ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 58 ชื่นชอบคนเก่ง
ตอนที่ 58 ชื่นชอบคนเก่ง
หลังจากสำรวจมาสองคืน ลูเมี่ยนพบว่าสัตว์ประหลาดในพื้นที่ชายขอบซากปรักหักพังมีจำนวนไม่มากอย่างที่คิด
เมื่อไม่มีสัตว์ประหลาดไร้ผิวหนัง สัตว์ประหลาดปืนล่าสัตว์ และสัตว์ประหลาดรอยประทับสีดำ เด็กหนุ่มเดินวนรอบนอกอยู่สักพัก แต่ก็ไม่พบเหยื่อตัวใหม่ เจอเพียงเศษเนื้อที่ยังกระดุกกระดิกได้เล็กน้อย
หน้าที่เดียวของพวกมัน คงเกิดมาเพื่อเป็นอาหาร
ลูเมี่ยนเพิ่งตระหนักได้ว่า ตนไม่จำเป็นต้องกินอะไรในฝัน
ทุกครั้งที่เข้ามา กำลังวังชาล้วนเต็มเปี่ยมเสมอ ไม่เคยรู้สึกหิว แต่พอสำรวจหรือต่อสู้ไปได้สักพัก พลังวิญญาณจะเริ่มเหือดหาย ความอ่อนเพลียเริ่มสะสม จนเกิดอาการคล้ายความหิว แต่ก็ถือว่ายังเล็กน้อยมาก ไม่จำเป็นต้องเติมพลังงาน
รอจนความหิวรุนแรงเกินทนรับไหว รอจนพลังวิญญาณและเรี่ยวแรงใกล้เหือดแห้ง ร่างกายอ่อนเพลียไปทุกส่วน ลูเมี่ยนจึงค่อยออกจากความฝัน
หลังจากกินอิ่มนอนหลับจน ‘ฟื้นตัว’ ในโลกความจริง เมื่อเด็กหนุ่มย้อนกลับมาในดินแดนความฝันอีกครั้ง กำลังวังชาจะเต็มเปี่ยมทุกครั้ง ปราศจากความรู้สึกหิวโหย
ระหว่างการสำรวจ ลูเมี่ยนคอยสังเกตสภาพแวดล้อมอยู่ตลอด ขณะรื้อค้นข้าวของในซากอาคาร เขาเจอเหรียญเพิ่มเติม แต่ก็ไม่มากนัก ไม่มีเหรียญใดแพงกว่าหนึ่งลูอิดอร์
รวมถึงหนังสือเล็กปกฟ้าที่มีอยู่แค่ไม่กี่เล่ม
เมื่อไร้ทางไปต่อ ลูเมี่ยนตัดสินใจเสี่ยงบุกลึกเข้าไปในซากปรักหักพัง
เด็กหนุ่มบรรจงย่องเข้าไปอย่างไม่เร่งรีบ แหวกผ่านหมอกสีเทาจางๆ และสภาพแวดล้อมอันมืดมิด ผ่านซากครึ่งกำแพงหรือเต็มกำแพงเข้าไปเรื่อยๆ
ทันใดนั้น เขาค้นพบรอยเท้าตื้นๆ ที่ดูประหลาดชุดหนึ่ง
มันยากที่จะเรียกว่ารอยเท้า เพราะฝั่งซ้ายดูปกติ แต่ฝั่งขวาที่เข้าคู่กันดูคล้ายกับรอยฝ่ามือ
สัตว์ประหลาดตัวใหม่? ลูเมี่ยนเดินตามรอยเท้า แกะรอยอย่างเงียบเชียบ ตลอดทางไม่ลืมสังเกตรอบตัว พลางจินตนาการรูปแบบการต่อสู้ที่เหมาะสมในแต่ละสภาพแวดล้อม
ในที่สุด เด็กหนุ่มได้ยินเสียง จึงหยุดเดินไปข้างหน้า แต่อ้อมครึ่งวงกลม ปีนขึ้นไปบนซากอาคารที่พังถล่ม แล้วอำพรางตัวเองด้วยกองหินใหญ่ระเกะระกะ
ถัดมา ลูเมี่ยนบรรจงชะโงกหัวอย่างระมัดระวัง มองไปตามต้นเสียง
ปลายสายตาคือทุ่งรกร้างที่สะอาดปราศจากเศษซาก กึ่งกลางมีชายคนหนึ่งซึ่งไม่แน่ใจว่าจะเรียกมนุษย์ได้ไหมกำลังยืนอยู่
‘เขา’ ดูเผินๆ เหมือนคน แต่ยิ่งเพ่งพินิจก็ยิ่งพบความไม่สอดคล้อง
ดวงตาสองข้างอยู่ตรงตำแหน่งจมูก บนหน้าผากเป็นปาก ด้านล่างเป็นหูหนึ่งคู่ จมูกวางอยู่ตรงขอบขมับ ขาหนึ่งข้างและฝ่ามือหนึ่งข้างงอกจากไหล่ ใต้สะโพกลงไปมีขากับแขน ภาพรวมดูเหมือนการประกอบชิ้นส่วนมนุษย์แบบขอไปที
ลูเมี่ยนพลันเข้าใจถึงเหตุผลที่รอยเท้าที่ตนสะกดรอยมีสภาพเช่นนั้น
สัตว์ประหลาดแต่งกายด้วยแจ็กเกตสั้นสีน้ำตาล กางเกงขายาวสีน้ำเงินเข้ม เป็นแฟชั่นยอดนิยมในหมู่ชนชั้นล่างของอินทิส ไม่สวมรองเท้าและหมวก กำลังเดินไปเดินมาบนดินแดนรกร้าง
ลูเมี่ยนไม่รีบร้อนลงมือล่า เพียงอดทนและสังเกต
ผ่านไปสักพัก สัตว์ประหลาดยกแขนขึ้น ทำท่าสะพานโค้งโดยงอตัวไปด้านหลัง ศีรษะสัมผัสกับพื้น
ยืดหยุ่นชะมัด… น่าไปหัดเต้นจริงๆ … ลูเมี่ยนแอบติดตลก
เพียงแค่เขาคิดแบบนั้น สัตว์ประหลาดก็เริ่มเต้นเข้าจริงๆ
การเคลื่อนไหวของมันบ้างก็หนักแน่นแข็งแรง บ้างก็งดงามนุ่มนวล บ้างก็แปลกประหลาดและมาดมั่น แต่ทั้งหมดล้วนเข้าจังหวะ
ที่สำคัญกว่านั้น สัตว์ประหลาดทำราวกับไร้กระดูก แขนพับไปด้านหลังได้ ขากับแขนท่อนล่างสามารถโอบรัดพันกัน
ในฐานะราชานักแกล้งแห่งหมู่บ้านกอร์ตู ลูเมี่ยนคิดฉายาให้มันได้ทันที
มนุษย์บะหมี่!
นำไปรวมกับการค้นพบก่อนหน้า เด็กหนุ่มคิดแผนสำหรับศึกครั้งถัดไป
“ไม่มีประโยชน์ที่จะหลบหลังศัตรู มนุษย์บะหมี่มีความถนัดทั้งสองด้านเท่าเทียมกัน…”
“ต้องระวังการรัดแบบงู…”
“ไม่แน่ใจว่าเป็นจุดอ่อนไหม แต่ในเมื่อมีหัว ก็ต้องลองตัดหัวดูก่อน…”
ท่ามกลางกระแสความคิด การเต้นของสัตว์ประหลาดยิ่งนานไปก็ยิ่งดุดัน แขนขากางออกเป็นครั้งคราว บ้างก็กระโดดไปด้วย ราวกับจะโอบกอดท้องฟ้า
ลูเมี่ยนเริ่มได้รับอิทธิพล อยากบิดร่างกายเต้นตาม อยากกระโดดลิงโลดตาม
เด็กหนุ่มอดไม่ได้ที่จะนึกถึงทำนองเพลงที่พี่สาวชอบเปิด
โยกย้าย โยกย้าย โยกย้ายส่ายสะโพกโยกย้าย…
ทันใดนั้น ลูเมี่ยนรู้สึกว่าหน้าอกซ้ายร้อนผ่าว เสียงกระซิบมายาอันแผ่วเบาดังกังวานอยู่ในโสตประสาท
หนังศีรษะเด็กหนุ่มเริ่มชาพร่า ร่างกายสั่นเทา ราวกับวินาทีถัดมาจะได้ยินเสียงลึกลับที่ทำให้ตนแทบคลุ้มคลั่ง
อึก… ลูเมี่ยนรีบใช้มือซ้ายที่ว่างอยู่แหวกแจ็กเกตตัวนอก ปลดกระดุมเสื้อฝ้ายสีขาวตัวใน แล้วก้มมองหน้าอกตัวเอง
สัญลักษณ์หนามสีดำที่ล็อกหัวใจโดดเด่นขึ้นมาอีกครั้ง ส่วนสัญลักษณ์สีดำอมเขียวที่คล้ายกับดวงตาและแมลงก็ค่อยๆ กลับมาคมชัด เด็กหนุ่มจึงใช้มือกดลงบนสัญลักษณ์แรก
ลูเมี่ยนตื่นตระหนกในช่วงต้น แต่ไม่นานก็ฉุกคิดขึ้นมาได้
“เรายังไม่ได้เข้าฌาน และไม่เคยรักษาสภาพนั้นได้นานหลายวินาที…”
“การเต้นของ ‘มนุษย์บะหมี่’ คือตัวกระตุ้น?”
“การเต้นของมันอยู่ในขอบเขตศาสตร์เร้นลับ แฝงไว้ด้วยพลังวิเศษ?”
“โชคยังดี เป็นเพราะสัญลักษณ์หนามปรากฏตัวในทำนองนี้ เสียงกระซิบอันน่าพรั่นพรึงจึงไม่ดังเท่าที่ควร… ไม่ดึงเราเข้าสู่ภาวะเฉียดตาย ไม่ดึงเข้าสู่ภาวะคลุ้มคลั่ง อย่างมากก็แค่ปวดหัวนิดๆ ร่างกายสั่นนิดๆ ชนิดที่หยุดไม่ได้ แล้วก็… จิตใจว้าวุ่นเล็กน้อย…”
หลังจากลูเมี่ยนกลายเป็นนักล่า เขาไม่พยายามเข้าฌานในความฝันอีก ไม่คิดจะเรียกหาความพิเศษ เพราะตระหนักดีว่าความเสี่ยงย่อมเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว
ก่อนหน้านี้ถึงจวนเจียนจะใกล้ตาย แต่แค่ได้พักผ่อนสักหน่อย ไม่นานก็หายเป็นปลิดทิ้ง
แต่ตอนนี้น่ะหรือ หากใกล้ตาย มีแนวโน้มสูงว่าจะคลุ้มคลั่ง หมดหนทางเยียวยาโดยสิ้นเชิง!
นอกจากนั้น เขาสงสัยว่าหากได้ยินเสียงลึกลับและน่าสะพรึงกลัวมากเกินไป ต่อให้บุญวาสนาแรงกล้า ไม่ถึงกับตาย ไม่ถึงกับคลุ้มคลั่งและกลายเป็นสัตว์ประหลาด แต่ก็อาจเกิดอาการทางจิตที่รักษาได้ยาก
ผ่านไปไม่กี่วินาที ท่าเต้นของมนุษย์บะหมี่ไม่ทำให้ลูเมี่ยนตื่นตระหนกหรือสับสนอีกต่อไป ภายในใจเหลือเพียงความสุขที่ยากจะอธิบาย
สภาพอันย่ำแย่ในตอนนี้ เขาอยู่กับมันได้สบายมาก!
“หรือว่าเราควรหัดท่าเต้นของมนุษย์บะหมี่เอาไว้ สำหรับใช้ล่าสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่ง? เมื่อเจอเหยื่อ เราจะกระโดดออกไปยืนต่อหน้ามัน ลงมือเต้นเพื่อกระตุ้นสัญลักษณ์ แต่ต้องระวังมิให้ ‘ความพิเศษ’ แสดงผลมากเกินไป แล้วพุ่งใส่เป้าหมายที่กำลังมึนงง จัดการมันได้ภายในเพลงสองเพลง?”
“แต่ความพิเศษที่เกิดจากการเต้น คงแผลงฤทธิ์กับศัตรูได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ อย่างมากก็ส่งผลแค่พอประมาณ… แต่เราก็ไม่ได้คาดหวังว่าศัตรูจะยอมศิโรราบเหมือนกับสัตว์ประหลาดปืนล่าสัตว์อยู่แล้ว ขอแค่อ่อนแอลงหนักๆ ก็พอ…” ความคิดลูเมี่ยนกำลังพลุ่งพล่าน ยิ่งมองดูมนุษย์บะหมี่ก็ยิ่งชอบใจ
ตาอยู่ตรงจมูกแล้วไง? ปากอยู่บนหน้าผากแล้วไง? แขนสลับขาแล้วไง? จะมีอะไรเจ๋งเท่าการเต้นสุดมหัศจรรย์นี้อีก?
เพียงพริบตาเดียว ลูเมี่ยนบังเกิดความ ‘ชื่นชอบคนเก่ง’ อย่างแรงกล้า พลางสรรหาเหตุผลที่ดีมารองรับ
“โอลัวร์เคยบอกว่า เราไม่ควรใช้มาตรฐานทั่วไปในการตัดสินอัจฉริยะ เช่นนั้นแล้ว จำเป็นต้องเป็นมนุษย์ด้วยหรือ? เป็นสัตว์ประหลาดมิได้หรือ?”
เด็กหนุ่มตัดสินใจไม่ล่ามนุษย์บะหมี่จนกว่าจะชำนาญท่าเต้น และจะแอบมาดูคืนละหลายๆ รอบ เพื่อให้ช่ำชองโดยเร็ว
แน่นอน ตอนนี้เขาคิดจะให้อีกฝ่ายเป็นหนูทดลองไปก่อน
เด็กหนุ่มอยากทราบว่า ‘ความพิเศษ’ ที่เปิดใช้งานไม่สมบูรณ์จะส่งผลแบบใดกับสัตว์ประหลาด
ลูเมี่ยนคิดไวทำไว ไม่ติดกระดุมเสื้อกลับ เพียงปล่อยหน้าอกฝั่งซ้ายเปลือยไว้ กระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง ลงจากซากอาคารไปยังทุ่งร้าง
การเต้นของมนุษย์บะหมี่ชะงักไปทันที
มันเริ่มสั่น
ทันใดนั้นก็หันมาหาลูเมี่ยน ก้มลงกราบ ลำตัวแนบไปกับพื้น
ลูเมี่ยนพลันชะงักฝีเท้า ไม่คิดจะเข้าไปใกล้กว่านี้ เพียงรักษาระยะห่างที่ปลอดภัย
มนุษย์บะหมี่ไม่เคลื่อนไหวอีกเลย
เด็กหนุ่มผงกหัวรับ พูดกับตัวเองในใจ
“ถึงจะเจอกับความพิเศษที่ถูกกระตุ้นอย่างครึ่งๆ กลางๆ แต่สัตว์ประหลาดระดับต่ำก็จะเลิกต่อต้านทันที ศิโรราบโดยไม่ขัดขืน…”
“ไม่รู้ว่าพวกสัตว์ประหลาดระดับสูงหรือพวกที่มีตะกอนพลังจะตอบสนองยังไง…”
“แต่ที่มั่นใจก็คือ ผลลัพธ์ไม่มีทางดีเท่านี้แน่…”
ลูเมี่ยนจ้องมองมนุษย์บะหมี่ พลางแสยะยิ้ม
“นี่! เต้นอีกสิ”
มนุษย์บะหมี่ไม่กล้าเงยหน้า บอกไม่ได้ว่าเข้าใจคำพูดของลูเมี่ยนหรือไม่
เมื่อพูดดีๆ แล้วไม่ได้ผล เด็กหนุ่มกระแทกกระทั้นเสียง
“เร็วเข้า! เต้นให้ปู่ของแกดูหน่อย!”
มนุษย์บะหมี่สั่นเป็นเจ้าเข้า แต่ยังคงอยู่ในท่าหมอบกราบ
สัตว์ประหลาดไม่เข้าใจภาษามนุษย์? แล้วจะคุยกับมันยังไง? ลูเมี่ยนไปต่อไม่ถูก
เด็กหนุ่มเรียนปุ๊บใช้ปั๊บ เปล่งคำเป็นภาษาเฮอร์มิสที่เพิ่งเชี่ยวชาญได้ไม่กี่คำ
“ตัวข้า…”
“ต้องการ…”
ลูเมี่ยนพูดต่อไม่ถูก จึงเริ่มเต้นแทนเป็นตัวอย่างแทน
แต่สัตว์ประหลาดก็ไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมามอง ยังคงกดตัวแนบติดพื้น
“แกเป็นไอ้ทึ่มหรือไง…” ลูเมี่ยนอดสบถด่าไม่ได้
เด็กหนุ่มทราบดีว่าคำสบถของตนไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย เพราะสัตว์ประหลาดทั้งหมดที่พบเจอมาก่อนหน้านี้ มีตัวไหนไม่โง่บ้าง?
กระทั่งสัตว์ประหลาดปืนล่าสัตว์ที่มีกึ๋นการต่อสู้ก็ยังต้องพ่ายแพ้ให้กับสติปัญญาของมนุษย์!
ทันใดนั้น ลูเมี่ยนพลันพบว่าความร้อนรุ่มในทรวงอกเลือนหายไป
เด็กหนุ่มก้มหัวลง และเห็นสัญลักษณ์หนามกับสัญลักษณ์สีดำอมเขียวเลือนหายไปพร้อมกัน
แทบจะในทันที เขาเงยหน้ามองมนุษย์บะหมี่
อีกฝ่ายก็เงยหน้าเช่นกัน จ้องกลับมาด้วยตาที่อยู่ตรงจมูก
หนึ่งคนหนึ่งสัตว์ประหลาดประสานสายตา ฉันเห็นแก แกเห็นฉัน ทั้งสองตะลึงงันไปชั่วขณะ
ตึกตึกตึก! ลูเมี่ยนหันหลังกลับ สับเต็มฝีเท้า
มนุษย์บะหมี่กระโดดพรวดขึ้นมา ไล่ล่าอย่างดุร้าย
ลูเมี่ยนคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมแถบนี้ดี อีกทั้งยังวิ่งได้ไวกว่าสัตว์ประหลาดที่มีขาสลับแขนจนไม่ประสานกัน ไม่นานก็หนีพ้น แล้วอ้อมกลับไปยังทุ่งรกร้างที่เก่า ซ่อนตัวอยู่ในตำแหน่งเดิม
เด็กหนุ่มมิได้หนีเพราะกลัว แต่กังวลว่าถ้าเกิดการต่อสู้ ตนอาจยั้งมือไว้ไม่อยู่ และไม่รู้ว่าจะหามนุษย์บะหมี่นักเต้นตัวอื่นๆ ในซากปรักหักพังได้อีกไหม
ก่อนที่จะได้เรียนรู้ท่าเต้นพิศวงนั่น เขาไม่คิดจะล่ามัน
รอคอยอยู่สักพัก ลูเมี่ยนเห็นมนุษย์บะหมี่เดินย้อนกลับมาที่บริเวณเดิม
เขาพยักหน้า พึมพำกับตัวเองเสียงค่อย
“อย่างที่คิด สัตว์ประหลาดจะมี ‘อาณาเขต’ ของตัวเอง ชอบเคลื่อนไหวในบางสถานที่หรือลาดตระเวนเส้นทางที่ถนัด…”
“ยังกับสัตว์ป่าไม่มีผิด…”
ถัดมา ลูเมี่ยนรอคอยการเต้นรำที่อาจจะเกิดหรือไม่เกิดอย่างใจเย็น
ผ่านไปเกือบสองชั่วโมง เด็กหนุ่มสูญเสียพลังวิญญาณไปมาก เริ่มรู้สึกหิวแล้ว
มนุษย์บะหมี่ที่พักผ่อนจนเต็มอิ่มเดินกลับไปยังใจกลางทุ่งรกร้างอีกครั้ง ยกแขนและขาขึ้น
…………………………………………………….