ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 495 จัดสรร
ตอนที่ 495 จัดสรร
…………….
ถนนเสื้อนอกขาว บ้านเลขที่ 3 อพาร์ตเมนต์ 601
ลูเมี่ยน ฟรังก้า จินนา และอ็องโตนี มองชุดเกราะเต็มตัวสีเงินที่วางอยู่ตรงหน้า ต่างคนต่างไม่พูดไม่จา
ก่อนจะอ่านข้อมูลของมัน ภาพจำของพวกเขาคือ สมบัติปิดผนึกชิ้นนี้ทั้งแข็งแกร่งและทรงพลัง ‘พายุแสง’ แม้จะดำรงอยู่ไม่นาน แต่ก็เป็นอาวุธสังหารอย่างแท้จริง กระทั่งลำดับ 5 ‘ยมทูต’ อย่างการ์ดเนอร์·มาร์ติน ก็ยังเต็มใจสละสมบัติวิเศษอื่นๆ เพื่อสวมใส่มัน แต่หลังจากได้อ่านข้อมูลโดยละเอียดแล้ว ท่าทีแรกของพวกเขาทุกคนคือ การถอยให้ห่างจากชุดเกราะนามว่า ‘อหังการ’ นี้
บนเอกสารสมบัติปิดผนึก มีคำเตือนเขียนด้วยหมึกสีแดงว่า
“สำหรับคำสาปแห่งการทรยศ รากเหง้าเกิดจากความเกลียดชังและความเจ็บแค้นขณะเทพร่วงหล่น แม้แต่เทวทูตก็ยังไม่อาจหลีกเลี่ยง อย่างมากก็แค่บรรเทาผลข้างเคียงเชิงลบได้บ้าง วิธีแก้ไขเพียงอย่างเดียวคือ ทำลายชุดเกราะตัวนี้ให้แตกละเอียด เพื่อคืนสู่สภาพตะกอนพลังบริสุทธิ์ แต่เมื่อเป็นเช่นนั้น มันก็จะสูญเสียความพิเศษไป เช่น การใช้ ‘พายุแสง’ สองครั้งภายในระยะห่างไม่ถึงสองนาที และหากผู้วิเศษเลื่อนลำดับด้วยโอสถที่ปรุงจากตะกอนพลังดังกล่าว ก็จะได้รับอิทธิพล ‘ถูกทรยศ’ ติดตัวเป็นเวลานาน แต่อยู่ในขอบเขตสมเหตุสมผล โดยจะไม่รุนแรงเกินไปนัก”
เมื่อนึกถึงภาพการตายของการ์ดเนอร์·มาร์ติน ฟรังก้า ผู้เดิมคิดว่าคำอธิบายในเอกสารฟังดูเกินจริงไปหน่อย เริ่มประหวั่นพรั่นพรึงอย่างบอกไม่ถูก เชื่อว่าคำสาปแห่งการทรยศ อาจน่ากลัวยิ่งกว่าความเข้าใจของตน
ลูเมี่ยนมองฟรังก้า อ็องโตนี และจินนาทีละคน พบว่าไม่มีใครอยากได้ส่วนแบ่งชิ้นนี้
เด็กหนุ่มยิ้มแล้วพูด
“ผมขอเลือกก่อน”
พูดจบ เขาก็ชี้ไปยังมรดกของการ์ดเนอร์·มาร์ตินบนโต๊ะกาแฟ
“ผมขอ ‘ยมทูต’”
ตะกอนพลังได้ผสานเข้ากับนิ้วมือศพ กลายเป็นวัตถุรูปมีดกระดูกขาว ใบมีดคมกริบ เปล่งประกายเย็นเยียบ ผู้ถือต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง จึงจะไม่บาดตัวเอง
จากนั้น ลูเมี่ยนเหลือบมองขลุ่ยกระดูกสีดำจากนายพลฟิลิป
“ผมจะใช้ตะกอนพลัง ‘นักสะกดจิต’ บวกกับเข็มกลัด ‘มีหน้ามีตา’ แลกกับอันนี้ ยังไงพวกคุณก็ใช้มันไม่ได้อยู่แล้ว”
ตามข้อมูลในเอกสารของมาดามเมจิกเชี่ยน ขลุ่ยกระดูกเลานี้แม้จะทรงพลังมาก พิเศษมาก แต่จะมอบโชคร้ายประเภทเลือดตกยางออกให้แก่ผู้ใช้งาน หรืออาจถึงตาย ในบรรดาบุคคลตรงนี้ มีเพียงลูเมี่ยนที่ต้านทานผลข้างเคียงเชิงลบนี้ได้ ลดผลกระทบลงได้ ไม่ถึงกับโชคร้ายเกินไป
อันที่จริง หากนายพลฟิลิปไม่ได้เคียดแค้นอย่างแรงกล้าก่อนตาย หาก ‘คำสาปโชคร้าย’ ในขลุ่ยที่ผสานเข้ากับ ‘พร’ ของเส้นทาง ‘ผู้ล่วงลับ’ ไม่รุนแรงถึงระดับนี้ เกรงว่าลูเมี่ยนคงรับมือได้ยากยิ่งกว่า เพราะอย่างไรเสีย ไม่มีใครอยากโชคร้ายตลอดเวลา แม้จะไม่ถึงตาย แต่ก็สร้างความยุ่งยากได้มาก
หากโชคร้ายรุนแรงถึงระดับหนึ่ง ก็ต้องไปวัดพลังกับ ‘โชคชะตา’ ของเทอร์มีโพลอส ผู้มีโชคชะตาเชื่อมโยงกับลูเมี่ยนโดยตรง ซึ่งชัดเจนว่าพลังของขลุ่ยกระดูกเลานี้ ยังไม่มากพอต่อการส่งอิทธิพลกับเทวทูต
ตามคำอธิบายของมาดามเมจิกเชี่ยน ขลุ่ยกระดูกที่ลูเมี่ยนตั้งชื่อว่า ‘กลอนดนตรีเคืองแค้น’ มีพลังสามชนิด
“การเป่าอย่างง่ายๆ จะสร้างเสียงแหลมน่ารำคาญ ที่นอกจากจะสร้างความเสียหายในระดับวิญญาณ จนเป้าหมายวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ และชักกระตุกแล้ว ยังสามารถทำให้ผู้วิเศษที่ร่างกายไม่แข็งแรงมากนัก ประมาณผู้ใหญ่ทั่วไป ได้รับอาการผิดปกติทันที ทั้งตาบอดชั่วคราว ประสาทสัมผัสด้านชา หรือเกิดความเสียหายต่ออวัยวะภายใน”
“บทเพลงที่คล้ายกับดังมาจากห้วงลึกของแม่น้ำโชคชะตา จะส่งผลให้จิตใจหรือร่างกายของศัตรูถูกโจมตีเข้าจุดอ่อน หากใครจิตใจไม่มั่นคงก็จะเกิดอาการคล้าย ‘ก่อโรคประสาท’ ทันที ใครมีปัญหาทางจิต จะเกิดอาการตามความเสี่ยงภายในตัว หากใครมีแรงกระหายมากเกินไป ก็อาจระเบิดปะทุออกมาทันที หากใครมีโรคหรือแผลเก่า มันจะย่ำแย่ลง หากใครไม่ค่อยโชคดีอยู่แล้ว จะกลายเป็นคนดวงซวยสุดขีด แน่นอนว่าผู้เป่าต้องมีความรู้ด้านเครื่องดนตรีพอประมาณ สามารถเป่าขลุ่ยกระดูกได้ ไม่เช่นนั้นจะเป็นเพียงการสร้างเสียงรบกวน มีผลเหมือนกับการเป่าอย่างง่ายๆ”
“ขลุ่ยกระดูกเลานี้มิได้ทนทาน ไม่อาจนำมาใช้ป้องกัน แต่หากจุดใดถูกมันแทงใส่ จุดนั้นจะเหมือนกับจุดอ่อน หรือถ้าแทงเข้าเป้าจุดอ่อนของจริง ศัตรูจะถูกสังหารในทีเดียว หรือไม่ก็ต้องแบกรับโชคชะตาของ ‘การตายทางสังคม’ เป็นเวลานาน”
ฟรังก้าเห็นลูเมี่ยนวางก้อนเจลใส ภายในเต็มไปด้วยฟองอากาศ กับเข็มกลัด ‘มีหน้ามีตา’ รูปดอกสก็อตบรูมลงบนโต๊ะกาแฟ เธอพยักหน้าเล็กน้อยจนแทบไม่สังเกตเห็น
“ยุติธรรมแล้ว”
เมื่อเห็นอ็องโตนีกับจินนาไม่คัดค้าน ลูเมี่ยนจึงหยิบถุงผ้าสีดำเข้มคล้ายถุงเหรียญออกมา แล้วใส่ตะกอนพลัง ‘ยมทูต’ กับขลุ่ยกระดูก ‘กลอนดนตรีเคืองแค้น’ เข้าไป
นี่คือหนึ่งในรางวัลที่แท้จริงจากมาดามเมจิกเชี่ยน
กระเป๋านักเดินทาง
มันเป็นสมบัติวิเศษ แต่ปราศจากตะกอนพลัง สร้างโดยมาดามเมจิกเชี่ยนเอง ภายนอกดูเหมือนใส่เหรียญได้แค่หนึ่งหรือสองร้อยเหรียญ แต่ภายในเป็นอีกมิติหนึ่ง เทียบเท่าอพาร์ตเมนต์ 601 ทั้งห้อง สามารถเก็บของได้มากมาย รวมถึง ‘ชุดเกราะอหังการ’ ด้วย
มาดามเมจิกเชี่ยนยังฝัง ‘ตราผนึก’ บางอย่างลงบนวัตถุชิ้นนี้ด้วย หากนำตะกอนพลังมาเก็บไว้ข้างใน ก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนภาชนะบ่อยๆ อีกทั้งยังบรรเทาผลข้างเคียงเชิงลบของสมบัติวิเศษได้มาก
‘กระเป๋านักเดินทาง’ ต้องลงตราผนึกใหม่และเสริมพลังใหม่ทุกๆ หกเดือน ไม่เช่นนั้นมันจะกลายเป็นกระเป๋าธรรมดา ไม่มีพลังพิเศษอีกต่อไป เมื่อถึงตอนนั้น หากนำสิ่งของด้านในออกมาไม่ทัน พวกมันจะหลงหายไปในโลกวิญญาณ แทบไม่มีโอกาสนำกลับมาได้
ในทำนองเดียวกัน ฟรังก้าก็ได้รับ ‘กระเป๋านักเดินทาง’ เป็นรางวัลด้วย
หลังจากหยิบส่วนของตัวเองไป ลูเมี่ยนมองหน้าอ็องโตนี·รีด ส่งภาษากายบอกให้ ‘นักจิตบำบัด’ รายนี้เลือก
อ็องโตนียิ้มขื่นขม
“ผมมีส่วนร่วมน้อยกว่าใคร ขอเลือกวัตถุดิบหลักของ ‘นักสะกดจิต’ ก้อนนี้ก็พอ ผมรู้สึกว่าปัญหาทางจิตของผมหายเป็นปกติแล้ว คงได้เวลาคิดถึงการเลื่อนลำดับ”
ในการสนทนากับพวกลูเมี่ยน เขามักจะได้ยินคำศัพท์ ได้ยินประโยคแฝงความรู้ศาสตร์เร้นลับอันมีค่าอยู่เป็นประจำ และคอยข่มใจตัวเองไม่ให้ถามออกไป แต่ลำพังการได้ยินได้ฟังบ่อยครั้งเข้า ก็ช่วยให้เขาเข้าใจกฎเกณฑ์ เข้าใจแก่นแท้ที่แต่ก่อนไม่เคยคิดถึง ราวกับประตูสู่โลกใหม่เปิดออกตรงหน้า
“ไม่มีปัญหา” ฟรังก้าไม่ได้ใจกว้างบอกให้อ็องโตนีเลือกอีกชิ้น เพียงหันไปพูดกับจินนา “ฉันเอาเศษกระจกที่เก็บได้จากมาร์ตินตัวปลอม”
มาดามเมจิกเชี่ยนเรียกมันว่า ‘เศษโลกในกระจก’ สิ่งนี้ไม่เพียงเป็นเบาะแสสำหรับสืบสวนสถานะปัจจุบันของ ‘นางมารต้นกำเนิด’ ในภายภาคหน้า แต่มันยังมีความพิเศษในตัวด้วย
หากใช้มันสะท้อนภาพเป้าหมาย จะทำการสร้าง ‘คนในกระจก’ ของอีกฝ่ายออกมา แต่ไม่อาจคัดลอกเป้าหมายผู้ถือครองเทวบารมี และจะดำรงอยู่ไม่เกินห้านาที
‘คนในกระจก’ อันเกิดจากจาก ‘เศษกระจก’ มีสองประเภท หนึ่งคือ ภาพสะท้อนระดับตื้น สามารถสร้างเสร็จในสิบวินาที สองคือ ภาพสะท้อนกลับด้านเชิงลึก ที่ต้องใช้เวลาคัดลอกนานหนึ่งนาที สำหรับประเภทแรก หากเป้าหมายการคัดลอกไม่เคยเปลี่ยนเพศ ก็จะยังคงสถานะเดิมไว้ ฟรังก้ากับลูเมี่ยนเคยเจอกรณีนี้แล้ว แต่คนในกระจกลักษณะนี้จะค่อนข้างอ่อนแอ เทียบเท่าช่วงเวลาหนึ่งในอดีตของต้นแบบเท่านั้น แถมยังไม่มีพลังจำพวก ‘กระจกตัวแทน’ แต่ในกรณีของประเภทหลัง ให้นึกถึงศัตรูที่พวกเขาเพิ่งได้เผชิญในเหตุการณ์ล่าสุด ที่คัดลอกร่างต้นได้เกือบสมบูรณ์แบบ พร้อมทั้งยังมีลักษณะพิเศษ
แน่นอนว่าสำหรับ ‘นางมารสุขสม’ แล้ว มันไม่ค่อยมีประโยชน์ในทางปฏิบัตินัก ในเมื่อใช้กระจกส่องภาพของศัตรูได้แล้ว ไฉนเลยถึงไม่สาปแช่งให้ทุกข์ทรมาน ไยต้องเสียเวลาสร้าง ‘คนในกระจก’ ขึ้นมา?
“คุณเลือกได้อีกชิ้น” ลูเมี่ยนพูดกับฟรังก้า “คุณไม่ต้องถ่อมตัว ในการต่อสู้หลายศึกหลัง คุณมีผลงานเป็นอันดับสองรองจากผม”
“อะไรคือรองจากคุณ?” ฟรังก้าพูดอย่างดูแคลน พร้อมกับเลื่อนเข็มกลัด ‘มีหน้ามีตา’ เข้าหาตัวเองเล็กน้อย
จากส่วนแบ่งที่ยังเหลือ มีเพียงกล่องไม้ใบเล็ก ทาสีเข้ม ทั้งสองฝั่งมีม่านหนังติดอยู่ กับ ‘ชุดเกราะอหังการ’ เท่านั้น จินนาจึงไม่ลังเล เลือกวัตถุที่มีชื่อว่า ‘กล่องมืดของผู้มีอำนาจ’ เป็นของตัวเอง
ตามคำบอกเล่าของลูเมี่ยน เหรียญทองนำโชคของเธอ บัดนี้ยุติการแจกจ่ายโชคลาภแล้ว จะมีผลเฉพาะในบางสถานการณ์พิเศษเท่านั้น เธอจึงไม่คิดว่าตัวเองสามารถต่อต้าน ‘คำสาปแห่งการทรยศ’ ของ ‘ชุดเกราะอหังการ’ ได้ หากยังทำตัวอวดดี ถึงขนาดไม่รู้จักตัวเอง ยังคงหลงระเริงไปกับโชคลาภ ก็ให้ดูบทเรียนเอาจากจุดจบเลือดของการ์ดเนอร์·มาร์ติน
วิธีใช้ ‘กล่องมืดของผู้มีอำนาจ’ คือ นำมือกำสิ่งของมีค่าเอาไว้ แล้วสอดผ่าน ‘ม่าน’ ด้านข้างเข้าไปในกล่องไม้สีเข้ม ส่งมันให้กับบางสิ่งคล้ายฝ่ามือที่ยื่นเข้ามาหา พร้อมทั้งบอกความต้องการของตัวเอง มันสามารถช่วยให้เรื่องซับซ้อนกลายเป็นง่าย เรื่องยากกลายเป็นเรื่องสบาย
แน่นอน ความต้องการต้องชัดเจน ไม่สามารถอธิบายอย่างคลุมเครือหรือกว้างๆ เช่น ไม่สามารถพูดว่า ‘อยากได้ตะกอนพลังสักก้อน’ หรือ ‘อยากได้สมบัติวิเศษสักชิ้น’ แต่ต้องเป็นกรณีอย่าง ผู้ใช้ทราบพิกัดของตะกอนพลังหรือสมบัติวิเศษอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่สามารถค้าขายกับเจ้าของ จึงค่อยทำการร้องขอ ผลลัพธ์อาจทำให้ผู้ขายเปลี่ยนใจ อีกทั้งยังมีโอกาสได้ส่วนลดในอัตราสูง
การใช้ ‘อำนาจมืด’ ทำนองนี้ สามารถประยุกต์ใช้ได้หลายรูปแบบ แม้กระทั่งทำให้คนสองคน ที่เกลียดชังกันอย่างแรงกล้า สามารถบรรลุข้อตกลงผ่านการจับมือกันในกล่อง แต่ในความเป็นจริง พวกเขาไม่ได้จับมือกับอีกฝ่ายโดยตรง
‘กล่องมืดของผู้มีอำนาจ’ คือมรดกของพลังแห่งพร ปราศจากตะกอนพลัง สามารถใช้ได้อีกเพียงเก้าครั้ง ผลข้างเคียงคือ ทุกครั้งหลังจากใช้งาน มีโอกาสเผชิญหน้ากับข้อเสนอของสิ่งมีชีวิตชั่วร้าย เช่นปีศาจ
เมื่อเห็นจินนาเก็บ ‘กล่องมืดของผู้มีอำนาจ’ ไป ฟรังก้าก็ยิ้มแล้วพูด
“ฉันอยากใช้เข็มกลัด ‘มีหน้ามีตา’ แลกกับเทวรูปสีดำของ ‘นางมารต้นกำเนิด’ นั่น หรือจะแลกด้วยหนี้ที่เธอติดค้างอยู่ก็ได้”
ตามความเห็นของมาดามจัดจ์เมนต์ เธอตั้งใจจะนำเทวรูปพิเศษนี้ไปลองทดสอบท่าทีของนิกายนางมาร และแลกรับเป็นรางวัล
“ต…แต่นี่คือส่วนแบ่งของทุกคน” จินนาตอบอย่างงุนงง
ฟรังก้าพูดยิ้มๆ
“ผิดแล้ว มันเป็นของเธอ เพราะในตอนนั้น นอกจากเธอ ผู้พกเหรียญทองนำโชค ก็ไม่มีใครหยิบมันได้แล้ว ดังนั้นมันจึงเป็นของเธอ”
“หรือก็คือ นี่เป็นผลจาก ‘โชค’ ของเธอเอง”
จินนาหันไปมองลูเมี่ยนกับอ็องโตนีทีละคน เห็นพวกเขาพยักหน้ารับ เป็นนัยว่าเห็นด้วย เธอจึงพึมพำ
“บัดซบ! พวกคุณกำลังทำให้ฉันอายนะ…งั้นขอเข็มกลัด ‘มีหน้ามีตา’ ก็แล้วกัน ส่วนหนี้ติดค้าง ต้องจ่ายคืนด้วยตัวเอง มันถึงจะมีความหมาย”
เธอพูดพลางส่งเทวรูปสีดำของ ‘นางมารต้นกำเนิด’ ให้ฟรังก้า ส่วนตัวเองก็เก็บเข็มกลัด ‘มีหน้ามีตา’ ที่แกะสลักเป็นรูปดอกสก็อตบรูมไว้
สุดท้าย ทุกคนก็หันไปมอง ‘ชุดเกราะอหังการ’ สีเงิน พลางตกอยู่ในภวังค์เงียบสงัดอีกครั้ง
ผ่านไปสักพัก ฟรังก้าก็โพล่งขึ้นมา
“ชาร์ล คุณเก็บไว้สิ ถือว่าเป็นของส่วนกลาง ใครๆ ก็นำไปใช้ได้”
“ตอนนี้มีแค่ฉันกับคุณที่พกพามันได้สะดวก ในเมื่อคุณกำลังจะไปท่าเรือซานตา ในแคว้นกายาของอาณาจักรเฟเนพ็อต และไม่อาจยืม ‘กระจกตัวแทน’ ของฉันได้อีก ในช่วงเวลาสำคัญ ชุดเกราะตัวนี้อาจมีประโยชน์ก็ได้”
ลูเมี่ยนได้ตัดสินใจแล้วว่า จะเดินทางไปยังท่าเรือซานตา ในแคว้นกายาของอาณาจักรเฟเนพ็อต เพื่อสืบสวนพิธีบูชาทะเล ตามหาร่องรอยสมาชิกหลักของ ‘วันเอพริลฟูล’ อย่าง ‘กวีเร่ร่อน’ กับ ‘อุลตร้าแมน’
…………………………………………………….