
เขานั่งลง พูดตรงประเด็น
“ช่วงนี้ฉันเจอเรื่องมากมายเหลือเกิน”
มาดามผลักแก้วอัปแซ็งต์ไปหาลูเมี่ยน ของเหลวสีเขียวที่กำลังส่องแสง เปรียบดังเทพีแห่งความสุขในใจของทุกคน
เธอไม่ได้บอกว่าพร้อมคุย แต่ก็ไม่ได้บอกว่าไม่พร้อม
ลูเมี่ยนยกแก้วอัปแซ็งต์ขึ้น จิบหนึ่งคำ ดื่มด่ำกับกลิ่นอันหอมหวน พลางรับรสที่สดชื่นปนขมติดปลาย แตกต่างจากอัปแซ็งต์ที่เคยดื่มมาก่อน
“นี่คือ?” เขาถามด้วยความสงสัย
“เป็นอีกประเภทของอัปแซ็งต์ กำลังได้รับความนิยมในทรีอาร์… เพื่อไม่ให้เรียกซ้ำกับต้นตำรับ หลายคนตั้งชื่อให้มันว่า ‘อัปแซ็งต์แอนีซ’ พวกนักเขียน จิตรกร นักกวีต่างก็ชื่นชอบกันมาก” มาดามจิบหนึ่งคำเช่นกัน
ภายในแก้วใส สีเขียวของอัปแซ็งต์ดูคล้ายกับมีฤทธิ์ทำให้เคลิบเคลิ้ม
ส่วนผสมหลักของอัปแซ็งต์คือเวิร์มวู้ด (wormwood) เฟนเนล และแอนีซ อัปแซ็งต์ที่ผลิตโดยโรงกลั่นจะมีสูตรต่างกันเล็กน้อย บางเจ้ายังเติมน้ำมันหอมระเหยมะนาวและวัตถุดิบอื่นๆ ลงไป
ที่หายหัวไปสองสามวันคือไปทรีอาร์? เพียงเพื่อนำอัปแซ็งต์แอนีซกลับมาที่กอร์ตู? ลูเมี่ยนไม่อาจเข้าใจพฤติกรรมของมาดามตรงหน้า
แต่ก็มิได้ถามออกไป เพียงเล่าเรื่องที่ตนประสบในช่วงนี้ รวมถึงความเป็นจริงและความฝัน
มาดามจิบอัปแซ็งต์แอนีซในแก้วเล็กๆ ของตน คอยเงียบฟังเรื่องเล่าของลูเมี่ยน
“เรื่องก็เป็นแบบนี้… มีวิธีช่วยให้ฉันชำนาญการเต้นลึกลับนั่นภายในเวลาสั้นๆ บ้างไหม?” ลูเมี่ยนตรงเข้าประเด็น
ส่วนคำถามเกี่ยวกับกุญแจในการทำลายวัฏจักร หรือความลับของแดนความฝัน ด้วยประสบการณ์ก่อนหน้านี้ เด็กหนุ่มเชื่อว่าถามไปก็คงไม่ได้คำตอบ
มาดามโบกแก้วเหล้าบรรจุของเหลวสีเขียวมรกต ยิ้มแล้วกล่าว
“ถ้าไม่ได้ปรับปรุงร่างกายให้ยืดหยุ่นเป็นพิเศษ ก็ไม่มีทางชำนาญได้เลย”
“แน่นอน เธอสามารถฝืนเต้นจนจบ แต่เส้นเอ็นจะขาด กล้ามเนื้อจะฉีก… เช่นนั้นแล้วจะล่าสัตว์ประหลาดได้ยังไง?”
ลูเมี่ยนเป็นพวกไวต่อความนัยแฝงในประโยคของผู้อื่น
“มีวิธีเพิ่มความยืดหยุ่นของร่างกายให้ฉันบ้างไหม?”
มาดามหัวเราะในลำคอ
“เธอต้องถามตัวเอง”
“…” ลูเมี่ยนถูกคำแนะนำอันคลุมเครือทำให้จมอยู่ในความสิ้นหวังอีกครั้ง
หากฝ่ายตรงข้ามเป็นคนที่สนิทกันและไม่ใช่ผู้วิเศษ เขาจะตอบกลับไปแบบนี้แน่นอน:
“เล่าให้มันชัดๆ หน่อยสิ!”
“อย่าให้ฉันต้องคุกเข่าอ้อนวอนเลยนะ!”
ราวกับได้ยินเสียงในใจเด็กหนุ่ม มาดามยิ้มแล้วเสริม
“วิธีที่จะทำให้ร่างกายของเธอยืดหยุ่นเหนือขีดจำกัด อยู่ในตัวเธอเอง”
“หือ…?” ลูเมี่ยนทำหน้าสับสน
หญิงสาวจิบอัปแซ็งต์แอนีซ ถอนหายใจแล้วพูด
“พี่สาวของเธอสอนอาคมพิธีกรรมให้แล้วมิใช่หรือ”
ลูเมี่ยนสังเกตเห็นอารมณ์แปลกๆ ในแววตาของเธออีกครั้ง
“สอนแล้ว…” เขาทำหน้าโล่งใจเล็กๆ “…สวดวิงวอนถึงตัวเอง?”
มาดามมองเด็กหนุ่มหัวจรดเท้า หัวเราะพลางกล่าว
“เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร สวดวิงวอนแล้วจะได้อะไรขึ้นมา?”
“ต่อให้อัญเชิญสัตว์โลกวิญญาณ ก็สามารถเรียกได้แค่ตัวที่อ่อนแอที่สุด เพราะ ‘สัมผัสวิญญาณ’ ส่วนที่ถูกยกระดับล้วนเกี่ยวข้องกับทางกายภาพ”
ตัวอย่างเช่น… สัญชาตญาณหยั่งรู้อันตราย? ลูเมี่ยนเริ่มเข้าใจคำพูดของมาดามลึกลับ
พลังวิญญาณของนักล่าถูกยกระดับแล้วก็จริง แต่เน้นไปที่ ‘สัมผัสวิญญาณ’ เป็นหลัก ไม่เพียงพอที่จะสนองต่อความต้องการในเชิงศาสตร์เร้นลับหรืออาคมพิธีกรรม
“งั้นต้องทำยังไง?” ลูเมี่ยนถามต่อ
มาดามถอนหายใจ
“เรียนพิธีกรรมทวิภาคมาหรือยัง”
“เรียนแล้ว” ลูเมี่ยนพยักหน้า
หญิงสาว ‘หึ’ ในลำคอ
หมายความว่าที่ไม่สอนเราเรื่องอาคมพิธีกรรม การเข้าฌานกับเนตรวิญญาณ สัตว์พันธสัญญา ภาษาเหนือธรรมชาติ เพียงเพราะเธอจะเหนื่อยเกินไป? รอให้โอลัวร์สอนเสร็จก่อน แล้วจึงค่อยโผล่หัวออกมา? เลือดลมลูเมี่ยนพลันสูบฉีด ไหลขึ้นมากระจุกกันที่ลำคอ
เด็กหนุ่มหายใจเข้าลึกๆ สองครั้งแล้วพูด
“อาคมพิธีกรรมทวิภาคต้องใช้วัตถุใกล้ชิดกับเทพหรือการดำรงอยู่ซ่อนเร้น แต่ฉันไม่มีของแบบนั้น…”
พูดไปได้สักพัก ลูเมี่ยนปิดปากสนิท
มาดามยิ้มๆ
“มีสิ…”
“ว่าไง นึกออกหรือยัง?”
ลูเมี่ยนชี้ไปบนหน้าอกตัวเอง
“สัญลักษณ์หนามกับสัญลักษณ์สีดำอมเขียว?”
มาดามพยักหน้าก่อน แล้วจึงตักเตือน
“ยังไม่ต้องสนใจสัญลักษณ์สีดำอมเขียว… สำหรับอาคมพิธีกรรมทวิภาค หากหวังให้อีกฝ่ายตอบรับ ก็ต้องสกัดพลังเทพออกจากสื่อกลาง… แต่ถ้าพลังในสัญลักษณ์หนามลดลง สมดุลในร่างกายที่เธอได้มาอย่างยากลำบากก็จะเอนเอียงไปทางด้านที่ไม่ดี เมื่อถึงตอนนั้น…”
หญิงสาวพูดไม่จบประโยค แต่สีหน้าของเธอช่วยให้ลูเมี่ยนเข้าใจความนัย
ถ้าจะยืมสำนวนที่โอลัวร์พูดบ่อยๆ ก็คงทำนองว่า:
“สิ้นหวังแล้ว มารอความตายกันเถอะ!”
“สัญลักษณ์สีดำอมเขียวช่วยปกป้องไม่ให้ฉันถูกปนเปื้อน?” ลูเมี่ยนเคยเรียนศาสตร์เร้นลับมาบ้าง เข้าใจว่าสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น มีชื่อเรียกว่าการปนเปื้อน
“นั่นคือการปกป้องจากพระองค์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ฉันเคยเล่าให้ฟัง” มาดามช่วยแก้ไขเสียงขรึม “เมื่อเธอไขปริศนาของแดนซากปรักหักพังได้ ฉันจะบอกพระนามอันทรงเกียรติของพระองค์ให้ ถึงตอนนั้นก็สามารถสวดวิงวอนหาพระองค์ได้โดยตรง”
พระองค์ผู้ยิ่งใหญ่ของมาดาม ช่วยประทานพลังสำหรับผนึกมลพิษที่สัญลักษณ์หนามกระทำต่อหัวใจเรา ช่วยให้เรายังไม่ถูกกัดกร่อนอย่างสมบูรณ์? ลูเมี่ยนบอกไม่ได้ว่า ‘พระองค์ผู้ยิ่งใหญ่’ เป็นคนดีหรือไม่ มีแผนชั่วหรือไม่ แต่ตอนนี้เขารู้สึกเอนเอียงไปหาอีกฝ่าย
เด็กหนุ่มครุ่นคิดสักพักแล้วลองเดา
“จะให้ฉันใช้พิธีกรรมทวิภาคเพื่อขโมยพลังจากสัญลักษณ์หนาม?”
“เมื่อพลังจากสัญลักษณ์ลดลง มลพิษก็จะลดลง ผนึกก็จะยิ่งแน่นหนา?”
“ไม่ใช่การขโมย…” มาดามโต้แย้ง “เธอแค่ขอความช่วยเหลือจากใครสักคน เพียงแต่บังเอิญว่ามีพลังของตัวตนซ่อนเร้นอยู่ใกล้ๆ พอดี อีกฝ่ายจึงตอบสนองกลับมาตามหลักความใกล้ชิด… แต่ด้วยผนึกของพระองค์ท่านผู้ยิ่งใหญ่ ผนวกกับการอ่อนแอลงของบาเรียบางชนิด ตัวตนซ่อนเร้นจึงไม่ตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้น”
เอาแต่พูดจาครึ่งเดียวอยู่ได้… มันก็การขโมยไม่ใช่หรือไง? ลูเมี่ยนรำพันเงียบ
เมื่อนำไปผนวกกับ ‘พรจากเทพ’ และเส้นทางพิสดารที่มาดามเคยเล่าให้ฟัง เด็กหนุ่มถามด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“ด้วยพิธีกรรมทวิภาค ฉันต้องสวดวิงวอนไปถึงพลังที่สอดคล้องกับสัญลักษณ์หนาม จากนั้นก็ขอพรให้ร่างกายตัวเองยืดหยุ่นเหนือธรรมดา?”
“ก็ทำนองนั้น” มาดามผงกหัว “ถ้าจะให้พูดตรงๆ ก็คือ สวดวิงวอนขอพลัง ‘นักเต้น’ จากอีกฝ่าย”
“นักเต้น?” ลูเมี่ยนนึกถึงการวาดลวดลายของมนุษย์บะหมี่ทันที
มาดามจิบอัปแซ็งต์แล้วเล่าต่อ
“สำหรับเส้นทางเหนือธรรมชาตินอกเหนือจากยี่สิบสองเส้นทางหลัก เรายังคงแบ่งพวกมันออกเป็นลำดับ 9 ถึง 0 เพื่อความเข้าใจง่าย เพื่อเชื่อมโยงและอ้างอิงกับเส้นทางหลัก”
“แล้วก็… ในอีกแง่หนึ่ง การแบ่งลำดับเป็นไปตามกฎพื้นฐานของโลกใบนี้”
“นักเต้นตรงกับลำดับ 9 ของเส้นทางสัญลักษณ์หนาม เหมือนกับที่ ‘คนในวง’ ตรงกับลำดับ 4?” ลูเมี่ยนรัวหลายคำถามในคราวเดียว “มันจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้ฉัน เสริมสร้างพลังวิญญาณของฉัน ช่วยให้ฉันชำนาญระบำพิศวงได้ง่ายขึ้น?”
มาดามยิ้มอย่างพึงพอใจ
“อย่างที่คิดไว้เลย… หลังจากมีพื้นฐานศาสตร์เร้นลับแล้ว การพูดคุยสะดวกขึ้นมาก ฉันไม่ต้องเสียเวลาอธิบายปากเปียกปากแฉะ”
ลูเมี่ยนถามอย่างตื่นเต้น
“แล้วลำดับที่ 8 7 6 5 ของเส้นทางคืออะไร?”
“ลำดับ 8 คือ ‘ภิกษุบิณฑบาต’ ลำดับ 7 คือ ‘ผู้ถือพันธสัญญา’ … หืม… เธอจะอยากรู้ไปทำไมเยอะแยะ? ไปหัดพิธีกรรมให้ชำนาญก่อน รีบเป็นนักเต้นให้ได้” มาดามดูจะมีความอดทนต่ำ
“ภิกษุบิณฑบาต… ผู้ถือพันธสัญญา…” ได้ยินทั้งสองชื่อ ลูเมี่ยนเชื่อมโยงหลายสิ่งอยู่ในหัว
ภิกษุบิณฑบาตเป็นอาชีพที่มีอยู่จริง โดยหลักแล้วเป็นสมาชิกของศาสนจักรต่างๆ
เช่นในศาสนจักรสุริยันเจิดจรัส ภายในแบ่งออกเป็นหลายกลุ่มตามแต่ละแนวคิด จากบรรดาทั้งหมด มีสองกลุ่มหลักๆ ที่สำคัญ หนึ่งคือ ‘ภราดรภาพเทศนา’ และสองคือ ‘ภราดรภาพน้อย’ หรือที่เรียกว่า ‘กลุ่มภิกษุบิณฑบาต’
กลุ่มแรกประกอบด้วยชาวโบสถ์จำนวนมาก รวมถึง ‘ผู้ชำระ’ แห่งศาลของศาสนจักร ซึ่งเน้นการโจมตีอันป่าเถื่อนเพื่อชำระล้างพวกนอกรีตอย่างโหดเหี้ยม จุดประสงค์คือการเชิดชูคำสอนของศาสนจักรหลักสุริยันเจิดจรัส
กลุ่มหลังส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในอาราม รวมถึงชาวโบสถ์อีกบางส่วน เน้นการถือศีล บิณฑบาต บำเพ็ญตน และการเทศนาในถิ่นแร้นแค้น เพื่อให้ผู้คนศรัทธาในสุริยันเจิดจรัสมากขึ้น
ดังนั้น หากกล่าวถึงภิกษุบิณฑบาต ลูเมี่ยนจะเชื่อมโยงกับการเผยแผ่ศาสนา การบำเพ็ญตน และอาคมพิธีกรรม
ส่วน ‘ผู้ถือพันธสัญญา’ สิ่งแรกที่แวบเข้ามาในหัวคือรอยประทับสีดำบนตัวหลวงพ่อและสัตว์ประหลาด ‘ปาก’
โอลัวร์บอกว่านั่นอาจเป็นรอยประทับของพันธสัญญาพิเศษ
“สัตว์ประหลาดที่ฉันฆ่าไป เดิมทีเป็นผู้ถือพันธสัญญา?” ลูเมี่ยนถามด้วยความตกตะลึง
เราฆ่าสัตว์ประหลาดที่เทียบเท่าลำดับ 7 ได้?
มาดามผงกหัวรับ
“ถูกต้อง ‘ผู้ถือพันธสัญญา’ จะอาศัยพันธสัญญาพิเศษและเทวสักขีที่การดำรงอยู่ซ่อนเร้นประทานให้ เพื่อยืมพลังจากสิ่งมีชีวิตอื่น พันธสัญญาหนึ่งฉบับจะสอดคล้องกับความสามารถหนึ่งชนิด”
“จะแข็งแกร่งหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความสามารถที่ได้รับ ขึ้นอยู่กับจำนวนความสามารถ…หากออกนอกลู่นอกทางเกินไป การจะถูกคนธรรมดาสังหารก็ใช่ว่าจะเกิดขึ้นไม่ได้”
“อันที่จริง เรื่องแบบนี้พบได้บ่อยในโลกเหนือธรรมชาติ ผู้วิเศษบางคนที่ไม่ชำนาญการต่อสู้ มีสิทธิ์ถูกล่าโดยคนลำดับต่ำกว่า”
“ความสามารถนั้นสำคัญ สมองก็สำคัญ การเตรียมตัวก็สำคัญเช่นกัน”
…………………………………………………….